บทที่ 118 : สร้างอำนาจ (1)
หัวใจของเหล่าผู้เฝ้ามองกระตุก
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเด็กหนุ่มที่มีพลังเพียงขั้นแปดของขอบเขตแห่งการรวบรวมจะสามารถมีความเร็วและการเคลื่อนไหวที่เชี่ยวชาญเช่นนี้ได้
ย่างก้าวหมอกผันแปรนั้นเป็นวิชาอรรธเซียน ทว่าจ้าวเฟิงนั้นได้ฝึกมันจนกระทั่งเข้าสู่ขั้นสุดยอด มันเป็นสิ่งที่หายากกระทั่งในสำนักสำหรับผู้ที่ฝึกวิชาอรรธเซียนจนเข้าขั้นสุดยอด
นอกจากนั้น มันยังหลอมรวมไปด้วยกระบวนท่าลมเคลื่อนซึ่งเพิ่มความสามารถของมันขึ้นไปอีกอย่างน้อยครึ่งระดับ
กระทั่งอี้เฟิงอวิ๋นก็ยังผวาไป
ดรรชนีดารา!
ปลายนิ้วของจ้าวเฟิงพลันพุ่งเส้นแสงออกมามุ่งตรงไปยังร่างของคู่ต่อสู้
“กังหันทำลายล้าง!”
อี้เฟิงอวิ๋นตวาดลั่นพร้อมกับแสงสีฟ้าซีดที่หมุนในร่างเขาราวกับกังหัน จากนั้นมันจึงปรากฏขึ้นนอกกายเขาและก่อตัวขึ้นเป็นพายุรอบกาย
ตูม!
เสียงระเบิดทึบดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งกระจายขึ้นในอากาศ ผู้ชมเบื้องล่างกลั้นลมหายใจขณะที่เพ่งความสนใจขึ้นไปบนเวที
ภายใต้ฝุ่นฟุ้งนั้น ร่างร่างหนึ่งราวกบภูเขาที่ยืนหยัดนิ่งงัน
วิ้ว
ร่างของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งถูกดันออกไปนับสิบฟุตในอากาศก่อนที่เขาจะหมุนตัวพลิ้วกายลงบนพื้นดินอีกครั้ง
“เป็นพลังภายในที่น่าสะพรึงอันใดเช่นนี้!”
ความประหลาดใจแล่นวูบผ่านดวงตาของจ้าวเฟิงขณะที่เขาร่อนลงบนพื้น แม้ว่าเด็กหนุ่มจะยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ของเขา ความสามารถของอี้เฟิงอวิ๋นก็เหนือกว่าที่เขาคาดอยู่ดี
พลังภายในของขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณนั้นเหนือกว่าขั้นเก้ามากนัก พลังภายในจำนวนมหาศาลถูกควบรวมเข้าหากัน
จ้าวเฟิงนั้นมีพลังเพียงขั้นแปดของขอบเขตแห่งการรวบรวม หากไม่เป็นเพราะวิชากำแพงเงินของเขาเข้าสู่ขั้นสุดยอดของระดับแปดและร่างกายของเขาแข็งแกร่ง กระบวนท่าก่อนหน้าคงสร้างอาการบาดเจ็บให้เขาแล้ว
บนเวที
อี้เฟิงอวิ๋นยืนนิ่งที่จุดเดิมพร้อมกับแสยะยิ้มเย็น
“ไอ้เด็กเหลือขอสกุลจ้าว เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคาดเล็กน้อย แต่หากนี่เป็นพลังทั้งหมดของเจ้า เช่นนั้นเจ้าย่อมไม่มีแม้แต่สิทธิที่จะหยิบรองเท้าของข้า!”
อัตราการหายใจของจ้าวเฟิงเร็วขึ้นพร้อมกับดวงตาที่หรี่ลง…
ฟู่ววว
ศิษย์สายนอกด้านล่างพ่นลมหายใจยาวเหยียด ทว่าความตื่นตะลึงก็ยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้า การปะทะก่อนหน้านั้นรวดเร็วเกินไป
ความเร็วของจ้าวเฟิงนั้นเหนือกว่าความคาดหมายของทุกคน และมันได้เข้าสู่ขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณ
ความประหลาดใจฉายชัดบนใบหน้าของเซี่ยวซุนและอวิ๋นเมิงเซียง บางที เพียงแค่บางที จ้าวเฟิงอาจมีไพ่ลับอยู่ในมือซึ่งทำให้เขามีความมั่นใจว่าจะชนะ
ขณะที่ฝูงชนพ่นลมหายใจออกมา สถานการณ์พลันแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ร่างสายลมกราดเกรี้ยว! กังหันเมฆา!
พลังภายในที่แข็งแกร่งรุนแรงแผ่พุ่งออกมาพร้อมกับรวมตัวกันกลายเป็นกังหันลมอันหนึ่งก่อนที่มันจะพุ่งเข้าหาร่างของจ้าวเฟิงราวกับมังกร
ในตอนนั้นเอง แทบไม่มีผู้ใดที่เห็นว่าร่างของอี้เฟิงอวิ๋นอยู่ที่ใด เขาได้หลอมรวมวิชามนุษย์ร่างสายลมกราดเกรี้ยวเข้ากับลักษณ์กังหันของเขา วิชามนุษย์ระดับต่ำทั้งสองได้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน พลังและความเร็วของมันนั้นได้เข้าสู่จุดสุดยอดของขอบเขตแห่งการรวบรวม
“การหลอมรวมอย่างสมบูรณ์แบบของพลังและความเร็ว นับว่าอี้เฟิงอวิ๋นมีสิทธิที่จะเย่อหยิ่งโดยแท้!” ศิษย์สายนอกด้านล่างอุทานออกมา
ภายใต้กระบวนท่ารุนแรงนั้น จ้าวเฟิงรู้สึกราวกับว่าเขานั้นเป็นใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิว
กำแพงเงินหยัดทระนง!
ร่างที่ส่องแสงสีเงินราวกับกำแพงที่ฝังลึกลงในพื้นดิน การโจมตีแรกนั้นไม่อาจทำลายพลังป้องกันของจ้าวเฟิงได้เมื่อพลังป้องกันและความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มนั้นเหนือกว่าที่คาด
กำแพงเงินนั้นเป็นหนึ่งในวิชามนุษย์ระดับต่ำที่ยอดเยี่ยมที่สุด และเคล็ดลมหายใจหวนของจ้าวเฟิงก็ได้ทำให้พลังภายในของเขามีปริมาณมากกว่าผู้ที่อยู่ในขั้นเดียวกัน ทั้งมันยังมีความสามารถในการสลายพลังภายในของผู้อื่นอีกด้วย
แน่นอนว่าความแตกต่างของพลังฝึกตนนั้นก็ไม่อาจมองเมินได้
หากสิ่งที่เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวทำทั้งหมดมีเพียงแค่การป้องกัน เขาก็จะถูกเอาชนะโดยคู่ต่อสู้ได้ในที่สุด
กังหันเมฆา!
กระบวนท่าของอี้เฟิงอวิ๋นเริ่มที่จะผลักดันร่างของคู่ต่อสู้ให้ร่นถอย
ม่านป้องกันวายุเงิน!
แสงสีเงินจางปรากฏขึ้นบนร่างของจ้าวเฟิงพร้อมกับที่เด็กหนุ่มส่งกลิ่นอายแข็งแกร่งลึกล้ำออกมา
เสียง ‘เปรี้ยง’ ดังสนั่นพร้อมกับที่ม่านป้องกันสีเงินนั้นกระเพื่อมและไม่มั่นคง ทว่ามันก็ยังสามารถป้องกันกังหันเมฆาของอี้เฟิงอวิ๋นได้
อี้เฟิงอวิ๋นเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ทว่าไม่อาจกดอีกฝ่ายให้ต่ำกว่าได้ดังที่คิด
กระบวนท่าลมเคลื่อน! กระบวนท่าวายุกรรโชก! ดรรชนีชี้ดารา!
จ้าวเฟิงพลันตอบโต้พร้อมกับใช้กระบวนท่าลมเคลื่อนและกระบวนท่าวายุกรรโชกพร้อมกันในครั้งเดียว
เขาใช้กระบวนท่าลมเคลื่อนเพราะมันจะช่วยเพิ่มความเร็วในการโจมตีของเขา ทำให้ไล่ตามความเร็วของคู่ต่อสู้ทัน
กระบวนท่าวายุกรรโชกนั้นเด็กหนุ่มเข้าใจไปกว่าเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนแล้ว มากกว่าเดิมถึงสองส่วน ทว่ามันไม่ใช่ส่วนที่น่าสะพรึงที่สุด ดรรชนีชี้ดาราจึงเป็นสิ่งที่น่าผวาอย่างแท้จริง
ดรรชนีดาราของเด็กหนุ่มนั้นได้เข้าสู่ระดับเจ็ดซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดแล้ว
ดรรชนีนี้ราวกับอุกกาบาตหลังจากหลอมรวมกับกระบวนท่าวายุกรรโชก
ตูมมมม!
นิ้วของจ้าวเฟิงพุ่งทะลุการป้องกันของคู่ต่อสู้และทำให้อีกฝ่ายสูญเสียความเยือกเย็นพร้อมกับต้องล่าถอย
นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเฟิงบีบบังคับให้อี้เฟิงอวิ๋นต้องล่าถอย
“อี้เฟิงอวิ๋นถูกบังคับให้ถอย!”
ความเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความตื่นตะลึงให้เหล่าศิษย์สายนอก
ขณะที่ล่าถอยนั้น อี้เฟิงอวิ๋นฝืนโคจรพลังภายในของเขาพร้อมกับพยายามตอบโต้ ทว่ามันกลับทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงและปรากฏช่องว่างขึ้น
ดวงตาซ้ายที่แหลมคมของจ้าวเฟิงสังเกตเห็นมันและพลันใช้ดรรชนีดาราของเขาออกในทันที
ในตอนนี้ ดรรชนีดาราได้เข้าสู่ขั้นเหนือกว่าของความเร็วและพลังโจมตีที่มากที่สุดของมันไปแล้ว
ดรรชนีดารานั้นเป็นวิชาระดับสุดยอดที่พลังสามารถเทียบเท่าได้กับวิชาอรรธมนุษย์ระดับต่ำได้ และเมื่อฝึกฝนจนเข้าสู่ระดับเจ็ด มันสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนขั้นเก้าได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ ไม่ใช่ในสำนัก ทว่ามันก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความทรงพลังของวิชานี้ จ้าวเฟิงยังได้หลอมรวมกระบวนท่าวายุกรรโชกเข้าไปในดรรชนีดาราอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้พลังโจมตีของมันเข้าสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง
กระบวนท่าวายุกรรโชก! ดรรชนีดารา!
จ้าวเฟิงโจมตีอย่างต่อเนื่องขณะที่เขายังคงได้เปรียบ เด็กหนุ่มพุ่งเป้าไปยังช่องว่างของคู่ต่อสู้ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้หลมอรวมกระบวนท่าวายุกรรโชกเข้ากับดรรชนีดาราซึ่งทำให้การโจมตีของเขานั้นรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
“ไอ้เด็กเวรนี่จำกัดพลังของตัวเองไว้ก่อนหน้า…”
อี้เฟิงอวิ๋นตื่นตะลึงและกราดเกรี้ยวในขณะเดียวกัน ไม่เพียงแค่เขาไม่อาจตอบโต้ได้ เขากระทั่งเสียเปรียบกว่าก่อนหน้า
เขาถูกผลักให้ล่าถอยโดยอีกฝ่ายก่อนหน้า ทว่าเขาไม่ต้องการที่จะถอย ดังนั้นจึงพยายามที่จะเปลี่ยนสถานการณ์โดยใช้พลังฝึกตนของเขาเป็นข้อได้เปรียบ ทว่าผลลัพธ์นั้นคือการโจมตีของอีกฝ่ายกลายเป็นยิ่งรุนแรงและจับทุกช่องว่างเล็กๆ ที่เขาสร้างขึ้นได้
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
บนเวทีนั้น ร่างโทรมๆ ของอี้เฟิงอวิ๋นถูกผลักดันให้ล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
ภาพนั้นทำให้เหล่าศิษย์สายนอกมองไปด้วยความตื่นตะลึง
“เกิดอันใดขึ้น!? อี้เฟิงอวิ๋นเสียเปรียบรึ!”
สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังร่างที่ล่าถอยของอี้เฟิงอวิ๋น
ไม่เพียงแค่เหล่าศิษย์สายนอกที่นิ่งอึ้ง ประกายความประหลาดใจแล่นวาบผ่านดวงตาของผู้คุมกฎชิว เหล่าศิษย์ใหม่เช่นเซี่ยวซุน อวิ๋นเมิงเซียง หลิวเยว่เอ๋อร์และคนอื่นๆ นั้นต่างแข็งเป็นหินไป
แน่นอนว่าในฐานะของว่าที่ศิษย์สายในอันดับที่สิบสาม ท่าไม้ตายของอี้เฟิงอวิ๋นย่อมไม่ใช่ธรรมดาจนกระทั่งสามารถถูกผลักดันโดยใครบางคนที่ขั้นแปดในขอบเขตแห่งการรวบรวมได้
“ระเบิดกังหัน!”
พลังภายในที่ทรงพลังแผ่พุ่งออกจากร่างของอี้เฟิงอวิ๋น มันหมุนวนอย่างกราดเกรี้ยวจากนั้นจึงควบรวมกันและระเบิดออก
ตูมมมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นดังขึ้นพร้อมกับแรงกระแทกที่พุ่งออกไปเป็นรัศมีกว่ายี่สิบเมตร
หลุมใหญ่ปรากฏขึ้นบนหินสีดำสนิทซึ่งแข็งแกร่งกว่าโลหะปกติหลายเท่า
ร่างทั้งสองผงะถอยออกจากกันอย่างฉับพลันหลังการปะทะ
ปึก!
จ้าวเฟิงพลิกตัวกลางอากาศก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้น หอบหายใจ
ห่างออกไป ร่างของอี้เฟิงอวิ๋นก็ยืนอยู่บนพื้นพร้อมกับหน้าอกที่ขยับขึ้นลงเล็กๆ รูจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นบนเสื้อของเขา
“พลังในการต่อสู้ของไอ้เด็กนี่น่าสะพรึงนัก!”
“ดูเหมือนว่าอี้เฟิงอวิ๋นจะไม่ได้ได้เปรียบแม้แต่น้อย”
เหล่าผู้ชมพลันส่งเสียงพูดคุยกันขึ้น
เดี๋ยว!
ศิษย์ในขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณผู้หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ
“แม้ว่าความเร็วและพลังโจมตีของจ้าวเฟิงจะแข็งแกร่ง แต่เหตุใดเขาจึงไม่บาดเจ็บกัน? ความเป็นไปได้เพียงประการเดียวคือ…”
ผู้ที่เอ่ยขึ้นนั้นคือว่าที่ศิษย์สายในที่ถูกท้าประลองก่อนหน้า ‘เซี่ยอวิ๋นตง’
จากคำเตือนของเขา ทำให้หลายคนตระหนักถึงสิ่งนี้เช่นกัน
“เว้นเสียแต่… วิชาเสริมกายาของจ้าวเฟิงจะถึงระดับที่สามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนขั้นเก้าได้…”
หวังหยางที่เป็นผู้ท้าประลองเซี่ยอวิ๋นตงเอ่ย
“ถูกแล้ว! เขาให้ความสนใจในวิชาเสริมกายาเสียส่วนมาก และเขาได้เข้าสู่ระดับที่ใกล้เคียงกับโฮวหยวน นี่ทำให้เขาสามารถที่จะต่อกรกับผู้ที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ…” เซี่ยอวิ๋นตงเอ่ยอย่างมั่นใจ
ศิษย์ขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณสองคนได้ค้นพบหนึ่งในไพ่ลับของจ้าวเฟิง
ยิ่งคนผู้หนึ่งฝึกวิชาเสริมกายาเข้าสู่ขั้นสูงเท่าใด มันก็ยิ่งยากในการทะลวงขั้นมากขึ้นเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่หายากอย่างมากสำหรับคนผู้หนึ่งที่จะฝึกวิชาเสริมกายามนุษย์สู่ระดับที่สามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนขั้นเก้าได้
ในบรรดายี่สิบอันดับแรกของศิษย์สายนอก มีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่มีร่างกายเช่นนี้ และในทั้งสามนั้น ร่างของโฮวหยวนแข็งแกร่งที่สุด เพียงแค่กล้ามเนื้อของเขาก็สามารถเอาชนะผู้ฝึกตนขั้นเก้าและตอบโต้ผู้ฝึกตนขั้นสุดยอดของขั้นเก้าได้
“มันจบลงตรงนี้แหละ! ข้าใช้พลังเพียงแค่เจ็ดส่วนก่อนหน้า จากนี้เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับการเอาคืนของข้า!”
ประกายแสงเย็นเยียบส่องประกายในแววตาของอี้เฟิงอวิ๋นพร้อมกับที่เขาปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังออกมา กลิ่นอายนั้นทำให้สายลมส่งเสียงกรีดร้อง กลิ่นอายที่ใกล้เคียงกับขอบเขตก่อกำเนิดปราณยิ่งนัก!
สีหน้าของจ้าวเฟิงกลายเป็นเคร่งเครียด ทุกคนล้วนรู้ว่าอี้เฟิงอวิ๋นเอาจริงอย่างมากแล้วในตอนนี้
“ฝ่ามือกังหันผ่าธารา!”
แสงสีฟ้าที่ควบรวมกันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของอี้เฟิงอวิ๋นและหมุนวนด้วยความเร็วสูง เมื่อฝ่ามือนั้นถูกดันออก กระทั่งอากาศก็ส่งเสียงเสียดสีออกมา
ฝ่ามือนั้นราวกับสามารถที่จะผ่าแม่น้ำและพลิกเมฆาได้
“โอ้ สวรรค์! เขาฝึกกระบวนท่านั่นแล้ว! เมื่อ ‘คู่มือกังหัน’ ของคนผู้หนึ่งต้องเข้าใกล้ระดับสิบอย่างมากเพื่อที่จะควบคุมกระบวนท่านี้!” สีหน้าของเซี่ยอวิ๋นตงแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง