Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 201

ตอนที่ 201

เต้าจื่อ สู้!

นี่ก็เป็นการสังหารที่ไม่เห็นโลหิตด้วยเช่นกั เนื่องจากโลหิตที่ไหลออกมา ได้ถูกชะล้างโดยสายฝนที่ตกลงมาในทันทีการทำความสะอาดโดยธรรมชาติของสายฝน ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกมีความสุขที่ได้ต่อสู้ท่ามกลางสายฝนเช่นนี้เขาไม่ยอมสูญเสียพลังลมปราณในการผลักให้สายฝนออกห่างไปจากตัว

เขาปล่อยมือออกช้าๆ จากนั้นก็หมุนตัวไป น้ำฝนไหลลงมาจากคางและเส้นผมของเขาเสื้อผ้าเปียกโชกไปทั้งตัว สายฟ้าแวบขึ้นในความมืดยามราตรี และเมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะกระจายกลิ่นอายของอสูรออกมา

ศิษย์สำนักชิงหลัวที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตกตะลึง พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ไม่ใช่มองอย่างดูถูก แต่มองด้วยความตั้งอกตั้งใจ

เต้าจื่อสำนักชิงหลัว โจวเจี๋ย มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่หดเล็กลง มันไม่ได้โจมตีแต่ถือธูปนั้นไว้ต่อไป กลุ่มควันลอยขึ้นมา และเชื่อมต่อกันในกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

“สังหารคนผู้นี้ให้ได้”

มันกล่าว เสียงเย็นชาของมันดังออกมาในความมืด คืนที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง

มีผู้ฝึกตนอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวมากกว่าสิบคน เมื่อได้ยินคำพูดของเต้าจื่อ พวกมันก็เตรียมตัวโจมตีในทันทีวิชาเวท และอาวุธเวทหลากหลาย ก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวในทันทีเสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว นี่คงเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงมากที่สุด เท่าที่เขาเคยเผชิญพบมา ผู้ฝึกตนทั้งหลายนี้ อยู่ในขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณทั้งหมด

อันที่จริง สำนักเล็กๆ ไม่อาจจะสร้างผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับนี้ได้มากมายเช่นนี้ สำนักขนาดกลาง ถึงแม้จะมีได้มาก แต่ก็คงไม่ส่งพวกมันทั้งหมดมาพร้อมเพรียงกัน สำหรับสำนักอื่นๆ ศิษย์ขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณเป็นความโชคดีจากสวรรค์ ถ้าหนึ่งในคนกลุ่มนี้ สามารถบรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ มันก็จะยิ่งช่วยขับเคลื่อนให้สำนักมีความสำคัญมากขึ้น

มีเพียงสำนักยิ่งใหญ่เช่นสำนักชิงหลัวนี้เท่านั้น ที่จะสามารถส่งผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณออกมาได้มากมายขนาดนี้

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ถ้าเขายังไม่ได้สร้างเสาแห่งเต๋าต้นที่ห้า การต่อสู้ครั้งนี้ก็คงเป็นเรื่องยาก และเสี่ยงอันตรายร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้ ด้วยเสาแห่งเต๋าทั้งห้าต้น เขาจึงมีพลังต่อสู้อันไร้เทียมทานของขั้นพื้นฐานลมปราณ จริงๆแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด รองจากขั้นสร้างแกนลมปราณทั่วทั้งดินแดนด้านใต้!

เขาหัวเราะเสียงเย็นชา ขณะที่ศิษย์สำนักชิงหลัวเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นทำท่าคว้าจับอยู่ในอากาศ มังกรเปลวไฟก็ปรากฏ รวมตัวเป็นมังกรปีกวารีมันยังปรากฏตัวไม่สมบูรณ์แต่เมิ่งฮ่าวก็ยืมความร้อนบางส่วนของมัน เปลี่ยนแผ่นผืนสายฝนที่อยู่รอบๆ ตัว ให้กลายเป็นหมอกหนา

ขณะที่กลุ่มหมอกพลุ่งพล่านปั่นป่วน เมิ่งฮ่าวก็ตบไปที่ถุงสมบัติ และกระบี่ไม้สองเล่มก็ลอยออกมา พวกมันหมุนวนเป็นวงกลมรอบตัวเขาชั่วขณะ จากนั้นก็พุ่งออกไป

กลุ่มหมอกเดือดพล่าน ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่บริเวณนั้น ทำให้มองอะไรไม่เห็น ความร้อนในบริเวณนั้นเปลี่ยนสายฝนให้กลายเป็นกลุ่มหมอก เสียงฟ้าร้องดังขึ้น และสายฟ้าก็กระแทกลงมา ทีละคน ทีละคนเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวจนโลหิตแทบแข็งตัวดังออกมา จากภายในกลุ่มหมอกนั้น

เงาร่างเมิ่งฮ่าวแวบไปมาที่ด้านในกลุ่มหมอก นำพาความตายไปด้วย กระบี่ไม้สองเล่มกวาดผ่านไปที่เบื้องหน้าเขา ตัดศีรษะของศิษย์สำนักชิงหลัวลงมา ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจในทันทีก่อนที่จะตกตายไป

เสียงเข่นฆ่าดังออกมา เมิ่งฮ่าวเคลื่อนไหวราวภูติผี เสียงแตกร้าวดังขึ้นจากมือขวาของเขา ขณะที่บดขยี้ผู้ฝึกตนอีกคนหนึ่ง เขาทะยานร่างขึ้นด้านบนเพื่อป้องกันหอกที่พุ่งเข้ามา เสียงระเบิดดังขึ้น ขณะที่ซากศพระเบิดออกเป็นชิ้นๆ เมิ่งฮ่าวเดินตรงไป

เขาโบกสะบัดมือขวา เรียกมีดสายลมออกมา พุ่งตรงไป กรีดเฉือนร่างอีกคนจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษชิ้นส่วนของซากศพพุ่งออกมาจากกลุ่มหมอก และตกลงไปบนพื้น

โจวเจี๋ยขมวดคิ้ว เมื่อมันเห็นเช่นนี้ แต่มันก็ยังคงยึดจับธูปเล่มนั้นไว้กลุ่มควันลอยขึ้นไป รวมตัวกันได้เกือบหกในสิบส่วน

เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจ ดังออกมาจากภายในกลุ่มหมอก ศิษย์สำนักชิงหลัว ร่างของมันถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง เดินกะโผลกกะเผลกออกมา ขณะที่ดูเหมือนว่ามันกำลังจะหลบหนีออกไปได้มือของเมิ่งฮ่าวก็ยื่นออกมา และคว้าจับไปบนศีรษะของมัน เขากดลงไป และผู้ฝึกตนนั้นก็แผดร้องออกมา ใบหน้าเมิ่งฮ่าวโผล่ออกมาจากกลุ่มหมอกในตอนนี้ เขามองไปยังโจวเจี๋ย

โจวเจี๋ยมองกลับมา และขณะที่สายตาของคนทั้งสองประสานกัน เมิ่งฮ่าวก็ยิ้มออกมาและจากนั้นก็หายกลับเข้าไปในกลุ่มหมอก เขาปล่อยมือ และศิษย์สำนักชิงหลัวก็ตกลงไปบนพื้น ตายไป ดวงตาของมันยังคงเบิกกว้าง

โจวเจี๋ย ตัวสั่นสะท้านเมื่อมันมองเห็นเช่นนั้น และใบหน้าก็บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด เสียงแผดร้องก่อนตายจากด้านในกลุ่มหมอก ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงระเบิดดังน้อยลง ทันใดนั้น เงาร่างก็โผล่ออกมาจากกลุ่มหมอก

“ศิษย์พี่โจว, ช่วยข้าด้วย!” หนึ่งในศิษย์สำนักชิงหลัวร้องออกมา แขนขวาของมันถูกตัดขาดไป และความหวาดกลัวก็ปกคลุมไปทั่วใบหน้าของมัน ถึงแม้มันพยายามจะหลบหนีออกมาได้ทั้งตัว คำพูดก็แทบจะไม่ได้ออกมาจากปากของมัน เมื่อมือปีศาจยาวครึ่งจ้างพุ่งออกมาจากกลุ่มหมอก พุ่งมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ไล่กวดตามไปที่มันเพียงชั่วพริบตา

มือนั้นกระแทกไปบนร่างมัน และเสียงระเบิดก็ดังก้องไปทั่วอากาศ ร่างของผู้ฝึกตนนั้นเริ่มสั่นสะท้านและมันเปิดปากเพื่อจะพูดบางอย่าง ก่อนที่มันจะทันได้พูด ร่างของมันก็ระเบิดออก

ในตอนนี้ กลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว กำลังเริ่มจางหายไป เมิ่งฮ่าวเดินออกมา จากการดูที่เสื้อผ้าและผมที่ยาวประบ่า ทำให้ดูเหมือนนักศึกษาที่อ่อนแอ แต่ความเย็นชาในดวงตาของเขา ทำให้โจวเจี๋ยต้องหวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน

ผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณมากกว่าสิบคน…และมีเพียงเมิ่งฮ่าวคนเดียวที่โผล่ออกมา อย่างมีชีวิตโดยปกติสุขจากกลุ่มหมอกนั้น

“วิธีการของเจ้าช่างโหดร้ายนัก” โจวเจี๋ยกล่าว ค่อยๆวางมือลงไปอย่างช้าๆ มันรู้ว่าไม่มีเวลาอีกแล้ว และไม่อาจจะทำอะไรกับธูปนี้ได้อีกต่อไป สำนักชิงหลัวตัดสินผิดพลาดกับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง

อันที่จริง ปรมาจารย์จื่อหลัวได้รับข้อมูลที่เกี่ยวกับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว จากผู้อาวุโสของสำนัก ผู้ซึ่งอยู่ในตระกูลซ่งตอนนี้ มันรู้ว่าพลังของเขาเกินกว่าขั้นกลางพื้นฐานลมปราณและเกือบจะคล้ายกับขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ

แต่ในตอนนี้ โจวเจี๋ยก็รู้ดีว่า พลังต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวไม่อาจเปรียบเทียบได้กับขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ ในความเป็นจริง มันสามารถแผ่กระจายแรงกดดันอันน่ากลัวซึ่งเกินกว่าพลังขั้นสุดท้ายออกมา

หลังจากสังเกตดูอย่างละเอียดเมื่อครู่นี้ โจวเจี๋ยสัมผัสได้ว่า พลังลมปราณของเมิ่งฮ่าวแตกต่างจากคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง มันดูเหมือนพลังลมปราณ แต่ก็ดูเหมือนสิ่งที่เป็นของเมิ่งฮ่าวโดยพิเศษเฉพาะ

กล่าวได้ว่า พลังลมปราณของวิชาเวทซึ่งเมิ่งฮ่าวโจมตีออกมา สุดท้ายแล้วน่าจะกระจายกลับไปยังสวรรค์และปฐพี แต่พลังที่เหลือจากการโจมตีของเมิ่งฮ่าวไม่ได้กระจายหายไป ดูเหมือนพวกมันจะถูกปฏิเสธจากสวรรค์และปฐพี พวกมันเพียงแค่ลอยอยู่ที่นั่น ราวกับน้ำมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ

ดูเหมือนว่าการระเบิดของพลังที่ถูกปฏิเสธของเขา จะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งมากเช่นนี้ โจวเจี๋ยได้ข้อสรุปเหล่านี้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจค้นหาคำตอบของปัญหานั้นได้ความหวาดกลัวเต็มอยู่ในจิตใจของมัน

เนื่องจากการระเบิดเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวอาจจะอยู่ในขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ แต่การกำจัดขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา ราวกับบดขยี้หญ้าแห้ง และทุบตีไม้เน่านั่นคือ…สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน!

พลังลมปราณของเมิ่งฮ่าวแตกต่างออกไป มันเป็นของเขาเพียงคนเดียว พลังลมปราณของคนอื่นๆเป็นของสวรรค์และปฐพี ด้วยการฝึกฝนสูดลมหายใจเข้าออก ผู้ฝึกตนก็จะสามารถยืมมันมาใช้ได้ขึ้นกับขั้นการฝึกตนที่แตกต่างกัน และระยะเวลาที่จะยืมมาใช้แต่พลังลมปราณทั้งหมดนั้น ต้องกลับคืนสู่สวรรค์และปฐพีอีกครั้ง เมื่อตายไป

มันเป็นวงจร เหมือนกับเส้นทางทั้งเก้าที่อยู่เบื้องหน้าชายชราชุดยาวสีเทา ด้านบนสุดของต้นเจี้ยนมู่มันเป็นกฎของสวรรค์และปฐพี

“จริงๆ แล้วข้าไม่ใช่คนโหดร้าย” เมิ่งฮ่าวกล่าวอย่างเฉยชา

“พวกท่านจึงใช่ อันที่จริง ข้าค่อนข้างจะอ่อนโยน แต่การปรากฏตัวของพวกท่านในที่นี้ทำให้เกิดปัญหาขึ้น”

เขาโบกสะบัดมือ ทำให้กลุ่มหมอกที่ด้านหลังจางหายไปโดยสิ้นเชิง สายฝนตกลงมาบนร่างคนทั้งสอง ดูเหมือนจะทำให้แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่สายตาพวกเขาก็จ้องประสานกันและสีหน้าก็เริ่มดุร้ายขึ้น

“ข้าคือโจวเจี๋ย เต้าจื่อแห่งสำนักชิงหลัว!”

โจวเจี๋ยยกมือขึ้น ปรากฏเป็นธูปสีฟ้ายาวประมาณสามฉื่อ (1 ฉื่อ = 1 ฟุต)ธูปนั้นถูกจุดขึ้น และควันก็ลอยขึ้นมา ก่อตัวเป็นรูปกระบี่ซึ่งเปล่งแสงลี้ลับออกมา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นธูปที่ไม่ธรรมดา

“ข้าคือเมิ่งฮ่าว จากแคว้นจ้าว”

เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ มือขวาขยับร่ายเวทอาคมอย่างรวดเร็ว และกระบี่ไม้สองเล่มก็ปรากฏ และหมุนวนไปรอบๆ ตัวเขาอย่างช้าๆ พวกมันเปล่งรังสีกระบี่ออกมา และเสียงหึ่งๆ ก็ดังขึ้น ราวกับว่าพวกมันกำลังกระหายเลือด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวเผชิญหน้ากับเต้าจื่อในการต่อสู้ ครั้งแรกเมื่อเขาสู้กับหลี่เต้าอีและทำให้มันต้องหลบหนีจากไป เขาได้ตัดแขนของมันในการต่อสู้ครั้งนั้น จากนั้นเขาก็เผชิญหน้ากับหลี่ชือฉีและได้แสดงความแข็งแกร่งออกมา ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับโจวเจี๋ย

“ข้ามีเสาแห่งเต๋าสามต้น เมื่อต่อสู้กับหลี่เต้าอี” เมิ่งฮ่าวคิด

“มีสี่ต้น เมื่อเผชิญกับหลี่ชือฉีตอนนี้ข้ามีห้า ข้าจะพิสูจน์ถึงพลังของเสาแห่งเต๋าที่สมบูรณ์ทั้งห้าต้นของข้า ว่าไม่มีใครในขั้นพื้นฐานลมปราณจะเทียบเปรียบได้!”

แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นในดวงตา กระบี่ไม้ทั้งสองเล่มดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความต้องการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าว พวกมันส่งเสียงดังมากยิ่งขึ้น และรังสีกระบี่ก็ส่องสว่างมากขึ้นเช่นเดียวกัน

“เจ้าดูเหมือนหญิงสาวที่ข้าพบ เมื่อข้าท่องเที่ยวไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าไล่ตามนางไป

แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ข้าคิดว่านางไม่ได้แซ่เมิ่ง”

โจวเจี๋ยส่ายหน้า จริงๆแล้ว เมิ่งฮ่าวเป็นคนที่มันคิดว่าสมควรที่จะได้รับความนับถือจากมัน ในความเป็นจริง ท่ามกลางผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ในดินแดนด้านใต้มันเพียงยอมรับนับถือเพียงสิบคน แต่ละคนก็เป็นเต้าจื่อกันทุกคน!

แต่วันนี้ มันได้รับรู้ถึงการคงอยู่ของเมิ่งฮ่าว เมิ่งฮ่าวเป็นคนที่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับเต้าจื่อรุ่นปัจจุบันนี้ได้อย่างเท่าเทียมกัน

แม้ในขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก ร่างของโจวเจี๋ยก็ระเบิดพลังของ วงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นพื้นฐานลมปราณออกมา กระจายเป็นระลอกคลื่นออกไป ทำให้เส้นผมของมันพริ้วไปมา สายฝนที่อยู่รอบๆ ตัวลอยห่างออกไป ราวกับว่าไม่กล้าจะไปแตะต้องตัวมัน ความดุร้ายเต็มอยู่ในดวงตา ขณะที่มันเดินตรงมายังเมิ่งฮ่าว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบแสงขึ้น และเขาก็เริ่มเดินตรงไปด้วยเช่นกัน จิตสัมผัสของเขาพุ่งออกไป สายฝนตกลงมารอบๆ คนทั้งสอง ขณะที่การต่อสู้ของสองสุดยอดพื้นฐานลมปราณกำลังจะเริ่มขึ้น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!