Skip to content

A Will Eternal 27

บทที่ 27 นี่…นี่คือต้นไผ่เหรอ?

ต้นไผ่พวกนั้นแต่ละต้นล้วนหนักอึ้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนแบกมาสิบต้น ทั้งยังต้องขึ้นเขา ต่อให้เป็นเขาเองก็ยังหอบเล็กน้อย ดังนั้นจึงยิ่งให้รู้สึกว่าชีวิตตนเองอนาถนัก

“ข้ามาฝึกบำเพ็ญตนเป็นเซียนก็เพื่อเป็นอมตะ ทำไมต้องให้มาฆ่าฟันกันด้วย”

“อีกอย่างต้นไผ่พวกนี้ของข้าก็เห็นๆ กันอยู่ว่ายังโตได้มากกว่านี้อีก แต่ตอนนี้กลับทำได้แค่เอาไปแลกคะแนนความดี…” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งคิดก็ยิ่งอัดอั้นตันใจ ถอนหายใจติดต่อกัน แบกไผ่เหมันต์วิเศษเดินขึ้นเขาไป

ในเวลานี้ ณ หอเรือนที่ส่งมอบภารกิจของเขาเซียงอวิ๋น ลูกศิษย์ฝ่ายนอกหลายคนล้วนมาที่นี่ หยิบสมุนไพรที่ตนเองปลูกมาเรียบร้อยแล้ว ออกมาส่งมอบภารกิจแลกเอาคะแนนความดี

มีท่านผู้อาวุโสของเขาเซียงอวิ๋นรับผิดชอบตรวจสอบคุณภาพอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ และจะให้คะแนนความดีโดยอิงตามคุณภาพที่ต่างกัน

“ไม่เลว ดอกไอหมอกนี้มีสี่กลีบแล้ว ให้เจ้าระดับคุณภาพปานกลาง”

“โสมลายไม้นี้สีเข้มเกินไป พลังดินสูงเกิน สูญเสียสมดุลไปแล้ว ไม่ผ่านเกณฑ์” บนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งนอกหอเรือน ผู้เฒ่าผมขาวใบหน้าแดงปลั่งคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิ ด้านหน้ามีลูกศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนเข้าแถวรอ แต่ละคนถือพืชวิเศษที่เพาะปลูกมาเดินไปข้างหน้า หลังจากผ่านการตรวจสอบจากท่านผู้เฒ่าแล้ว เด็กที่ยืนอยู่ด้านข้างก็จะเป็นผู้ลงบันทึกแล้วแจกคะแนนคุณความดีให้

กลางอากาศยังมีกลุ่มนกฟ่งเหนี่ยว[1]ที่ทั้งตัวเป็นห้าสีอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง กำลังบินวนรอบอย่างสง่างาม แต่ละตัวล้วนมีขนาดใหญ่หนึ่งจั้งกว่า ส่งเสียงร้องใสกังวานออกมาเป็นระลอกตลอดเวลา

นกฟ่งเหนี่ยวเหล่านี้ก็คือสัตว์เลี้ยงวิเศษส่วนตัวของท่านผู้เฒ่า ทุกครั้งที่วันส่งมอบพืชหญ้ามาถึงก็จะตามท่านผู้เฒ่ามา ณ ที่แห่งนี้ ลูกศิษย์ฝ่ายนอกหลายคนเมื่อมองเห็นมาจากที่ไกลๆ ดวงตาก็ล้วนเผยความอิจฉา

ท่านผู้เฒ่าที่อยู่ด้านหน้าคนนี้ฝึกวิชาได้ถึงขั้นสร้างฐานราก ไม่ธรรมดาทีเดียว แม้ว่าในด้านความรอบรู้เรื่องยาวิเศษจะเทียบหลี่ชิงโหวไม่ได้ แต่ก็มีชื่อเสียงเลื่องลือในสำนัก โดยเฉพาะความหลงใหลทางยา ระดับความลุ่มหลงนั้น แม้แต่หลี่ชิงโหวเองก็ยังต้องถอนหายใจเนื่องจากสู้ไม่ได้ ว่ากันว่าหากเกาะตงหลินจะเกิดปรมาจารย์โอสถคนที่สาม คนๆ นั้นก็ต้องเป็นท่านผู้เฒ่าโจว

“เฉินจื่ออ๋างคารวะท่านผู้เฒ่าโจว” ไม่นานแถวก็มาถึงชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาธรรมดา แต่กลับสูงตระหง่าน เมื่อมาอยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าโจว ก็กำมือประสานทำท่าคารวะหนึ่งที

พอชายหนุ่มคนนี้เปล่งคำพูดออกไป ลูกศิษย์ฝ่ายนอกรอบด้านจำนวนไม่น้อย หลังจากได้ยินชื่อนี้แล้วล้วนมองมายังชายหนุ่มด้วยสายตาแปลกใจทันที

“ที่แท้เขาก็คือศิษย์พี่เฉินจื่ออ๋างนี่เอง ได้ยินว่าเขามีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาในด้านการเพาะปลูกพืชวิเศษ”

“ข้ายังเคยได้ยินด้วยว่า เฉินจื่ออ๋างคนนี้นับตั้งแต่เข้าสำนักมา ทุกครั้งที่มีภารกิจเพาะพืชหญ้า เขาไม่เคยได้ต่ำไปกว่าระดับสูงเลย สุดยอดมากๆ!”

ในขณะที่กลุ่มคนวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงเบา สีหน้าของเฉินจื่ออ๋างราบเรียบ แต่แววตากลับมีความภาคภูมิใจ

เมื่อผู้เฒ่าโจวมองมายังเฉินจื่ออ๋าง นัยน์ตาเผยแววชื่นชม สำหรับลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ในด้านการเพาะปลูกพืชวิเศษเช่นนี้ เขาให้ความสนใจเป็นอย่างมากมาโดยตลอด

“จื่ออ๋าง คราวนี้เจ้าปลูกอะไรล่ะ?” ผู้เฒ่าโจวกล่าวอย่างอ่อนโยน

“ตอบท่านผู้เฒ่าโจว คราวนี้ข้าปลูกไผ่เหมันต์วิเศษ!” มือขวาของเฉินจื่ออ๋างสะบัดหนึ่งที พลันข้างกายก็ปรากฏไผ่เหมันต์วิเศษสิบต้นที่ขนาดหนาเท่าแขนออกมา แต่ละต้นล้วนสูงครึ่งจั้งกว่า ทั้งลำเป็นสีเขียวชอุ่ม เมื่อแสงอาทิตย์ส่องกระทบมาก็ราวกับมีแสงสีเขียวอ่อนๆ กระจายออกมาทั่วทั้งต้นไผ่

“ต้นไผ่นี้ ศิษย์ใช้น้ำพุวิเศษล้างก่อน แล้วจึงนำหินวิเศษมาบดให้ละเอียดจนกลายเป็นดิน ใช้พลังวิญญาณของตนเองหล่อเลี้ยงวันละสามชั่วยามเป็นอย่างน้อยทุกวัน และสางเส้นใยของใบมันสามวันครั้ง บวกกับวิชาชิงเสวียนเก้าที่ข้าได้ศึกษามา อีกทั้งยังมีสมุนไพรอื่นๆ ช่วยด้วย ถึงปลูกออกมาได้เช่นนี้!”

“ดี ต้นไผ่โตครึ่งจั้ง แสงสีเขียวแผ่กระจาย เกินกว่าระดับสูงทั่วไปแล้ว สามารถจัดเข้าเป็นระดับสูงของระดับสูง หวังว่าเจ้าจะพยายามต่อไป หากสามารถทำให้ต้นไผ่โตได้เกินจั้งก็จะได้เป็นสุดยอดลำต้นวิเศษแล้ว” ท่านผู้เฒ่าโจวลูบเครา ความชื่นชมในแววตายิ่งมีมากขึ้น

ลูกศิษย์ฝ่ายนอกรอบด้านที่ได้ยินคำว่าระดับสูงของระดับสูงก็เกิดการพูดคุยกันเป็นวงกว้างในทันที พากันมองไปยังต้นไผ่เหมันต์วิเศษ แววตาเผยความอิจฉา

เฉินจื่ออ๋างยกยิ้มบนใบหน้า ความภาคภูมิใจในดวงตาก็ยิ่งมีมากขึ้น กำมือประสานคารวะ กำลังจะรับคะแนนความดีจากเด็กที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหึเย็นชาลอยมา

“ท่านผู้เฒ่าโจว ศิษย์จ้าวอี้ตัวก็ปลูกไผ่เหมันต์วิเศษเหมือนกัน!” ที่ติดตามเสียงหึมา คือชายหนุ่มหน้ายาวตาเรียวเล็กคนหนึ่ง ขณะที่ก้าวยาวๆ ออกมาก็มองไปยังเฉินจื่ออ๋าง ดวงตาเผยแววดูหมิ่น

การปรากฏตัวเช่นนี้ของเขา ลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่อยู่โดยรอบตื่นตัวกันทันควัน พากันจับจ้องเขม็ง

“ศิษย์พี่จ้าวอี้ตัวนี่เอง ความรู้ลึกซึ้งด้านการปลูกพืชวิเศษของศิษย์พี่จ้าว ได้ยินว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินจื่ออ๋างเลย!”

“คราวนี้มีอะไรดีๆ ให้ดูแล้ว พวกเขาสองคนเขม่นกันมาตลอด ล้วนอยากจะแย่งชิงเอาฉายาลูกศิษย์ในด้านการเพาะปลูกอันดับหนึ่งมาครอง”

สีหน้าของเฉินจื่ออ๋างดำคล้ำทันที มองจ้าวอี้ตัวด้วยความเย็นชา สายตาคนทั้งสองประสานกัน ต่างก็มองเห็นความเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่อยู่ในดวงตาของแต่ละฝ่าย

“จ้าวอี้ตัว หยิบเอาไผ่เหมันต์วิเศษของเจ้าออกมาสิ” แม้แต่ท่านผู้เฒ่าโจวก็ยังสนใจ สำหรับจ้าวอี้ตัวที่อยู่ตรงหน้านี้ เขาก็ให้การชื่นชมเช่นเดียวกัน แล้วก็รู้ด้วยว่าเจ้าเด็กน้อยทั้งสองเบื้องหน้า เคยชิงดีชิงเด่นด้านเพาะปลูกกันมาแล้วหลายครั้ง และเขาเองก็ยินดีที่จะได้เห็นทั้งสองเป็นเช่นนี้ เพราะมีเพียงการแข่งขันในเชิงบวกแบบนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้แต่ละฝ่ายมีการพัฒนาไปอย่างก้าวล้ำได้

จ้าวอี้ตัวหันไปคารวะท่านผู้เฒ่าโจว ตบถุงเก็บของหนึ่งที ไผ่เหมันต์วิเศษสิบต้นก็ปรากฏออกมาทันใด ต้นไผ่เหล่านี้แต่ละต้นล้วนสูงพอหนึ่งจั้ง ลำต้นเองก็หนาเท่าต้นขา สีเขียวขจีสดชอุ่มนั้นเปล่งแสงแวววาวได้รางๆ ถึงขั้นที่ว่ามีพลังวิญญาณกระจายออกมาเป็นระลอก แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับของเฉินจื่ออ๋างเมื่อครู่แล้ว มีความต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

แทบจะทันทีที่ได้เห็นต้นไผ่พวกนี้ ฝูงชนรอบด้านล้วนพากันฮือฮาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ ต้นไผ่เหมันต์วิเศษที่สูงได้เป็นจั้งนั้น พวกเขาแค่เคยได้ยินแต่กลับไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน

“ต้นไผ่เหมันต์วิเศษสูงหนึ่งจั้ง นี่ต้องปลูกมานานแค่ไหนกัน!”

“ต้นไผ่เหมันต์วิเศษชนิดนี้ถึงขั้นมีพลังวิญญาณกระจายออกมา ความสามารถในด้านการปลูกพืชของศิษย์พี่จ้าว ถือเป็นอันดับหนึ่งของฝ่ายนอกเขาเซียงอวิ๋นเราแล้ว!”

จ้าวอี้ตัวเห็นสีหน้าของคนที่อยู่รอบกาย จึงหันไปยิ้มเยาะเฉินจื่ออ๋าง

เฉินจื่ออ๋างสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นทันควัน

ดวงตาท่านผู้เฒ่าโจวเป็นประกายเผยความชื่นชม มองไปยังต้นไผ่เหล่านั้นพลางพยักหน้าน้อยๆ

“ดี ดี! วันนี้แม้ว่าลูกศิษย์ที่ส่งมอบไผ่เหมันต์วิเศษจะมีเยอะ แต่ของเจ้านั้นดีที่สุด ต้นไผ่เหมันต์วิเศษสูงหนึ่งจั้ง ทะลุระดับสูงไปแล้ว มากพอที่จะจัดเป็นระดับดีเยี่ยมได้แล้ว จ้าวอี้ตัว เจ้าทำได้ดีมาก หวังว่าเจ้าจะพยายามต่อไป!”

“ศิษย์น้องเฉิน เจ้าน่ะยังจำเป็นต้องเรียนรู้อีกมาก” จ้าวอี้ตัวคารวะท่านผู้เฒ่าโจวแล้วหันหน้าไปมองเฉินจื่ออ๋างอย่างยั่วยุ

สีหน้าเฉินจื่ออ๋างยิ่งน่าเกลียดเข้าไปใหญ่ ทำเสียงหึเย็นชาหนึ่งที

“ศิษย์พี่จ้าวอย่าดีใจเร็วเกินไปนัก ขอให้คนช่วยเหลือน่าภูมิใจตรงไหน ปลูกพืชคราวหน้า ข้าผู้แซ่เฉินจะปลูกไผ่เหมันต์วิเศษสูงหนึ่งจั้งครึ่งให้ท่านดู!”

จ้าวอี้ตัวได้ยินก็หัวเราะเสียงดัง

“ศิษย์น้องเฉินก็ไม่กลัวว่าโม้มากไปจะขายหน้าทีหลังนะ ไผ่เหมันต์วิเศษโตได้ยากที่สุด ต้องการพลังวิญญาณมหาศาล ตัวข้าเป็นศิษย์ระดับรวมลมปราณ สามารถปลูกออกมาได้สูงหนึ่งจั้งก็ถือว่าเป็นที่สุดของที่สุดแล้ว หนึ่งจั้งครึ่ง? นั่นต้องเป็นผู้อาวุโสระดับสร้างฐานรากเท่านั้นถึงจะปลูกออกมาได้ ส่วนจะให้สูงสองจั้งนั้น ฮ่าๆ ข้าผู้แซ่จ้าวอยู่ในสำนักมานานหลายปีขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นไผ่เหมันต์วิเศษที่สูงสอง…”

จ้าวอี้ตัวพูดยังไม่ทันจบประโยค ทันใดนั้นบนทางเส้นเล็กด้านหลังกลุ่มคนก็เกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังมาเป็นระลอก ราวกับว่ามีวัตถุยักษ์อะไรบางอย่างกำลังเดินมาทีละก้าว ลูกศิษย์ฝ่ายนอกพวกนั้นแต่ละคนหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจทันที จากนั้นเสียงสูดลมหายใจก็ดังลอยมาอย่างฉับพลัน

แม้แต่จ้าวอี้ตัวและเฉินจื่ออ๋างที่ยืนคุมเชิงกันอยู่ก็ยังถูกขัดจังหวะด้วยสิ่งนี้ ทั้งสองคนขมวดคิ้วฉับ ล้วนมองไปทางนั้น

ไม่นาน พวกเขาก็มองเห็นต้นไผ่ขนาดมโหฬารที่หนาพอๆ กับผู้ใหญ่หนึ่งคนปรากฏพรวดเข้ามาในเส้นสายตา ต้นไผ่พวกนี้มีสีเขียวเข้ม ถึงขั้นที่ว่าหากมองอย่างละเอียดยังสามารถมองเห็นจุดสีม่วงแต่ละจุดที่อยู่ด้านในนั้นด้วย เมื่อแสงแดดส่องกระทบก็จะเปล่งสีสันหลากหลายออกมาอย่างงดงาม

ที่ยิ่งทำให้ทุกคนตะลึงก็คือพลังวิญญาณอันเข้มข้นที่ลอยกระจายออกมาจากต้นไผ่พวกนี้ เมื่อมันแผ่คลุมไปทั่วทิศ คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างพากันร้องอื้ออึงด้วยความตกใจ

“นี่…นี่มันอะไรกัน!”

“คล้ายจะเป็นต้นไม้บางประเภท แต่มองดูแล้วก็เหมือนต้นไผ่!”

เฉินจื่ออ๋างและจ้าวอี้ตัวเองก็ล้วนขมวดคิ้ว มองไม่ออกว่าคืออะไร แต่รู้ว่าวัตถุชิ้นนี้ไม่ธรรมดา ท่านผู้เฒ่าโจวที่อยู่ด้านข้างกลับเบิกตากว้างอย่างกะทันหัน จ้องเขม็งไปยังต้นไผ่พวกนั้น ลมหายใจก็ยังถี่กระชั้นขึ้นมานิดๆ

ภายใต้สายตาของทุกคน พวกเขามองเห็นความยาวของต้นไผ่พวกนั้นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นครบทุกส่วนถึงได้รู้ว่ามันมีความยาวถึงห้าจั้ง ด้านใต้ต้นไผ่เหล่านี้มีเด็กหนุ่มตัวเล็กผอมแห้งคนหนึ่งกำลังหอบหายใจ แบกต้นไผ่พวกนี้เดินขึ้นมาทีละก้าว

ประหนึ่งมดหนึ่งตัวที่แบกหมั่นโถวทั้งลูก…

ทุกก้าวที่กระทบพื้นดิน เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นก็จะดังลอยมาหนึ่งที เมื่อเข้ามาข้างหน้าเรื่อยๆ ลูกศิษย์ฝ่ายนอกทุกคนที่อยู่ด้านหน้าล้วนพากันหลีกทางให้ ทุกคนหวาดผวา ตกตะลึงไปกับเรี่ยวแรงที่เด็กหนุ่มผู้นี้มี

เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือป๋ายเสี่ยวฉุน เขากลุ้มใจมาตลอดทาง คิดถึงความทารุณของการประลองเล็ก คิดถึงความน่ากลัวของหุบเขาหมื่นอสรพิษ เดินขึ้นเขามาด้วยความรู้สึกอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ตอนนี้กว่าจะมาถึงนี่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงไม่ได้ให้ความสนใจคนรอบด้าน เดินมายังเบื้องหน้าของท่านผู้เฒ่าโจว เสียงโครมครามดังอยู่หลายที หลังจากที่โยนต้นไผ่พวกนั้นลงไปบนพื้นแล้ว เขาก็นั่งลงไปบนต้นไผ่ เช็ดเหงื่อพลางหอบฮักๆ

“ต้นไผ่พวกนี้ใส่ไว้ในถุงเก็บของไม่ได้ ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ท่านผู้เฒ่า ข้ามาส่งมอบภารกิจ” ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งพูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อมองอย่างละเอียดก็พบว่าทุกคนที่อยู่รอบด้าน ในเวลานี้ล้วนมองจ้องมายังต้นไผ่พวกนั้น ลมหายใจของแต่ละคนค่อยๆ กลายมาเป็นหอบหนัก

“ต้นไผ่…พวกนี้คือต้นไผ่หรอกเหรอ?”

“ข้าโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นต้นไผ่ต้นใหญ่เท่านี้มาก่อน นี่มันต้นไม้ชัดๆ!”

ในเวลานี้สายตาของเฉินจื่ออ๋างและจ้าวอี้ตัวก็เผยแววสงสัยไม่แน่ใจ แม้มองออกอยู่บ้างแต่กลับไม่อาจเชื่อได้ รีบเข้าไปใกล้ทันที นั่งยองๆ ลงไป มองดูต้นไผ่อย่างละเอียด จ้าวอี้ตัวตัวสั่นสะท้านถึงขั้นคิดอยากจะชำแหละโครงสร้างภายในของมันออกมาดู

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะแหวกออกดู ท่านผู้เฒ่าโจวที่อยู่ด้านข้างก็ลุกขึ้นดังตึงขยับเข้ามาใกล้ สะบัดปลายเสื้อแขนยาวหนึ่งที ทั้งสองคนก็ถูกม้วนตัวบินกระเด็นออกไป ท่านผู้เฒ่าโจวมองไปที่ต้นไผ่ตาไม่กระพริบ

“นี่…นี่มันต้นไผ่เหมันต์วิเศษจริงๆ ด้วย!!!” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ท่านผู้เฒ่าโจวก็สูดหายใจเฮือก เมื่อเสียงของเขาลอยออกไป ลูกศิษย์ฝ่ายนอกทุกคนที่อยู่โดยรอบล้วนอึ้งงันกันหมด จากนั้นก็ระเบิดเสียงฮือฮาอย่างไม่อยากเชื่อดังไปทั่วทิศ

“ไผ่เหมันต์วิเศษ!! ต้นไม้ใหญ่พวกนี้แท้จริงแล้วคือ…ไผ่เหมันต์วิเศษ!!”

“นี่เป็นไปได้ยังไง ทำไมไผ่เหมันต์วิเศษถึงต้นหนาขนาดนี้ สวรรค์ แถมยังยาวตั้งห้าจั้ง!”

“ยาวห้าจั้ง หนาเท่าตัวคน นี่…นี่คือต้นไผ่เหรอ?”

เสียงแห่งความตื่นตะลึงระเบิดขึ้นทันใด โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นไผ่เหมันต์วิเศษของเฉินจื่ออ๋างและจ้าวอี้ตัว พอเอามาเปรียบเทียบกันอย่างนี้ เสียงตกตะลึงก็ยิ่งดุเดือดมากขึ้น ดังขึ้นสูงๆ ต่ำๆ ไปทั่วทิศ

———-

[1] นกฟ่งเหนี่ยว นกที่มีรูปร่างคล้ายไก่ฟ้าและนกยูงรวมกัน เป็นหนึ่งในสามชนิดของหงส์ตามบันทึกซานไห่จิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!