Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 611

ตอนที่ 611

สหายเต๋าโปรดฟังข้าสักคำ

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเปล่งประกาย หันหลังไป ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับ สามสมาชิกตระกูลฟางที่ใกล้เข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “สามสหายเต๋าแห่งตระกูลฟางนั่นเอง ดูเหมือนว่าพี่ท่านทั้งสองไม่อาจจะปกปิดความยินดีบนใบหน้าได้ ดูท่าแล้วพวกท่านคงได้ของวิเศษจากอาณาจักรที่สามนี้ไปไม่น้อยเป็นแน่…”

ใบหน้าฟางอวี๋น่าเกลียดขึ้นเล็กน้อย ขณะที่จ้องไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างมีโทสะ ท่าทางของเขาในตอนนี้ ทำให้เพลิงโทสะของนางพุ่งขึ้นมา

“ไม่มี!” ฟางอวี๋กล่าว จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว

“เช่นนี้คงไม่ดีแน่” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบพร้อมกับขยิบตาให้

“แม้แต่จะถือว่าไม่ดีก็ยังไม่ได้!” ฟางอวี๋กล่าว ขบฟันแน่น สีหน้าเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ดูเจ้าเถอะ เจ้าได้สิ่งของมาทั้งหมดอย่างง่ายดาย แต่เจี่ยเจีย (พี่สาว) ต้องดิ้นรนอย่างยากลำบาก ก็ได้มาเพียงแค่สองชิ้นเท่านั้น! เจ้ายังจะเอาเปรียบข้าอีก?”

“เช่นนี้เป็นอย่างไร…” เมิ่งฮ่าวกล่าว มีท่าทางอึดอัดใจขึ้นเล็กน้อย แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ หนึ่งในสองบุรุษจากตระกูลฟาง ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังฟางอวี๋ ทันใดนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา

“พวกเราพยายามจะไว้หน้าเจ้า แต่เจ้าก็ยังยืนกรานอย่างไร้ยางอาย เจ้าคิดว่าที่นี่ยังคงเป็นอาณาจักรที่สอง? ไสหัวไปให้พ้น เจ้าบัดซบน้อย! มิเช่นนั้น เจ้าไม่อาจจะรอดชีวิตออกไปจากอาณาจักรที่สามนี้ได้!”

สมาชิกตระกูลฟางอีกคน ก้าวเท้าตรงมา มีสีหน้าดูถูกเยาะเย้ยขณะที่กล่าวว่า “เจ้าช่างไม่รู้จักเจียมตนจริงๆ แม้แต่ตระกูลจี้ยังต้องคิดทบทวน ก่อนที่จะพยายามขโมยสิ่งของที่ได้มาจากในที่แห่งนี้โดยตระกูลฟาง สำหรับเจ้า…ส่งสิ่งของทั้งหมดของเจ้าออกมาครึ่งหนึ่ง มิเช่นนั้น…”

ขณะที่บุรุษทั้งสองพูด สายตาเมิ่งฮ่าวก็จ้องนิ่งไปบนร่างพวกมัน

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้มีโทสะ ใบหน้าฟางอวี๋ก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว นางหันหน้าไปเผชิญกับสองสมาชิกของตระกูล

“พวกเจ้าต้องการให้มันไสหัวไป?” นางกล่าว กัดฟันแน่น หายตัวไป ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งอยู่ที่เบื้องหน้าหนึ่งในสมาชิกตระกูลฟาง ทันใดนั้น หมัดของนางก็กระแทกตรงไป

ก่อนที่สมาชิกตระกูลฟางผู้นั้น จะทันได้กล่าวอะไรออกมา เสียงระเบิดก็ดังขึ้น และคนผู้นั้นก็ลอยละลิ่วปลิวไปด้านหลัง โลหิตกระจายออกมาจากปาก ขณะที่มันมองไปยังฟางอวี๋ด้วยความประหลาดใจ

“ฟางอวี๋, ท่านกำลังทำอะไร!?!?”

“เจ้าบอกว่ามันไร้ยางอาย!?” นางร้องออกมา เปลวไฟแห่งโทสะลุกโชนขึ้นมาในดวงตา ตอนนี้นางดูคล้ายกับเป็นมังกรระเบิดอย่างแท้จริง ร่างกายแวบขึ้น ขณะที่เข้าไปใกล้บุรุษผู้นั้นอีกครั้ง ร่างมันสั่นสะท้าน และกำลังจะโจมตีกลับไป แต่ระเบิดอีกเสียงก็ได้ยินมา และมันก็ลอยละลิ่วปลิวออกไปอีกครั้ง

“เจ้ากล้าข่มขู่มัน!? เจ้าบอกว่ามันจะไม่รอดออกไปจากอาณาจักรที่สาม?! ถ้าเช่นนั้น…ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีชีวิตรอดออกไปจากอาณาจักรที่สามนี้เอง!” รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาฟางอวี๋ ก่อนที่สมาชิกตระกูลฟางผู้นั้นจะทันได้ตกลงไปบนพื้น นางก็หายตัวไปอีกครั้ง ไปปรากฏอยู่ตรงหน้ามัน หมัดของนางกระแทกออกไปอีกครั้ง นี่ไม่ใช่การโจมตีอย่างพอเป็นพิธี แต่ประกอบด้วยพลังทั้งหมดที่นางระเบิดออกมา

เสียงตูมได้ยินมา กระจายไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี ทุกคนที่มองดูอยู่ตกตะลึง ขณะที่โลหิตกระจายออกมาจากปากของสมาชิกตระกูลฟางผู้นั้น จากนั้นทั่วทั้งร่างมันก็ระเบิดออกกลายเป็นเศษชิ้นส่วนโลหิต วิญญาณแรกก่อตั้งของมันโผล่ออกมา หลบหนีและแผดร้องไปในเวลาเดียวกัน

“ฟางอวี๋, เจ้ากล้าสังหารสหายตระกูลเดียวกัน!? เจ้าต้องตาย! เจ้าบังอาจมาสังหารข้าต่อหน้าบุคคลภายนอก!?!”

“ข้าสังหารเจ้าแล้วจะอย่างไร?” ฟางอวี๋กล่าวพร้อมกับแค่นเสียงอย่างเย็นชา นางขยับมือร่ายเวท จากนั้นก็โบกสะบัดมือขวา ทันใดนั้น กระถางสีเหลี่ยมขนาดใหญ่ ก็ปรากฏขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ พุ่งตรงไปยังวิญญาณแรกก่อตั้งของผู้ฝึกตนตระกูลฟางที่กำลังหลบหนีไป เมื่อพวกมันกระแทกเข้าด้วยกัน เสียงแผดร้องโหยหวนก็ได้ยินมา และวิญญาณแรกก่อตั้งก็แตกกระจายไป

ในเวลาเดียวกันนั้น ถุงสมบัติของบุรุษผู้นั้นก็ลอยออกมา และถูกคว้าจับไว้ได้โดยฟางอวี๋ นางลบเครื่องหมายตราประทับบนถุงใบนั้นอย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็โยนไปให้เมิ่งฮ่าว

ภาพที่เพิ่งจะเกิดขึ้นต่อหน้าทุกคนนี้ ทำให้พวกมันต่างก็สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตระกูลจี้ ดวงตาพวกมันเบิกกว้าง และเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ การสังหารสหายตระกูลเดียวกัน เป็นความผิดอย่างร้ายแรงสำหรับตระกูลใดๆ ก็ตาม!

พวกมันไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่า ทำไมฟางอวี๋ถึงได้ตอบโต้อย่างดุร้ายเช่นนั้น กับคำพูดเพียงแค่ไม่กี่คำที่เพิ่งจะพูดออกมา

ฟางอวี๋หันหน้า มองไปยังสมาชิกตระกูลฟางอีกคน

บุรุษผู้นั้นสั่นสะท้าน ถอยหลังไปสองสามก้าว จิตใจเต้นรัวด้วยความวิตกกังวล และความระมัดระวังตัว ขณะที่มันรีบกล่าวขึ้น “ศิษย์พี่ฟางอวี๋ ทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ข้า…”

“เจ้าบอกว่ามันไม่รู้จักเจียมตน?” นางกล่าว ดวงตาสาดประกายด้วยรังสีสังหาร ผู้ฝึกตนตระกูลฟางหนังศีรษะด้านชา ขนลุกตั้งชี้ชัน ขณะที่มันถอยไปด้านหลังด้วยความวิตกกังวล ก่อนที่มันจะถอยไปได้ไม่กี่ก้าว ฟางอวี๋ก็ตรงไปที่มัน กระแทกหมัดลงไป

เสียงระเบิดได้ยินมา โลหิตกระจายออกมาจากปากบุรุษผู้นั้นขณะที่มันถอยไปด้านหลัง

“ศิษย์พี่ฟางอวี๋ ข้าผิดไปแล้วจริงๆ เป็นความผิดของข้าเอง!!”

“เจ้าไม่ใช่บอกว่า ให้มันส่งมอบสิ่งของ ของมันออกมาครึ่งหนึ่ง?” นางกล่าวเสียงเย็นชา ขยับมือร่ายเวทด้วยมือขวา ทำให้ภาพลวงตาของกระถางสี่เหลี่ยม ลอยตรงไปยังบุรุษผู้นั้น ภายใต้แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ สีหน้าของผู้ฝึกตนตระกูลฟางสลดลง ขณะที่มันพุ่งถอยไปด้านหลัง ก็หยิบเอาถุงสมบัติออกมา และโยนไปให้กับเมิ่งฮ่าว

“พี่เมิ่ง, ข้าขอชดใช้ความผิด ผู้น้องยอมรับว่าผิดไปแล้ว!!”

เมิ่งฮ่าวคว้าจับถุงสมบัติไว้พร้อมกับคิ้วที่ขมวดขึ้น ยากที่จะบอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“เจ้าฉลาด” ฟางอวี๋กล่าว “ดังนั้น เจ้าสามารถหลีกเลี่ยงโทษถึงตาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะ…ได้รับการยกเว้นจากการถูกลงโทษ!” นางมองไปยังผู้ฝึกตนตระกูลฟาง ขณะที่กระถางสี่เหลี่ยมตกลงมา เสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่โลหิตไหลออกมาจากปากบุรุษผู้นั้น มันเดินโซเซถอยไปด้านหลัง ใบหน้าซีดขาว ถึงแม้ว่าสุดท้ายมันจะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ก็ยังคงหวาดกลัวจนแทบบ้า มันรีบประสานมือและโค้งตัวลงให้กับฟางอวี๋ในทันที

เมิ่งฮ่าวคว้าจับถุงสมบัติทั้งสองใบไว้ จากนั้นก็มองไปยังฟางอวี๋ นางก็มองกลับมาที่เขา

“ทำเช่นนี้ทำไม?” เขาถาม

“ไม่เกี่ยวกับเจ้า” ฟางอวี๋กล่าวตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว กัดฟันแน่นและกล่าวต่อ “ไม่ว่าอย่างไร สิ่งของของข้าไม่อาจจะให้เจ้าได้ ไร้ประโยชน์ที่จะไปคิดถึงมัน เป็นไปไม่ได้!”

เมิ่งฮ่าวมองไปยังนางอย่างลึกซึ้งชั่วขณะ แต่ก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก คนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตกอยู่ในห้วงความคิดที่แตกต่างกันไป และไม่พูดอะไรออกมาเช่นเดียวกัน

ในตอนนี้ลึกลงไปในหลุมใหญ่ที่คนทั้งหมดยืนอยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นก็เกิดเป็นเสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจขึ้น เสียงนั้นแทบจะราวกับว่ามีบางสิ่งที่อยู่ลึกๆ ข้างในกำลังส่งเสียงคำราม พื้นดินสั่นสะเทือน สิ่งที่คล้ายกับเป็นต้นเถาวัลย์มากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งอยู่รอบๆ บริเวณนั้น เริ่มบิดเบี้ยวไปมาด้วยท่าทางแปลกๆ

ต้นเถาวัลย์เริ่มมีขนาดใหญ่และยาวมากขึ้น ขณะที่พวกมันปกคลุมอยู่รอบๆ บริเวณนั้น มองดูคล้ายกับเป็นอสรพิษ ปราณอสูรจากพื้นที่รอบๆ พุ่งตรงเข้าไปในหลุมยักษ์ กลายเป็นเสาแห่งแสงขนาดใหญ่ ที่พุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า

ในตอนนี้สามารถมองเห็นเสาแห่งแสงขนาดใหญ่ ได้จากทั่วทุกที่ในสวรรค์ชั้นแรกของสำนักเซียนอสูร ราวกับเป็นหมายเรียก ซึ่งดังก้องออกไปอยู่ในจิตใจของผู้ฝึกตนจากดาวหนานเทียนทั้งหมด

เป็นข้อความที่บอกทุกคนให้รับรู้ว่า…เส้นทางไปยังอาณาจักรที่สี่ ได้เปิดออกแล้วในตอนนี้!

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็เริ่มหอบหายใจออกมา ดวงตาพวกมันสาดประกาย แต่ก็ไม่มีใครต้องการจะเข้าไปเป็นคนแรก ทุกคนยืนมองอยู่ที่นั่น ไม่ปรารถนาจะกระทำการอย่างวู่วาม

เวลาผ่านไป กลุ่มคนที่ถูกดึงดูดใจโดยเสาแห่งแสงเริ่มมาถึงกันมากขึ้น แน่นอนว่าไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะหลบเลี่ยงการขูดรีดจากเมิ่งฮ่าวได้ ในที่สุดสวี่ชิงก็มาถึง ซึ่งก็หมายความว่า ในตอนนี้ทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนหลักๆ ที่อยู่ในอาณาจักรที่สามแห่งนี้

สายตาแต่ละคนสาดประกาย ขณะที่จ้องมองซึ่งกันและกันไปรอบๆ อย่างครุ่นคิด

บุคคลแรกที่ขยับตัวเคลื่อนไหว เป็นชายชราผอมแห้งที่ไม่สะดุดตาใดๆ จากดินแดนด้านใต้ มันบินไปยืนอยู่บนเถาวัลย์ต้นหนึ่ง หลังจากที่จับเถาวัลย์ไว้จนแน่น ก็มองกลับมายังกลุ่มคนที่มุงดูอยู่และยิ้มออกมา จากนั้นก็หยิบพัดที่เป็นอาวุธเวทออกมา มันกดพัดวิเศษลงไปบนพื้นผิวของต้นเถาวัลย์

ทันใดนั้น แสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวพัด และพัดนั้นก็เริ่มสลายกระจายไป จนกลายเป็นจุดแสงที่ส่องประกายแวววาว ซึ่งจากนั้นก็ถูกต้นเถาวัลย์ดูดซับเข้าไป ในเวลาเดียวกันนั้น ต้นเถาวัลย์ก็เริ่มมีความยาวมากขึ้น ยืนขยายลงไปในหลุมยักษ์ นำชายชราลงไปพร้อมกับมัน

ฟางอวี๋มองไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็กล่าวขึ้น คำพูดของนางไม่เพียงแต่จะพูดกับเขาโดยตรงเท่านั้น แต่ยังได้พูดกับทุกคนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น “จากความเข้าใจของตระกูลฟาง ทุกคนต้องมีของวิเศษที่จะใช้เข้าไปในอาณาจักรที่สี่ ของวิเศษจากโลกภายนอก จะไม่มีผลเท่ากับของวิเศษที่ได้มาจากสำนักเซียนอสูร เมื่อนำของวิเศษนั้นมาสังเวยให้กับเถาวัลย์อสูร และขึ้นกับคุณค่าของ ของวิเศษแต่ละชิ้น ต้นเถาวัลย์ก็จะขยายยืดยาวลงไป”

“ถ้าใครออกไปจากต้นเถาวัลย์ และพยายามจะลงไปด้วยตัวเอง ก็ต้องตายไปโดยไม่ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น!”

ด้วยเช่นนั้น ร่างฟางอวี๋ก็แวบขึ้น และนางก็เข้าไปใกล้ต้นเถาวัลย์ ด้วยวิธีเดียวกับชายชราก่อนหน้านี้ นางหยิบเอาของวิเศษออกมา กดลงไปบนต้นเถาวัลย์, ต้นเถาวัลย์เริ่มขยายยืดยาวลงไปในหลุมยักษ์

ทีละคน ทีละคน ผู้คนเริ่มบินออกไปมากขึ้น สมาชิกตระกูลจี้, ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ, กลุ่มคนจากดินแดนด้านใต้ คนแล้วคนเล่า ไปหยุดยืนอยู่บนต้นเถาวัลย์ หยิบของวิเศษออกมา จากนั้นก็จมลงไปในหลุมยักษ์ ขณะที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เมิ่งฮ่าวก็กระแอมไอออกมา ดูท่าทางกระอักกระอ่วนและเขินอายอยู่เล็กน้อย เริ่มกล่าวขึ้น

“สหายเต๋าทั้งหลาย โปรดฟังข้าสักคำ เมื่อคิดว่าพวกท่านจำเป็นต้องทำการสังเวยต่อต้นเถาวัลย์ ตอนนี้ข้ามีของวิเศษเช่นนั้นอยู่ไม่น้อย แต่ถ้ามอบมันออกไป ถ้าพวกท่านเอาไปหนึ่งชิ้น ก็ต้องจ่ายกลับคืนมาให้ข้าสองชิ้น ข้าซื่อสัตย์จริงใจต่อลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นราคาที่สมเหตุสมผลแล้ว”

“ตอนนี้ใครจะไปรู้ว่า พวกท่านอาจจะได้ครอบครองของวิเศษอันน่าเหลือเชื่อ อยู่ในอาณาจักรที่สี่ก็เป็นไปได้?” เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อ “ดังนั้นก่อนที่จะเข้าไป พวกท่านควรจะคิดถึงเรื่องนี้ให้จริงจัง ซื้อหนึ่งจ่ายสอง สมเหตุสมผลอย่างแน่นอน!” ทันทีที่คนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าพวกมันก็เริ่มเคร่งเครียดขึ้น

“ซื้อหนึ่งจ่ายสอง สมเหตุสมผล?”

“ข้าไม่เคยเห็นการรีดไถถึงระดับนี้มาก่อน!!”

“ช่างน่าขันนัก! ถึงข้าจะเข้าไปในอาณาจักรที่สี่ได้แค่ครึ่งทาง ข้าก็ไม่มีทางจะไปยุ่งเกี่ยวกับเมิ่งใจดำผู้นี้!”

พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเกลียดชัง ไม่สนใจข้อเสนอของเขาโดยสิ้นเชิง รีบคว้าจับไปที่ต้นเถาวัลย์และจากนั้นก็จมลงไปในหลุมยักษ์

สวี่ชิงยืนอยู่ด้านข้างเมิ่งฮ่าว ใช้มือปิดบังรอยยิ้มของนางไว้ นางยังจำได้ถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เมิ่งฮ่าวเคยทำไว้ในสำนักเอกะเทวะ ขณะที่นางมองดูเขาอยู่ในตอนนี้ รอยยิ้มก็ยิ่งหวานมากขึ้นกว่าเดิม

“พวกมันต้องเสียใจ” เมิ่งฮ่าวกล่าว กระแอมไอออกมาเล็กน้อย “เมื่อครู่นี้ข้าปรารถนาดีต่อพวกมันจริงๆ” เขาขยิบตาให้กับสวี่ชิง รอยยิ้มของนางก็เริ่มขยายกว้างมากขึ้น ส่ายหน้า บินไปคว้าจับเถาวัลย์ไว้ จากนั้นก็จมลงไปในหลุมยักษ์

เมิ่งฮ่าวไม่ใช่เป็นคนสุดท้ายที่อยู่ด้านนอก บางคนเลือกที่จะไม่เข้าไปในอาณาจักรที่สี่ บางคนก็ตัดสินใจที่จะยอมแพ้

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจะเข้าไปในหลุมนั้นอีก เมิ่งฮ่าวก็เดินไปรอบๆ ขอบหลุม ในที่สุดก็เลือกตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลาง ยื่นมือไปคว้าจับต้นเถาวัลย์ จากนั้นก็หยิบเอาของวิเศษออกมา กดลงไปบนพื้นผิวมันอย่างช้าๆ ขณะที่ต้นเถาวัลย์ดูดซับของวิเศษ มันก็เริ่มขยายขนาดขึ้น พาเขาลงไปที่ด้านล่าง เข้าไปในความมืดมิดของหลุมยักษ์นั้นอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่ผ่านเข้าไปในหลุมยักษ์ เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงความหนาวเย็น ที่แผ่กระจายออกมาจากรอบๆ ด้าน ในเวลาเดียวกันนั้น ก็เห็นว่ามันไม่ได้มืดสนิทโดยสิ้นเชิง สามารถมองเห็นจุดเรืองแสงอยู่ในผนัง ทำให้สามารถมองเห็นบริเวณรอบๆ นั้นได้

เมิ่งฮ่าวมองเห็นต้นเถาวัลย์ที่อยู่รอบๆ ตัว กำลังจมลงไปด้านล่าง ซึ่งแต่ละต้นก็มีผู้ฝึกตนจากดาวหนานเทียนเกาะอยู่

ลึกลงไปไกลที่ด้านล่าง มืดสนิทโดยสิ้นเชิง ทำให้มองอะไรไม่เห็น แต่ก็ได้ยินเสียงคำรามออกมาเป็นระยะ ดังขึ้นมาจากด้านล่างคล้ายกับเป็นสายลมที่พัดขึ้นมาอย่างรุนแรง เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ ก็ทำให้ทุกคนต้องยึดจับเถาวัลย์แน่นมากขึ้น เพื่อทำให้ร่างกายที่สั่นไปมามั่นคงมากขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!