ตอนที่ 610
อู่เหยียเจ็บปวดใจ
เห็นได้ชัดว่า อีกาสามตารู้จักนกแก้ว…
มิเช่นนั้น มันก็คงไม่บินออกไปด้วยความไม่พอใจเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินเสียงของนกแก้ว มันก็เริ่มสั่นสะท้าน ขนทั่วร่างลุกขึ้นตั้งชี้ชัน เห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งมากระตุ้นมัน มันส่งเสียงร้องอย่างโหยหวนออกมา จากนั้นก็บินขึ้นไปในกลางอากาศทันที หลบหนีจากไปในทิศทางตรงกันข้าม
ในเวลาเดียวกันนั้น นกแก้วก็บินออกมาจากถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าว จากที่เห็นก็ดูเหมือนว่ามันจะตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง และมีความเย่อหยิ่งเหมือนเช่นเคย
ดวงตามันแวบขึ้นด้วยแสงแห่งความตื่นเต้น ขณะที่เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงร้องออกมาสองสามครั้ง จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังอีกาสามตา
“ไม่ได้พบกันนานเลย! เจ้าจะหลบหนีไปทำไม? ถ้าเจ้ายังหนีต่อไป อู่เหยียจะจัดการเจ้า!!”
“อ้ายเฟย, อย่าหนี!” มันพูดด้วยความตื่นเต้นต่อไป “เป็นสามีภรรยากันแค่วันเดียว ก็หมายความว่าพวกเรามีวาสนาร่วมกันตลอดไป! ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้เป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจำเป็นต้องหลบหนีไป! ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงเจ้า ก็ได้แต่ต้องเกลือกกลิ้งอยู่ในความทรงจำอย่างช่วยไม่ได้!”
นกแก้วดูเหมือนเกือบจะไล่ตามอีกาไปทัน แต่ฉับพลันนั้น หยดน้ำตาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของอีกา ดูเหมือนว่ามันพร้อมที่จะตายไปดีกว่าที่จะถูกล่วงละเมิด ในตอนนี้เอง ที่มันใช้วิชาเวทบางอย่าง ทำให้ขนสีดำทั่วร่างของมันทั้งหมด ล่วงหล่นลงไปจากร่างมันในทันที…
เพียงชั่วพริบตา ก็ไม่มีอีกาสีดำอยู่ที่เบื้องหน้าอู่เหยียและเมิ่งฮ่าว แต่เป็น…นกโกร๋นสีเนื้อไปทั้งตัว
ภาพของนกที่ไร้ขนโดยสิ้นเชิงดูน่าเกลียด และแทบจะน่ากลัวเป็นอย่างมากเมื่อมองไป
อย่างไรก็ตาม เสียงแผดร้องอย่างโหยหวน ที่ดังก้องไปทั่วในอากาศต่อจากนั้น ไม่ได้ดังออกมาจากอีกาสามตา แต่เป็นนกแก้ว เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวจนขนหัวลุก ดูเหมือนจะดังออกมาจากส่วนลึก, ลึกมากของความเจ็บปวด นกแก้วหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ จ้องมองไปยังขนที่กำลังลอยลงไปบนพื้น จากนั้นก็ส่งเสียงร้องอย่างน่าสังเวชออกมา
“เจ้า เจ้า เจ้า…ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้!?!?” ดูเหมือนนกแก้วไม่อาจจะยอมรับได้ หนึ่งอึดใจก่อนหน้านี้ อีกาเป็นความรักที่แท้จริงของมัน เป็นความงดงามในความรู้สึกของมันโดยสิ้นเชิง อึดใจต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ บริเวณนั้น ก็ถูกปกคลุมไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
ทั่วทั้งร่างนกแก้วสั่นสะท้านโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เป็นบางสิ่งที่น่าเสียใจอย่างที่สุด
ด้วยการฉวยโอกาสที่นกแก้วได้สูญเสียจิตวิญญาณไปอย่างฉับพลัน อีกาสามตาก็ใช้วิธีการอื่นเพื่อหายตัวไปในกลางอากาศ หายไปโดยไร้ร่องรอย
นกแก้วดูเหมือนแทบจะเริ่มคลุ้มคลั่ง มันเงยหน้าขึ้นไปในท้องฟ้า และส่งเสียงแผดร้องออกมา“สารเลว! อู่เหยียจะไม่ปล่อยให้เจ้าหลุดมือไปได้!”
ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกเห็นใจนกแก้วอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่า มันเพิ่งจะเปลี่ยนไปใช้คำหยาบ ก็เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้นกแก้วไม่ได้เสียใจเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ฉับพลันนั้นใบหน้าก็ปรากฏขึ้นบนระฆังใบเล็กๆ ที่ผูกติดกับขานกแก้ว เสียงผีโต้งได้ยินมา เต็มไปด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย “พอใจแล้วยัง? จากที่ซานเหยียคิด อีกานั่นจริงๆ แล้วก็ค่อนข้างจะสัตย์ซื่อจริงใจ มิเช่นนั้น ถ้ามันใช้วิชาเวทเหมือนเมื่อครู่นี้ ในตอนที่เจ้ากำลังจัดการมัน แล้วเจ้าจะทำอย่างไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เมิ่งฮ่าวจะจ้องมองไปอย่างโง่งมแล้ว จู่ๆ นกแก้วก็เริ่มสั่นสะท้านมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะมีสีหน้าตกใจอย่างคาดไม่ถึง
เมิ่งฮ่าวคุ้นเคยกับนิสัยของผีโต้งและนกแก้วมานานแล้ว เขายังเคยคิดอีกด้วยว่า ทำไมพวกมันถึงไม่ปรากฏตัวขึ้นในอาณาจักรแรกหรืออาณาจักรที่สอง เขาสันนิษฐานว่าคงมีบางสิ่งที่พิเศษเฉพาะเกี่ยวกับสำนักเซียนอสูร จึงทำให้พวกมันไม่อาจจะเปิดเผยตัวตนออกมาได้
จากเสียงของนกแก้วเมื่อครู่นี้ ก็ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะมีสติขึ้นมา แต่หลังจากที่พยายามอยู่หลายครั้ง เขาก็ไม่อาจจะทำให้อ๋าวเฉี่ยนปรากฏตัวขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็คิดย้อนกลับไปในสิ่งที่ปรมาจารย์ฮูเหยียนได้เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ และตระหนักว่าที่มาของผีโต้งและนกแก้วช่างลึกล้ำจนคาดไม่ถึงอย่างแท้จริง
สำหรับจี้เซี่ยวเซี่ยว นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นนกแก้ว ดวงตานางเบิกกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางได้ยินสิ่งที่ผีโต้งกล่าวมา ถึงแม้นางมักจะเป็นบุคคลที่แปลกประหลาด แต่นางก็ยังคงเป็นหญิงสาวเยาว์วัย จึงต้องหน้าแดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ และส่งเสียงด่าออกมา “เพ่ย”
เป็นการแสดงออกว่า นางกำลังดูถูกอู่เหยีย…
ทันทีที่นางส่งเสียง “เพ่ย” ออกมา นกแก้วก็หันหน้าไปจ้องยังจี้เซี่ยวเซี่ยว แสงอันน่ากลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของมัน ราวกับว่ามันต้องการจะระบายความไม่พอใจและเจ็บปวดใจไปที่นาง
มันหอบหายใจ มองไปยังนาง
“ไร้ขน ไม่มีขน! บัดซบ! ไร้ขนไม่มีขนโดยสิ้นเชิง! อา สวรรค์, ทำไมเจ้าถึงได้ลงโทษข้าเช่นนี้!!” นกแก้วกู่ร้องออกมา จากนั้นก็กัดฟันแน่น เพียงแค่คิดไปว่าอีกาได้สลัดขนของมันไปจนหมดสิ้น ก็ทำให้มันต้องรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างลึกล้ำ
ถึงแม้จี้เซี่ยวเซี่ยวจะไร้ขนหรือไม่มีขนเหมือนที่นกแก้วชอบ แต่เท่าที่นางคิด สายตาอันบัดซบของมันที่จ้องมองมาก็เกินกว่าที่จะทนรับได้
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจนกแก้ว มือขวาทำท่าคว้าจับ ทำให้ถุงสมบัติสองใบของจี้หมิงเฟิง ลอยขึ้นมาจากสระน้ำ และตกลงไปในมือ เขาชำเลืองมองถุงสมบัติทั้งสองใบ เลือกที่จะไม่เปิดออกมาในตอนนี้ แต่เก็บพวกมันไว้
จากนั้น สายตาก็แวบขึ้น คว้าจับไปที่นกแก้วที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญ ไม่สนใจว่ามันต้องการหรือไม่ ซุกมันกลับเข้าไปในถุงสมบัติ จากนั้นก็มองไปยังจี้เซี่ยวเซี่ยว
“ถึงเวลาที่ข้าจะไปรวบรวมของวิเศษบางอย่างแล้ว” เขากล่าว “ถ้าเจ้าไม่มีอะไรทำ ก็มากับข้าได้ จุดหมายของข้าก็คือ เข้าไปในอาณาจักรที่สี่”
จี้เซี่ยวเซี่ยวลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พยักหน้า ดูเหมือนว่านางไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย ที่ได้ยินคำว่าอาณาจักรที่สี่ ราวกับว่านางรู้เรื่องนี้มานานแล้ว
ขณะที่มองไปยังนาง เมิ่งฮ่าวก็คิดไปถึงทรัพยากรของตระกูลนาง และข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรที่สี่ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้มา คนทั้งสองจากไป เมิ่งฮ่าวนำทางไป ขณะที่พวกเขาพุ่งตรงไปยังหลุมขนาดใหญ่นั้น ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างยอดเขาสามและสี่ มันอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม คนทั้งสองก็ไปถึง
มีเพียงไม่กี่คนที่รวมกลุ่มเข้าด้วยกัน มีสมาชิกเพียงหยิบมือจากตระกูลจี้ หนึ่งในนั้นเป็นจี้หมิงคง ซึ่งมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยแสงแปลกๆ ในดวงตา หลี่ซือฉีและหานเป้ยนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้างห่างออกไปไม่ไกลนัก เช่นเดียวกับหวังลี่ไห่ ทันทีที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไป
เมิ่งฮ่าวยิ้มกว้างออกมา ขณะที่โบกมือทักทายกับทุกคน
“ฮาฮาฮา! โลกนี้ช่างแคบนัก สหายเต๋าทั้งหลาย พวกเรามาพบกันอีกแล้ว ในอาณาจักรที่สามนี้เป็นอย่างไร? พวกท่านได้อะไรมาบ้าง?” ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว แก้มจี้เซี่ยวเซี่ยวกระเพื่อมขึ้นเล็กน้อย ขณะที่นางตระหนักว่าเมิ่งฮ่าว…กำลังจะหลอกลวงผู้คนอีกแล้ว
“เมิ่งฮ่าวขอแสดงความปราถนาดีอย่างจริงใจ ต่อเหล่าสหายเต๋าทุกท่าน ข้าหวังว่าพวกท่านจะได้รับผลตอบแทนเป็นอย่างดีในอาณาจักรที่สามนี้ และข้าก็สามารถอาศัยบารมีพวกท่านได้บ้าง, ใช่หรือไม่ ขอบคุณสหายเต๋า พวกท่านช่างเป็นคนดีอย่างแท้จริง” เมิ่งฮ่าวมีท่าทางค่อนข้างน่าสงสาร และอึดอัดใจอยู่เล็กน้อย รอยยิ้มเขินอายปรากฏขึ้น ขณะที่มองไปยังกลุ่มฝูงชนที่เริ่มมีใบหน้าดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลง
สำหรับกลุ่มคนจากดินแดนด้านใต้ ดวงตาพวกมันสาดประกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหานเป้ย เมื่อนางเห็นรอยยิ้มของเมิ่งฮ่าว แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง และนางก็รีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
นางรู้เป็นอย่างดีว่า รอยยิ้มของเมิ่งฮ่าวหมายความว่าอะไร อันที่จริงควรจะบอกว่า เป็นที่รู้กันค่อนข้างดีในดินแดนด้านใต้ว่า เมิ่งฮ่าวได้หลอกลวงผู้คนมามากมาย ด้วยรอยยิ้มที่เขินอายเช่นนั้น…
ถึงแม้ว่าหวังลี่ไห่ไม่เคยเห็นด้านที่เขินอายของเมิ่งฮ่าวมาก่อน แต่เมื่อมันได้ยินคำพูดที่หลอกลวง ตรงกันข้ามกับบุคลิกส่วนตัวของเขาเช่นนั้น รวมทั้งเห็นรอยยิ้ม และปฏิกิริยาของหานเป้ย มันก็เริ่มระมัดระวังตัวขึ้นในทันที
หลี่ซือฉีฝืนยิ้มออกมา มองไปยังเมิ่งฮ่าว แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
ซ่งเจี๋ยก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าอันซับซ้อน ไม่ว่าเมิ่งฮ่าวจะยิ้มอย่างไร สำหรับนางแล้ว ก็เป็นเช่นเดียวกันทั้งหมด
สำหรับเต้าจื่อแห่งตระกูลหลี่, หลี่เทียนเตา เป็นผู้ฝึกตนเพียงคนเดียวจากดินแดนด้านใต้ ที่ไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มอันพิเศษเฉพาะของเมิ่งฮ่าว มันขมวดคิ้ว และทันใดนั้นรังสีสังหารก็พุ่งขึ้นมาจากดวงตา
ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าสมาชิกตระกูลจี้ จะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าพวกมันทั้งหมดจะมีสีหน้าที่ปกติธรรมดา แต่ลึกลงไปในดวงตาพวกมัน สามารถมองเห็นความระมัดระวังตัวซ่อนอยู่ในนั้น
เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ยังทุกคน จากนั้นก็ดูเหมือนจะท้อใจขึ้นมาในทันที กำลังคิดว่าการพยายามขู่กรรโชกของเขาอาจจะล้มเหลว แต่เมื่อสังเกตเห็นแววตาของเต้าจื่อตระกูลหลี่, หลี่เทียนเตา ทันใดนั้น ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มเบิกบานใจขึ้นเล็กน้อย
“สหายเต๋าท่านนี้, ดูไม่ค่อยคุ้นหน้านัก” เมิ่งฮ่าวเดินตรงไปยังหลี่เทียนเตาอย่างรวดเร็ว พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “ท่านได้ของวิเศษในอาณาจักรที่สามนี้มากหรือไม่? มา, มา, มาเปิดถุงสมบัติของท่านให้ผู้น้องดู ข้าจะได้เลือกออกมาสักครึ่งหนึ่ง”
“ไสหัวไป!” หลี่เทียนเตากล่าวเสียงเย็นชา
ก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวมีรอยยิ้มที่จริงใจและสีหน้าที่เขินอาย ไม่นานต่อมา สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทันทีที่หลี่เทียนเตาพูดขึ้น สีหน้าอันดุร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว ฝ่ามือขวาพุ่งตรงไปยังหลี่เทียนเตาในทันที
แสงอันเย็นชาแห่งการดูถูกแวบขึ้นมาในดวงตาหลี่เทียนเตา พื้นฐานฝึกตนของมันพิเศษไม่ธรรมดา ถ้ามองไปยังดินแดนด้านใต้ทั้งหมด ไม่ว่าจะพูดถึงกลุ่มคนในรุ่นเดียวกับมันนี้ หรือแม้แต่หลี่เต้าอีที่ตายไปแล้ว พื้นฐานฝึกตนของหลี่เทียนเตาก็ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง มันแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็ทำท่าคว้าจับด้วยมือขวา ทันใดนั้น ดาบแห่งแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นอยู่ในมือ
แต่ก่อนที่มันจะทันได้ปลดปล่อยพลังเข้าไปในตัวดาบ ฝ่ามือเมิ่งฮ่าวก็พุ่งมาด้วยความรวดเร็วอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ตบลงไปบนใบหน้ามัน ส่งเสียงดังก้องออกไป
ตบเพียงครั้งเดียวก็ทำให้หลี่เทียนเตาแทบจะหมดสติไปโดยสิ้นเชิง มันโกรธแค้นและต้องการจะดิ้นรนถอยไปด้านหลัง แต่ชะตากรรมของมันก็เหมือนกับผู้ฝึกตนจากดินแดนทางเหนือก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวกระแทกมันจนลงไปนอนกองอยู่บนพื้น
พายุหมัดและเท้า ซัดกระหน่ำลงไปที่ร่างมัน เสียงนั้นดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง หลี่เทียนเตาส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา มันพยายามที่จะต่อสู้กลับไป และพยายามจะใช้ดาบของมันฟันเมิ่งฮ่าว แต่สิ่งที่มันได้รับทั้งหมดก็คือ การตบมือลงมาจากเมิ่งฮ่าว ทำให้ดาบสวรรค์แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ความรุนแรงเช่นนั้น ทำให้ดวงตาของพวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมดเริ่มเบิกกว้าง
“เจ้าบังอาจมาด่าข้าจริงๆ!?” เมิ่งฮ่าวร้องออกมา เน้นย้ำคำพูดด้วยการเตะลงไป “ข้าปรารถนาดีต่อเจ้าอย่างจริงใจ แต่เจ้ากลับตอบแทนด้วยคำสาปแช่ง? มากเกินไปแล้ว!” สีหน้าเขาเริ่มดุร้ายและเคร่งเครียดมากขึ้น ทำให้พวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมด เริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้น
ใบหน้าหลี่เทียนเตาซีดขาว แต่ความซีดขาวนั้นค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว ในที่สุดก็กลายเป็นความสิ้นหวัง โลหิตกระจายออกมาจากปาก ขณะที่เงาแห่งความตายได้คืบคลานปกคลุมมาบนร่างมัน
ในที่สุดหานเป้ยก็ขยิบตา ส่งเสียงกระแอมไอ เตือนสติมันขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ไปกระตุ้นปฏิกิริยาจากหลี่เทียนเตา ที่ถึงแม้จะรู้สึกไม่ยินยอมเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังคงตะโกนออกมาว่า มันจะจ่ายชดเชยให้ด้วยราคาที่สูงลิ่ว
หลังจากที่แก้ไขเรื่องราวได้แล้ว เมิ่งฮ่าวก็ยิ้มอย่างจริงใจออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็หยิบเอาอาวุธเวทสองชิ้น จากทั้งหมดสามชิ้นที่หลี่เทียนเตาได้มา
ยิ่งไปกว่านั้น…อาวุธเวททั้งสองชิ้นนี้ก็เป็นของที่ดีที่สุดของทั้งสามชิ้น ขณะที่หลี่เทียนเตารู้สึกเจ็บปวดใจ เมิ่งฮ่าวก็จับไปที่ไหล่มัน จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา และกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าเขินอายอีกครั้ง
หลังจากนั้น เมิ่งฮ่าวก็มองไปรอบๆ ยังคนอื่นๆ ทั้งหมด เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับหลี่เทียนเตา คนเหล่านั้นก็ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องสะกดข่มคำสาปแช่งไว้ในใจ เปิดถุงสมบัติออก หยิบเอาอาวุธเวทที่พวกมันได้มาส่งให้ ด้วยคำสาบานของพวกมัน จึงไม่มีทางที่จะกลับคำพูด และไม่มีทางจะซ่อนสิ่งของให้ละเมิดข้อตกลงได้
ถึงแม้พวกมันจะเจ็บปวดใจ ก็ได้แต่มองดูด้วยความหวาดกลัว ขณะที่เมิ่งฮ่าวเลือกอาวุธเวทด้วยความระมัดระวังชิ้นแล้วชิ้นเล่า
“ชิ้นนี้ก็ไม่เลว!”
“หือ, ไม่นึกเลยว่าท่านจะมีเกราะสวรรค์ชั้นแรก! ยอดเยี่ยม, ยอดเยี่ยม!”
“บุปผาดอกนี้ไม่เลวเลยทีเดียว! เพียงมองแค่แวบเดียว ก็บอกได้เลยว่ามันเป็นของวิเศษอันล้ำค่า!”
“มนุษย์โคลนเล็กๆ ตัวนี้ ถึงแม้มันจะไม่มีแขนและศีรษะ แต่ข้าก็จะนำมันไป”
เมิ่งฮาวเดินวนเป็นวงกลมไปรอบๆ ทำการยึดครองจนทำให้คนทั้งหมดต่างก็ต้องตกตะลึง ทุกคนที่เขานำของวิเศษไป มีสีหน้าที่ดูแทบไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะทุกคนคิดว่า ไม่อาจจะต่อสู้กับเขาได้แล้วละก็ พวกมันคงจะพยายามโจมตีเขาอย่างแน่นอน ความเกลียดชังของพวกมันพุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์ และจิตใจก็มีโลหิตหยดหยาดลงมา
สำหรับพวกมัน เมิ่งฮ่าวไม่เพียงแต่จะนำอาวุธเวทไปเท่านั้น แต่เป็นการนำสมบัติอันล้ำค่ามากที่สุดของพวกมันไป…
ในที่สุดเขาก็มายืนอยู่เบื้องหน้าซ่งเจี๋ย มองไปยังจี้หยกที่นางยื่นออกมา รวมถึงสายตาอันเย็นชาซับซ้อนที่นางมองมา เขายืนอย่างครุ่นคิดอยู่ที่นั่นชั่วครู่ จากนั้นก็หยิบเอาอาวุธเวทหนึ่งชิ้นที่เขาได้มา วางลงไปบนมือนาง
ซ่งเจี๋ยขมวดคิ้ว กำลังจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ทันใดนั้น สามลำแสงหลากสีก็ส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศ ตรงมายังคนทั้งหมดจากที่ห่างไกลออกไป บุคคลที่นำหน้ามาไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นฟางอวี๋ ด้านหลังนางเป็นบุรุษอีกสองคนจากตระกูลฟาง
บุรุษทั้งสองมีสีหน้าตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่า สิ่งของที่พวกมันเพิ่งจะได้มา ทำให้พวกมันพึงพอใจเป็นอย่างมาก