ตอนที่ 671
ร่วมมือ
หลังจากผ่านไปไม่กี่อึดใจ ท่าทางมุ่งมั่นก็เต็มอยู่ในแววตาของหยางหุนเซิ่ง มันยกจอกสุราขึ้นมา และจากนั้นก็เทใส่ลงไปในลำคอ
หลังจากที่สุราไหลลงไป ทันใดนั้นร่างมันก็เริ่มสั่นสะท้าน และเส้นโลหิตก็โผล่ขึ้นมาบนใบหน้า ท่าทางเจ็บปวดปรากฏขึ้นแต่มันก็พยายามอดทน ยกมือขึ้นเพื่อโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตนอย่างเต็มกำลัง สีหน้าภรรยามันเปลี่ยนไป และนางกำลังจะลุกขึ้นมายืน แต่หยางหุนเซิ่งก็ใช้สายตาห้ามปรามนางไว้
มันหอบหายใจประมาณสิบอึดใจ จากนั้นก็ชี้นิ้วมือขวาออกไปในทันที กลิ่นอายสีน้ำเงินปรากฏขึ้น เต็มไปดวยความคมกริบอย่างรุนแรง พุ่งทะลุผ่านผนังหอคอยออกไป จากนั้นปราณกระบี่ขนาดใหญ่ก็กระจายออกไปทั่วทั้งขอบฟ้า
หยางหุนเซิ่งสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และใบหน้ามันก็ซีดขาว มองไปยังเมิ่งฮ่าว
“มีใครในบ้านเกิดของเจ้าที่ดื่มสุราชนิดนี้หรือไม่?”
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ยกขวดสุราขึ้นและดื่มลงไปอึกใหญ่ ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในการจ้องมองมาของหยางหุนเซิ่ง
ใบหน้าหยางหุนเซิ่งบิดเบี้ยวขึ้นอีกครั้ง มันมองไปขณะที่เมิ่งฮ่าวไร้ปฏิกิริยาใดๆ ต่อสุรานี้ แต่จริงๆ แล้วก็ยังได้ดื่มลงไปอีกคำ มันถอนหายใจออกมากล่าวว่า
“ตลอดหลายปีที่ข้าฝึกฝนวิถีเซียน นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครบางคนมาข่มขู่ข้าด้วยสุรา”
“การดื่มสุราจะเป็นการข่มขู่คุกคามได้อย่างไร?” เมิ่งฮ่าวถาม ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเสียใจเล็กน้อย “ในบ้านเกิดของข้า ทุกคนก็ดื่มสุราเช่นนี้ แต่ตอนที่ข้าจากมา ข้าเร่งรีบอยู่เล็กน้อย จึงไม่ได้นำมันมาด้วยมากนัก ครั้งต่อไป ข้าจะนำมาให้ท่านมากกว่านี้”
หยางหุนเซิ่งนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ มันไม่ค่อยมั่นใจนักว่าอะไรที่ทำให้เมิ่งฮ่าวมายังที่แห่งนี้ ปราณกระบี่ในสุรามีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และก่อนหน้านี้มันก็ต้องสั่นไปทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ เมื่อมันเห็นเมิ่งฮ่าวดื่มลงไปโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ก็ได้แต่คิดว่าเมิ่งฮ่าวมีความลึกลับมากกว่าที่มันคิดในตอนแรกอย่างช่วยไม่ได้
“มันสามารถดึงดูดอสูรทะเล จนถึงจุดที่ทำให้พวกมันคลุ้มคลั่งได้ มันมีปราณสุราที่แปลกๆ นี้ มีร่างกายที่แข็งแกร่งจนน่าตกใจยิ่ง และยังสามารถกำจัดปราณเยือกแข็งของข้าได้…นอกจากนี้มันยังเป็นผู้ฝึกตนกาลเวลาอีกด้วย ถ้าเช่นนั้น…ทำไมมันถึงได้มายังที่นี่?” หยางหุนเซิ่งคิด ยกจอกที่มีสุราเยือกแข็งขึ้นมา และดื่มลงไป
“ทำไมเจ้าถึงได้ไปแลกเปลี่ยนหัวใจอสูรกับสำนักหยางหุนเต้า? อัตราแลกเปลี่ยนที่นั่นไม่ได้สูงมากนัก แต่ก็ไม่ได้ต่ำจนเกินไป”
เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังหยางหุนเซิ่งอย่างเงียบๆ ชั่วครู่ จากนั้นก็ถามว่า “ทำไมสามสำนักถึงได้ให้ความสำคัญกับหัวใจอสูรมากเช่นนั้น?”
“กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว นี่เป็นความลับ” หยางหุนเซิ่งกล่าวตอบเสียงราบเรียบ “แต่เมื่อพิจารณาถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของเจ้า ก็คงจะรับรู้ได้เองในที่สุด”
“ต้องย้อนกลับไปถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของสามสำนัก” มันกล่าวต่อ “แต่จะยาวนานมากแค่ไหน แม้แต้ข้าก็ยังไม่แน่ใจนัก ข้ารู้แต่เพียงว่าปรมาจารย์รุ่นแรกของสำนัก ได้ร่วมกันสร้างกำแพงลมพายุขึ้นมา หลังจากนั้นพื้นที่บริเวณนี้ก็ถูกผนึกไว้ทั้งหมด จนกระทั่งถึงทุกวันนี้”
“สำหรับปรมาจารย์เหล่านั้นจะยังคงมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ไม่มีใครรู้ แต่พวกท่านก็ได้ทิ้งมรดกวิเศษไว้ ซึ่งต้องใช้หัวใจอสูรเพื่อทำให้มันคงอยู่ได้ต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น วิชาฝึกตนของผู้ฝึกตนสามสำนัก ก็แตกต่างไปจากบุคคลภายนอก สำหรับพวกเรา หินลมปราณมีประสิทธิภาพเพียงแค่ปานกลางเท่านั้น แต่กลับกันหัวใจอสูรเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า”
“ยิ่งไปกว่านั้น และเป็นส่วนที่สำคัญมากที่สุด ทุกๆ การหมุนเวียนของค่ายกลเวทอันยิ่งใหญ่ ซึ่งปกป้องสามสำนักไว้ จำเป็นต้องใช้หัวใจอสูรจำนวนมากมายจนน่าตกใจ ถ้าไม่มีหัวใจอสูร ค่ายกลเวทก็จะไม่ทำงาน”
เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนี้ เมิ่งฮ่าวก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ข้าคิดว่ายังมีเหตุผลอื่นอีก ใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว แต่ข้าไม่อาจบอกเจ้าได้” หยางหุนเซิ่งกล่าวตอบ จ้องมายังเมิ่งฮ่าว
“มันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือยมโลกในกำแพงลมพายุ” เมิ่งฮ่าวกล่าว ยิ้มด้วยดวงตาที่แววาว
หยางหุนเซิ่งมองกลับไปยังเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เจ้าไม่จำเป็นต้องสอบถามเรื่องนี้ นี่เป็นความลับของสามสำนัก ซึ่งไม่อาจจะบอกเล่าต่อบุคคลภายนอกได้ แต่เจ้าก็รู้เกี่ยวกับเรือยมโลก…ช่างคาดไม่ถึงนัก”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของมันจะสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ภายในใจ หยางหุนเซิ่งกำลังตกตะลึงเมื่อได้ยินเมิ่งฮ่าวกล่าวถึงเรือยมโลก อีกครั้งที่มันพบว่าตนเองมีความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้น
ในตอนนี้เองที่แผ่นหยก ทันใดนั้นก็เริ่มเปล่งแสงอยู่ในถุงสมบัติของหยางหุนเซิ่ง มันนำแผ่นหยกออกมาและมองลงไป จากนั้นก็วางลงไปบนโต๊ะ
“ถ้าท่านไม่ต้องการจะบอกข้า ก็ช่างมันเถอะ” เมิ่งฮ่าวกล่าว ยกเลิกความตั้งใจที่จะสืบหาข้อมูล “สำหรับหัวใจอสูร…ตราบเท่าที่ท่านมอบหินลมปราณให้ข้าด้วยจำนวนที่มากพอ แน่นอนว่าข้าจะแลกเปลี่ยนกับท่าน!” เขาหยิบถุงสมบัติออกมา และปล่อยมือวางมันลงไปบนโต๊ะ
เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองไปยังแผ่นหยกซึ่งอยู่บนโต๊ะที่เบื้องหน้าหยางหุนเซิ่ง ยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ท่านคงรู้ว่ามีหัวใจอสูรอยู่ข้างในมากมายเท่าใด โปรดเสนอราคามา”
“ห้าพันล้านหินลมปราณระดับต่ำ” หยางหุนเซิ่งกล่าวตอบ โบกสะบัดมือ ทำให้แหวนลอยออกไป ซึ่งเมิ่งฮ่าวก็คว้าจับไว้
เขาใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไปที่แหวน ทำให้มองเห็นว่าภายในแหวนมีหินลมปราณจำนวนมากมายซ้อนทับกันอย่างแน่นหนา!
พวกมันไม่ใช่หินลมปราณระดับต่ำ, ทั้งไม่ใช่ระดับกลาง แต่ทั้งหมดเป็นหินลมปราณระดับสูง!
ม่านตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง จากความเข้าใจของเขา แม้แต่สำนักหรือตระกูลใหญ่ก็ยากที่จะรวบรวมหินลมปราณระดับสูงได้มากมายเช่นนี้ แต่ท่าทีของหยางหุนเซิ่งก็…น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวแอบพึมพำกับตัวเอง เกี่ยวกับคนยากไร้ที่ได้กลายเป็นเศรษฐีในชั่วพริบตา แต่เขาก็ยังคงไม่อาจจะยับยั้งไม่ให้ตัวเองคิดได้ว่า ทำไมสำนักหยางหุนเต้าเล็กๆ นี้ ถึงได้มีหินลมปราณมากมายเช่นนั้นได้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขณะที่ทันใดนั้น เขาก็คิดไปถึงหัวใจอสูร
“ใช่หรือไม่ว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับหัวใจอสูรเอง ที่ทำให้สำนักหยางหุนเต้าร่ำรวยเช่นนี้?”
“การซื้อขายของพวกเราเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้เจ้าสามารถจากไปได้” หยางหุนเซิ่งหลับตาลง และไม่สนใจเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป ราวกับว่าการมองไปยังเขา จะทำให้มันรู้สึกค่อนข้างรำคาญ
เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา สวมแหวนไว้ที่นิ้ว ขณะที่ลุกขึ้นมายืนและเตรียมตัวจะจากไป แต่หลังจากที่เดินไปได้สองก้าว จู่ๆ เขาก็หยุดลงและมองกลับไป
“เมื่อคิดว่าสำนักหยางหุนเต้าของท่านมีหินลมปราณอยู่มากมาย บางทีท่านน่าจะสนใจในการร่วมมือกัน”
หยางหุนเซิ่งลืมตาขึ้น และมองไปยังเมิ่งฮ่าว
“ร่วมมือกันอย่างไร?”
“พวกเราทั้งสองรวมพลังกันสังหารอสูรทะเล ข้าจะช่วยท่านล่อพวกมันออกมา”
ดวงตาหยางหุนเซิ่งสาดประกาย หลังจากเงียบไปชั่วขณะ มันก็กล่าวว่า “แล้วจะแบ่งกันอย่างไร?”
“ทุกๆ สิบดวงที่พวกเราได้มา ท่านเอาไปเก้า ข้าเก็บไว้หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมาแลกเปลี่ยนหัวใจอสูรกับหินลมปราณ ข้าจะลดให้ท่านหนึ่งในสิบส่วน!”
“ห้าในสิบส่วน!” หยางหุนเซิ่งโต้กลับ
“ไม่ได้” เมิ่งฮ่าวกล่าว ส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล่ออสูรทะเลออกมา และนั่นก็เป็นความรับผิดชอบของข้า ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าการช่วยเหลือของท่านจะทำให้กระทำได้รวดเร็วขึ้น และเป็นเพราะว่าวงแหวนที่สามเป็นของพวกท่านสามสำนักแล้วละก็ ข้าก็จะทำทั้งหมดด้วยตัวข้าเอง”
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้เกี่ยวกับวงแหวนที่สามไม่น้อย” หยางหุนเซิ่งสวนกลับไป คนทั้งสองต่อรองเรื่องความร่วมมือกันต่อไป ที่ด้านข้าง ภรรยาที่งดงามของหยางหุนเซิ่งใช้มือปกปิดรอยยิ้มของนางไว้ ขณะที่มองมา นางไม่เคยได้ยินหยางหุนเซิ่งพูดจามากมายเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
นางเข้าใจสามีของนางดี ภายนอกดูเหมือนมันจะเย็นชา แต่มันก็มองว่าผู้คนที่มันยอมรับเป็นเสมือนกับสหายสนิท สำหรับผู้คนที่มันไม่ยอมรับ ต่อให้บุคคลเหล่านั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง พวกมันก็ไม่มีทางจะได้ยินมากเกินไปกว่าสามประโยคออกมาจากปากของมัน
นางเห็นได้ว่าถึงแม้สามีและเมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะเข้ากันไม่ค่อยได้ แต่จริงๆ แล้ว คนทั้งสองต่างก็นิยมยกย่องซึ่งกันและกัน
เมิ่งฮ่าวตบมือลงไปบนโต๊ะ ทำให้แผ่นหยกลอยขึ้นมาในอากาศ “ฟังข้านะเฮยเสียวจื่อ (เจ้าเด็กดำ) ข้าอ่อนข้อให้กับเจ้ามากแล้ว อย่าให้ข้าต้องใช้กำลังบังคับ เจ้าก็ได้ลองชิมสุราจากบ้านเกิดของข้าแล้ว ดังนั้นก็น่าจะรู้ว่าการลดราคาห้าในสิบส่วนจะไม่มีทางเกิดขึ้น!”
หยางหุนเซิ่งแค่นเสียงเย็นชา “หลายร้อยปีในวงแหวนที่สาม ผู้ศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง! ถ้าไม่มีคำยินยอมจากข้า เจ้าก็จะสังหารอสูรทะเลไปทั้งหมด?”
คนทั้งสองเผชิญหน้ากันอย่างมีโทสะ ภรรยาหยางหุนเซิ่งยิ้มออกมา ลุกขึ้นยืนเพื่อไปเติมสุราให้ กล่าวขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล “ท่านทั้งสองไม่จำเป็นต้องแสดงท่าที่เช่นนี้ แทนที่จะยึดติดกับห้าส่วนหรือหนึ่งส่วน ทำไมพวกท่านถึงไม่ถอยหลังกันคนละก้าว และลองคิดไปที่สามในสิบส่วน?”
เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดอยุ่ชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย “ดี ลดให้สามส่วน!” นอกจากนี้ นี่ก็คือวงแหวนที่สาม ถึงแม้ว่าหยางหุนเซิ่งจะไม่ได้ใช้ไพ่ไม้ตาย เขาก็คงไม่อาจจะเทียบได้ ถึงแม้คนทั้งสองไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับอีกคนได้อย่างไร ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องรู้สึกรำคาญใจที่ต้องได้รับหินลมปราณในอัตราแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ อย่างช่วยไม่ได้
หยางหุนเซิ่งลังเลอยู่ชั่วครู่ และจากนั้นก็พยักหน้า
เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืน “เฮยเสียวจื่อ เมื่อตกลงกันได้แล้ว อีกสองสามวันพวกเราจะออกไปด้วยกัน”
“ข้าคือผู้ศักดิ์สิทธิ์และมีนามว่า หลินเทา!” หยางหุนเซิ่งกล่าวผ่านร่องฟัน
“เข้าใจแล้ว เฮยเสียวจื่อ” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ โบกสะบัดชายแขนเสื้อ และเตรียมตัวจากไป
ในตอนนี้เองที่ดวงตาของหยางหุนเซิ่งแวบขึ้น ทันใดนั้นมันก็กวาดชายแขนเสื้อไปยังแผ่นหยกที่วางอยู่บนโต๊ะ ส่งให้มันลอยตรงมายังเมิ่งฮ่าว เมิ่งฮ่าวหันร่างมาและคว้าจับมันไว้ จากนั้นก็มองไปยังหยางหุนเซิ่ง
“เฟยเซียนเซิ่ง และไห่เสินเซิ่ง ส่งข่าวมาให้ข้า ลองอ่านดู” มันจิบสุราลงไป จากนั้นก็หลับตาและไม่กล่าวอะไรมากไปกว่านั้น
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าเคร่งขรึม ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในแผ่นหยก หลังจากที่มองดูข้อมูลที่อยู่ด้านใน แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง เนื่องจากข้อมูลในแผ่นหยกนั้น ตอนนี้เฟยเซียนเซิ่งและไห่เสินเซิ่ง กำลังเดินทางมายังวงแหวนที่สาม พร้อมกับศิษย์ของพวกมันเจ็ดหมื่นคน”
นอกเหนือจากข้อมูลนี้ ก็ยังมีรูปภาพของเมิ่งฮ่าวอีกด้วย รวมทั้งข้อความถึงหยางหุนเซิ่ง ที่เชื้อเชิญให้มันเข้าร่วมการค้นหานี้
ในที่สุดก็มีข้อความที่บ่งบอกว่า ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังกำลังมาด้วยตนเอง ขอเข้าพบกับหยางหุนเซิ่ง เพื่ออธิบายถึงรางวัลที่มันจะได้รับในการให้ความร่วมมือค้นหา
สีหน้าเมิ่งฮ่าวราบเรียบไร้ความรู้สึกใดๆ ขณะที่โยนแผ่นหยกกลับไป ซึ่งไปลอยอยู่ในอากาศเบื้องหน้าหยางหุนเซิ่ง
หยางหุนเซิ่งหยิบแผ่นหยกนั้นเก็บไว้ จากนั้นก็กล่าวเสียงราบเรียบ “หานเฟิง”
ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน หานเฟิงก็เคลื่อนย้ายทางไกลเข้ามาในห้อง และไปยืนอยู่ที่เบื้องหน้าหยางหุนเซิ่ง ประสานมือและโค้งตัวลง
หยางหุนเซิ่งกล่าวเสียงราบเรียบ “เข้าไปในเมืองไห่เฉิง และทำลายข้อมูลเกี่ยวกับสหายของอาจารย์ให้หมด ไม่ว่าจะมีผู้คนมากมายเท่าใดที่เห็นมัน หรือติดต่อกับมัน ให้จัดการทุกสิ่งอย่างเต็มที่”
“นั่นรวมถึงผู้คนที่ออกไปจากเมืองนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วย ให้จัดการทั้งหมด”
หานเฟิงอ้าปากค้างอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ก้มศีรษะรับคำ มันชำเลืองมองมายังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็หมุนตัวและจากไป
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
“เฟยเซียนเซิ่ง และไห่เสินเซิ่ง กำลังผ่านกำแพงลมพายุมาแล้ว ด้วยความรวดเร็วเท่าที่พวกมันจะทำได้ คงต้องใช้เวลาประมาณสองเดือนกว่าที่พวกมันจะมาถึงที่นี่ สำหรับปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ถึงแม้ว่ามันจะมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ค้นหาเต๋า มันก็คงจะใช้เวลาประมาณสองเดือนด้วยเช่นกัน”
“ข้าจะยอมรับในข้อเรียกร้องของผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง รวมทั้งปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ด้วยเช่นนั้น ก็คงจะเป็นเรื่องยากมากขึ้นที่พวกมันจะรู้ร่องรอยของเจ้าในอาณาเขตของข้า”
เมิ่งฮ่าวเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่จะประสานมือและโค้งตัวลง “ขอบคุณมาก!”
“ข้าไม่ได้ช่วยเหลือเจ้า ข้ากำลังช่วยการค้าของพวกเรา” หยางหุนเซิ่งกล่าวเสียงราบเรียบ จากนั้นก็กระแอมไอและมองมายังเมิ่งฮ่าว “ลดราคาแปดในสิบส่วน!”
เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น แต่สีหน้าก็ยังสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย จ้องมองไปยังหยางหุนเซิ่ง ซึ่งกำลังยิ้มแย้มด้วยความพึงพอใจในตัวเอง “สี่ส่วน นั่นเป็นสิ่งทั้งหมดที่เจ้าจะได้!”