ตอนที่ 804
เป็นหนี้ต้องชดใช้!
สมาชิกตระกูลจี้จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยโทสะ ดวงตาพวกมันสาดประกายด้วยรังสีสังหาร หลายปีมานี้ไม่มีใครกล้าบังอาจมาทำลายประตูใหญ่ของตระกูลจี้ แน่นอนว่าต้องยกเว้น…สามีภรรยาคู่นั้น
ตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเป็นคนที่สามที่กระทำเช่นนี้
“ไร้สาระ!” มีเสียงดังขึ้นมาจากท่ามกลางสมาชิกตระกูลจี้ ในเวลาเดียวกันนั้น พลังลมปราณก็ระเบิดออกมา ตามมาด้วยสามผู้อาวุโสของตระกูล พวกมันเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และมาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวในชั่วอึดใจเดียว พื้นฐานฝึกตนพวกมันกระจายพลังอันน่าตกใจของขั้นค้นหาเต๋าออกมา และขณะที่มาถึงเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว พวกมันก็แค่นเสียงเย็นชาและทำการโจมตีมา
พวกมันรู้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่ธรรมดา จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกมันถึงได้รวมพลังกัน เพื่อโจมตีมาโดยพร้อมเพรียงกัน ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้แต่ดวงตะวันและจันทรายังต้องสั่นสะท้าน ภาพลวงตาของแท่นบูชาปรากฏขึ้น ส่งเสียงดังกระหึ่มตรงไปยังเมิ่งฮ่าว กระจายแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อออกมา
“เห็นแก่หน้าบิดามารดาเจ้า พวกเราจะไม่สังหารเจ้าไปในวันนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเราจะปล่อยเจ้าไปโดยที่ไม่สั่งสอนให้รู้สำนึก!” พื้นดินสั่นสะเทือน ขณะที่แท่นบูชาตกลงมายังร่างเมิ่งฮ่าว
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเยือกเย็น ยิ้มออกมาและมองไปยังแท่นบูชาที่ใกล้เข้ามา ทันใดนั้นเขาก็กำหมัดจนแน่น ขณะที่หมัดพุ่งออกไปในอากาศ ขุนเขาที่เก้าก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็กระแทกลงไปยังแท่นบูชา
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา และแท่นบูชาก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ขุนเขาที่เก้าลอยตัวอยู่ที่นั่น กระจายแรงกดดันอันน่าตกใจออกมา และที่น่าตกตะลึงมากไปกว่านั้นก็คือว่า มันถูกห้อมล้อมด้วยปราณเซียนที่หมุนวนไปมา สามผู้อาวุโสตระกูลจี้เดินโซเซถอยไปทางด้านหลัง โลหิตไหลซึมออกมาจากปาก ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ในเวลาเดียวกับที่พวกมันล่าถอยออกไป ผู้อาวุโสอีกเจ็ดคนก็บินขึ้นไปในอากาศ พวกมันรวมพลังกันด้วยเช่นกัน ผลักมือลงมาจากด้านบนเพื่อเรียกทะเลสาบขนาดใหญ่ออกมา มีมัจฉาว่ายไปมาอยู่ในทะเลสาบ หนึ่งในนั้นพุ่งทะยานขึ้นมาและกลายเป็นมังกรสีแดง ส่งเสียงแผดร้องคำราม มุ่งหน้าตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวยกเท้าขึ้น เดินตรงไปหนึ่งก้าว พื้นดินสั่นสะเทือนขณะที่พลังจำนวนมาก กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง สามผู้แข็งแกร่งค้นหาเต๋ากระอักโลหิตออกมา และถอยไปทางด้านหลังอีกครั้ง ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
สำหรับเจ็ดผู้อาวุโสของตระกูลที่เรียกมังกรสีแดงออกมา โลหิตกระจายออกมาจากปาก และพวกมันก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ราวกับเป็นว่าวที่ถูกตัดสายป่าน
จากนั้นสมาชิกธรรมดาอื่นๆ ของตระกูล ต่างก็มีสีหน้าสลดลง ขณะที่พวกมันรู้สึกว่าร่างกายกำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ไม่อาจจะควบคุมตนเองได้โดยสิ้นเชิง พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ที่นั่นเหนือคนทั้งหมดด้วยความตกตะลึง
กลุ่มคนที่ด้านนอกต่างก็มองมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและปากที่อ้าค้าง สำหรับพวกมันแล้ว เมิ่งฮ่าวดูคล้ายกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กำลังยืนอยู่ที่นั่นอย่างไร้ผู้ต่อต้าน!
“เป็นหนี้ต้องชดใช้!” เมิ่งฮ่าวกล่าว เดินตรงไปอีกครั้ง “มันเป็นกฎแห่งสวรรค์และเป็นพื้นฐานของปฐพี! ถ้าพวกเจ้าไม่ยอมใช้คืน ข้าก็จะนำมันไปด้วยตนเอง” ขณะที่เขาเดินตรงไป สมาชิกตระกูลจี้ก็ถูกบังคับให้ต้องถอยร่นไปทางด้านหลัง แทบจะราวกับว่าพวกมันไม่อาจจะควบคุมร่างกายตนเองได้ และกำลังถูกบังคับให้ต้องถอยร่นไปด้วยพลังอันน่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง
หนึ่งในพวกมันเป็นบุรุษหนุ่มที่ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงพลังอันน่าเหลือเชื่อ โอบล้อมอยู่รอบๆ ร่าง จู่ๆ มันก็ถูกลากออกมาจากสมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลจี้ ถูกฉุดดึงตรงมายังเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว
มันก็คือจี้เสวียหลิน
“เมิ่งฮ่าว เจ้ามันมากเกินไปแล้ว!” มันร้องเสียงแหลมเล็กออกมา จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างมีโทสะ ดูท่าทางคล้ายกับว่ามันกำลังจะมีโทสะ แต่ภายในใจมันกำลังสั่นสะท้าน แม้ในขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก มันก็รู้ดีว่าเรื่องอันน่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ไร้ทางเลือกนอกจากต้องพูดออกมาเช่นนั้น นอกจากนี้ นี่ก็คือตระกูลจี้ ถ้ามันไม่กล่าวออกมาเช่นนี้ แล้วมันจะมีหน้าไปพบกับสหายร่วมตระกูลได้อย่างไรกัน?
“เจ้าเป็นหนี้ข้า และข้าก็มาทวงหนี้! แล้วจะมากเกินไปได้อย่างไร?”
ต่อหน้าต่อตาของสมาชิกตระกูลจี้ทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้น เมิ่งฮ่าวหยิบฉวยไปที่ถุงสมบัติของจี้เสวียหลินและเปิดมันออกมา เขาขมวดคิ้ว
“เจ้ามีหินลมปราณเพียงแค่ล้านกว่าก้อนเท่านั้น? เป็นไปได้อย่างไร!?” น้ำเสียงเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้น “จี้เสวียหลิน นั่นยังไม่เพียงพอ ข้าตรวจสอบดูแล้ว…เจ้าเป็นหนี้ข้าเจ็ดล้านหกแสนห้าหมื่นหินลมปราณ…” เขายื่นมือออกไป ล้วงมือเข้าไปในเสื้อจี้เสวียหลินและเริ่มถอดมันออกมา
“เมิ่งฮ่าว! เจ้า เจ้า เจ้า…” จี้เสวียหลินส่งเสียงแผดร้องออกมา เมิ่งฮ่าวไม่เพียงแต่หยิบฉวยถุงสมบัติของมันไปเท่านั้น แต่ยังได้เอาสิ่งของส่วนตัวอื่นๆ ของมันไปอีกด้วย หลังจากนั้นอย่างน่าตกใจยิ่ง เมิ่งฮ่าวเริ่มเปลื้องเสื้อผ้ามัน! ทำให้จี้เสวียหลินต้องตกใจจนหน้าถอดสี เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและประหลาดใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“จะ-จะ-เจ้า…กำลังทำอะไร!?!?”
ไม่เพียงแต่มันเท่านั้นที่ตื่นตระหนก สมาชิกตระกูลจี้คนอื่นๆ ต่างก็มองมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่เมิ่งฮ่าวถอดเสื้อผ้าของจี้เสวียหลินออกมา
“เจ้าเป็นหนี้ข้า! เสื้อผ้าเหล่านี้เนื้อผ้าค่อนข้างดี ข้าพนันได้เลยว่าถ้านำมันไปขายก็คงจะได้หินลมปราณกลับมาไม่น้อย” เมิ่งฮ่าวเก็บเสื้อผ้าไว้ จากนั้นก็มองไปยังจี้เสวียหลินที่กำลังสั่นสะท้าน ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความสงสารออกมา
“ถ้าข้ารู้ว่าเรื่องราวจะกลับกลายเป็นเช่นนี้” เมิ่งฮ่าวกล่าวส่ายหน้าไปมาด้วยความเห็นใจ “ตอนนั้นข้าก็คงจะทำในสิ่งที่แตกต่างกันออกไป อา, ผู้เยาว์ เจ้าไม่ควรจะเขียนตั๋วสัญญาอย่างง่ายดายเช่นนั้น ข้าหวังว่าในวันข้างหน้า เจ้าจะจดจำไว้ กลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่!”
“แต่ก็อย่าลืมว่า เจ้ายังคงเป็นหนี้ข้า สิ่งของเล็กน้อยในวันนี้ถือว่าเป็นดอกเบี้ยก็แล้วกัน”
จี้เสวียหลินส่งเสียงแผดร้องออกมา จากนั้นก็กระอักโลหิตออกมากองโต มันรู้สึกเดือดดาลจนหมดสติไป ล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้น ยากที่จะบอกได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือการแสดงของมัน…
ในตอนนี้เองที่เสียงแค่นอย่างเย็นชาก็ดังก้องออกมา เงาอันเลือนลางพุ่งผ่านคฤหาสน์มา และกลิ่นอายอันเย็นชาอย่างน่าเหลือเชื่อก็กระจายออกมา รังสีสังหารอันไร้ขอบเขตม้วนตัวไปมาอยู่ในอากาศ ขณะที่มือสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านบน แรงกดดันส่งเสียงดังกระหึ่ม กดทับลงมาในทั่วทุกทิศทาง กลายเป็นพลังของขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป มือนั้นก็ตบลงมาที่เขา
แทบไม่อาจจะมองเห็นได้ว่า ด้านหลังของมือยักษ์นั้นเป็นชายชราที่สวมใส่ชุดดำ มีรูปร่างที่ผอมแห้งกะหร่อง และกระจายกลิ่นอายที่เน่าเปื่อยผุพังออกมา ราวกับว่ามันเพิ่งจะปีนขึ้นมาจากหลุมฝังศพ
“เจ้าไม่คู่ควรที่จะมาอาละวาดอยู่ในตระกูลจี้!”
เสียงกระหึ่มดังเต็มไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี รังสีสังหารอันน่าประหลาดใจเต็มอยู่ในอากาศ ดูชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด และทำให้วันที่เจิดจ้าของฤดูใบไม้ผลิจู่ๆ ก็หนาวเย็นขึ้นมาราวกับเป็นฤดูหนาวอันน่ากลัว เกล็ดหิมะสีดำเริ่มลอยพริ้วลงมา และทั่วทั้งบริเวณนั้นก็กลายเป็น…สนามรบในท่ามกลางฤดูหนาว
ทันใดนั้น ซากศพนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นอยู่ในสนามรบ รวมทั้งผู้ฝึกตนมากมายกำลังต่อสู้กันอย่างโหดเหี้ยม ทั้งหมดนี้ดูเหมือนของจริงอย่างน่าเหลือเชื่อ! มันคือ…อาณาเขตค้นหาเต๋า!
มันคืออาณาเขตค้นหาเต๋าขั้นสูงสุด!
ขณะที่เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นในท่ามกลางอาณาเขตนั้น ใบหน้าก็เริ่มหมองคล้ำและเคร่งเครียดขึ้น ใครก็ตามที่มองเห็นสีหน้านี้ก็จะพบว่าจิตใจตนเองกำลังเต้นรัวขึ้นในทันที ภาพของเมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เป็นความโหดร้ายที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในใจเขามานานแล้ว!
“รังสีสังหาร? เจ้าไม่มีทางจะมากไปกว่าข้าอย่างแน่นอน” เขากล่าวเสียงราบเรียบ ทันใดนั้น เงาที่อยู่ด้านล่างเท้าก็กลายเป็นระลอกคลื่น และร่างจริงที่สองก็โผล่ออกมา ตอนแรกดวงตาของมันหลับอยู่ แต่ขณะที่มันก้าวเท้าออกไป ดวงตาทั้งคู่ก็ลืมขึ้นมา แสงสีโลหิตกระจายออกไป รังสีสังหารสาดประกายขึ้น มีความเข้มข้นกว่ารังสีสังหารก่อนหน้านี้มากมายหลายเท่า ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี กลุ่มเมฆม้วนตัวไปมา ดวงตะวันสั่นสะท้านจันทราสั่นสะเทือน ขณะที่รังสีสังหารอันเข้มข้นนั้น ทำให้ทุกสรรพสิ่งในบริเวณนั้นสั่นไหวไปมา
ชายชราที่ผอมกะหร่องซึ่งอยู่สูงขึ้นไปในกลางอากาศอ้าปากค้าง และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สมาชิกตระกูลจี้ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด ต่างก็สั่นสะท้านด้วยความประหลาดใจ และพวกมันหลายคนกำลังกระอักโลหิตออกมากองโต
กลุ่มคนทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกคฤหาสน์ รู้สึกราวกับว่าพวกมันถูกแช่แข็งด้วยความหนาวเหน็บราวน้ำแข็ง และกำลังสั่นไปมาอย่างรุนแรง
นี่คือร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าว ซึ่งได้ดูดกลืนจิตมารอันไร้ขอบเขตของเขาเข้าไป!
กลิ่นอายสีดำอันน่าตกใจของจิตมารระเบิดออกมาจากร่างจริงที่สอง กลายเป็นกลุ่มเมฆสีดำที่ม้วนตัวไปมา จากนั้นก็ก่อตัวกันเป็นภาพของใบหน้าขนาดใหญ่ ใบหน้านั้นดูโหดร้ายอย่างไร้ที่เปรียบ และดูเหมือนจะประกอบด้วยความบ้าคลั่ง ที่ปรารถนาจะกำจัดสิ่งมีชีวิตทั้งหมดไป
รังสีสังหารอันเข้มข้นนี้ ทันใดนั้นก็กลายเป็นแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ กดทับลงไปบนร่างของชายชราที่ผอมแห้ง จนหนังศีรษะมันต้องด้านชาไปโดยสิ้นเชิง
“นี่…นี่…” จิตใจมันหมุนคว้าง จิตวิญญาณอันดุร้ายนี้, รังสีสังหารนี้, ความบ้าคลั่งนี้…ต่างก็เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็นในชีวิตของมัน
อารมณ์เมิ่งฮ่าวเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง เพิ่มระดับเสียงขึ้นกล่าวว่า “สำหรับภาพลวงตาสนามรบนี้ ข้าขอถามเจ้าว่า…เคยเห็นสนามรบที่แท้จริงมาบ้างหรือไม่?”
ร่างจริงที่สองแตกกระจายไป ทำให้ดูเหมือนสิ่งที่คล้ายกับเป็นลำแสงพุ่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง ทำให้…สนามรบที่ต่างกันออกไปปรากฏขึ้น!
นี่เป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยการสังหารหมู่อย่างแท้จริง พร้อมกับแม่น้ำแห่งโลหิตที่ไหลออกไปในทั่วทุกที่ ยักษ์ที่มีขนาดใหญ่เท่าภูเขาแผดร้องคำราม และหญิงสาวที่หลบซ่อนอยู่ภายในกลุ่มหมอกลูกทรงกลม การต่อสู้อย่างดุร้ายพุ่งขึ้นไป ขณะที่ใครหลายคนเลือกที่จะระเบิดตนเอง แทนที่จะยอมให้บ้านของพวกมันถูกยึดครอง พื้นดินแปดเปื้อนด้วยสีแดงที่เจิดจ้า และที่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋ากำลังต่อสู้กันในระยะประชิด หนึ่งในพวกมันแผดเสียงหัวเราะออกมา และระเบิดตนเองไป
ภาพที่เห็นนี้ช่างสมจริงอย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะ…ภาพเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริงในสงครามระหว่างดินแดนด้านใต้และดินแดนทางเหนือ!
“เจ้าเคยอยู่ในสนามรบเช่นนี้มาบ้างหรือไม่?” เมิ่งฮ่าวถาม ดวงตาร่างจริงที่สองแวบขึ้น และมันก็ก้าวเท้าตรงไป จิตวิญญาณอันดุร้ายของมันหลอมรวมเข้าไปกับพลังของสนามรบ จากนั้นก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ ไปปะทะกับมือสีดำและชายชราที่ผอมแห้งซึ่งกำลังตบลงมา
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น ขณะที่มือสีดำพังทลายกลายเป็นชิ้นๆ ชายชราร่างผอมแห้งกระอักโลหิตออกมา และพุ่งถอยไปทางด้านหลัง ขณะที่มันบินฝ่าอากาศไป ก็กระอักโลหิตออกมาอีกสามครั้ง พื้นฐานฝึกตนของมันตกลงไป และเสียงแตกร้าวก็ได้ยินออกมา ขณะที่แผ่นหยกรักษาชีวิตของมันถูกทำลายไป ถ้าไม่มีแผ่นหยกนั้น มันก็คงต้องตายไปอย่างแน่นอน
ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอันน่ากลัว สมาชิกตระกูลจี้สั่นสะท้านโดยสิ้นเชิง ขณะที่พวกมันจ้องไปยังเมิ่งฮ่าว เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านนอก
“นั่นก็คือ…เมิ่งฮ่าว!”
“มันคือผู้ถูกเลือกที่มีชื่อเสียงขึ้นมา ในช่วงของการทำสงครามระหว่างดินแดนด้านใต้ และดินแดนทางเหนือ มันคืออันดับหนึ่งของรุ่นนี้ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน…”
“สนามรบเมื่อครู่นี้ต้องเป็นภาพจากสงครามนั้นอย่างแน่นอน…”
เสียงสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บได้ยินมา พร้อมกับภาพของเมิ่งฮ่าวที่กำลังส่ายหน้าไปมา “ไม่อาจจะควบคุมมันได้อย่างเต็มที่” เขากล่าว
ด้วยเช่นนั้น เขาก็ทำท่ากวักมือเรียก และร่างจริงที่สองก็หายตัวไป อีกครั้งที่มันกลายเป็นเงาของเขา จากสิ่งที่คนทั้งหมดมองเห็นได้ ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวได้สงบเยือกเย็นลงอีกครั้ง
“มากเกินไปแล้ว เจ้าผู้เยาว์!”
เสียงที่ดังก้องต่อมาฟังดูเก่าแก่โบราณ ดังออกมาจากส่วนลึกที่อยู่ภายในคฤหาสน์โบราณของตระกูลจี้ มาจากตำแหน่งที่ดูจะแตกต่างเป็นอย่างมาก กับอาคารบ้านเรือนที่ถูกตกแต่งอย่างงดงามรอบๆ บริเวณนั้น เป็นกระท่อมมุงจากที่ดูเหมือนจะปกติธรรมดาในทุกแง่มุม ทันใดนั้น ประตูกระท่อมก็เปิดออก และวัยรุ่นผู้หนึ่งก็ก้าวเท้าออกมา
มันมีอายุประมาณสิบห้าถึงสิบหกปี แต่ทั่วทั้งศีรษะก็เต็มไปด้วยผมที่หงอกขาว ใบหน้ามันมองเห็นได้จากชายชราทั่วไป เห็นได้ชัดว่า มันได้ฝึกฝนวิชาบางอย่างที่ทำให้ร่างกายได้ย้อนกลับไปจากวัยชรา
ทันทีที่มันก้าวเท้าออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้ามันสั่นสะท้าน อย่างน่าตกใจยิ่ง ภาพแห่งธรรมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังมัน
ภาพแห่งธรรมนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นขวดน้ำเต้าขนาดใหญ่ มีสีแดง, น้ำเงิน และเหลืองอยู่รอบๆ ทันทีที่มันปรากฏขึ้น แสงอันน่าตกใจก็กระจายออกมาปกคลุมไปทั่วทั้งป้อมปราการนี้
ทันทีที่ผู้ฝึกตนตระกูลจี้มองเห็นขวดน้ำเต้า และได้ยินเสียงเก่าแก่โบราณนั้น จิตวิญญาณพวกมันก็เฟื่องฟูขึ้นมา ไม่ว่าพวกมันจะมีอายุเท่าใด ทั้งหมดต่างก็หันหน้าตรงไปยังขวดน้ำเต้า ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
“ขอคารวะ ท่านปรมาจารย์จิ่ว! (เก้า)”
“ท่านปรมาจารย์จิ่วนี่เอง! ขอคารวะ ท่านปรมาจารย์จิ่ว!”
ในเวลาเดียวกันนั้น วัยรุ่นผู้นั้นก็ก้าวเดินตรงมาเพียงแค่ก้าวเดียว ราวกับว่าทั่วทั้งป้อมปราการตระกูลจี้ได้ย่อส่วนลงไป ในชั่วพริบตา มันก็มาอยู่ที่ด้านหน้าของกลุ่มผู้ฝึกตนตระกูลจี้ มันประสานมืออยู่ที่ด้านหลัง เส้นผมสีขาวลอยพริ้วไปมาอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเย็นชา