ตอนที่ 851
จิตใจที่สัตย์ซื่อ
บนเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ยังมีอีกหนึ่งคนที่ดูคุ้นเคย หลี่ซือฉี
นางสวมใส่ชุดยาวสีขาว เดินข้ามดินสีดำไปอย่างช้าๆ ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป จนกระทั่งพบกับเศษซากเซียนที่อยู่ห่างไกลออกไป
นางไม่ได้ทำการเลือกอย่างลวกๆ หรือว่าเริ่มลองต่อต้านกับซากหักพังนั้นอย่างเร่งรีบ นั่นคือบุคลิกส่วนตัวของนาง
หลังจากที่เดินมาเป็นเวลานาน ในที่สุดนางก็ข้ามทะเลสาบสีโลหิตไป ในครั้งหนึ่งทะเลสาบแห่งนี้มีขนาดกว้างใหญ่และลึกลงไป แต่ตอนนี้มีน้ำเหลืออยู่อีกน้อยมาก
ตรงส่วนก้นของทะเลสาบ มองเห็นบุปผาสีโลหิตอยู่
มันเป็นกล้วยไม้ซึ่งมีสีแดงเหมือนกับโลหิต
กล้วยไม้โลหิต
หลี่ซือฉีมองไปยังกล้วยไม้นั่นอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ หลังจากนั้นแสงแห่งความมุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้นในดวงตา และนางก็เดินตรงเข้าไปหามัน นี่เป็นซากหักพังแรกที่นางเลือก ตอนนี้เมื่อได้ทำการตัดสินใจแล้ว นางก็จะมองมันไปจนถึงที่สุด นี่คือบุคลิกส่วนตัวของนาง
“นี่คือความโชคดีมากที่สุดในโลกแห่งนี้” นางพึมพำเสียงแผ่วเบา “ข้าไม่อาจจะได้มันมาทั้งหมด ข้าแค่ต้องการหาบางสิ่งที่เหมาะสมกับข้า นั่นก็ถือว่าดีพอแล้ว” ขณะที่เดินตรงไปยังกล้วยไม้โลหิต นางก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ในที่สุดนางก็นั่งลงขัดสมาธิ สีหน้าว่างเปล่าขณะที่จมลงไปในการเข้าฌาณ
จะเห็นได้ว่ากลุ่มคนทั้งหมดบนเส้นทางโบราณทั้งสาม ได้จมอยู่ในการเข้าฌาณที่ลึกล้ำเช่นเดียวกัน บางคนก็เหมือนกับหลี่ซือฉี ที่ทำการเลือกด้วยความระมัดระวัง บางคนก็ลองดูจากเศษซากเซียนหนึ่งแห่งไปยังอีกแห่งอยู่เรื่อยๆ
บุคลิกที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดเป็นเส้นทางที่ต่างกันออกไป
เวลาผ่านไป คนทั้งหมดกำลังต่อสู้เพื่ออนาคตของตัวเอง พยายามที่จะได้รับความรู้แจ้งเกี่ยวกับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง กลุ่มคนที่อยู่ด้านนอก ในตี้จิ่วซานไห่ทั้งหมด มองไปด้วยความอดทนอย่างไม่ยอมละสายตา นี่คือการสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่แค่การคัดลอกวิชาเวทอื่นๆ มา ยิ่งใช้เวลาในการสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์มากเท่าใด ก็จะยิ่งกลายเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากขึ้นเท่านั้น
“หลังจากสามด่านนี้แล้ว จะต้องมีใครบางคนมีชื่อเสียงขึ้นมาในชั่วค่ำคืนอย่างแน่นอน ทำให้สำนักทั้งหมดต้องมุ่งความสนใจไปที่มัน อาจจะมีใครบางคน ไม่ว่ามันจะมีชื่ออยู่ในรายนามหรือไม่ ก็คงจะต้องถูกรับตัวไปให้เข้าสังกัดสำนักต่างๆ อย่างแน่นอน!”
“อาจจะมีใครบางคนที่ต้องประสบกับความล้มเหลวอย่างรุนแรง และสูญเสียความได้เปรียบก่อนหน้านี้ทั้งหมดไปอีกด้วย”
“แน่นอนว่าพวกเราต้องมองดูอย่าให้ละสายตา ยังบางคนที่สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงสิบแท่นศิลา ในอนาคต คนผู้นั้นต้องถูกถือว่าเป็นผู้ถูกเลือกอย่างแน่นอน”
เสียงพูดคุยเช่นนี้ดังก้องออกมา อยู่ในสถานที่ต่างกันของตี้จิ่วซานไห่ ซึ่งมีผู้คนมารวมตัวกันเพื่อเฝ้ามองดูการแข่งขันในครั้งนี้ คนเหล่านั้นบ้างก็เป็นผู้ถูกเลือกเช่นไท่หยางจื่อ ที่เคยไปดาวหนานเทียนมาก่อน แต่ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มคนเหล่านั้นไม่เคยเห็นเมิ่งฮ่าวมา เคยแต่ได้ยินนามของเขาเท่านั้น
ในตอนนี้ กลุ่มผู้ถูกเลือกทั้งหมดเหล่านี้กำลังมองไปยังการแข่งขัน ด้วยความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของแต่ละคน
พวกมันรู้เป็นอย่างดีว่า อาจจะมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ที่วันหนึ่งในอนาคตจะกลายมาเป็นคู่แข่งของพวกมันเองในสำนักเดียวกัน
เวลาผ่านไป ในที่สุดก็ผ่านไปแล้วสามวัน เมิ่งฮ่าวผ่านเศษซากเซียนไปแล้วสิบเก้าแห่ง หลังจากที่ใช้เวลาบางส่วนอยู่ในแต่ละแห่ง เขาก็จากไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง และสงสัยว่าต้องมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับตัวเอง
“ช่างน่าหดหู่ใจนัก…” เขากล่าวพร้อมกับถอนหายใจ “ทำไมความรู้แจ้งที่ข้าได้รับมาในแต่ละซากหักพังเหล่านี้ ถึงมักจะต้องเกี่ยวข้องกับหินลมปราณ…” ตอนนี้ เขากำลังเดินไปยังกระจกทองแดงขนาดใหญ่ ในทันทีที่เขามองไปยังมัน ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะหยิบเอาหินลมปราณออกมา และวางลงไปบนพื้นผิวของกระจก
หลังจากนั้นไม่นาน เมิ่งฮ่าวก็จากกระจกไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“เห็นได้ชัดว่าซากหักพังแต่ละแห่งเหล่านี้ ทำให้ข้าต้องนึกไปถึงหินลมปราณโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทำให้ข้าต้องคิดไปถึงตั๋วสัญญาขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เหมือนใครออกมา!” ด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เขาตัดสินใจได้แล้ว และดวงตาก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ยิ่งเขาคิดถึงมันมากเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเลือกจะสมเหตุสมผลมากขึ้นเท่านั้น
ร่างกายแวบขึ้น ขณะที่เขาพุ่งตรงไปยังเศษซากเซียนอื่นต่อไป
เวลาผ่านไปมากขึ้น เจ้าอ้วนหมดสติไป และได้สติกลับคืนมาหลายครั้ง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา มันก็จะคว้าจับไปที่เห็ดหลินจือ และกัดลงไปอย่างดุร้าย ตอนนี้มันกำลังเคี้ยวเห็ดหลินจือคำสุดท้ายอยู่ รู้สึกเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย ที่จะปล่อยให้มีสิ่งใดๆ หลงเหลืออยู่ มันจึงกัดไปที่ตอไม้ซึ่งเห็ดหลินจือเติบโตขึ้นมา กลืนมันลงไป จากนั้นก็หมดสติไปอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกที่อิ่มแปร้และพึงพอใจ พร้อมกับสีหน้าที่สมใจอยาก
เฉินฝานยังคงยืนอยู่ที่เบื้องหน้าของก้อนศิลา วาดรูปภรรยาของมันลงไป พู่กันในมือขยับไปมาด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ภาพของซานหลิงเริ่มมองเห็นได้ชัดเจน ราวกับมีชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละครั้งที่พู่กันสะบัดวาดลงไป
หวังโหย่วฉายนั่งอยู่ที่เบื้องหน้าของกระจกสัมฤทธิ์ต่อไป ดวงตาเป็นสีแดงก่ำจนถึงจุดที่หยดน้ำตาแห่งโลหิต ได้ไหลลงมาจากใบหน้า ตกลงไปบนเสื้อผ้าของมัน ร่างกายมันกำลังสั่นสะท้าน เส้นเลือดเขียวโผล่ขึ้นมาบนใบหน้าและลำคอ สีหน้ามันโหดเหี้ยมและดูน่าเกลียด
“ข้าสามารถมองเห็นได้มากกว่านี้!!”
ขณะที่หลี่ซือฉีจ้องมองไปยังกล้วยไม้โลหิตอย่างเงียบๆ ชุดสีขาวของนางก่อนหน้านี้กำลังเริ่มกลายเป็นสีแดง ซึ่งเป็นสีเดียวกับสีของดอกไม้
อีกสามวันได้ผ่านไป ตอนนี้เมิ่งฮ่าวผ่านเศษซากเซียนไปแล้วสามสิบเก้าแห่ง ในตอนนี้เองที่เสียงกระหึ่มได้ดังก้องออกมาจากเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง และผู้ฝึกตนทั้งหมดในตี้จิ่วซานไห่ซึ่งกำลังมองไปยังเส้นทางโบราณ ก็เพ่งมองไปยังจอภาพบนกระแสน้ำวนของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งด้วยความกระตือรือร้น
“ใครบางคนทำได้สำเร็จแล้ว!”
“เสียงนั้นดังออกมาจากเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง! ข้าอยากรู้นักว่าจะมีแท่นศิลาตัวอักษรปรากฏขึ้นเท่าใด!”
ปรมาจารย์ในวิหารที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าทั้งหมดเริ่มมองไป
บนเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ชายชราผู้หนึ่งได้แหงนหน้าขึ้นไปและกำลังแผดเสียงหัวเราะออกมา มันโบกสะบัดมือ ดินโคลนสีดำที่อยู่รอบๆ ตัวมัน ทันใดนั้นก็ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็เริ่มรวมตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นรูปปั้น ซึ่งมีสามศีรษะและหกแขน ทันทีที่มันรวมตัวกันโดยสมบูรณ์ ก็กระจายพลังอันน่าตกใจออกมา
“เหล่าฟูรู้แจ้งเกี่ยวกับดินโคลนนี้!” ชายชราประกาศก้อง “ดินนี้ประกอบด้วยวิญญาณ เป็นวิญญาณที่สามารถเปลี่ยนเป็นเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของผู้คนที่ถูกกลบฝังอยู่ในที่แห่งนี้! นี่คือเจตจำนงที่จะกลายเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าฟู นับจากนี้ไปมันจะถูกเรียกว่า…รากเหง้าแห่งวิญญาณ!”
ขณะที่เสียงของชายชราดังก้องออกไป สองแท่นศิลาตัวอักษรก็ดังกระหึ่มออกมาจากความว่างเปล่า ลอยไปตกลงที่เบื้องหน้ามัน มองเห็นแสงอันทรงพลังเต็มไปทั่วทั้งโลกแห่งนั้น เผยทุกสิ่งทุกอย่างให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนต่อพวกที่มุงดูอยู่
“สองแท่นศิลาตัวอักษร…ไม่เลว! คนผู้นี้ไม่เลวเลยทีเดียว!”
“มันยังใช้เวลาน้อยมากอีกด้วย ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นมัน แต่ตอนนี้เริ่มมีผู้คนให้ความสนใจมันแล้ว” ขณะที่เสียงพูดคุยยังคงดำเนินต่อไปในท่ามกลางเหล่าผู้ชม ตัวแทนจากสำนักต่างๆ ก็เริ่มเพิ่มนามของชายชราลงไปในบันทึกรายชื่อของพวกมันอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เสียงหัวเราะของชายชรายังคงดังก้องอยู่นั้น เสียงกระหึ่มก็ได้ยินมาจากผู้ฝึกตนอีกเจ็ดถึงแปดคน บนเส้นทางโบราณทั้งสาม ขณะที่พวกมันสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตนเองได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่แท่นศิลาตัวอักษรตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้ง ก็มีเพียงแค่สองแท่นเท่านั้น ไม่เคยถึงสามเลย
ในวันต่อมา ได้มีผู้เข้าแข่งขันสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตนเองได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ คนแล้วคนเล่า บนเส้นทางโบราณทั้งสามต่างก็เป็นเหมือนกัน อย่างน้อยที่สุด มีหนึ่งแท่นศิลาตัวอักษรปรากฏขึ้น และมากที่สุด มีสี่แท่นศิลา ซึ่งแน่นอนว่าจะได้รับความสนใจมากขึ้น
ทันใดนั้น ในวันที่เจ็ด บนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า เสียงกระหึ่มก็ได้ยินมา ซึ่งไม่เหมือนกับเสียงอื่นๆ ก่อนหน้านี้
ชายชราที่มีพลังเปลี่ยนแปลงอายุ ตอนนี้ได้ปรากฏตัวขึ้นในรูปลักษณ์ของบุรุษวัยกลางคน ซึ่งเป็นอายุที่อยู่ในช่วงสำคัญที่สุดของชีวิต มันลอยตัวอยู่กลางอากาศ ขยับมือร่ายเวท ทำให้เกิดเป็นชั้นผิวหนังพิเศษขึ้นมาบนร่างมัน ซึ่งจากนั้นก็เริ่มลอกออก ราวกับว่ามันกำลังลอกคราบ ไม่มีเศษเนื้อกระจัดกระจายออกไปแม้แต่น้อย แต่กลับเชื่อมต่อกับผิวกายมันอย่างสมบูรณ์!
ผิวกายนั้นดูเหมือนกำลังยิ้มอยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากก็ตามที!
“ข้าได้สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้นมา, ครอบครองชีวิต!” มันกล่าวเสียงราบเรียบ ขณะที่ลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ “ผิวหนังที่ข้าลอกออกมานี้ สามารถจะครอบครองร่างกายได้ แม้แต่จะเป็นเซียนเทียม!” ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ขณะที่แปดแท่นศิลาตัวอักษรตกลงมา
แท่นศิลาทั้งแปดเหล่านั้น ทำให้เกิดเป็นสีสันแวบขึ้นไป ส่งผลให้กลุ่มฝูงชนในตี้จิ่วซานไห่พูดคุยกันเป็นเสียงดังขึ้น
แม้แต่เหล่าปรมาจารย์หลายคน ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ต่างก็มีดวงตาที่สาดประกายขึ้นมาด้วยแสงแห่งความประหลาดใจ
“แปดแท่นศิลาตัวอักษร! ช่างเป็นการสร้างสรรค์ที่น่าตกใจยิ่ง!”
“มันทำได้ดีในด่านก่อนหน้านี้ และตอนนี้ก็สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์แปดแท่นศิลาออกมาได้ แสดงให้เห็นว่ามันมีความสามารถอย่างแท้จริง!”
“ฮา ฮา ฮา! สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่อาจจะไม่ว่างที่จะไปเหลือบแลมัน แต่สำนักชีไห่ (เจ็ดทะเล) ต้องมีศิษย์เช่นมันให้จงได้”
ที่โลกด้านนอกก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนด้วยเช่นกัน แปดแท่นศิลาตัวอักษรในตอนนี้ ถือว่ามากที่สุดที่ได้ปรากฏขึ้นสำหรับคนทั้งหมด
แทบจะในเวลาเดียวกับที่แปดแท่นศิลาตัวอักษรตกลงมา เสียงกระหึ่มก็ได้ยินออกมาจากภาพของคนที่อยู่บนเส้นทางโบราณมากขึ้น ราวกับว่ากำลังมาถึงจุดวิกฤตบางอย่าง ความสามารถศักสิทธิ์ปรากฏขึ้นมามากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครทำให้แปดแท่นศิลาตัวอักษรตกลงมาก็ตามที อย่างมากที่สุด ก็ปรากฏขึ้นหกแท่นศิลาเท่านั้น
แต่จากนั้น…เสียงอันน่าเหลือเชื่อก็ดังขึ้นมาจากบนเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มสั่นสะเทือน สายลมกรีดร้องและพลังอันรุนแรงพุ่งขึ้นมา ทำให้แม้แต่ชายชราที่ทำได้แปดแท่นศิลาตัวอักษร ก็ยังต้องไม่อาจจะหายใจได้ทั่วท้อง ในที่สุด ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในโลกด้านนอกต่างก็มองไป
ต้นกำเนิดของเสียงนั้นคือ…เจ้าอ้วน!
มันไม่ได้สร้างความประทับใจมากนักในด่านก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะว่ามันไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ แต่ตอนนี้เมื่อมันลืมตาขึ้นมา และขณะที่ดวงตาทั้งคู่ดูเหมือนจะว่างเปล่าอยู่ในตอนแรก แต่ก็เห็นได้ว่ากองฟืนขนาดใหญ่ถูกมันกินลงไปเกือบครึ่ง จนบริเวณนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
เจ้าอ้วนยืนขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกตัว จากนั้นจู่ๆ ก็อ้าปากขึ้น และสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ลมหายใจนั้นทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้าน กลุ่มเมฆรวมตัวเข้าด้วยกัน ในชั่วพริบตา…ก็มองเห็นปากขนาดใหญ่อยู่ที่ด้านบน
ปากนั้นเต็มไปด้วยฟันที่แหลมคมราวกับเป็นใบมีดนับไม่ถ้วน ขณะที่มันกัดลงไปบนพื้น ก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีความกว้างนับพันจ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ขณะที่ปากขนาดใหญ่กัดลงไปยังทุกสรรพสิ่ง และทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกกัดไปเป็นคำใหญ่มโหฬาร
คนทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและตกตะลึงพรึงเพริด
ในตอนนี้เองที่สวรรค์สั่นสะเทือน ขณะที่สิบสามแท่นศิลาตัวอักษรตกลงมา เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มอยู่ที่ด้านบน พวกมันลอยอยู่ในอากาศรอบๆ ตัวเจ้าอ้วน ขณะที่ดวงตาของมันเริ่มมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากในภวังค์ก่อนหน้านี้
“สิบสามแท่นศิลาตัวอักษร! นั่น…นั่นเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน ที่เจ้าอ้วนนั่นสร้างขึ้นมา?!?!”
“สิบสามแท่นศิลาตัวอักษร! นั่นเป็นอันดับสองรองจากฝานเหล่าในวันนั้น! เจ้าอ้วนผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง! ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีการหยั่งรู้ที่ทรงพลังเช่นนี้!!”
ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปรมาจารย์ของสำนักทั้งหมดกำลังมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แม้แต่สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ต่างก็ตกตะลึงกันไปทั่ว ในตอนนี้เองที่ปรมาจารย์จากกู่เซียนหลิง (สุสานเซียนโบราณ) หนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นมายืน ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ก่อนที่คนอื่นๆ จะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ มันก็พุ่งจนหายลับตาเข้าไปในจอภาพที่อยู่เบื้องหน้าด้านบน
ยังมีอีกสี่ปรมาจารย์ที่ยืนขึ้นมา แต่พวกมันก็ยังไม่เร็วพอ และในชั่วพริบตาปรมาจารย์จากกู่เซียนหลิงซึ่งมีเส้นผมสีเทาที่ยาวลงมาปกคลุมหัวไหล่ ก็ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าเจ้าอ้วน
“ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเจ้านี้มีนามว่าอะไร?!” มันถามในทันทีที่ปรากฏกายขึ้น ฉับพลันนั้นมันก็โบกสะบัดมือ ทำให้ทั่วทั้งบริเวณนั้นถูกปิดกั้นไป จึงไม่มีใครจะสามารถผ่านเข้ามาได้อีก
เจ้าอ้วนเริ่มสั่นสะท้าน
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” มันกล่าวตอบ ไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้มาปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้ามันทำไม “ข้าเพิ่งจะกินท่อนฟืนและเห็ดหลินจือเข้าไป จากนั้นก็ฝันว่ากำลังหิวเป็นอย่างมาก จนรู้สึกคันเหงือก เหมือนกับว่าข้าจะต้องถูตะไบฟันและกินอาหารอยู่ตลอดเวลา”
“ดี ดี ดี ช่างมีจิตใจที่สัตย์ซื่อ และความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่นัก นับจากนี้ไป มันจะถูกเรียกว่าเวทกลืนสวรรค์!”
“เจ้ายินดีที่จะเข้าสังกัดเป็นศิษย์ของกู่เซียนหลิงหรือไม่?!” ดวงตาของชายชราสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ยิ่งมองไปยังเจ้าอ้วนมากเท่าใด มันก็ยิ่งพึงพอใจมากขึ้นเท่านั้น
“ข้ายินดี” เจ้าอ้วนกล่าวตอบ กระพริบตาไปมา จากนั้นก็ถามว่า “แต่…แต่ภรรยาของข้าทั้งหมดที่บ้าน สามารถมาพร้อมกับข้าได้หรือไม่?”
“เหมือนที่ข้าคิดไว้ เจ้าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคนรู้จัก วางใจได้ ภรรยาของเจ้าสามารถเข้าสังกัดกู่เซียนหลิงได้เช่นกัน!” พร้อมกับเสียงถอนหายใจชายชราโบกสะบัดมือ เจ้าอ้วนถูกปกคลุมด้วยแสงอันเจิดจ้า จากนั้นมันก็หายตัวไป โลกรอบๆ ตัวบริเวณนั้นพังทลายลงไป ย้อนกลับไปยังวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปรมาจารย์หลายคนไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้