ตอนที่ 852
บุปผาบานสะพรั่ง
ปรมาจารย์คนอื่นๆ กำลังบ่นด้วยโทสะ อยู่ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
“บัดซบ ข้าแค่ช้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็ต้องสูญเสียศิษย์ที่ดีไป! ถูกแย่งไปอย่างคาดไม่ถึง!”
ในโลกที่ด้านนอก คลื่นแห่งความตกตะลึงขนาดใหญ่ม้วนกวาดออกไปทั่ว เนื่องจากเจ้าอ้วนถูกนำตัวไปในฐานะศิษย์
“เจ้าอ้วนนั่นมีนามว่าอะไร? ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะได้กลายเป็นศิษย์ของกู่เซียนหลิง (สุสานเซียนโบราณ) หนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”
“ข้าจำได้ว่ามันถูกเรียกว่าหลี่ฟูกุ้ย มั่นใจได้เลยว่านับจากนี้ไปชีวิตของมันต้องแตกต่างไปจากเดิม!”
“จากการที่มันสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงสิบสามแท่นศิลา หลี่ฟูกุ้ยผู้นี้ต้องเป็นผู้ถูกเลือกอย่างแน่นอน เมื่อคิดไปแล้ว คงอีกไม่นานมันก็จะทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนไปได้ ในที่สุดมันก็ไปอยู่ที่ขั้นค้นหาเต๋าอย่างแน่นอน จากนั้นมันก็คงจะเข้าไปสู่ขั้นเซียน!”
“เกิดอะไรขึ้นกับกองฟืนที่อยู่ด้านล่างมัน? ทำไมถึงได้มีรอยกัดมากมายเช่นนั้น ราวกับมีสุนัขมากัดเคี้ยวไปที่กองไม้เหล่านั้น? มันเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ตอนแรกแล้วหรือไม่?”
กลุ่มผู้ชมที่อยู่ด้านนอกในตี้จิ่วซานไห่ ต่างก็สั่นสะท้านอยู่ภายในใจ บางคนก็คิดไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน บางคนก็เต็มไปด้วยความอิจฉา
ขณะที่เสียงพูดคุยดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เสียงกระหึ่มอีกเสียงก็ได้ยินมาจากเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ครั้งนี้ดังมาจากหลี่ซือฉี ตอนนี้เสื้อผ้านางได้เปลี่ยนเป็นสีแห่งโลหิตไปทั้งร่าง นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านข้างของกล้วยไม้โลหิต แทบจะราวกับว่านางได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของดอกกล้วยไม้นั้นไปแล้ว!
นางลืมตาขึ้นมา และในตอนนั้นเองที่ กล้วยไม้โลหิต…ได้เหี่ยวแห้งร่วงโรยลงไป!
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น พลังและจิตวิญญาณของนางได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทันใดนั้นพื้นฐานฝึกตนก็พุ่งขึ้นไป ผลักดันให้นางเข้าไปใกล้ขั้นตัดวิญญาณอย่างถึงที่สุด
ตอนแรกนางมีท่าทางสับสน แต่เมื่อนางเริ่มมีสติแจ่มใสขึ้น ก็ขยับมือร่ายเวทด้วยมือที่ละเอียดอ่อนงดงาม จากนั้นก็ชี้ขึ้นไปในอากาศ ท้องฟ้าที่ด้านบนทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต กล้วยไม้โลหิตก่อตัวขึ้นมาอยู่ที่ด้านบน และค่อยๆ เริ่มบานขึ้นอย่างช้าๆ
เสียงกระหึ่มดังก้องออกไป แท่นศิลาตัวอักษรชิ้นแล้วชิ้นเล่า ตกลงมาจากท้องฟ้าสีแดงโลหิต หนึ่ง, สอง, สาม…สิบ, สิบสอง…สิบสาม…
ในที่สุด สิบสี่แท่นศิลาตัวอักษรก็ตกลงมาจากด้านบน มาตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นรอบๆ ตัวหลี่ซือฉี ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นไหวไปมา ขณะที่หลี่ซือฉีลุกขึ้นมายืน นางก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งหมดไป
กลุ่มคนที่มุงดูอยู่ในตี้จิ่วซานไห่ ระเบิดเสียงโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาในทันที
“สวรรค์! นางยังน่าตกตะลึงกว่าเจ้าอ้วนซะอีก! สิบสี่แท่นศิลาตัวอักษร!!”
“นางได้รับความรู้แจ้งเกี่ยวกับดอกกล้วยไม้โลหิต? นิกายเซี่ยหลัน (กล้วยไม้โลหิต) ต้องคลุ้มคลั่งอย่างแน่นอน! พวกมันคงไม่ลังเลที่จะจ่ายค่าตอบแทนใดๆ ก็ตาม เพื่อรับนางเข้าสังกัด!”
“เป็นไปได้อย่างไรที่สองผู้ถูกเลือก ปรากฏขึ้นบนเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง? คนทั้งสองไม่ได้สะดุดตามาก่อน แต่ตอนนี้กลับน่าตกตะลึงนัก!”
เมื่อเจ้าอ้วนเปิดตัวครั้งแรก ห้าปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว รวมทั้งปรมาจารย์จากกู่เซียนหลิงบินออกไป แต่ตอนนี้มีอยู่เจ็ดคนกำลังบินขึ้นไปในอากาศ ไม่มีใครจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่จะไม่ขยับตัวเคลื่อนไหว แม้แต่ปรมาจารย์จากเยี่ยหู (ทะเลสาบจันทรา) หนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้พุ่งตัวออกไป
เจ็ดปรมาจารย์เข้าไปถึงจอภาพในเวลาเดียวกัน จากนั้นพวกมันทั้งหมดต่างก็ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าหลี่ซือฉีในโลกแห่งการแข่งขัน
“หนี่ว์หวา (เด็กหญิง) เจ้ายินดีที่จะเข้าสังกัดเยี่ยหู หนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?!”
“ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีผู้ถูกเลือกอยู่มากมาย” หนึ่งในเจ็ดกล่าว “ถ้าเจ้าเข้าสังกัดกับพวกมัน เจ้าก็ไม่มีทางจะโดดเด่นขึ้นมาได้ จากพลังแห่งความเข้าใจของเจ้า เจ้าควรจะเป็นจักรพรรดินีของรุ่นนี้ในนิกายตี้เซียน! (เซียนจักรพรรดิ)” ตอนนี้คนทั้งหมดกำลังพยายามโน้วน้าวหลี่ซือฉี
ในตอนนี้เองที่ชายชราซึ่งสวมใส่ชุดยาวสีโลหิต จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา
“เจ้ารู้แจ้งเกี่ยวกับกล้วยไม้โลหิต และใช้มันสร้างเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา แสดงให้เห็นว่าเจ้ามีโชคชะตาที่เชื่อมต่อกับนิกายเซี่ยหลัน ถ้าเข้าร่วมกับพวกเรา เจ้าก็จะกลายเป็นเซิ่งหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ตามลำดับ!” ปรมาจารย์อีกหกคนในที่นั้นต่างก็ตกตะลึง ผู้ฝึกตนที่ถูกรับเข้าสังกัดจากการแข่งขันนี้ มักจะต้องผ่านช่วงการทดลองมาก่อน แต่ปรมาจารย์จากนิกายเซี่ยหลันกลับยื่นข้อเสนอให้เป็นเซิ่งหนี่ว์ ซึ่งเป็นการละเมิดกฎที่วางไว้ แต่เมื่อคิดว่านางได้รู้แจ้งเกี่ยวกับกล้วยไม้โลหิต คนอื่นๆ ก็เข้าใจได้
หลี่ซือฉีมองไปอย่างเงียบๆ ยังชายชราจากนิกายเซี่ยหลันอยู่ชั่วขณะ ในที่สุดนางก็โค้งตัวลง
“ผู้อาวุโส ข้าคือหลี่ซือฉี และยินดีที่จะเข้าสังกัดนิกายเซี่ยหลัน”
เสียงอึกทึกที่ด้านนอกยิ่งดังวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม หลี่ซือฉีจากไปพร้อมกับปรมาจารย์จากนิกายเซี่ยหลัน หลังจากนั้นผู้ฝึกตนทั้งหมดก็รู้ว่าหญิงสาววัยเยาว์นามหลี่ซือฉี จะคล้ายกับเป็นมัจฉาที่พุ่งทะยานผ่านประตูมังกรไป และผ่านการทดสอบนี้ได้อย่างสำเร็จงดงาม
ในวันข้างหน้า ชื่อเสียงของนางจะยิ่งกว่าหลี่ฟูกุ้ย นางได้รับความรู้แจ้งแห่งกล้วยไม้โลหิต และได้สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาจากมัน สำหรับนิกายเซี่ยหลันแล้ว นิกายนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมาก็เนื่องมาจากกล้วยไม้โลหิตนี้นี่เอง ทำให้นางมีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นเซิ่งหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ได้อย่างแน่นอน
ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวได้ผ่านเศษซากเซียนไปแล้วถึงเจ็ดสิบสองแห่ง ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเขา เนื่องจากทั้งหมดกำลังพูดคุยกันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอ้วนและหลี่ซือฉี บางคนที่มีพื้นฐานฝึกตนที่สูงเป็นพิเศษ ก็เป็นพวกที่มักจะคิดไปถึงเรื่องราวในอนาคต และมองเรื่องราวได้ลึกลงไปในรายละเอียดมากยิ่งขึ้น
พวกมันไม่ได้เข้ากับร่วมกับการพูดคุยต่างๆ เหล่านั้น แต่เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าวได้รับความรู้แจ้งจากเศษซากเซียนมากมายหลายแห่ง พวกมันก็แอบตกตะลึงอยู่ภายในใจ ปรมาจารย์ในวิหารก็กำลังให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเริ่มพูดอะไรขึ้นมาก่อนก็ตามที
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าถ้ามีสำนักอื่นๆ พยายามที่จะแย่งชิงคนที่เหมือนกับเมิ่งฮ่าว พวกมันก็จะถูกบังคับให้ต้องขัดใจกับสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่า…สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่คือกลุ่มที่จัดงานแข่งขันนี้ขึ้นมาก็ตามที
คนทั้งหมดรู้ดีว่าในช่วงการประเมินผลต่อการสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ มีแต่คนที่มีความทะเยอทะยานสูงเท่านั้น ถึงจะได้รับความรู้แจ้งจากเศษซากเซียนมากมายหลายแห่งได้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางโบราณขั้นค้นหาเต๋า, ตัดวิญญาณ หรือวิญญาณแรกก่อตั้ง มีน้อยนักที่จะเดินไปบนเส้นทางเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว ส่วนใหญ่แล้วคนอื่นๆ มักจะรู้แจ้งเพียงแค่หยิบมือ ซึ่งแตกต่างไปจากเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างมาก
ขณะที่ผู้คนในโลกด้านนอกกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของหลี่ซือฉีและเจ้าอ้วน หวังโหย่วฉายนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เบื้องหน้ากระจกสัมฤทธิ์ ดวงตาแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง และเริ่มมีโลหิตไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายมันกำลังสั่นสะท้าน แทบจะราวกับว่ามันถูกครอบงำไป
“ข้ายังมองเห็นได้อีก! ข้าสามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง…”
“พรสวรรค์ของข้าอาจจะเทียบไม่ได้กับต๋งหู่ พื้นฐานฝึกตนของข้าก็ไม่ดีเท่าเมิ่งฮ่าว แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้!” โลหิตไหลลงมาจากดวงตาของหวังโหย่วฉายมากยิ่งขึ้น ม่านตามันดูเหมือนว่าแทบจะระเบิดออกมา
“นี่คือโอกาสเดียวของข้าเท่านั้น ในด่านก่อนหน้านี้ ไม่มีใครให้ความสนใจข้าเลย แต่ตอนนี้…ข้าจะมีชื่อเสียงขึ้นมา!”
“ข้าต้องการจะเห็น…ทุกสรรพสิ่ง! ข้าต้องการเห็นทุกโชคชะตา ดวงตาข้าจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินสวรรค์ และเลยผ่านนรกอเวจีที่อยู่ภายใต้พื้นปฐพี!” โลหิตไหลออกมาจากดวงตามันอย่างต่อเนื่อง และม่านตามันกำลังเริ่มแตกกระจายไป
หลังจากผ่านไปสิบลมหายใจ…เสียงกระหึ่มก็ได้ยินมาจากภายในโลกที่หวังโหย่วฉายนั่งอยู่ ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงพึมพำของหวังโหย่วฉายก็ได้ยินออกมา
“ข้าสามารถมองเห็นได้แล้วในตอนนี้…” ทันทีที่มันกล่าวคำพูดนั้นออกมา จู่ๆ ดวงตาก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ทุกสรรพสิ่งที่เบื้องหน้ามันกลายเป็นความมืด และทันใดนั้นเองทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไปชั่วนิรันดร์ ขณะที่ดวงตาแตกกระจายไป มันก็หลับตาลง
การแตกกระจายออกไปนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ขณะที่เป็นเช่นนั้น โลกรอบๆ ตัวหวังโหย่วฉายก็แตกร้าวออกไปและ…ระเบิดขึ้นกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มันก็ลุกขึ้นมายืน แท่นศิลาตัวอักษรได้ตกลงมาผ่านท้องฟ้าด้านบนที่แตกกระจายไป ชิ้นแล้วชิ้นเล่า ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของกลุ่มคนที่อยู่ในโลกด้านนอกต่างก็จ้องนิ่งมายังหวังโหย่วฉาย
พวกมันมองเห็นโลกที่แตกกระจายไป และมองเห็นแท่นศิลาตัวอักษรตกลงมา และคนทั้งหมดก็ต้องอ้าปากค้าง
หนึ่ง, ห้า, สิบ, สิบสาม, สิบห้า…
แท่นศิลาตัวอักษรตกลงมาทั้งหมดสิบหกแท่น หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างหวังโหย่วฉาย ซึ่งกำลังยืนอย่างเงียบๆ อยู่ที่นั่นพร้อมกับดวงตาที่ปิดอยู่
“นับจากนี้ไป ดวงตาข้าจะปิดอยู่ตลอดไป ถ้าลืมขึ้นมา สวรรค์และปฐพีจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกใจ!”
“ความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้จะถูกเรียกว่า…ราตรีที่มืดมิด”
ขณะที่เสียงของหวังโหย่วฉายดังก้องออกไป ผู้ฝึกตนทั้งหมดในตี้จิ่วซานไห่ต่างก็มองมาด้วยความประหลาดใจ
“สิบหกแท่นศิลาตัวอักษร! มีถึงสิบหกแท่นจริงๆ!”
“นี่คือการต่อต้านสวรรค์! จากสมัยโบราณมาจวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เคยทำได้มากกว่านี้ก็คือฝานเหล่าจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ซึ่งได้ถูกบันทึกอยู่ในบันทึกโบราณไปแล้ว!!”
“แม้แต่สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็ยังต้องตกตะลึง!”
ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปรมาจารย์จากสำนักต่างๆ มากมายอ้าปากค้าง ขณะที่มองไปยังหวังโหย่วฉาย แม้แต่พวกมันก็ยังต้องตกตะลึงต่อสิ่งที่ได้เห็นกันอยู่นี้
“มันทำลายดวงตาของตนเอง เพื่อสร้างเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้นมา ทำให้มันต้องตาบอดไป! เมื่อดูจากพลังการต่อสู้ของมันแล้ว ถึงแม้ว่าจะอยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่ก็สามารถจะสังหารตัดวิญญาณได้! เมื่อมันบรรลุขั้นค้นหาเต๋า ถ้ามันลืมตาขึ้นมา ผลลัพธ์ที่ได้คงน่าตกใจยิ่ง”
“ช่างโหดเหี้ยม! ช่างดื้อรั้นนัก!”
สิบคนบินตรงไปยังจอภาพด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ผู้ที่รวดเร็วมากที่สุดคือปรมาจารย์เยี่ยหู (ทะเลสาบจันทรา) จากห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็ไม่ได้ผ่านเข้าไปในจอภาพนั้น กลับหันร่างมาและประสานมือให้กับคนอื่นๆ ทั้งหมด
“สหายเต๋าทั้งหลาย เวทแห่งเต๋าของเยี่ยหูค่อนข้างจะเหมาะสมกับเด็กผู้นี้ ในคืนเดือนแรม ไม่มีแสงอยู่ในท้องฟ้า มีแต่ยามราตรีอันมืดมิดไม่รู้จบ ข้าขอร้องว่า…พวกท่านอย่าได้แย่งชิงเด็กผู้นี้กับข้าเลย!”
“ท่านผู้เฒ่าแห่งสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ถ้าพวกท่านไว้หน้าเยี่ยหูบ้าง พวกเราสัญญาว่าจะต้องตอบแทนความเมตตานี้ในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน!” มันประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ ด้วยสีหน้าที่หมองเศร้า คนทั้งหมดหยุดชะงักนิ่งดวงตาสาดประกาย ไม่มีใครพูดออกมา แต่มองตรงไปยังปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่
ปรมาจารย์จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ และจากนั้นก็พยักหน้า “เหล่าฟูไม่มีความเห็นใดๆ”
ที่กำลังนั่งอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ เป็นชายชราที่มีท่าทางราวกับเป็นเซียนผู้วิเศษ สวมใส่ชุดยาวสีขาวและมีสีหน้าที่สงบนิ่ง ปราณเซียนไหลวนอยู่รอบๆ ร่าง ขณะที่มันกล่าวขึ้น “ในที่แห่งนี้มีคนที่มีโชคชะตาร่วมกับเซียนกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ) แต่มันจะไม่เข้าสังกัดในช่วงของการแข่งขันนี้ จริงๆ แล้ว เหตุผลที่ข้ายอมจัดงานนี้ก็เพื่อต้องการพบกับมัน คนที่ท่านกล่าวถึงไม่ใช่มัน ดังนั้นข้าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยว”
ด้านข้างมันเป็นชายชราจากสำนักกระบี่ไท่สิง มันยิ้มออกมาเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ค่อนข้างจะเย็นชา แทบจะดูคล้ายกับเป็นกระบี่อันแหลมคม
“ข้าก็ชื่นชอบเด็กผู้นี้ด้วยเช่นกัน แต่…หือ?” ชายชราจากสำนักกระบี่ไท่สิงเพิ่งจะกล่าวขึ้น แต่ทันใดนั้นสีหน้ามันก็เปลี่ยนไป และมองไปยังจอภาพ ที่ด้านข้าง ปรมาจารย์จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า และเซียนกู่เต้าฉ่างก็กระทำเช่นเดียวกัน
“เก้าสิบเอ็ด!”
“มันได้รับความรู้แจ้งจากเศษซากเซียนเก้าสิบเอ็ดแห่ง!”
บนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในเจดีย์ที่สูงใหญ่ เมื่อลืมตาขึ้นมา พวกมันก็ดูเหมือนจะมีท่าทางสับสน แต่ก็แจ่มใสขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่หยุดชะงักนิ่ง เขาจากไปและมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่แห่งอื่น
เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปค้นหาเศษซากเซียนอีกแห่ง ในที่สุดก็พบกับแห่งที่เก้าสิบสอง และจากนั้นก็เก้าสิบสาม…
เวลาบนเส้นทางโบราณเลื่อนผ่านไป คนแล้วคนเล่าได้สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่มีใครน่าตกตะลึงเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เฉินฝานก็สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้เช่นกัน แต่มีแท่นศิลาตัวอักษรตกลงมาแค่แปดแท่นเท่านั้น
ถ้าเป็นเวลาอื่น มันก็คงจะน่าตกตะลึงอยู่ไม่น้อย แต่ในตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรที่น่าสังเกตดูเป็นพิเศษ
เวลาผ่านไป และในตอนนี้ก็ไม่มีใครให้ความสนใจต่อผู้เข้าร่วม ที่ยังไม่ได้สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ แต่ยังคงได้รับความรู้แจ้งจากเศษซากเซียนอย่างต่อเนื่อง คนทั้งหมดเข้าใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้ล้มเหลว หรือไม่ก็เป็นพวกที่ต่อต้านสวรรค์
อีกครั้งที่เมิ่งฮ่าวกลายเป็นจุดดึงดูดความสนใจ ตอนนี้จำนวนเศษซากเซียนที่เขาได้รับความรู้แจ้ง มากเกินกว่าจำนวนของฝานเหล่าแล้ว!
“เก้าสิบหก!!”
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นคนที่ได้รับความรู้แจ้งจากซากหักพังทั้งเก้าสิบเก้าแห่ง? จากในสมัยโบราณมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ มีไม่ถึงหนึ่งร้อยคนที่จะทำได้เช่นนั้น! แน่นอนว่า จากกลุ่มคนทั้งหมดเหล่านั้น มีเพียงฝานเหล่าเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์สิบเก้าแท่นศิลาขึ้นมาได้!”
“ไม่มีใครเทียบกับฝานเหล่าได้อีกแล้ว ข้าอยากรู้นักว่าแท่นศิลาตัวอักษร…จะตกลงมามากเท่าใด เมื่อฟางมู่สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของมันขึ้นมา!?”