ตอนที่ 853
สะพานทั้งเก้า!
ที่ด้านนอกในตี้จิ่วซานไห่ คนทั้งหมดกำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าว และพูดคุยเกี่ยวกับความคืบหน้าของเขา
“บางทีมันอาจจะทำได้ดีกว่าหวังโหย่วฉายจากก่อนหน้านี้ หรืออาจจะไม่มีอะไรน่าประหลาดใจเลยก็ได้!”
“ไม่มีทางที่มันจะสู้หวังโหย่วฉายไม่ได้ จากสมัยโบราณมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ มีผู้คนไม่ถึงหนึ่งร้อยคนที่ได้รับความรู้แจ้งจากเศษซากเซียนได้มากกว่าเก้าสิบแห่ง!”
“สามารถกล่าวได้ว่าฟางมู่ผู้นี้ มีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวยิ่ง และมีพลังแห่งเจตจำนงที่น่าเหลือเชื่อ การสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของมันในตอนท้ายสุด จะเป็นการทดสอบการหยั่งรู้ของมันอย่างแท้จริง!”
ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปรมาจารย์แต่ละคนต่างก็จ้องนิ่งไปยังจอภาพ ที่เป็นตัวแทนอาณาเขตของเมิ่งฮ่าว
ขณะที่คนทั้งหมดให้ความสนใจไปยังจอภาพอย่างใกล้ชิด เมิ่งฮ่าวกำลังยืนอยู่ที่ด้านบนของหน้าผา ลืมตาขึ้นมา และสีหน้าก็งุนงงเหมือนก่อนหน้านี้ จากนั้นก็มุ่งหน้าออกไปยังสถานที่แห่งอื่นต่อไป
ใกล้กับหน้าผาเป็นซากหักพังของวิหารโบราณ นี่เป็นเศษซากเซียนแห่งที่เก้าสิบเจ็ด ที่เขาได้รับความรู้แจ้งมา จากนั้นก็ทำให้จุดแสงอื่นปรากฏขึ้นบนจอภาพของเขาในโลกด้านนอก ทำให้คนทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนขึ้นทันที
“เก้าสิบเจ็ดเศษซากเซียน! ฟางมู่ผู้นี้ช่างเป็นผู้ที่ต่อต้านสวรรค์นัก!”
“ข้าแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นว่า มันจะสามารถสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ต่อต้านสวรรค์ออกมาได้มากน้อยแค่ไหนกันแน่!”
“ไม่เสมอไปนัก จากกลุ่มคนทั้งหมดที่กระทำได้เช่นเดียวกันนี้ มีแต่ฝานเหล่าเท่านั้นที่สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่มีใครเหมือนออกมาได้!”
สำหรับคนอื่นๆ ที่กำลังทำการแข่งขันด้วยวิธีเดียวกับเมิ่งฮ่าว คนที่มีจำนวนเศษซากเซียนมากที่สุดรองจากเขามีเพียงแค่แปดสิบสามเท่านั้น!
นั่นคือบุรุษหนุ่มที่สวมหน้ากาก ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ มันก็คงจะตกเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจในด่านก่อนหน้านี้ไปโดยสิ้นเชิงอย่างแน่นอน และตอนนี้มันก็อยู่ในอันดับหนึ่ง
การปรากฏขึ้นของเมิ่งฮ่าวบนจอภาพ ทำให้มันตกอยู่ในเงามืด
ตอนนี้มันไม่รู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกด้านนอก สีหน้ามันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่กัดฟันแน่น และมุ่งหน้าต่อไป มันออกจากเศษซากเซียนแห่งที่แปดสิบสาม และจากนั้นก็เริ่มทำการค้นหาสถานที่อีกแห่งต่อไป
ขณะที่เวลาผ่านไปมากขึ้น พวกมันก็เริ่มมีความคืบหน้าน้อยลงไปเรื่อยๆ เพียงไม่กี่วันก่อนจะในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงเศษซากเซียนแห่งที่เก้าสิบเจ็ด หลังจากที่นั่งลงขัดสมาธิอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ และเดินทางไปยังสถานที่อีกแห่ง ซึ่งก็คือปล่องภูเขาไฟลึก
มองเห็นแสงระยิบระยับอยู่ในส่วนลึกของปล่องภูเขาไฟ ราวกับว่าหลายปีที่ผ่านมา เคยมีอุกกาบาตกระแทกลงมายังที่แห่งนี้
นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ใครก็สามารถจะพบเจอได้ ใครก็ตามที่พบเห็นมัน ก็ยากที่จะต่อต้านแรงกดดันของมันได้ มีแต่เมิ่งฮ่าวที่มีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างน่าเหลือเชื่อ และพลังแห่งเจตจำนงที่น่าตกตะลึงเท่านั้น ถึงจะสามารถลงไปในปล่องภูเขาไฟ และนั่งลงขัดสมาธิที่ด้านล่างได้
“เก้าสิบแปด!” กลุ่มฝูงชนในโลกด้านนอกต่างก็ตกตะลึง และปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ต่างก็มองไปด้วยดวงตาที่สาดประกาย
“หลังจากนี้ ยังเหลืออีกแค่หนึ่งแห่งเท่านั้น และนั่นจะเป็นทั้งหมดเก้าสิบเก้าแห่ง!”
“จากสมัยโบราณมาจวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครในอาณาจักรวิญญาณ จะเคยได้รับความรู้แจ้งจากเศษซากเซียนบนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋าได้มากมายเช่นนี้มาก่อน!”
“ฟางมู่ผู้นี้คือใครกันแน่?! มันมาจากไหน? ถ้ามันสามารถทำได้จริงๆ นามของมันก็จะต้องสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งขุนเขาที่เก้า!” โลกที่ด้านนอกเกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ขึ้น แต่วิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกลับตกอยู่ในความเงียบอย่างน่ากลัว
ปรมาจารย์ทั้งหมดจากสำนักต่างๆ กำลังเพ่งมองไปอย่างใกล้ชิด และไม่มีใครพูดอะไรออกมา
สำหรับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ไม่มีใครให้ความสนใจพวกมันอีก แม้แต่บุรุษที่สวมหน้ากาก เพิ่งจะบรรลุถึงแปดสิบแปดเศษซากเซียน ก็ยังตามหลังเมิ่งฮ่าวซึ่งเห็นได้ชัดว่าอยู่ในอันดับหนึ่งอีกห่างไกล
ห้าวันผ่านไป!
เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ มีท่าทางเหนื่อยล้า และมีสีหน้าที่งุนงงมากขึ้นกว่าเดิม ครั้งนี้เขาแทบไม่อาจจะตื่นขึ้นมาได้ ปล่องภูเขาไฟเต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนของก้อนศิลา แต่ละก้อนเปล่งประกายกลิ่นอายที่แตกต่างกันออกมา เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วก็กลายเป็นกระแสน้ำวนโบราณที่มีอิทธิพลต่อจิตใจ
ราวกับว่าเขากำลังได้พบกับเวทแห่งเต๋า ที่มาจากยุคสมัยโบราณโดยตรง ใครบางคนได้โบกสะบัดมือ และดวงดาวที่อยู่ด้านบนก็ถูกบดขยี้จนกลายเป็นดาวตก ซึ่งจากนั้นก็กระแทกลงมาบนพื้น
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ทำให้พื้นดินแตกออก และทำให้ท้องฟ้าที่ด้านบนแตกกระจายออกบางส่วน ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกราวกับว่าสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากำลังถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ มีแต่พลังอันเข้มข้นแห่งเจตจำนงที่ดีงามของเขาเท่านั้น ทำให้สามารถจะกลับคืนมาสู่ความสว่างได้อีกครั้ง
“ยิ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆ…ข้าได้รับความรู้แจ้งจากเศษซากเซียนเก้าสิบแปดแห่งแล้ว จากสิ่งที่หลิงอวิ๋นจื่อกล่าวมา มีทั้งหมดเก้าสิบเก้าเศษซากเซียน และหลังจากนั้นก็เป็นศาลาเซียนที่สมบูรณ์!”
“แต่หลังจากที่ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป ข้ารับรู้ได้แต่เศษซากเซียนแห่งสุดท้ายเท่านั้น ไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงศาลาเซียนใดๆ”
“น่าเสียดาย แม้แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้า ก็ยังรับรู้ได้แค่เศษซากเซียนสุดท้ายทั่วไปเท่านั้น มันไม่มีอะไรที่พิเศษเลย แต่ข้าก็มีลางสังหรณ์ว่ามัน…ต้องอันตรายเป็นอย่างยิ่ง!” หลังจากผ่านไปชั่วขณะ เขาก็ยืนขึ้นและเดินออกไปจากปล่องภูเขาไฟอย่างเงียบๆ หลังจากนั้น ก็ไปยืนครุ่นคิดอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟ
ตอนนี้เขากำลังลังเลว่าจะมุ่งหน้าต่อไปดีหรือไม่ หรือจะสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตนเองอยู่ในที่แห่งนี้ ในตอนนี้เองที่เขามีความคิดเกิดขึ้น เกี่ยวกับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่เขาต้องการจะสร้างขึ้นมา
หลังจากผ่านไปชั่วขณะ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายด้วยความเด็ดเดี่ยว เขาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าจะมีอันตรายอันยิ่งใหญ่รออยู่ เขาก็ยังคงดื้อรั้น ถ้าไม่ใช่เช่นนี้เขาก็คงไม่อาจจะเดินทางมาได้อย่างยาวนาน จากการเป็นแค่นักศึกษาจนกระทั่งได้ครอบครองพลังของเซียนแท้แปดในสิบส่วนนี้แล้ว!
“ยิ่งความสามารถศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมากเท่าใด แท่นศิลาตัวอักษรก็จะตกลงมามากขึ้นเท่านั้น และข้าต้องการแท่นศิลาตัวอักษรเหล่านั้น!” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หยุดคิดลังเลใจใดๆ จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปยังตำแหน่งของเศษซากเซียนแห่งที่เก้าสิบเก้า ซึ่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขารับรู้ได้
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ถึงตำแหน่งที่แน่นอนของมัน แต่เมิ่งฮ่าวก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถค้นหามันได้ เขาแค่ต้องการเวลาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…
วิหารในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเงียบกริบลงโดยสิ้นเชิง ขณะที่ปรมาจารย์ของสำนักต่างๆ เฝ้ามองไป
จากนั้นเสียงเก่าแก่โบราณก็ดังก้องออกมาอยู่ภายในวิหาร คนผู้นี้ยังไม่เคยพูดอะไรออกมาเลย มันไม่ได้พยายามที่จะรับใครเข้าสังกัดอีกด้วย มันคือชายชราจากเต๋าคุนหลุน
“มันสามารถหาเศษซากเซียนแห่งที่เก้าสิบเก้าได้หรือไม่? อันที่จริงข้าก็อยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่า ซากหักพังที่เก้าสิบเก้านี้ ซึ่งถูกใช้ร่วมกันโดยเส้นทางโบราณทั้งสาม…จะมีหน้าตาอย่างไรกันแน่?”
“สหายเต๋าแห่งสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ สามารถจะช่วยไขข้อสงสัยนี้ของข้าได้หรือไม่?”
ถ้ามีสำนักอื่นๆ สอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจต่อคำถามนี้ แต่เต๋าคุนหลุนแตกต่างกันออกไป สามปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่สบตากันไปมา หลังจากนั้นชายชราจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลก็กล่าวขึ้น
“จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา ในช่วงสงครามใหญ่ สามผู้ยิ่งใหญ่ที่น่ายกย่องได้รวบรวมผู้อาวุโสเซียนโบราณทั้งหมด มาช่วยกันกลั่นสกัดปราณเซียนออกมาจากโลกและนำไปสังเวยให้กับวิญญาณนับไม่ถ้วน ซึ่งทำให้…พื้นฐานข้ามสวรรค์สู่ดินแดนในฝันต้องแตกกระจายไป!”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ปรมาจารย์ทั้งหมดต้องหอบหายใจด้วยความลำบาก ท่าทางประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกมัน และบางคนยังได้ลุกขึ้นมายืนอีกด้วย
“ว่าอะไรนะ?!”
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นตำนานพื้นฐานแห่งดินแดนในฝัน?”
ดวงตาของผู้เฒ่าเต๋าคุนหลุนเบิกกว้าง ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่จากสีหน้าท่าทางก็เห็นได้ชัดว่ามันกำลังสั่นสะท้านใจ
เวลาผ่านไป และเมิ่งฮ่าวก็ยังคงค้นหาเศษซากเซียนแห่งที่เก้าสิบเก้าต่อไป มีผู้คนบนสามเส้นทางโบราณได้สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้มากขึ้น แต่ก็มีบางคนที่ล้มเหลวและยอมแพ้ไปด้วยเช่นกัน
เจ็ดวันต่อมา เหลืออยู่เพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้นบนเส้นทางโบราณทั้งสาม ซึ่งยังไม่ได้สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา!
กลุ่มคนทั้งเจ็ดเหล่านั้นได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาอย่างเข้มข้นอยู่ในตอนนี้ คนทั้งหมดที่กำลังมองไปยังสิ่งที่จะเกิดขึ้น มีอยู่หนึ่งคนบนเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง สองคนบนเส้นทางโบราณตัดวิญญาณ และอีกสี่คนบนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า
หนึ่งในพวกมันเป็นบุรุษที่สวมหน้ากาก อีกคนเป็นผู้ฝึกตนที่มีฝูงยุง
“ถ้ามีใครในการแข่งขันครั้งนี้สามารถได้แท่นศิลาตัวอักษรมากกว่ายี่สิบแท่น ก็ต้องเป็นหนึ่งในเจ็ดคนเหล่านี้อย่างแน่นอน!”
“ดูคนผู้นั้น มีเศษซากเซียนอยู่เก้าสิบแห่ง? มันมีนามว่าหลีเหยียน ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนที่สวมหน้ากากนั่น มันได้รับความรู้แจ้งถึงเก้าสิบแห่ง!!”
“นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง ตอนนี้มีอยู่สองคนในการแข่งขันครั้งนี้ ที่ได้รับความรู้แจ้งจากเศษซากเซียนถึงเก้าสิบแห่ง!”
เสียงร้องด้วยความตกใจในกลุ่มฝูงชนที่อยู่ในโลกด้านนอกเริ่มดังมากขึ้น ขณะที่มีอยู่ไม่น้อยที่เริ่มให้ความสนใจไปยังบุรุษสวมหน้ากาก, หลีเหยียน สำหรับปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว พวกมันก็มักจะหันหน้าจากจอภาพของเมิ่งฮ่าว มองไปยังจอภาพของบุรุษสวมหน้ากากเป็นระยะเช่นเดียวกัน
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังเดินทางไป ตามทิศทางของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ทำการค้นหาเศษซากเซียนแห่งที่เก้าสิบเก้า เขาค้นหามาเป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว และมีความมั่นใจว่าได้ทำการสำรวจไปทั่วทั้งหมดที่ถูกบ่งชี้โดยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจจะพบกับซากหักพังนั้น
“มัน…อยู่ที่ใดกัน?” ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็หยุดชะงักนิ่ง ขมวดคิ้วมองไปรอบๆ อย่างเงียบๆ และจากนั้นก็หลับตาลง ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปอีกครั้ง และรับรู้ได้อย่างเลือนลางว่ามีเศษซากเซียนอยู่ที่เบื้องหน้าขึ้นไป เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็มองไม่เห็นอะไรเลย
ขณะที่บ่นพึมพำกับตัวเอง เขาก็หลับตาลงอีกครั้ง จากนั้นโดยที่ไม่ลืมตาขึ้นมา เขาเริ่มเดินตรงไป ใช้วิธีนี้เดินต่อไปจนกระทั่งเกือบหนึ่งชั่วยาม ทันใดนั้นร่างกายเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน
เมิ่งฮ่าวไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แต่ก็สามารถจะมองเห็นบางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่นั่นตรงหน้าเขา
เขามองเห็น…สะพานเก้าแห่ง!
สะพานอันน่าตกใจทั้งเก้านี้ ดูเหมือนจะอยู่เหนือสวรรค์ ภาพของสะพานเหล่านี้ดูน่าประหลาดใจอย่างไร้ที่เปรียบ ขณะที่พวกมันพุ่งขึ้นไปในอากาศ แต่ละสะพานสูงกว่าสะพานที่อยู่ด้านหน้า ก่อตัวกันเป็นบางสิ่งที่แทบจะดูคล้ายกับเป็นขั้นบันได เชื่อมต่อขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอันไร้ขอบเขต
ขณะที่เขาสำรวจดูสะพานเหล่านั้นด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ เมิ่งฮ่าวก็ค่อยๆ รู้สึกว่าถ้ามีใครสามารถจะเดินทางไปบนสะพานทั้งเก้าเหล่านี้ได้ทั้งหมดจนถึงจุดสิ้นสุดของพวกมัน คนผู้นั้นก็คงจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบอย่างแน่นอน
ร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน มีแรงกดดันอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ กระจายออกมาจากสะพานทั้งเก้า เป็นบางสิ่งที่ดูเหมือนจะสามารถบดขยี้เขาไปในทันที ตอนนี้แรงกดดันนั้นยังไม่ได้ถูกส่งออกมาอย่างเต็มกำลัง เพียงแค่หมุนวนอยู่รอบๆ สะพานเท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังต้องกระอักโลหิตออกมา และโซเซถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว เขามีความรู้สึกอย่างรุนแรงว่าสะพานทั้งเก้านี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ถ้าพวกมันครบถ้วนสมบูรณ์อยู่ละก็ แม้แต่การมองไป พวกมันก็คงจะสามารถทำลายเขาไปได้ทั้งร่างกายและวิญญาณ
“สะพานเหล่านี้คืออะไรกันแน่?!?!” เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง ไม่กล้าจะลืมตาขึ้นมา ค่อยๆ สำรวจด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างระมัดระวัง และเริ่มมองเห็นเป็นภาพขึ้นมา
เขามองเห็นภาพลวงตาของสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาเมื่อในอดีตนานหลายปีจนนับไม่ถ้วน มองเห็นเงาร่างที่ดูคล้ายกับเป็นดวงตะวันที่กำลังพยายามเดินไปบนสะพาน แต่ก่อนที่มันจะผ่านสะพานแรกไปได้ มันก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ
เขามองเห็นชายชราที่มีเส้นผมสีขาว กระจายความเย็นชาอย่างไร้ขอบเขตออกมา ก้าวเท้าไปบนสะพานแรก จากนั้นก็เป็นสะพานที่สอง…
ขณะที่เดินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายสีสันทั้งหมดในท้องฟ้าและพื้นดินก็จางหายไป สะพานที่เก้าเริ่มสั่นสะท้าน ราวกับว่ามันไม่อาจจะต่อต้านกับการก้าวเดินไปของชายชราได้
ชายชราเดินไปจนถึงจุดสิ้นสุด และยืนอยู่บนสะพานสุดท้าย จากนั้นก็หันร่างกลับมา เมิ่งฮ่าวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยสองตาของตัวเอง ในทันใดนั้นจิตใจเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง
โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และต้องโซเซถอยไปทางด้านหลังอีกครั่ง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็ไม่ลังเลที่จะลืมตาขึ้นมา
ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น สะพานทั้งเก้าก็หายไป อากาศที่เบื้องหน้าขึ้นไปมีแต่ความว่างเปล่า ไร้สิ่งของใดๆ อยู่ที่นั่น
“สถานที่แห่งนี้คือตำแหน่งของเศษซากเซียนแห่งที่เก้าสิบเก้า!” เมิ่งฮ่าวกำลังหอบหายใจ ดวงตาสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ กวาดเช็ดโลหิตออกจากมุมปาก นั่งลงขัดสมาธิ และโคจรพื้นฐานฝึกตนเพื่อเริ่มต้นรักษาอาการบาดเจ็บ
ตอนนี้เองที่ในโลกด้านนอก จุดแสงเก้าสิบเก้าจุดได้ปรากฏขึ้นบนจอภาพ ซึ่งเป็นตัวแทนของเมิ่งฮ่าวที่อยู่ในโลกด้านใน!
เก้าสิบเก้า!
——————–
หมายเหตุ : เก้าสะพานนี้เคยมีการพูดถึงในตอนที่ 437 : สะพานเซียนเดินหน!