Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 858

ตอนที่ 858

ครั้งสุดท้าย!

เวทผนึกอสูรรุ่นเจ็ด เป็นวิชาเวทที่โดดเด่นของกลุ่มพันธมิตรผู้ผนึกอสูร ดูเหมือนจะคล้ายกับเต๋าแห่งกรรมของตระกูลจี้ แต่โดยพื้นฐานแล้วแตกต่างกัน ขณะที่เขาปลดปล่อยเวทนี้ออกมา ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายด้วยแสงแปลกๆ และมองไปรอบๆ ยังของวิเศษทั้งหมด

ทันใดนั้น เขาก็มองเห็นเส้นใยนับไม่ถ้วน มีการเชื่อมต่ออยู่กับของวิเศษเหล่านั้น ซึ่งไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นเส้นใยกรรม

ของวิเศษทั้งหมดมีเส้นใยกรรมเชื่อมต่อพวกมันอยู่กับศาลานักรบ และตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นพวกมันทั้งหมดได้อย่างชัดเจน

“แม้แต่ของวิเศษก็ยังมีกรรมติดอยู่กับพวกมัน ตอนนี้ข้าไม่ต้องกังวลแล้ว” เมิ่งฮ่าวคิดกระแอมไอออกมา ชำเลืองมองไปรอบๆ ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“ก่อนอื่นข้าจะผนึกกรรมไปบนของวิเศษเหล่านี้ จากนั้นข้าจะสร้างโชคชะตาให้เชื่อมต่อกับพวกมัน!” เขาโบกสะบัดมือทำให้เวทผนึกอสูรรุ่นเจ็ดปกคลุมไปทั่วทั้งของวิเศษเหล่านั้นในศาลานักรบ

เพียงชั่วพริบตา แสงเจิดจ้าก็พุ่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง และทั่วทั้งศาลานักรบก็เริ่มสั่นสะเทือน

จิตใจเมิ่งฮ่าวเต้นรัวขณะที่รอคอยอยู่ชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาใดๆ มากกว่านั้น เขาก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปรอบๆ ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์อีกครั้ง

“กระเบื้องปูพื้นในที่แห่งนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่ง” เขาคิดพร้อมกับเลียริมฝีปาก “ต่อจากนี้ไป ข้าคิดว่าจะงัดมันขึ้นมาเพื่อนำไปด้วย และไม้ของชั้นวางของนั่นก็สร้างขึ้นมาจากสิ่งที่ไม่ธรรมดา…”

“กระเบื้องตกแต่งเหล่านั้นก็ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน!” ดวงตาเขาสาดประกายเจิดจ้าขณะที่สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

เมิ่งฮ่าวขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้เส้นใยกรรมปรากฏขึ้นที่ด้านบนศีรษะ เหล่านี้คือเส้นใยกรรมส่วนตัวของเขาเอง ส่องประกายระยิบระยับด้วยสีสันที่สดใส เมิ่งฮ่าวปรับลมปราณให้สงบนิ่งและทำจิตใจให้เยือกเย็นลง จากนั้นก็ค้นหาเส้นใยกรรมของตัวเองไปทั่ว จนกระทั่งพบว่าหนึ่งในนั้นดูเหมือนกำลังจะจางหายไป

เส้นใยกรรมนั้นคือเส้นใยที่ถูกสร้างขึ้นมา ตอนที่เขามองไปยังหอกเล่มนั้นเป็นครั้งแรกเมื่อครู่นี้ แน่นอนว่าเป็นเส้นใยที่เล็กละเอียดอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับว่าแม้แต่หายใจรดลงไปเพียงแผ่วเบาก็จะทำให้มันต้องแตกกระจายไป

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาชี้ตรงไปยังเส้นใยนั้น ทันใดนั้นเส้นใยกรรมก็บิดเบี้ยวขึ้นกลายเป็นสัญลักษณ์เวท จากนั้นก็ตกลงมาบนมือของเมิ่งฮ่าว

“ผูกมัดโชคชะตา!” เขากล่าว ทันใดนั้น เส้นใยก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า ในเวลาเดียวกันนั้น หอกก็เริ่มสั่นสะท้าน ราวกับว่ามันกำลังดิ้นรนต่อต้านบางสิ่งบางอย่างอยู่

ขณะที่มันกำลังต่อสู้ดิ้นรน เส้นใยกรรมที่เชื่อมต่ออยู่กับศีรษะของเมิ่งฮ่าว ซึ่งเป็นตัวแทนของหอก จู่ๆ ก็เริ่มมองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีความใกล้ชิดกับเมิ่งฮ่าวมากยิ่งขึ้น ราวกับว่ากรรมระหว่างทั้งสองกำลังมีความผูกพันธ์ลึกซึ้งมากขึ้น

“พลังแห่งกรรม! ผูกมัดโชคชะตา!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า และส่งเสียงแผดร้องตะโกนออกมา สัญลักษณ์เวทบนมือขวาเริ่มส่งแสงระยิบระยับขึ้นมา ขณะที่เขาบดขยี้มัน เสียงระเบิดได้ดังก้องออกมา ขณะที่สัญลักษณ์เวทแตกกระจายไป ในตอนที่มันกระจายหายไป หอกก็หยุดการดิ้นรน และทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่คล้ายกับเป็นเสียงเรียก ดังก้องออกมาจากหอกเล่มนั้น

เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะระงับความตื่นเต้นไว้ได้ ยื่นมือออกไปในอากาศ ทันใดนั้นหอกก็พุ่งฝ่าอากาศมาพร้อมกับเสียงหวีดหวิว และตกลงมาอยู่ในมือเขาโดยตรง

เมิ่งฮ่าวหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา

“ของของข้า! ของวิเศษในที่แห่งนี้ทั้งหมดเป็นของข้าแล้วในตอนนี้!” ขณะที่ความตื่นเต้นเต็มอยู่ในจิตใจ ทันใดนั้น กลิ่นอายอันน่ากลัวก็พุ่งตรงมาที่เมิ่งฮ่าวจากทางด้านหลัง

เป็นกลิ่นอายที่เข้มข้นจนดูเหมือนว่าจะสามารถทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณเขาลงไปได้ เพียงแค่แตะสัมผัสมาโดนร่างเท่านั้น

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง และรีบหันหน้ามองไปรอบๆ บริเวณนั้น แต่ก็ไม่มีใครอยู่ที่ด้านหลัง แต่กลิ่นอายอันน่ากลัวนั้นก็ยังคงมีอยู่ในที่แห่งนั้น เห็นได้ชัดว่ามันออกมาจากศาลานักรบเอง

เหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาจากใบหน้าเมิ่งฮ่าว และไม่กล้าที่จะขยับตัวเคลื่อนไหว กลิ่นอายอันน่ากลัวนั้นเต็มอยู่ในจิตใจด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง เขาเริ่มล่าถอยตรงไปที่ประตู กลิ่นอายอันน่ากลัวนั้นติดตามเขาไป ราวกับว่าพยายามที่จะข่มขู่คุกคามเขา

“ข้าเพียงแค่ผูกมัดโชคชะตา!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว “แล้วท่านจะมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรงเช่นนี้ไปเพื่ออะไร?” หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาก็กล่าวต่อไป “อืม…แค่เรื่องเข้าใจผิด เข้าใจผิดกันเล็กน้อย ท่านพี่ศาลานักรบ ทั้งหมดนี้แค่เรื่องเข้าใจผิดอา” กลิ่นอายอันน่ากลัวนั้นดูเหมือนจะรุนแรงเหมือนเช่นเคย

หลังจากที่ผ่านไปนาน เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ว่ากลิ่นอายนั่นกำลังจางหายไป เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้โจมตีมาที่เขา สายตาก็จ้องมองไปรอบๆ เมิ่งฮ่าวสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็อยากจะจากไป แต่อีกใจเมื่อมองไปยังของวิเศษทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ในศาลานักรบ ก็ทำให้ไม่อาจจะจากไปได้

“ท่านพี่ศาลานักรบ อย่าได้มาสนใจข้าอีกเลย!” เขาตะโกนออกไปเป็นเสียงดัง “ข้าไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก ท่านกลับไปทำงานของท่านเถอะ ดีหรือไม่?” ด้วยเช่นนั้น เขาจึงลอบถอยกลับไปที่ด้านหลังด้วยความระมัดระวังตัว เข้าไปใกล้กระบี่ที่มีกลุ่มหมอกมังกรหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ เล่มนั้น

ด้วยความระมัดระวังต่อกลิ่นอายอันน่ากลัวนั้น เขารีบใช้พลังแห่งกรรม เพื่อค้นหาเส้นใยกรรมที่เชื่อมต่อเขากับกระบี่ จากนั้นก็ผูกมัดโชคชะตาไว้อย่างรวดเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้

กระบี่สั่นสะท้าน และกลิ่นอายอันน่ากลัวจากศาลานักรบก็ระเบิดออก เหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาจากหน้าผากเมิ่งฮ่าว แต่เขาก็กัดฟันแน่น ใช้การผูกมัดโชคชะตาออกมาอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านไปสามครั้ง กระบี่ก็หยุดการดิ้นรน และการเชื่อมต่อที่มองไม่เห็นระหว่างทั้งสองก็ก่อตัวขึ้นมา

กระบี่ลอยออกมา และเริ่มหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นมังกร

เมิ่งฮ่าวไม่มีเวลาที่จะดีใจ ขณะที่กลิ่นอายอันน่ากลัวของศาลานักรบระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง กระจายเต็มไปทั่วทั้งศาลา ดูเหมือนว่าจะมีโทสะและดุร้ายขึ้นเป็นอย่างมาก

“นั่นคือครั้งสุดท้าย!” เมิ่งฮ่าวกล่าว “ครั้งสุดท้าย!”

จากนั้นเขาก็เลียริมฝีปาก ยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่กล้าจะขยับตัวเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หลังจากที่ค่อยๆ ตรงไปยังบุปผาหยกด้วยความระมัดระวังตัว กัดฟันแน่น ทันใดนั้นเขาก็ใช้พลังแห่งกรรมกระแทกเข้าไปในบุปผาหยกนั้น สัญลักษณ์เวทปรากฏขึ้น เห็นได้ชัดว่าบุปผานี้แตกต่างไปจากของวิเศษชิ้นอื่นๆ และเขาก็ทำได้สำเร็จในการพยายามเพียงครั้งแรก

แทบจะในทันใดนั้น กลิ่นอายอันน่าตกใจก็ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวในตอนนี้เปียกชุ่มเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

“นั่นคือครั้งสุดท้าย!” เขาร้องตะโกนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ข้าสัญญา นั่นคือครั้งสุดท้ายจริงๆ!”

“ท่านพี่ศาลานักรบ มันคือครั้งสุดท้ายจริงๆ ข้ากำลังจะไปแล้ว ไปแล้วนะ!” กลิ่นอายอันน่ากลัวนั้นเข้มข้นรุนแรงจนทำให้ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเริ่มซีดขาว และจิตใจก็สั่นสะท้าน ขณะที่เขาพูดออกมา ก็เริ่มเดินตรงไปยังทางออกอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ต้องใช้การผูกมัดโชคชะตาลงไปบนขวดใบเล็กๆ ที่มองเห็นอยู่ใกล้กับชั้นวางของขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ มันมีสีเขียวปนดำ และดูเหมือนจะเป็นสิ่งของที่ธรรมดา แต่เมิ่งฮ่าวก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันไร้ขอบเขตที่กระจายออกมาจากขวดใบนั้น

“บัดซบ!” เมิ่งฮ่าวคิดกัดฟันแน่น ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ค้นพบเส้นใยกรรมที่เชื่อมต่อเขากับขวดใบนั้น และใช้มันสร้างเป็นสัญลักษณ์เวท ทันทีที่สัญลักษณ์เวทตกลงไปในมือ เขาก็บดขยี้มัน และโดยที่ไม่มีเวลามาตรวจสอบว่าทำได้สำเร็จหรือไม่ เขารีบคว้าจับไปที่ขวดเล็กๆ ใบนั้นอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่มือเขาจับไปรอบๆ ขวด ร่างก็แวบตรงไปยังทางออกของศาลานักรบ ในเวลาเดียวกันนั้น กลิ่นอายอันน่ากลัวก็ระเบิดตรงมายังเมิ่งฮ่าว ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และเสียงร้องคำรามอย่างมีโทสะก็ได้ยินดังก้องออกมาอย่างบางเบา

“ชิ้นสุดท้ายแล้ว! นี่คือชิ้นสุดท้ายจริงๆ ข้าจะไปแล้วในตอนนี้ ไปแล้วจริงๆ!” หนังศีรษะเมิ่งฮ่าวด้านชาขณะที่พุ่งตรงไป ที่ด้านหลังกลิ่นอายอันน่ากลัวม้วนกวาดตรงมาราวกับว่าจะขับไล่เขาออกไป

ข้างประตูทางออกเป็นโต๊ะที่เขามองเห็นก่อนหน้านี้ ขณะที่เขาผ่านไป ก็ต้องยื่นมือออกไปคว้าจับแผ่นหยกที่วางอยู่บนนั้นขึ้นอย่างไม่อาจจะหยุดตัวเองไว้ได้

ดูเหมือนว่านั่นทำให้กลิ่นอายอันน่ากลัวของศาลานักรบข้ามขีดข้อจำกัดความอดทนของมันไป มันระเบิดการโจมตีพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวในทันที

เสียงแผดร้องอย่างแผ่วเบาได้ยินออกมาจากภายในกลิ่นอายอันดุร้ายนั้น “ไสหัวไป!”

เมื่อพลังนั้นกระแทกเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว โลหิตก็กระจายออกมาจากปาก และลอยละลิ่วปลิวไปทางประตูราวกับเป็นว่าวที่ถูกตัดสายป่าน

ประตูถูกกระแทกให้เปิดออก และเมิ่งฮ่าวก็ถูกโยนออกมา ในขณะที่ประตูกระแทกปิดเข้าไปอีกครั้ง

แทบจะในทันใดนั้น ศาลานักรบก็เริ่มจางหายไป ในเวลาเดียวกันนั้น ปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ที่อยู่ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ก็เริ่มมองเห็นจอภาพได้อย่างชัดเจนขึ้น เช่นเดียวกับปรมาจารย์จากสำนักอื่นๆ

บนจอภาพพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าวลอยละลิ่วปลิวออกมา โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างน่าเหลือเชื่อ จากที่เห็นเหมือนกับว่าเขายินดีที่จะตายไป เพื่อที่จะทำงานซึ่งได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จ ต่อให้ต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยอะไรก็ตามที

เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็ร้องตะโกนขึ้น “ผู้เยาว์ฟางมู่ ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสจนแทบจะตายไป ถึงแม้จะต้องบุกฝ่าทะเลข้ามเปลวไฟ แต่สุดท้ายก็สามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ!” ด้วยเช่นนั้นเขาก็หยิบเอาหลัวผานออกมา ใช้สองมือชูสูงขึ้นไป

ช่างเป็นภาพที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ใบหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสร้ายแรง คำพูดและภาพที่เขาแสดงออกมา ทำให้สามปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่รู้สึกสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ

สามปรมาจารย์กำลังหอบหายใจ และไม่อาจจะควบคุมความรู้สึกยินดีที่เต็มอยู่ในจิตใจได้อีกต่อไป

ในตอนนี้เองที่หลิงอวิ๋นจื่อซึ่งมีใบหน้าที่ซีดขาว จู่ๆ ก็มาปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว มันใช้มือขวาทำท่าคว้าจับออกมาในทันที และหลัวผานในมือเมิ่งฮ่าวก็ลอยตรงไป มันพยักหน้าให้กับเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็แอบถอนหายใจด้วยความรู้สึกออกมา มันเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บจากแสงที่พุ่งออกมาจากศาลานักรบ และรู้ดีว่าแสงนั้นมีอันตรายมากมายเพียงใด เมื่อมันเห็นอาการบาดเจ็บที่เมิ่งฮ่าวได้รับมา มันก็เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ จากนั้นเมื่อมันสังเกตเห็นความเคร่งขรึม และสีหน้าที่ตื่นเต้นของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นมันก็รู้สึกว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง ต้องเป็นการเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน

“ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ! เอาเม็ดยานี่ไป มันจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บนั้น!” มันกล่าว โบกสะบัดมือขวา ทำให้เม็ดยาสีขาวลอยออกมา และไปหยุดอยู่กลางอากาศตรงหน้าเมิ่งฮ่าว จากทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของเขา ทำให้เมิ่งฮ่าวบอกได้จากกลิ่นหอมของตัวยาในยาเม็ดนั้นว่า มันต้องเป็นยาวิเศษอย่างแน่นอน

“แย่นักที่ข้าไม่อาจจะคัดลอกมันได้ในที่แห่งนี้และในตอนนี้” เมิ่งฮ่าวคิด รีบรับยามาอย่างรวดเร็วและจากนั้นก็เก็บเข้าไปในถุงสมบัติ

“ข้าคิดว่าเจ้าควรจะกินมันไปในตอนนี้” หลิงอวิ๋นจื่อกล่าว มองดูด้วยความเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บเหล่านั้นค่อนข้างจะสาหัส”

ภายในใจเมิ่งฮ่าวหัวเราะขึ้นมาอย่างขมขื่น เขาไม่อยากจะกลืนกินเม็ดยานี้ลงไป สิ่งที่เขาต้องทำก็คือกระตุ้นอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ขึ้นมา และเขาก็จะฟื้นฟูกลับคืนมาแทบจะในทันที แต่หลิงอวิ๋นจื่อกำลังจ้องมองมา ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงได้อดทนต่อความเจ็บปวดใจจากการสูญเสียในครั้งนี้ กัดฟันแน่นและในที่สุดก็กลืนเม็ดยานั้นลงไป

ทันทีที่เม็ดยานั้นละลายเข้าไปในปาก ความอบอุ่นก็เริ่มกระจายเต็มอยู่ในร่าง และอาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาก็ถูกรักษาจนหายดี

“ช่างเป็นการสูญเสียนัก เป็นการสูญเสียที่น่ากลัว ถ้าข้าคัดลอกยาเม็ดนี้ได้ ข้าก็สามารถจะนำมันไปขายได้ด้วยราคาที่สูงลิ่วในภายหลัง” เมิ่งฮ่าวคิด ภายในใจต้องหัวเราะด้วยความขมขื่นออกมา แต่ภายนอกเขามีสีหน้าที่ซาบซึ้ง ขณะที่ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับหลิงอวิ๋นจื่อ

หลิงอวิ๋นจื่อพยักหน้าให้อีกครั้ง ยิ่งมันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่าเมิ่งฮ่าวเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยม ทั้งในแง่ของพื้นฐานฝึกตนและการหยั่งรู้ โดยที่ไม่ต้องพูดถึงโชคชะตา

“ข้าเข้าใจมันผิดไปในเรื่องของพรสวรรค์และด่านอื่นๆ เหล่านั้นจริงๆ” หลิงอวิ๋นจื่อคิด

มันยิ้มกว้างออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ฟางมู่ เจ้ายินดีที่จะกลายเป็นศิษย์หลักของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าหรือไม่?!”

ด้วยการตอบรับคำพูดเหล่านั้น ปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งหมด มองไปด้วยดวงตาที่สาดประกาย

ปรมาจารย์จากซานกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ) ยิ้มน้อยๆ ออกมา เป็นรอยยิ้มที่ประกอบด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ปรมาจารย์จากสำนักกระบี่ไท่หยางลังเลอยู่ชั่วขณะ สำหรับปรมาจารย์จากจิ๋วไห่เสินเจี้ย (อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า) กำลังหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา

เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้างไปชั่วขณะ และกำลังคิดจะตอบปฏิเสธ จากนั้นก็คิดไปถึงความสนุกที่จะเกิดขึ้น ถ้าเขาเข้าสังกัดอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าภายใต้นามแฝงฟางมู่ เมื่อคิดว่าฝานตงเอ๋อร์ก็เป็นศิษย์ในสำนักนี้ด้วยเช่นกัน

เขากระแอมไอออกมาและประสานมือ

“หว่านเป้ย (ผู้เยาว์) ยินดี แต่น่าเสียดายที่หว่านเป้ยมีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่เล็กน้อย ถ้าเฉียนเป้ย (ผู้อาวุโส) ยินยอมให้เวลาข้าไปจัดการเรื่องราวเหล่านั้นสักเล็กน้อย หลังจากทำได้สำเร็จแล้ว ข้าก็จะไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเลในทันที”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!