ตอนที่ 867
หนึ่งหมัด!
นอกจากคนทั้งสี่เหล่านั้น ยังมีอีกหกผู้ถูกเลือกซึ่งเมิ่งฮ่าวไม่เคยเห็นบนดาวหนานเทียนมาก่อน เมื่อผู้ถูกเลือกที่ด้านนอกทั้งหมดเข้ามา สี่คนเป็นบุรุษและอีกสองเป็นหญิงสาว หนึ่งในสองหญิงสาวนั้นสวมใส่หน้ากากสีขาว และชุดยาวสีแดง เมื่อนางโจมตีไปกล้วยไม้โลหิตก็เบ่งบานอยู่รอบๆ ตัวนาง เป็นการบ่งบอกว่านางมาจากนิกายเซี่ยหลัน (กล้วยไม้โลหิต)
หญิงสาวอีกคนสวมใส่เสื้อผ้าห้าสี และไม่ได้น่าดูมากนัก แต่น่าตกใจด้วยเวทห้าธาตุที่นางโจมตีไป แม้แต่เมิ่งฮ่าวซึ่งเคยมีวิญญาณแรกก่อตั้งห้าธาตุก่อนหน้านี้ ก็ต้องรู้สึกว่าทักษะในการใช้ห้าธาตุของหญิงสาวนางนี้ดีกว่าเขา นางมาจากสำนักอู่เซ่อ (ห้าสี)
ผู้ฝึกตนอีกสี่คนทั้งหมดเป็นบุรุษหนุ่ม หนึ่งในนั้นไม่ได้โจมตีไปที่คู่ต่อสู้ด้วยตนเอง แต่ทำให้โลงศพปรากฏขึ้น ซึ่งมีซากศพโผล่ออกมาจากด้านใน ซากศพนั้นสังหารคู่ต่อสู้ของมันไปอย่างง่ายดาย มันมาจากหนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ กู่เซียนหลิง (สุสานเซียนโบราณ)
บุรุษหนุ่มคนที่สองมีรูปร่างที่ซูบผอม ดวงตาลุกโชนขึ้นคล้ายกับเปลวไฟ เหมือนกับบุรุษหนุ่มอีกคน มันไม่ได้โจมตีไปด้วยตนเอง แค่จ้องมองไป คู่ต่อสู้ของมันก็ระเบิดขึ้นกลายเป็นเปลวไฟ จากนั้นก็แตกกระจายกลายเป็นเถ้าธุลีไป
บุรุษหนุ่มคนที่สามมีหน้าตาที่หล่อเหลา และน่าตกใจยิ่งที่มันมีดวงตาดวงที่สามอยู่บนหน้าผาก เห็นได้ชัดว่านั่นคือดวงตาแห่งธรรม ซึ่งยังคงปิดอยู่ตลอดเวลา บุรุษหนุ่มผู้นั้นมีรอยยิ้มน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนว่ามันแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย ราวกับว่ามันไม่มีความสามารถในการโจมตีใดๆ แต่ยิ่งไปกว่านั้น คู่ต่อสู้ของมันก็ไม่ได้โจมตีมาด้วยเช่นกัน! คนทั้งสองพูดจากันเพียงไม่กี่คำ จากนั้นคู่ต่อสู้ของมันก็คุกเข่าลงไปข้างหนึ่ง มองขึ้นไปยังบุรุษหนุ่มผู้นั้นด้วยสีหน้าที่ศรัทธาอย่างแรงกล้าและยอมแพ้ไป
บุรุษหนุ่มผู้นี้มาจากเซียงหั่วเต้า (เต๋าธูปเผาไหม้)
คนสุดท้ายเป็นบุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่จากคุนหลุนเต้า (เต๋าคุนหลุน) มีร่างกายที่กำยำแข็งแรง พร้อมกับกายเนื้อที่แข็งแกร่ง เมื่อเริ่มต่อสู้ก็ยืนอยู่ที่นั่นราวกับเป็นภูเขาอันยิ่งใหญ่ เมื่อคู่ต่อสู้โจมตีมา มันก็ดีดนิ้วออกไป ทำให้ภูเขาขนาดใหญ่ตกลงมา กระแทกเข้าไปในร่างของคู่ต่อสู้ และทำให้ต้องพ่ายแพ้ไปในทันที แต่มันก็ไม่ได้สังหารคู่ต่อสู้ไป
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นเช่นนั้น ดวงตาก็สาดประกายด้วยความต้องการจะต่อสู้ด้วยในทันที
ขณะที่การต่อสู้อย่างเข้มข้นของสังเวียนการประลองรอบแรกเริ่มต้นขึ้น ผู้ชมที่อยู่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้า ก็มองดูไปยังจอภาพที่อยู่ในกระแสน้ำวนทั้งสามอย่างใกล้ชิด แต่ละจอภาพแบ่งออกเป็นจอภาพขนาดเล็กกว่าอีกมากมาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสังเวียนการประลองของแต่ละคน
ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เหล่าปรมาจารย์ต่างๆ เฝ้าสังเกตดูอย่างใกล้ชิดยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ถูกเลือกจากสำนักของพวกมันเองจะถูกจับตาดูมากเป็นพิเศษ แต่พวกมันก็มองไปยังผู้ฝึกตนจากสำนักอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าผู้ถูกเลือกส่วนใหญ่จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก แต่ในอนาคตพวกมันจะเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าของแต่ละสำนักอย่างแน่นอน
ตราบเท่าที่พวกมันไม่ได้ถูกกำจัดไปอย่างไม่คาดคิด ก็สามารถจะเติบโตและมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น สุดท้ายพวกมันก็จะช่วยให้สำนักมีอิทธิพลอำนาจมากยิ่งขึ้น
“กลุ่มคนรุ่นนี้มีชะตากรรมที่จะกลายเป็นเซียนแท้ ในจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) ทุกๆ หนึ่งหมื่นปี โชคชะตาแห่งเซียนแท้จะตกลงมา และผู้ถูกเลือกของรุ่นนี้ทั้งหมดก็มักจะมีโอกาสก่อนใครอื่น”
“ไม่รู้ว่าสามคนสุดท้ายที่จะกลายเป็นอันดับหนึ่งในด่านนี้คือใคร!?”
คนทั้งหมดกำลังมองไปยังการต่อสู้ ด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความมุ่งหวัง
ย้อนกลับเข้าไปในสังเวียนการประลอง สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งขณะที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนใบไม้ มองไปรอบๆ ยังลานประลองอื่นๆ และมองเห็นใครหลายคนกำลังมองกลับมาที่เขาด้วยเช่นกัน
หลังจากที่มองไปรอบๆ ชั่วครู่ เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังการต่อสู้ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่อาจจะมองเห็นการต่อสู้ในพื้นที่อีกสองแห่งนั้นได้ ในที่สุดเขาก็หลับตาลงและรอคอยให้เวลาเลื่อนผ่านไป
บนสังเวียนการประลองขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง เฉินฝานมีสีหน้าหดหู่เหมือนเช่นเคย การโจมตีของมันดูปกติไม่โดดเด่น แต่คู่ต่อสู้ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของมัน ด้วยเช่นนั้นจึงทำให้มันสามารถจะต่อสู้ออกไปด้วยพลังพื้นฐานฝึกตนเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
บนสังเวียนการประลองขั้นตัดวิญญาณ การต่อสู้กำลังมีความเข้มข้นขึ้นเช่นเดียวกัน
การต่อสู้รอบแรกสำหรับขั้นค้นหาเต๋าได้สิ้นสุดลงเป็นสังเวียนแรก หลังจากที่ผ่านไปสองชั่วยามเต็ม ผู้เข้าแข่งขันครึ่งหนึ่งถูกกำจัดออกไป อีกครึ่งกำลังยืนอยู่บนใบไม้บนระดับสองด้วยดวงตาที่สาดประกาย ใบไม้ที่ด้านล่างเริ่มส่องแสงกระจายออกมาปกคลุมไปยังคนทั้งหมด เคลื่อนย้ายพวกมันไปยังใบไม้ระดับสาม
เมื่อเมิ่งฮ่าวไปปรากฏกายขึ้นในท่ามกลางแสงที่เจิดจ้า ก็ต้องเผชิญหน้ากับชายชราที่มีใบหน้าเป็นรอยจ้ำๆ ด่างดวง ทันใดนั้นกลิ่นอายอันน่ากลัวก็พุ่งขึ้นมา ตามมาด้วยพลังอันน่าตกใจ ชายชราผู้นั้นถือไม้เท้าอยู่ในมือ ขณะที่มันเดินตรงมา จู่ๆ มันก็ตระหนักว่ากำลังมาเผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าว ทำให้ม่านตามันต้องหดเล็กลง
“ฟางมู่!” มันคิด จิตใจเริ่มหนักอึ้งด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายใจ มันไม่เคยจะคาดคิดว่าต้องมาจบลงด้วยการมาเผชิญหน้ากับฟางมู่ผู้เกรียงไกรในรอบที่สองนี้มาก่อน “ร่างกายของมันช่างแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง และสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของมันก็ช่างน่าเหลือเชื่อนัก มันมีพื้นฐานฝึกตนที่ลึกล้ำและโจมตีอย่างไร้ความเมตตา…บัดซบ ทำไมข้าต้องมาเผชิญหน้ากับมันด้วย? ถึงแม้ว่าข้าไม่อาจจะเอาชนะได้ แต่ข้าก็โดดเด่นในเรื่องของความรวดเร็ว!”
ดวงตาแวบขึ้น ชายชรากลายเป็นเงาร่างอันเลือนลาง ทันใดนั้นเอง ร่างจำแลงเก้าร่างก็ปรากฏขึ้น
ร่างจำแลงทั้งเก้าเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว จากทิศทางที่แตกต่างกัน
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น มองไปรอบๆ ยังเงาร่างที่ใกล้เข้ามาอย่างเย็นชา สีหน้าสงบนิ่งขณะที่ยกมือขวาขึ้นมา และอีกครั้งที่ต่อยออกไปหนึ่งหมัด ทันทีที่หมัดนั้นกระแทกลงไปบนพื้น เขาก็หันหลังเช่นเดียวกับในการต่อสู้ที่ผ่านมา เริ่มเดินตรงไปยังชายขอบของสังเวียนการประลอง
ที่ด้านหลัง เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา หนึ่งหมัดของเขาทำให้เกิดเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ขึ้น กระจายพลังแรงดึงดูดอันน่าตกใจออกมา กลายเป็นเสียงกระหึ่มอย่างรุนแรง สิบเงาร่างนั้นถูกดูดเข้าไปในกระแสน้ำวนทันที ร่างพวกมันทั้งเก้าแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างจริงของชายชรากระอักโลหิตออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่มันรีบร้องตะโกนคำว่ายอมแพ้ออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก ร่างมันก็จางหายไป ไปปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนใบไม้ระดับแรก พ่ายแพ้ไปโดยสิ้นเชิง
ในตอนนี้เอง ที่เมิ่งฮ่าวเดินไปถึงชายขอบของสังเวียนการประลอง นั่งลงขัดสมาธิและหลับตาลง
ผู้คนมากมายในโลกด้านนอก กำลังเฝ้าจับตาดูเมิ่งฮ่าวอยู่ สิ่งที่พวกมันเห็นนั้นทำให้ต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน
“หมัดเดียวอีกแล้ว!! ช่างเหมือนกับรอบแรกนัก ยกเว้นว่าพื้นฐานฝึกตนของชายชราผู้นั้น เห็นได้ชัดว่าสูงกว่าบุรุษจากรอบแรกมากนัก!”
“ร่างกายของฟางมู่ผู้นี้ช่างแข็งแกร่งจริงๆ จนสามารถสร้างสูญญากาศขึ้นมาได้! บางทีมันอาจจะไม่รวดเร็วเท่าใดนัก แต่ก็แข็งแกร่งจนไม่จำเป็นต้องใช้ความรวดเร็วใดๆ! ใครจะสามารถต่อสู้กับหนึ่งหมัดนั่นได้!”
“มันต้องอยู่ในสิบหกคนแรกอย่างแน่นอน ข้าแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นมันต่อสู้กับผู้ถูกเลือกเหล่านั้นแล้ว!!”
โลกที่ด้านนอกตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ไม่นานนักการต่อสู้รอบสองนี้ก็จบลง และรอบที่สามก็เริ่มขึ้น เมิ่งฮ่าวไปปรากฏกายขึ้นบนใบไม้ระดับต่อไป มองผ่านแสงเจิดจ้าที่อยู่เบื้องหน้า ตรงไปยังคู่ต่อสู้ที่โผล่ออกมา
คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ถูกเลือก แต่เป็นบุรุษหนุ่มที่มีฝูงยุง เมื่อมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว แทนที่จะมีท่าทางวิตกกังวลเหมือนกับคู่ต่อสู้สองคนก่อนหน้านี้ ดวงตามันกลับสาดประกายด้วยความต้องการจะต่อสู้ด้วย
“ฟางมู่ ข้ายินดีนักที่ได้ต่อสู้กับท่าน ในที่สุดข้าก็จะได้รู้ว่าท่านจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน!”
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ไร้อารมณ์ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เขาให้ความสนใจมาโดยตลอดไม่ใช่ตัวบุรุษหนุ่มผู้นี้ แต่เป็นฝูงยุงของมัน
ก่อนที่บุรุษผู้นั้นจะทันได้กล่าวจบ มันก็โบกสะบัดมือ ทำให้กลุ่มเมฆของฝูงยุงที่ดุร้ายปรากฏขึ้นอย่างน่าตกใจ ตัวที่ใหญ่ที่สุดมีความยาวหนึ่งจ้าง ส่วนใหญ่แล้วมีขนาดเท่ากำปั้น พวกมันกระจายออกไปราวกับเป็นก้อนเมฆ ขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เสียงหึ่งๆ ได้ยินมาขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้ ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่กำหมัดต่อยออกไป
เหมือนกับการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เพียงแค่หมัดเดียวเท่านั้น เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ระลอกคลื่นกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ในเวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็หมุนตัวเดินตรงไปยังชายขอบของสังเวียนการต่อสู้
ที่ด้านหลัง ระลอกคลื่นอันน่าตกใจกระแทกเข้าไปในฝูงยุง ทำให้พวกมันแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ ร่างของบุรุษหนุ่มเริ่มสั่นไปมาอย่างที่ไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ ขณะที่มันกระเด็นไปทางด้านหลัง พ่นโลหิตกระจายออกมาจากปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มันไม่อาจแม้แต่จะโจมตีกลับไปได้ พื้นฐานฝึกตนของมันถูกสะกดไว้ รู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในกำลังจะพุ่งออกมา
ในช่วงวิกฤตนี้เอง ที่เสียงอันสั่นสะท้านของมันได้ร้องออกมา “ข้า…ข้ายอมแพ้!!”
บุรุษหนุ่มมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันรู้ดีว่าเมิ่งฮ่าวแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งมากมายเช่นนี้!
ขณะที่ภาพนั้นปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าสายตาของผู้ชมในโลกด้านนอก ก็ทำให้พวกมันตกอยู่ในความวุ่นวายในทันที รอบแรก หนึ่งหมัด, รอบสอง ก็หนึ่งหมัด, ในรอบที่สาม เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ก็…หนึ่งหมัดเช่นเดียวกัน!
“มัน…มันแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันแน่!?!?”
“มันต้องได้อันดับหนึ่งอย่างแน่นอน! ด้วยพลังและความเชื่อมั่นเช่นนั้น มันต้องเป็นผู้ที่ไร้พ่าย!”
“ข้าคิดว่าคงมีแต่ผู้ถูกเลือกจากสำนักใหญ่เท่านั้น ที่จะต่อสู้กับมันได้อย่างแท้จริง!!”
“ข้าอยากรู้นักว่าใครจะบังคับให้มันต้องใช้หมัดที่สองออกมา!?”
สูงขึ้นไปในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปรมาจารย์ต่างๆ กำลังพยักหน้าเห็นด้วย ไม่มีใครในพวกมันที่จะปฏิเสธว่าในท่ามกลางกลุ่มคนรุ่นนี้ เมิ่งฮ่าวไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง!
“มันต้องใช้เวทสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน ฟางมู่ผู้นี้ยังไม่ได้แก่ชรา แต่มันก็สามารถใช้เวทสั่นสะเทือนออกมาได้!”
“นั่นคือวิชากายเนื้อที่เรียนรู้ได้ก็ต่อเมื่อ ร่างกายมันบรรลุถึงระดับพลังที่ถูกกำหนดไว้ ถือได้ว่าวิชานี้มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในอาณาจักรวิญญาณ อันที่จริงแม้แต่ในอาณาจักรเซียน ก็มีผู้คนเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นที่จะเรียนรู้วิชานี้ได้!”
ความสามารถของเมิ่งฮ่าวได้รับความสนใจและถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด ทำให้เขาตกเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจจากคนทั้งหมดที่กำลังมองดูการต่อสู้นี้อยู่ เมื่อผู้ถูกเลือกกำลังเข้าร่วมในสังเวียนการประลองนี้ พวกมันก็มุ่งความสนใจไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าการต่อสู้ของพวกมันจะจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่มีใครในพวกมันที่จะจบลงได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว
“ฮึ่ม มันก็แค่โชคดีเท่านั้น ทำไมมันถึงได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอมากมายเช่นนั้น?! ถ้ามันมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเหมือนกับที่พวกเราพบเจอมา มันก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น!”
“ยิ่งพวกเราไปได้ไกลมากขึ้นเท่าใด ก็จะยิ่งพบเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น มาดูกันว่ามันจะผ่านไปได้อีกกี่รอบกันแน่!”
เสียงพูดคุยเช่นนี้ได้ยินมา ขณะที่การต่อสู้รอบที่สามได้ผลสรุปแล้ว และรอบที่สี่กำลังเริ่มขึ้น ตอนนี้ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ถูกกำจัดออกไป เหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น
ซึ่งแต่ละคน…ต่างก็แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ!
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่บนใบไม้ระดับห้า ขณะที่คู่ต่อสู้อีกคนปรากฏขึ้นในท่ามกลางแสงระยิบระยับ เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ที่สวมใส่ชุดยาว กระจายระลอกคลื่นออกมา ขณะที่มันปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้น นี่ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งจากเต๋าคุนหลุน แต่ถึงกระนั้นก็เป็นผู้ถูกเลือกด้วยเช่นกัน
มันมาจากสำนักชีไห่ (เจ็ดทะเล)
ในแต่ละรอบการต่อสู้ที่ผ่านมา มันได้ฉีกกระชากร่างกายของคู่ต่อสู้ออกเป็นชิ้นๆ พวกมันทั้งหมดตกตายไป เมื่อมันเดินเข้ามาในสังเวียนการต่อสู้ รอยยิ้มอันโหดเหี้ยมก็มองเห็นอยู่บนใบหน้า ดวงตามันสาดประกายด้วยแสงอันชั่วร้าย
“ฟางมู่ ในที่สุดพวกเราก็ได้มาพบกัน เจ้าแสดงได้ดีในรอบที่ผ่านมา แต่นั่นเป็นเพราะว่าบุคคลที่เจ้าต่อสู้ด้วยเป็นพวกที่อ่อนแอ!”
“ครั้งนี้ข้าจะช่วยให้เจ้าเข้าใจถึงช่องว่างที่แตกต่างกัน ระหว่างผู้ฝึกตนเร่ร่อนเช่นเจ้าและพวกเราเหล่าผู้ถูกเลือก ช่องว่างนั้น…จะทำให้เจ้าต้องสิ้นหวัง!” มันกล่าวหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา ด้วยสีหน้าที่วู่วามหยาบคาย อันที่จริงมันกำลังระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก และพยายามไม่ยอมให้เล่ห์เหลี่ยมของมันแสดงออกมาทางสีหน้า ขณะที่พูดมันก็เริ่มพุ่งตรงมา และภาพลวงตาของน้ำทะเลก็ปรากฏขึ้นที่รอบๆ ตัวมัน ทะเลทั้งเจ็ดปรากฏขึ้น ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ในเวลาเดียวกันนั้นมังกรทะเลขนาดใหญ่ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แผดร้องคำรามพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ในตอนนี้เองที่ผู้คนมากมายในกลุ่มผู้ชมที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้า ซึ่งกำลังมองไปยังสังเวียนการประลองของเมิ่งฮ่าว เมื่อพวกมันเห็นผู้ถูกเลือกจากสำนักชีไห่โจมตีไปยังเมิ่งฮ่าว หลายคนในกลุ่มพวกมันถอนหายใจออกมา
“ฟางมู่คงไม่อาจจะทำสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ ด้วยการต่อยไปแค่หมัดเดียวเหมือนก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน”
“ฮึ่ม การโจมตีไปยังผู้อ่อนแอ ทำให้ง่ายที่จะดูเหมือนว่ามันแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้เมื่อมันกำลังต่อสู้อยู่กับผู้ถูกเลือก มันยังมีเวลาที่จะสงบเยือกเย็นได้อีก ถึงแม้ว่ามันจะชนะ แต่การต่อสู้นี้ก็คงต้องเหมือนกับการดิ้นรนอย่างดุร้ายระหว่างพยัคฆ์และมังกรอย่างแน่นอน”
“ข้าเคยได้ยินมาว่าอวิ๋นเทียนเหอแห่งสำนักชีไห่มีพลังที่แปลกประหลาด หลังจากที่รวมเข้ากับพลังพื้นฐานฝึกตนของมัน ก็จะสร้างเป็นพลังที่ทำให้มันสามารถต่อสู้กับเซียนเทียมได้อย่างสูสี”
เสียงพูดคุยในโลกด้านนอกไม่อาจจะได้ยินอยู่ในสังเวียนการประลอง ในเวลาเดียวกันนั้นบุรุษร่างสูงใหญ่จากสำนักชีไห่ก็ส่งเสียงกู่ร้องที่ทรงพลังออกมา ขณะที่มันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว สีหน้าเมิ่งฮ่าวยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ เขาต่อยออกไปหนึ่งหมัด!
——————–
หมายเหตุ : เมิ่งฮ่าวเรียนรู้ ‘เวทสั่นสะเทือน’ ได้จากกู๋อี่ติงซานอวี่ ในตอนที่ 644 : ท่านปรมาจารย์, ช่วยข้าด้วย!