Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 880

ตอนที่ 880

การกลายร่างอันน่าตกใจ!

กรงเล็บคฤธรสามารถจะเฉือนเหล็กกล้า บดขยี้ก้อนศิลาได้อย่างง่ายดาย!

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากจ้าวอีฝาน หน้าอกมันกลายเป็นก้อนเนื้อที่แหลกเละ แต่ปากก็ยังบิดขึ้นไปเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา จู่ๆ มันก็อ้าปากขึ้น ทำให้กระบี่หนึ่งเล่มพุ่งออกมา ในชั่วพริบตากระบี่เล่มนั้นก็พุ่งฝ่าอากาศ แทงเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความประหลาดใจ และส่งเสียงแผดร้องคำรามอันทรงพลังออกมา

เสียงคำรามนั้นทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไป และกระบี่ก็หยุดชะงักนิ่งอยู่กับที่ ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น มือขวาของเมิ่งฮ่าวก็ตวัดขึ้นไปราวกับเป็นสายลม ปลดปล่อยเวทปลิดดาวออกมา ไปคว้าจับที่ตัวกระบี่และบดขยี้ไปอย่างรุนแรง เสียงแตกร้าวดังก้องขึ้น ขณะที่กระบี่แตกกระจายไป จ้าวอีฝานกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม มันก็ก้าวเดินไปข้างหน้า เพื่อพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ

“ร่างจริงภาพแห่งธรรม!” สีหน้าบ้าคลั่งแวบขึ้นมาบนใบหน้า ขณะที่มันไม่ยอมล่าถอย ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ ขณะที่คำพูดดังก้องออกมา ภาพแห่งธรรมของมันจู่ๆ ก็หายตัวไป หลอมรวมเข้ามาในร่างมัน ไม่นานต่อมา ยักษ์ที่สูงสองพันจ้างก็ปรากฏขึ้นในกลางอากาศ

มันคือจ้าวอีฝาน

“ฟางมู่ การต่อสู้ของพวกเรายังไม่จบลง!” พร้อมกับเสียงคำราม มันยกมือขวาขึ้นไป กระบี่ผนึกเมฆาปรากฏขึ้น และตวัดลงมายังเมิ่งฮ่าว

แทบจะในเวลาเดียวกับที่กระบี่เริ่มกรีดลงมา เมิ่งฮ่าวก็หลับตาลง เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาใหม่ ภาพแห่งธรรมของเขาก็หายไป และหลอมรวมเข้ากับร่างกายของตัวเอง จากนั้นยักษ์สองพันจ้างก็ปรากฏขึ้น ตวัดเท้าเตะฝ่าอากาศกระแทกไปยังตัวกระบี่ จากนั้นคนทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กันไปมาในกลางอากาศ

เสียงระเบิดดังก้องออกมา กลุ่มฝูงชนในขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็สูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง

“พวกมันแข็งแกร่งยิ่งนัก!!”

“ทั้งจ้าวอีฝานและฟางมู่ ต่างก็ไม่ได้เป็นเซียน แต่ต่อให้เป็นเซียนเทียมก็จะคล้ายกับมดแมลงสำหรับพวกมัน! พวกมันสามารถจะสังหารเซียนเทียมได้อย่างง่ายดาย! แม้แต่เซียนแท้พวกมันก็อาจจะต่อสู้ด้วยได้!”

“คนทั้งสองอยู่ในขั้นสูงสุดของอาณาจักรวิญญาณเท่านั้น แต่สำหรับข้าแล้วพวกมันช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าเพิ่งจะเปิดจุดชีพจรได้แค่สามสิบจุดเท่านั้น!”

“ช่างแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!”

“ถ้าคนทั้งสองกลายเป็นเซียนไปจริงๆ ในอาณาจักรเซียนทั้งสิบขั้น พวกมันจะต้องมีจุดชีพจรอย่างน้อยก็เก้าสิบจุดอย่างแน่นอน!”

ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เหล่าปรมาจารย์กำลังจ้องนิ่งไปยังภาพที่เกิดขึ้น แม้แต่ในพวกมันก็ยังไม่อาจจะเอาชนะจ้าวอีฝานหรือเมิ่งฮ่าวได้อย่างง่ายดาย การต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าพวกมันนี้ช่างน่าตกตะลึงและน่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้น…ถึงแม้ว่าคนทั้งสองจะอยู่แค่ในอาณาจักรวิญญาณเท่านั้น แต่เหล่าปรมาจารย์ต่างก็รู้สึกได้ว่าทั้งจ้าวอีฝานและเมิ่งฮ่าว ต่างก็มีศักยภาพที่กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า

“พวกมันมีภาพแห่งธรรมสองพันจ้างทั้งคู่ ซึ่งเทียบได้กับขั้นเซียน ในอาณาจักรเซียนทั้งสิบขั้น แต่ละขั้นจะมีภาพแห่งธรรมหนึ่งพันจ้าง!”

“คนทั้งสองมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการที่จะประสบความสำเร็จ จ้าวอีฝานได้สะกดข่มตัวเองไว้ในอาณาจักรวิญญาณมาเป็นเวลานาน แค่รอคอยให้โชคชะตาเซียนแท้ปรากฏขึ้นมาเท่านั้น มันก็สามารถใช้ต้นเถาวัลย์ประกายเซียนเพื่อให้กลายเป็นเซียนแท้ได้ มีอยู่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ เมื่อไหร่ที่มันผ่านเข้าไปในอาณาจักรเซียน พื้นฐานฝึกตนของมันก็จะพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนแทบจะบรรลุถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรเซียนได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งร้อยปี!”

“ดูเหมือนว่าฟางมู่ก็เช่นเดียวกัน อันที่จริงผู้ถูกเลือกทั้งหมดในสำนักที่สำคัญของขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็เป็นเช่นนี้!”

ย้อนกลับไปในสังเวียนการประลอง เมิ่งฮ่าวและจ้าวอีฝานกำลังต่อสู้กันอย่างดุร้าย แต่เมิ่งฮ่าวยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มกำลัง ถึงแม้ว่าจิตมารจะลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เขามีความแข็งกร่งมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็รู้สึกได้ว่าจ้าวอีฝานยังคงปกปิดกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวบางอย่างไว้ ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวจึงยังไม่ทุ่มออกมาจนสุดกำลัง

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ดวงตาจ้าวอีฝานกลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง เมื่อต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ มันก็พร้อมที่จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสามารถจะควบคุมได้ออกไป แต่ก็ยังคงไม่อาจจะสู้กับคู่ต่อสู้ของมันได้ จริงๆ แล้วมันถูกบังคับให้ต้องล่าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง

“ข้าไม่ยอมรับเรื่องนี้!” มันคิดรังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตา ขณะที่ถอยไปทางด้านหลังอยู่นั้น จู่ๆ มันก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ในตอนนี้เองที่ต้นเถาวัลย์ได้ปรากฏขึ้นในทันที ม้วนพันไปรอบๆ ร่างกายมันและกระจายแสงอันอ่อนโยน รวมทั้งบทเพลงแห่งเต๋าออกมา มันคือต้นเถาวัลย์ประกายเซียนนั่นเอง

จ้าวอีฝานแหงนหน้าขึ้นไปและกู่ร้องออกมา ในเวลาเดียวกันนั้นต้นเถาวัลย์ประกายเซียนก็เริ่มเรืองแสงเป็นประกายขึ้น มันเริ่มสั่นสะท้าน และจากนั้นก็มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้มันมีความสูงถึงสามพันจ้าง!!

ร่างที่สูงสามพันจ้างของมันกระจายพลังอันน่าตกใจออกมา เป็นพลังที่จ้าวอีฝานพบว่ายากที่จะควบคุมได้ เป็นพลังที่มาจากต้นเถาวัลย์ประกายเซียนนั่นเอง

เมื่อกลุ่มฝูงชนที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้ามองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ พวกมันก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย

“มันสะกดข่มพื้นฐานฝึกตนของตัวเองไว้ก่อนหน้านี้!!”

“สวรรค์! มันเทียบได้กับ…เซียนขั้นสาม!”

“ฟางมู่จบสิ้นแล้ว!!”

สายตาจ้าวอีฝานเริ่มสลัวเลือนลางลง สิ่งเดียวที่มันมองเห็นได้ในตอนนี้คือเมิ่งฮ่าว และความคิดเดียวที่ยังคงมีอยู่ในจิตใจก็คือ ต้องเอาชนะฟางมู่ให้จงได้!

ตูม!

ร่างจ้าวอีฝานแวบขึ้น พลังของมันพุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์ เข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว ปราณกระบี่พุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง อากาศแตกกระจายไป เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่คนทั้งสองเริ่มต่อสู้กันไปมาอีกครั้ง

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น เปลวไฟสีดำพุ่งออกมาอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่ร่างภาพแห่งธรรมจู่ๆ ก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาก็มีความสูงสามพันจ้างด้วยเช่นเดียวกัน!

ในทันใดนั้นเสียงหอบหายใจด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก็ได้ยินออกมาในขุนเขาทะเลที่เก้า แม้แต่ผู้ฝึกตนที่อยู่บนต้นไม้เต๋าก็เป็นเช่นเดียวกัน

“สวรรค์! ฟางมู่ก็ปกปิดพื้นฐานฝึกตนที่แท้จริงไว้เช่นกัน ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามัน…ก็เทียบได้กับเซียนขั้นสามด้วยเช่นกัน!”

“ใครจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้!? ใคร…กำลังจะได้อันดับหนึ่ง!?”

เสียงระเบิดดังก้องขึ้นขณะที่เมิ่งฮ่าวและจ้าวอีฝานต่อสู้กันไปมา ในชั่วพริบตาก็ปะทะกันมากกว่าหนึ่งร้อยครั้ง พื้นดินสั่นสะเทือน ทั่วทั้งสังเวียนการประลองสีทองสั่นไปมา รอยแตกมองเห็นอยู่ในอากาศทั่วทุกทิศทาง

ในที่สุด จ้าวอีฝานก็โซเซถอยไปทางด้านหลัง โลหิตไหลซึมออกมาจากปาก ท่าทางสิ้นหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้า มันได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่สามารถจะรวบรวมได้ออกมา ได้กระทำแทบจะทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังไม่อาจจะเอาชนะคู่ต่อสู้ของมันได้

“ไม่ ข้ายังไม่ได้ใช้ทุกสิ่งออกมา ข้ายังไม่ได้ใช้สะบั้นครั้งที่สองแห่งห้ากระบี่สูญสะบั้น แต่…”

ดวงตาจ้าวอีฝานสาดประกายด้วยความบ้าคลั่ง ขณะที่มันถอยไปทางด้านหลัง ทันใดนั้นมันก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวตรงๆ

“ฟางมู่ ปลดปล่อยพลังการต่อสู้จากพื้นฐานฝึกตนที่แข็งแกร่งมากที่สุดของเจ้าออกมา! พวกเรากำลังจะตัดสินผลแพ้ชนะกันในครั้งเดียว!” ด้วยเช่นนั้นจ้าวอีฝานก็เงยหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา ริมฝีปากมันบิดขึ้นด้วยความบ้าคลั่งและความคิดที่จะเอาชนะให้จงได้ ฉับพลันนั้นมันก็เริ่มสั่นสะท้าน และกลิ่นอายที่กำลังลุกไหม้ก็ระเบิดออกไป

ทันใดนั้นร่างภาพแห่งธรรมของมันก็เริ่มกระจายแสงอันเจิดจ้าขึ้น แสงนั้นกระจายออกไปและทันใดนั้น…ก็หดตัวเล็กลงไป!

นี่คือ…การระเบิดตัวเองของภาพแห่งธรรม!

“สำนักกระบี่ไท่สิง, ห้ากระบี่สูญสะบั้น เป็นที่รู้จักกันดีในนามว่าห้ากระบี่เซียน ด้วยพลังของข้าในตอนนี้ สามารถจะปลดปล่อยออกมาได้แค่สะบั้นครั้งแรกเท่านั้น ตอนนี้ข้าจะรวบรวมพลังของการระเบิดตัวเองเพื่อปลดปล่อยสะบั้นครั้งที่สองออกมา!”

“ฟางมู่ ถ้าเจ้าไม่อาจจะต่อต้านการโจมตีนี้ได้ เจ้าก็จะต้องพ่ายแพ้ไป!” ขณะที่จ้าวอีฝานพูด ภาพแห่งธรรมของมันก็เริ่มมีขนาดเล็กลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายอันน่ากลัวของมันก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อยๆ

กลุ่มผู้ชมที่อยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วน ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปรมาจารย์ทั้งหมดต่างก็ลุกขึ้นมายืน ชายชราจากสำนักกระบี่ไท่สิงกระทืบเท้าลงไปบนพื้น

“ช่างหุนหันพลันแล่นนัก!” มันคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว ขณะที่มองไปยังภาพที่กำลังเกิดขึ้นบนจอภาพกระแสน้ำวน สีหน้ามันหมองคล้ำลง

“ฟางมู่” จ้าวอีฝานร้องตะโกนออกมา “หลังจากการโจมตีนี้ ข้าก็ไร้พลังที่จะกระทำอะไรได้อีก ถ้าเจ้าไม่ตายไป อย่างน้อยที่สุดข้าก็จะต้องกลับไปเข้าฌาณตามลำพังเพื่อที่จะฟื้นฟูร่างกาย และจะเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะสร้างภาพแห่งธรรมขึ้นมาได้อีก แต่ข้า, จ้าวอีฝานก็ไม่เสียใจใดๆ!”

“การต่อสู้นี้ การโจมตีนี้ ประกอบด้วยความหวังทั้งหมดของข้า! แสดงให้ข้าเห็นว่า…เจ้ามีความแข็งแกร่งมากมายเท่าใดกัน!” ตอนนี้จ้าวอีฝานได้หดตัวเล็กลงจากที่สูงสามพันจ้างจนเหลือแค่สามร้อยจ้างเท่านั้น พลังของมันพุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และอากาศรอบๆ ตัวก็แตกกระจายไป แม้แต่สังเวียนการประลองก็ยังต้องสั่นสะท้านไปมา

เมิ่งฮ่าวมองเข้าไปในดวงตาจ้าวอีฝาน และสิ่งที่เห็นก็คือแรงกระตุ้นที่บ้าคลั่งจากการต่อสู้อันร้อนแรงนี้ เขาพยักหน้าอย่างเงียบๆ และทันใดนั้นจิตมารที่อยู่ภายในร่างก็ระเบิดออกมา เปลวไฟสีดำพุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์ ภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าวเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!

สามพันหนึ่งร้อยจ้าง, สามพันห้าร้อยจ้าง, สามพันเก้าร้อยจ้าง….จนกระทั่ง…

สี่พันจ้าง!

เขายืนอยู่ที่นั่น ถูกห้อมล้อมด้วยเสียงกระหึ่มอันรุนแรง ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่บนต้นไม้เต๋าต่างก็ตกตะลึง ไม่มีใครในพวกมันเคยได้ยินว่าจะมีใครบางคนในอาณาจักรวิญญาณ สามารถจะเทียบได้กับเซียนขั้นที่สี่มาก่อนเลย!!

พวกมันสามารถเข้าใจได้เกี่ยวกับพลังที่ไม่ธรรมดาของจ้าวอีฝาน อันเนื่องมาจากการพึ่งพาต้นเถาวัลย์ประกายเซียน แต่ภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าวไม่มีต้นเถาวัลย์ประกายเซียน!

เรื่องเช่นนี้เป็นสิ่งที่…น่าประหลาดใจโดยสิ้นเชิง!!

ที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้า กลุ่มฝูงชนกำลังปั่นป่วนวุ่นวาย เสียงพูดคุยดังก้องไปทั่วทุกที่ และเสียงตะโกนด้วยความมุ่งหวังก็ดังลอยไปมา

“จ้าวอีฝานกำลังจะระเบิดภาพแห่งธรรม และรวบรวมพลังชีวิตเพื่อปลดปล่อยการโจมตีจากกระบี่ที่แข็งแกร่งมากที่สุดของมันออกมา! แต่ฟางมู่…ก็เทียบได้กับเซียนขั้นที่สี่!!”

“ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ จะถูกตัดสินกันแล้วในตอนนี้! ข้าอยากรู้นักว่าระหว่างคนทั้งสองนี้…ใครจะได้อันดับหนึ่ง!!”

ความมุ่งหวังในการแข่งขัน และการต่อสู้ในสังเวียนการประลองทั้งหมด ได้มาถึงแล้วในตอนนี้!

สายตาของกลุ่มผู้ชมตรึงแน่นอยู่ที่จอภาพกระแสน้ำวน ขณะที่ร่างของจ้าวอีฝานหดตัวเล็กลงไปจนเท่ากับคนธรรมดาทั่วไป ภาพแห่งธรรมสามพันจ้างของมันพังทลายลงไป และพลังทั้งหมดที่พังทลายลงไปนั้น ได้รวมตัวเข้าไปในกระบี่ที่มันถืออยู่ในมือ

นี่ไม่ใช่กระบี่ธรรมดา!

“ห้ากระบี่สูญสะบั้น, สะบั้นครั้งที่สอง…ขอถามเซียน ทำไมถึงได้ตัดขาดจากโลกียะ?!” ขณะที่เสียงจ้าวอีฝานดังก้องออกมา มันก็ยกมือขวาขึ้น ดวงตาสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระบี่ที่โจมตีไปนี้ประกอบด้วยพลังชีวิต, ภาพแห่งธรรม, พลังเจตจำนง และทุกสิ่งทุกอย่างของมัน!

มันยกกระบี่ขึ้น จากนั้นก็ตวัดลงไป กลายเป็นกระบี่แห่งสวรรค์ เป็นบางสิ่งที่สามารถจะตัดได้แม้กระทั่งความตาย ราวกับว่ากระบี่นี้กำลังสอบถามไปยังเซียน ‘ท่านจะตัดโลกียะ…หรือไม่?!”

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่กระบี่นั้นกรีดเฉือนลงไป เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เขามีพลังเซียนแท้และพลังแห่งชีพจรเซียน แปดในสิบส่วน พลังทั้งหมดระเบิดออกไป ขณะที่ภาพแห่งธรรมขยับร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองมือ จากนั้นก็เตรียมตัวจะต่อยหมัดออกไป อย่างน่าตกใจยิ่ง…ชีพจรเซียนได้ปรากฏขึ้นในอากาศอยู่รอบๆ ภาพแห่งธรรมของเขา!

ชีพจรเซียนนี้ดูคล้ายกับเป็นเส้นใยแห่งสายไหม หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างภาพแห่งธรรม ปราณเซียนอันน่าตกใจระเบิดออกไป รวมตัวกันอยู่ที่มือสร้างเป็นหมัดอันแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่เขาสามารถจะทำได้ หมัดนั้นต่อยออกไปในอากาศเหนือสังเวียนลานประลอง

เมื่อกระบี่และหมัดกระแทกเข้าหากัน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป ต้นไม้เต๋าทั้งหมดสั่นสะท้านไปมา อากาศพลุ่งพล่านปั่นป่วน แม้แต่กลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้าก็สามารถจะรับรู้ถึงมันได้ ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายต่างก็หอบหายใจออกมา

ตูมมมมม!

เสียงนั้นดูเหมือนจะสามารถฉีกกระชากสวรรค์ให้เปิดออกมาได้ กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ทันใดนั้นก็กระจายออกมาปกคลุมไปทั่วทั้งสังเวียนการประลองสีทอง กลิ่นอายที่อยู่ด้านในกระแสน้ำวนเริ่มเข้มข้นรุนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆ ขณะที่พลังทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาโดยเมิ่งฮ่าวและจ้าวอีฝาน ได้รวมตัวเข้าด้วยกัน ในเวลาเดียวกันนั้น ทั่วทั้งลานประลองก็เริ่มพังทลายลงไป!

ในตอนนี้เองที่พลังสะท้อนขนาดใหญ่ได้พุ่งขึ้นไปในกระแสน้ำวน จากนั้นก็ม้วนกวาดตรงไปยังจ้าวอีฝาน เป็นพลังที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่มันจะสามารถต่อต้านได้ และรอยยิ้มที่ซีดเซียวจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะที่ตระหนักว่ามันได้พ่ายแพ้ไปแล้ว

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และเสียงแตกร้าวก็ได้ยินไปทั่วทั้งร่างกาย กระดูกมากกว่าครึ่งในร่างของมันกำลังแตกกระจายไป ขณะที่ร่างจ้าวอีฝานถูกโยนออกไปจากต้นไม้เต๋าอย่างรุนแรง

“ข้าแพ้…” มันพึมพำ ในช่วงก่อนที่มันจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไป มันมองเห็นเมิ่งฮ่าวกำลังยืนอยู่ที่นั่น ต่อสู้กลับไปยังพลังที่โจมตีมา จากนั้นจ้าวอีฝานก็หมดสติไป

หลังจากที่จ้าวอีฝานหมดสติไป เมิ่งฮ่าวก็กระอักโลหิตออกมากองโต ทันใดนั้นเปลวไฟจากจิตมารก็ดับไป และแสงอันสงบเย็นก็ปรากฏขึ้นในดวงตา แต่พลังจากการโจมตีนั้นทำให้เขาต้องลอยออกไปทางด้านหลังอย่างไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ เสียงกระหึ่มได้ยินมาขณะที่เขาลอยออกไปจากสังเวียนการประลอง ไปอยู่ที่ด้านนอกของต้นไม้เต๋า!

ในตอนนั้นเอง…

บุรุษครึ่งศีรษะซึ่งกำลังดักซุ่มอยู่ที่ด้านนอกของสังเวียนการประลองอยู่ตลอดเวลา ก็มองมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นละโมบ มันพุ่งตัวออกมาจากตำแหน่งของมันด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ตรงมายังเมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังสั่นสะท้านพุ่งฝ่าความว่างเปล่าออกมา ไปอยู่เหนือเศษซากเซียน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!