Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 950

ตอนที่ 950

กวาดมันให้เกลี้ยง

ในตอนที่บุรุษชุดดำตกตายไป เสียงแตกร้าวได้ดังก้องขึ้นมาจากในห้องโถงที่ใช้เก็บแผ่นหยกชีวิตในคฤหาสน์โบราณ เสียงนั้นได้ดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสทั้งหมด ที่อยู่ในคฤหาสน์โบราณอย่างฉับพลัน

ขณะที่ลำแสงเริ่มพุ่งฝ่าอากาศไป ฟางซิ่วซานก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และบังคับให้ตนเองเยือกเย็นลง จากนั้นก็บินขึ้นไปในอากาศด้วยเช่นเดียวกัน

ไม่นานนักเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายก็มาถึงห้องโถงที่ใช้เก็บแผ่นหยกชีวิต ผู้เฒ่าสูงสุดฟางตงเทียนได้มาถึงแล้ว มันไพล่มืออยู่ที่ด้านหลัง ขณะที่ทำการศึกษาแผ่นหยกชีวิตที่แตกกระจายไป สีหน้ามันค่อยๆ เริ่มเคร่งเครียดมากขึ้นไปเรื่อยๆ

ผู้คนเริ่มมารวมกลุ่มกันอยู่ในห้องโถง และต่างก็มีสีหน้าที่ไม่สบายใจ เมื่อได้เห็นแผ่นหยกชีวิตที่แตกกระจายไปนั้น

กลุ่มฝูงชนเริ่มพูดคุยกันด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วเบา

“อีกคนแล้ว…นั่นเป็นแผ่นหยกชิ้นที่สองที่แตกกระจายไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ คาดไม่ถึงว่าสองผู้อาวุโสต้องตายไป!”

“มีสิ่งแปลกๆ กำลังเกิดขึ้น…”

“สิ่งที่แปลกมากกว่านั้นทั้งหมดก็คือว่า ไม่อาจจะรู้ได้ว่าคนแรกได้ตายไปในที่แห่งใด!”

ในที่สุด ผู้เฒ่าสูงสุดก็หันหน้ามองไปรอบๆ ยังกลุ่มฝูงชน สายตาอ้อยอิ่งอยู่ที่ฟางซิ่วซานอยู่ชั่วขณะ

จิตใจฟางซิ่วซานเต้นรัว แต่สีหน้ามันยังคงสงบนิ่ง

“สองผู้อาวุโสได้ตายไปติดต่อกัน” ผู้เฒ่าสูงสุดประกาศขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจ “แต่ก็ไม่อาจจะใช้พลังของแผ่นหยกชีวิต เพื่อรับรู้ว่าพวกมันได้ตายไปในที่แห่งใด…พวกมันไปที่ไหนกัน?”

ผู้อาวุโสผู้หนึ่งได้ก้าวเท้าออกมาจากกลุ่มฝูงชน ประสานมือและโค้งตัวลง “จากการตรวจสอบของข้า คนทั้งสองได้ออกไปตามลำพังด้วยภารกิจของตระกูล”

“ภารกิจ…? เจ้าเชื่อเช่นนั้นจริงๆ?” ผู้เฒ่าสูงสุดมีท่าทางฉุนเฉียว โบกสะบัดชายแขนเสื้อและเริ่มเดินจากไป “ตรวจสอบต่อไป หาให้ได้ว่ามีผู้อาวุโสกี่คนที่ออกไปด้วยภารกิจเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหาให้พบว่าใครเป็นคนมอบหมายภารกิจนี้ให้กับพวกมัน ข้าต้องการรายละเอียดทั้งหมด! รวมทั้งข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ด้วย!” เสียงของผู้เฒ่าสูงสุดดังก้องอยู่ในห้องโถงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ามันจะจากไปแล้วก็ตามที

ฟางซิ่วซานรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ ขณะที่มันจากไปพร้อมกับกลุ่มฝูงชนที่เหลือ ทันใดนั้นเสียงอันเย็นชาของผู้เฒ่าสูงสุดก็ดังอยู่ในหูของมัน ถูกส่งออกมาด้วยเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์

“ในตระกูลของพวกเรา ไม่มีอะไรที่จะสำคัญมากไปกว่ากฎของตระกูลอีกแล้ว ดังนั้นข้าจะปกป้องฟางเว่ยจากปัญหาใดๆ ทั้งหมด แต่…ถ้ามีผู้อาวุโสคนที่สามตายไป เจ้าก็ควรจะหาทางอธิบายถึงเรื่องราวทั้งหมดนี้ให้ข้าฟัง”

จิตใจฟางซิ่วซานสั่นสะท้านขึ้นอย่างเงียบๆ

ย้อนกลับไปในดินแดนบรรพบุรุษ บุรุษหนุ่มชุดดำตายไป และผู้ฝึกตนอีกเจ็ดคนซึ่งมีตะเกียงวิญญาณที่ดับไปแล้วหนึ่งดวง…ต่างก็หยุดชะงักนิ่ง

พวกมันไม่อาจจะทำอะไรได้ คนทั้งหมดมีแผ่นหยกสายโลหิต และเห็นได้ชัดว่าจู่ๆ สองคนก็ได้ตายไปในทันทีที่เข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว

คนเดียวอาจจะถือได้ว่าเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ แต่สองคน…ถ้าคนทั้งเจ็ดยังคงเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุอีกละก็ พวกมันก็ไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่าผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณแล้ว

สีหน้าของคนทั้งเจ็ดเปลี่ยนไปด้วยความตื่นตระหนก พวกมันไม่อาจจะคาดเดาได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ทำไมสองคนนั้นที่น่าจะเป็นคนสังหารผู้เยาว์แค่คนเดียวไป กลับถูกสังหารไปเอง

จิตใจพวกมันสั่นสะท้าน และความหวาดกลัวต่อเมิ่งฮ่าวก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาอยู่ในจิตใจ ทันใดนั้น จุดแสงที่เป็นตัวแทนของเมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะแปลกๆ และลี้ลับเป็นอย่างยิ่ง

ฉับพลันนั้นสถานการณ์บนแผ่นหยกของเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป และปากของเขาก็บิดขึ้นเป็นรอยยิ้มอันเย็นชา จุดแสงทั้งเจ็ดไม่ได้เข้ามาใกล้เขาอีกต่อไป แต่กลับกันตอนนี้พวกมันกำลังพุ่งห่างออกไปจากเขาในทิศทางที่แตกต่างกัน

“พวกเจ้าทั้งหมดต่างก็ติดอยู่ในที่แห่งนี้เป็นเวลาสองเดือนด้วยเช่นกัน พวกเรามีเวลาเหลือเฟือที่จะเล่นซ่อนหากัน” เมิ่งฮ่าวตบไปที่นักรบศิลาอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง ทำให้มันหมุนตัวและบินออกไปไกลพร้อมกับเขา

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่มองไปยังพื้นดินที่พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วที่ด้านล่าง อย่างช้าๆ รอยยิ้มอันเขินอายก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เมื่อข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็ต้องได้โชควาสนาจากดินแดนบรรพบุรุษนี้ติดมือกลับไปบ้าง ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตามที”

สูงขึ้นไปในอากาศ ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดมองเห็นดวงตาที่เปล่งประกายของเมิ่งฮ่าว จากนั้นมันก็พยักหน้าให้กับตัวเอง

“จากประกายตาของมัน ก็ดูเหมือนว่ามันกำลังจะไปค้นหาโชควาสนาบางอย่างจากในดินแดนบรรพบุรุษนี้ ดีมาก นี่คือสิ่งที่ลูกหลานตระกูลฟางควรจะทำ” มันลูบเคราช้าๆ ยิ้มออกมา “เด็กผู้นี้มีหน้าตาที่สง่างามอยู่บ้าง ถึงแม้ว่ามันจะสังหารศัตรูไปอย่างโหดเหี้ยมก็ตามที มันก็ยังดูไร้พิษภัยและมีเสน่ห์ด้วยเช่นกัน ข้าอยากรู้นักว่ามันจะถูกลิขิตให้ได้โชควาสนาอะไรในที่แห่งนี้”

นี่คือครั้งแรกที่ชายชราได้เห็นประกายตาเช่นนี้ของเมิ่งฮ่าว และเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกันที่ได้เห็นเขายิ้มเขินอายออกมา…

“ไม่ว่าข้าจะไปยังสถานที่แห่งใดก็ตามที ข้าก็จะกวาดมันให้เกลี้ยงเกลา” เมิ่งฮ่าวคิด พยายามหาเหตุผลให้กับตัวเองอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ด้วยการมีนักรบศิลานี้ติดตามไปด้วย ถ้าข้าปล่อยสถานที่แห่งนี้ไปอย่างง่ายดาย ในวันข้างหน้าข้าก็คงจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!” ด้วยเช่นนั้น ดวงตาของเขาก็ยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น

ภายใต้การควบคุมของเมิ่งฮ่าว นักรบศิลาบินออกไปยังที่ห่างไกล

ดินแดนบรรพบุรุษมีลักษณะที่ยืดยาวออกไป และตำแหน่งของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ก็อยู่ที่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก เขาก็มีโอกาสสำรวจดูดินแดนที่เบื้องหน้า เมิ่งฮ่าวส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในร่างของนักรบศิลา

นักรบศิลาหยุดลง และเมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นมายืน จ้องมองลงไปยังพื้นดิน ที่ด้านล่างเป็นสนามของก้อนศิลาขนาดใหญ่ พื้นผิวของศิลาแต่ละก้อนถูกแกะสลักเป็นภาพที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งประกอบไปด้วยกฎธรรมชาติ

เมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานออกมาจากนักรบศิลา และลอยลงไปบนสนามก้อนศิลา ขณะที่เขามองไปรอบๆ ดวงตาก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้น

สูงขึ้นไปในอากาศ ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดพยักหน้าให้กับตัวเอง

“ยอดเยี่ยม สถานที่แห่งนี้ไม่มีอะไรพิเศษมากมาย แต่ก็เหมาะสำหรับมันมาก การที่ได้รับความรู้แจ้งจากวิชาเวทบางอย่าง ก็สามารถถือได้ว่าเป็นโชควาสนาด้วยเช่นกัน” ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดเริ่มยิ้มออกมา แต่จากนั้นก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจไปอย่างรวดเร็ว และเริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมา

ที่ด้านล่างเมิ่งฮ่าวถอยหลังออกไปเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ออกไป ต่อมานักรบศิลาก็ก้มตัวลงมา ใช้สองมือยื่นออกไปขุดเอาก้อนศิลาขึ้นมาจากพื้นดิน

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่เขารีบเก็บก้อนศิลานั้นไว้ในถุงสมบัติอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ให้นักรบศิลาไปยังศิลาก้อนอื่น ไม่นานนักก้อนศิลานับสิบในบริเวณนั้นก็ถูกขุดขึ้นมาจากพื้นดินและถูกใส่เข้าไปในถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าว

หลังจากนั้น เมิ่งฮ่าวก็บินกลับขึ้นไปนั่งลงบนศีรษะของนักรบศิลา และมุ่งหน้าต่อไปด้วยความตื่นเต้น

สูงขึ้นไปในกลางอากาศ ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดยังคงไม่ได้สติกลับคืนมาจากความตกตะลึง มันจ้องมองไปยังหลุมบนพื้นนับสิบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังจากไปไกลด้วยความงุนงง

“มัน…มันกำลังทำอะไรอยู่? มันไม่ได้มาที่นี่เพื่อได้รับความรู้แจ้ง? เพื่อจะได้โชควาสนา?” การกระทำของเมิ่งฮ่าวทำให้มันต้องตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

เวลาผ่านไป เมิ่งฮ่าวมองเห็นทะเลสาบเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งดูคล้ายกับเป็นกระจก ขณะที่ดวงตะวันสาดแสงลงมายังพื้นผิวของมัน สัญลักษณ์เวทก็ลอยขึ้นมาจากพื้นน้ำ

เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ และนักรบศิลาก็ใช้กระบี่ขนาดใหญ่ของมันตวัดกรีดลงไป หลังจากที่กรีดเฉือนลงไปไม่กี่ครั้ง มันก็เฉือนเอาพื้นดินที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบทั้งหมดไป หลังจากนั้นเมิ่งฮ่าวก็พยายามดิ้นรนกระชากเอาทะเลสาบขึ้นมาจากพื้นดิน และใส่มันลงไปในถุงสมบัติ

จริงๆ แล้วเขามีถุงสมบัติอยู่มากมาย บ้างก็มีขนาดใหญ่กว่าใบอื่นๆ หลังจากที่พยายามยัดทะเลสาบลงไปในถุงสมบัติหนึ่งใบ เขาก็หยิบเอาถุงสมบัติอีกใบออกมา กลับไปนั่งลงบนศีรษะของนักรบศิลา มุ่งหน้าต่อไปพร้อมกับกวาดมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์

ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดกำลังหอบหายใจ และดวงตาก็เบิกกว้าง ขณะที่มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ มันยังได้เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาอีกด้วย

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าไป มันก็เห็นภูเขาลูกน้อยๆ ถูกเขาเก็บไป!

มันเห็นเจดีย์ขนาดเล็ก ถูกเขาเก็บไป!

มันเห็นป่าไม้ไผ่ ถูกเขาเก็บไป!

มันเห็นกระท่อมไม้ ถูกเขาเก็บไป!

มันเห็นรูปปั้นแกะสลัก ถูกเขาเก็บไป!

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเห็น ทุกสถานที่ที่ดูเหมือนจะเป็นโชควาสนา จะถูกมือขนาดใหญ่ของนักรบศิลาเก็บขึ้นมา และจากนั้นก็ใส่เข้าไปในถุงสมบัติ

เมิ่งฮ่าวมีถุงสมบัติอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อเขาใช้ถุงขนาดใหญ่หมดไป เขาก็จะใช้ใบที่เล็กกว่า ถ้าบางสิ่งมีขนาดใหญ่โตมาก เขาก็จะรื้อสิ่งเหล่านั้นให้กลายเป็นชิ้นเล็กๆ และยัดมันลงไป

ขณะที่เดินทางไปเรื่อยๆ เขาก็มีท่าทางไม่ค่อยสบายใจขึ้นเล็กน้อย จนกระทั่งดูเหมือนจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมา ที่ด้านบนขึ้นไป ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดกำลังสั่นสะท้าน และหนวดเคราก็ยุ่งเหยิง ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ราวกับมันคิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยที่ดูไร้พิษภัย มีเสน่ห์เช่นนั้น…จะกระทำการบางอย่างเช่นนี้ขึ้นมาได้จริงๆ!

ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่ามันรู้สึกหวาดกลัวต่อนักรบศิลานั้นแล้วละก็ ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดก็คงจะสังหารเจ้าเมิ่งฮ่าวที่เป็นขบถและน่าอัปยศผู้นี้ไปในทันที!

“มัน…มันกำลังทำอะไร!? มันไม่ได้พยายามจะรู้แจ้งใดๆ! มันแค่นำสิ่งของต่างๆ ทั้งหมดที่ถูกสร้างและถูกเก็บรวบรวมโดยปรมาจารย์รุ่นก่อนๆ…ใส่เข้าไปในถุงสมบัติของมันเท่านั้น!!”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหนึ่ง เมื่อเมิ่งฮ่าวไปถึงวิหารแห่งหนึ่ง ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดก็ต้องตกตะลึง ขณะที่มองเห็นเมิ่งฮ่าวเริ่มรื้อถอนวิหารทั้งหมดอย่างรวดเร็ว รวมทั้งพื้นกระเบื้องอีกด้วย เขากระทำด้วยความถูกต้องและแม่นยำ ราวกับว่านี่คือสิ่งที่เขาได้ทำอยู่เป็นประจำทุกวัน

ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าจะไปกระตุ้นให้ดินแดนบรรพบุรุษเกิดปฏิกิริยาขึ้น ขณะที่เขากำลังรื้อถอนวิหาร แม้แต่เสาก็ยังถูกถอดออกไป เหลือไว้แต่ความว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง…เสียงร้องคำรามได้ยินออกมาจากที่ห่างไกล ขณะที่ฝูงวานรยักษ์ได้บินตรงมาที่เขา

พวกมันมีมากกว่าหนึ่งร้อยตัว แต่ละตัวมีพื้นฐานฝึกตนเทียบเท่ากับชั้นสูงสุดของอาณจักรเซียน ร่างกายพวกมันปกคลุมเต็มไปด้วยเส้นขนที่สวยงาม และดวงตาก็เป็นแสงสีแดงจ้า เห็นได้ชัดว่าพวกมันคือผู้ปกป้องวิหารแห่งนี้ ดวงตาพวกมันจ้องนิ่งมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความเกลียดชัง ขณะที่พุ่งตรงมา

เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นฝูงวานร เขาก็ไม่สั่งให้นักรบศิลาโจมตีไป แต่ตบไปที่ถุงสมบัติ ทำให้นกแก้วบินออกมา

เห็นได้ชัดว่ามันถูกขังอยู่ในถุงสมบัติมาเป็นเวลานาน เพราะในทันทีที่มันโผล่ออกมา มันก็บินเป็นวงกลมอยู่ในอากาศหลายรอบด้วยความรวดเร็วสูงสุด ผีโต้งเกาะติดอยู่บนข้อเท้าของมันในรูปแบบของกระดิ่ง และทันใดนั้นก็เริ่มส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งอย่างไร้ทีท่าว่าจะหยุดออกมา

“อู่เหยียออกมาแล้ว!!!”

“เมื่ออู่เหยียปรากฏ ผู้ใดกล้ามาต่อกร!!”

“เหล่าอ้ายเฟย (สนมรัก) ที่มีขนทั้งหลาย อู่เหยียอยู่ที่นี่เพื่อจะมาแสดงความรักต่อพวกเจ้าแล้ว!” แทบจะในทันทีที่นกแก้วปรากฏตัวขึ้น ดวงตามันก็เบิกกว้างขึ้นในทันที และมันก็แทบจะลืมกระพือปีกไป น้ำลายมันยังได้เริ่มไหลออกมาอีกด้วย ขณะที่จ้องนิ่งไปยังเหล่าวานรซึ่งมีขนอันสวยงาม

“ช่างมีอ้ายเฟยมากมายนัก…” มันกล่าว ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น ทันใดนั้นมันก็รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านขึ้นมาในทันที และจากนั้นก็พุ่งตรงไปยังเหล่าฝูงวานรด้วยความรวดเร็วสูงสุด

เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา จากนั้นก็บินกลับขึ้นไปนั่งลงบนศีรษะของนักรบศิลา ซึ่งได้พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล

ดวงตาของปรมาจารย์รุ่นเจ็ดเบิกกว้าง ขณะที่มองไปยังนกแก้วและเหล่าฝูงวานร ทันใดนั้นมันก็รู้สึกคลื่นเหียนสะอิดสะเอียนขึ้นมาในทันที

ไม่นานนักก่อนที่สียงแผดร้องอย่างโหยหวนจะดังก้องออกมา ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรมอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้

ในตอนนั้นเมิ่งฮ่าวได้ไปถึงสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งมีพื้นดินเป็นสีดำ เขามองเห็นโลงศพขนาดใหญ่ ที่ด้านบนมีรูปปั้นศิลาของชายชราที่ดูสูงส่งสง่างามอยู่!

ใต้รูปปั้นมีสิ่งของที่ถูกนำมาสักการะบูชาอยู่มากมาย มีหยกเซียนที่หายากอยู่หลายชิ้น รวมทั้งสิ่งของที่ยากจะพบเห็นได้ในโลกด้านนอก มีหินลมปราณระดับสูง รวมทั้งของวิเศษสามชิ้นที่กระจายกลิ่นอายอันน่าตกใจออกมา แม้แต่ตะเกียงไม้ไผ่สีเขียวเข้มสองดวงก็ยังมีให้เห็น

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นโลงศพและรูปปั้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น ลงไปอยู่บนพื้นจากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับรูปปั้น

“สมาชิกตระกูลฟาง, ฟางฮ่าวขอคารวะ ท่านบรรพบุรุษ!”

เมื่อปรมาจารย์รุ่นเจ็ดมองเห็นการกระทำของเมิ่งฮ่าวนี้ สีหน้ามันก็อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสิ่งที่เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อมา ได้ทำให้มันแทบจะหน้ามืดไป

“ท่านบรรพบุรุษ” เขากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นปรมาจารย์รุ่นใด แต่…ข้าไม่อยากจะเชื่อว่ากลุ่มคนตระกูลฟางจะประพฤติตนได้อย่างน่าเศร้าใจเช่นนี้ ทำไมไม่มีใครในกลุ่มคนก่อนหน้านี้จะนำสิ่งของใหม่ๆ มาสับเปลี่ยนกับสิ่งของเหล่านี้กันบ้างนะ!”

“ท่านดูเถอะ สิ่งของเหล่านี้ต่างก็เต็มไปด้วยฝุ่นละออง! เห็นได้ชัดว่าพวกมันอยู่ในที่แห่งนี้มานาน นานมากแล้ว แต่ท่านปรมาจารย์ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะช่วยท่านเก็บสิ่งของเหล่านี้ไปเอง ในฐานะที่เป็นผู้เยาว์รุ่นหลัง นี่คือสิ่งที่ข้าจำเป็นต้องกระทำ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!