Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1004

ตอนที่ 1004(จบภาค 6)

ตระกูลฟาง!

“พฤกษาแห้งเหี่ยว…บุปผาเบ่งบานในวสันตฤดู” ประกอบด้วยสองประโยคที่มีความหมายอันลึกซึ้ง ความหมายแรกได้บอกว่าทุกสรรพสิ่งที่ตายไป มักจะมีชีวิตปรากฏขึ้นอยู่เล็กน้อย คล้ายกับการเกิดใหม่ ซึ่งมีการเชื่อมต่ออยู่กับชีวิตและความตาย กลายเป็นวงจรที่ไร้จุดสิ้นสุด เป็นวัฏจักรที่ไม่รู้จบ

อีกความหมายหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่า…นั่นไม่ใช่การเกิดใหม่ แต่ก็เทียบได้กับวงจรบางอย่าง ไม่ใช่การเบ่งบานของบุปผาในวสันตฤดู แต่ก็เทียบได้กับชีวิตหลังความตาย

เมิ่งฮ่าวมองไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ปรมาจารย์รุ่นแรกโบกสะบัดมือ จากนั้นดวงตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เมื่อหนึ่งในสิ่งที่น่าตกใจมากที่สุด ซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าสายตา

สิ่งที่เขาเห็นคือจู่ๆ เวลาก็หยุดชะงักนิ่งไป ทั้งด้านในและด้านนอกของคฤหาสน์โบราณ จากนั้นทุกสรรพสิ่งก็เริ่มเคลื่อนที่ไหลย้อนกลับ!

ทุกลมหายใจ ทุกช่วงเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มไหลย้อนกลับ โลหิตที่ไหลออกมาได้กลับเข้าไปในร่างกาย ศีรษะที่ถูกตัดออกไป ได้กลับเข้าไปสู่ลำคอของร่างเดิม คนทั้งหมดที่ล้มตายไป ได้ลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง ผู้คนที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า ก็เริ่มวิ่งถอยหลัง ผู้คนที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุร้ายก็แยกออกจากกัน

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านขณะที่เหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นกับคนทั้งหมดในตระกูลฟาง ยกเว้นตัวเขาเองและอีกห้าคน ซึ่งคนทั้งห้าดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้สึกประหลาดใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

คนเหล่านั้นคือ ปรมาจารย์รุ่นแรก, ฟางโส่วเต้า, ฟางเหยียนซวี, ฟางตานอวิ๋น และฟางเต้าจื่อ

คนอื่นๆ ทั้งหมดรวมถึงจี้ซิ่วฟาง และสามผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋า รวมทั้งคนอื่นๆ ในตระกูลฟางทั้งหมด ต่างก็ได้รับผลกระทบต่อเวทแห่งเต๋านี้

เมิ่งฮ่าวหอบหายใจออกมา ขณะที่มองเห็นกลุ่มคนในตระกูลที่ต่อสู้กันไปมา แยกออกจากกันและเคลื่อนที่กลับไปในเวลาที่อยู่ตรงตำแหน่งดั้งเดิมของพวกมัน ที่ยิ่งน่าตกตะลึงมากไปกว่านั้นสำหรับเมิ่งฮ่าวก็คือว่าเขาสามารถมองเห็น…ตัวเองได้

เขามองเห็นการต่อสู้ทั้งหมดกับฟางเว่ย มองเห็นการตายไปของฟางเว่ย, ฟางซิ่วซาน และฟางเฮ่อซาน ทั้งหมดนั้นกำลังปรากฏขึ้นแบบไหลย้อนกลับ คนทั้งหมดที่น่าจะตายไปแล้ว กำลังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้

การที่สามารถมองเห็นเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นได้เช่นนี้ ทำให้เกิดเป็นความรู้สึกอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง

ตลอดทั่วทั้งตระกูลฟาง เวลากำลังไหลย้อนกลับ โลหิตที่แปดเปื้อนไปทั่วทั้งพื้นดินได้หายไป และคนทั้งหมดที่ตกตายไปก็กลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งในที่สุดคนทั้งหมดกำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าวและฟางเว่ยที่กำลังต่อสู้กันอยู่ในกลางอากาศ

ทันใดนั้น ทุกสรรพสิ่งก็หยุดชะงักนิ่งไปในชั่วพริบตา

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น ด้วยสีหน้าที่งุนงงขณะที่จ้องมองไป

ในตอนนี้เองที่ปรมาจารย์รุ่นแรกได้โบกสะบัดมือไปอีกครั้ง ทำให้กลุ่มคนทั้งหมดของตระกูลฟางที่ตายไปได้หายไปทั้งหมด ผู้ที่จงรักภักดีหายไปในชั่วพริบตา เหลือไว้แต่กลุ่มคนที่ทรยศต่อตระกูลเท่านั้น

แม้แต่ฟางเว่ยก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน

ต่อมาปรมาจารย์รุ่นแรกก็กำมือจนแน่น เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องขึ้น เมื่อโลกที่อยู่เบื้องหน้าท่านได้พังทลายลงไป ขณะที่เป็นเช่นนั้น ที่ด้านในของคฤหาสน์โบราณ มองเห็นกลุ่มคนที่จงรักภักดีของตระกูลที่ตายไป กลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่อยู่ในตอนนี้ สีหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความงุนงงแต่ก็แต่งแต้มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่ออยู่ด้วยเช่นกัน

“เพิ่งจะเกิดอะไรขึ้น? ข้าจำได้ว่า…กำลังตายไป!”

“นี่คือสถานที่อะไร? นี่…นี่ยังคงเป็นตระกูลฟางอยู่ใช่หรือไม่?”

“เพิ่งจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?” กลุ่มคนที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ของตระกูลฟาง มองไปรอบๆ บริเวณนั้นด้วยความตกตะลึง กลุ่มผู้ทรยศของตระกูลเริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่างอย่างรุนแรง จากนั้นโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของพวกมัน และสายตาก็เริ่มมืดมิดไป ขณะที่พวกมันล้มตายไปบนพื้นดิน

ปรมาจารย์รุ่นที่สองตายไป ปรมาจารย์รุ่นที่สี่และหก…ตายไป พวกมันทั้งหมดตกตายไป

ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะมีข้อยกเว้น!

ใครก็ตามที่เป็นผู้ทรยศของตระกูล ต่างก็ตกตายไปในทันที!

ราวกับว่าการตายไปของพวกมัน คือค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายออกมา เพื่อทำให้กลุ่มคนของตระกูลที่ตายไป ฟื้นกลับคืนมามีชีวิตใหม่ขึ้นอีกครั้ง!

เมิ่งฮ่าวมองออกไปยังกลุ่มฝูงชน และได้เห็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งก็คือ…ฟางเว่ย!

ขณะที่ฟางเว่ยมองไปรอบๆ บริเวณนั้น สีหน้ามันในตอนแรกมีแต่ความว่างเปล่า แต่ดวงตาก็เริ่มแจ่มใสขึ้นอย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็พบว่าตนเองกำลังมองกลับไปยังเมิ่งฮ่าว สีหน้ามันเต็มไปด้วยความซับซ้อนขณะที่แอบถอนหายใจออกมา

ผู้ฝึกตนของสำนักและตระกูลต่างๆ แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า มองไปด้วยจิตใจที่หมุนคว้าง แม้แต่เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าก็กำลังสั่นสะท้าน และมีท่าทางหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

“การเปลี่ยนแปลงระหว่างชีวิตและความตาย? ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปรมาจารย์รุ่นแรกของตระกูลฟาง…จะบรรลุถึงอาณาจักรนี้ได้จริงๆ!!”

“แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง แต่เป็น…การย้อนกลับของกาลเวลา คว้าจับคนที่ตายไปแล้วเหล่านั้น และดึงพวกมันกลับมา มัน…มันได้ฝึกฝนวิชาอะไรกัน? ถึงได้สามารถกระทำในสิ่งที่น่ากลัวเช่นนี้ขึ้นมาได้!!”

“ช่างลึกล้ำนัก! ปรมาจารย์รุ่นแรกของตระกูลฟาง ช่างลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึงอย่างแท้จริง!!”

ในตอนนี้สุดท้ายแล้วเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่า ทำไมบิดาถึงได้มั่นใจนักว่าเขาจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน…และเขาก็เชื่อมั่นว่าบิดาได้มีส่วนร่วมในแผนการที่เกี่ยวกับข้องปรมาจารย์รุ่นแรกนี้ด้วยเช่นกัน

“ท่านย่ามันเถอะ! แน่นอนว่าข้าต้องปลอดภัยโดยสิ้นเชิง ถ้าข้าตายไป ท่านปรมาจารย์รุ่นแรกก็สามารถจะนำข้ากลับมาได้…แต่…แต่วิชาเวทเช่นนี้ช่างเป็นสิ่งที่ต่อต้านสวรรค์อย่างแท้จริง! จะมีเต๋าเช่นนี้อยู่ได้อย่างไรกัน!?” เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดด้วยจิตใจที่ยังคงมีคลื่นแห่งความตื่นตระหนกพุ่งขึ้นมา ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้รู้สึกว่าวิชาเวทอันน่าตกใจของปรมาจารย์รุ่นแรกนี้ เป็นสิ่งที่สามารถถูกใช้ออกมาด้วยข้อจำกัดของเวลา

และมันต้องมีผลกระทบจากปฏิกิริยาสะท้อนกลับด้วยเช่นเดียวกัน รวมทั้ง…ข้อจำกัดอื่นๆ ด้วย มิเช่นนั้นตระกูลฟางก็คงไม่พ่ายแพ้ในสงครามกับตระกูลจี้อย่างแน่นอน!

“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันได้ผลเฉพาะตอนที่อยู่บนดาวตงเซิ่งเท่านั้น?” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับดวงตาที่หรี่เล็กลง จากนั้นก็คิดย้อนกลับไปยังสิ่งที่ฟางโส่วเต้าเคยพูดออกมา

ดาวตงเซิ่งนี้ไม่ใช่ดาวตงเซิ่งเดิมเหมือนที่เคยเป็น…จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และทันใดนั้นก็เกิดเป็นความคิดปะทุขึ้นมาอยู่ในจิตใจ

เขาคิดไปถึงรูปแบบที่ดีที่สุดของเวทหนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว ซึ่งได้ทำให้…กลายเป็นดวงดาวไป!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น ขณะที่มองลงไปยังพื้นดินที่อยู่ด้านล่างเท้า เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือความจริง

“นี่…นี่คือตระกูลฟาง?” เมิ่งฮ่าวคิดด้วยจิตใจที่หมุนคว้าง

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ที่กลุ่มคนของตระกูลฟางฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ จิตใจของจี้ซิ่วฟางก็เต็มไปด้วยคลื่นแห่งความประหลาดใจ ความรู้สึกถึงจุดวิกฤของอันตรายที่เป็นตายเต็มอยู่ในจิตใจ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยนิด นางพยายามหลบหนีจากไป บินขึ้นไปในอากาศตรงไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ไม่ว่านางจะสามารถหลบหนีจากไปได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม นางก็ไร้ทางเลือกนอกจากต้องลองพยายามดูเท่านั้น

นางไม่เคยเห็นเวทแห่งเต๋าเช่นนี้มาก่อน การที่ได้เห็นกลุ่มคนทั้งหมดของตระกูลฟางฟื้นคืนชีพมา ทำให้จิตใจนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง

เช่นเดียวกับสามชายชราเสมือนเต๋า ถึงแม้ว่าพวกมันจะคลุ้มคลั่ง แต่ก็ยังคงมีความรู้สึกหวาดกลัว หนังศีรษะด้านชาใบหน้าซีดขาว พวกมันหันหลังและหลบหนีจากไป

ฟางเต้าจื่อจ้องมองไปด้วยความงุนงง ขณะที่กลุ่มคนในตระกูลฟื้นคืนชีพขึ้นมา และแววตาของมันก็เริ่มมีความขมขื่นขึ้นอย่างช้าๆ

“ทั้งหมดนี้ก็แค่การละเล่นเท่านั้น” ฟางโส่วเต้ากล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา มองไปยังฟางเต้าจื่อด้วยแววตาที่เห็นอกเห็นใจและสงสาร

การละเล่น เป็นการละเล่นที่แม้แต่ตระกูลจี้ก็กลายเป็นแค่นักแสดงไป เป็นนักแสดงที่มาเพื่อเข้าร่วมกับการละเล่นอันยิ่งใหญ่ การที่ปรมาจารย์รุ่นแรกสามารถสร้างให้เกิดเป็นการละเล่นเช่นนี้ขึ้นมาได้ ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ด้วยความตกตะลึง

อย่างไรก็ตาม เขายังคงเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้น ทำไม…ปรมาจารย์รุ่นแรกถึงดูเหมือนว่า…จะมีสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกไปโดยสิ้นเชิง?

“เมื่อคิดว่าท่านพ่อได้บรรลุถึงจุดที่สามารถจะแปลงร่างให้กลายเป็นดวงดาวได้” ฟางเต้าจื่อกล่าวขึ้นด้วยแสงที่สาดประกายอยู่ในแววตา “ถ้าท่านต้องการจะค้นหาข้า ก็คงเป็นเรื่องที่ง่ายดาย” มันมองไปยังฟางโส่วเต้าด้วยท่าทางลังเล

“เพราะว่าบิดาท่านไม่ต้องการจะทำเช่นนั้น” ฟางโส่วเต้าอธิบายให้ฟัง

เมื่อฟางเต้าจื่อได้ยินเช่นนั้น มันก็เริ่มสั่นสะท้าน จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและแผดเสียงหัวเราะด้วยความขมขื่นออกมา หันหน้าไปมองยังปรมาจารย์รุ่นแรกที่อยู่ในชุดยาวสีเขียว สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า, โทสะ และอารมณ์ความรู้สึกอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน

เมื่อพิจารณาว่ามันคือใคร และด้วยระดับพื้นฐานฝึกตนของมันในตอนนี้ แล้วทำไมมันถึงจะไม่เข้าใจต่อสถานการณ์นี้ ปรมาจารย์รุ่นแรกที่เบื้องหน้ามันไม่ใช่ร่างจริงของบิดามัน บิดาของมัน…ได้ตายไปแล้วจริงๆ

สิ่งที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้ ไม่ใช่ร่างจำแลงของท่าน แต่เป็น…การเกิดใหม่ของบิดาในฐานะที่เป็นดวงดาว ซึ่งได้ถูกตกทอดอยู่เบื้องหลังในฐานะที่เป็นไพ่ไม้ตายของตระกูลฟาง

ท่านคือ…วิญญาณแห่งดวงดาว!

นี่คือวิญญาณของบิดามัน ซึ่งอยู่ในสภาพของการดำรงอยู่ที่แตกต่างกัน!

ถึงแม้ว่าจะตายไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นวิญญาณแห่งดวงดาว ท่านก็ยังคงปฏิบัติตามความปรารถนาก่อนตายของปรมาจารย์รุ่นแรก และไม่ทำการค้นหาการเกิดใหม่ของฟางเต้าจื่อ ซึ่งได้ปิดบังเจตนาร้ายที่มีต่อตระกูลไว้

“หลังจากที่ท่านปรมาจารย์รุ่นแรกได้ตายไปในการเข้าฌาน ท่านได้ตกทอดคำพูดก่อนตายไว้ซึ่งข้าได้ยินด้วยตนเอง หลังจากที่กลายมาเป็นปรมาจารย์ปฐพี แต่ตอนนี้ข้าก็เพิ่งจะเข้าใจถึงคำพูดเหล่านั้นว่าหมายถึงท่าน”

“ท่านเชื่อว่าในที่สุด ก็มีสักวันหนึ่งในรุ่นที่ท่านจะกลายมาเป็นปรมาจารย์ปฐพีของตระกูลฟาง ดังนั้นท่านปรมาจารย์ถึงได้ถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นไว้ให้ท่าน” ฟางโส่วเต้ามองไปยังฟางเต้าจื่อด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน

“คำพูดเหล่านั้นคือ…ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าบอกเจ้าไว้ในปีนั้น ในตอนที่ข้าได้สะกดเจ้าไว้…เป็นเรื่องจริง”

“เรื่องจริง…เรื่องจริง…” ฟางเต้าจื่อเริ่มหัวเราะขึ้นด้วยความขมขื่นมากกว่าเดิม มองไปยังร่างของบิดามันอีกครั้ง ซึ่งเป็นบุรุษวัยกลางคนในชุดยาวสีเขียว มันไม่เคยลืมปีที่บิดาได้สะกดมันไว้ และสิ่งที่ท่านได้กล่าวมา ย้อนกลับไปในตอนที่ท่านและตระกูลจี้ได้ติดตามราชันหลี่เพื่อทำศึกสงคราม ตระกูลจี้ได้แอบหว่านเมล็ดกรรมไปบนร่างของฟางเต้าจื่อที่เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นมา

กรรมนั้นอยู่ลึกเป็นอย่างยิ่ง และต้องใช้พื้นฐานฝึกตนแทบจะทั้งหมดของราชันจี้ออกมา ทำให้ปรมาจารย์รุ่นแรกไม่อาจจะรับรู้ได้

จนกระทั่งถึงเวลาที่ท่านตรวจพบได้ มันก็สายเกินไปแล้ว ท่านได้ทำสงครามกับตระกูลจี้ ไม่ใช่เพื่อการเป็นผู้นำของขุนเขาทะเลที่เก้า แต่เพื่อล้างแค้น

ฟางเต้าจื่อหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา จากนั้นก็บินขึ้นไปในอากาศ ความคิดของมันสับสนวุ่นวาย มันไม่ต้องการจะอยู่บนดาวตงเซิ่ง หรือมองเห็นกลุ่มคนของตระกูลฟางอีกต่อไป จิตใจมันปวดร้าว และเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง ขณะที่พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าจิตใจกำลังแหลกสลาย ขณะที่มองไปยังฟางเต้าจื่อ จากนั้นก็มองไปยังปรมาจารย์รุ่นแรก และอดไม่ได้ที่จะต้องคิดไปถึงเคออวิ๋นไห่และเคอจิ่วซือ เขายังได้คิดไปถึงบิดาของตนเองด้วยเช่นกัน

“ฟางซิ่วเฟิง, ฟางซิ่วเฟิง” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจออกมา ยิ่งคิดไปถึงเรื่องราวในครั้งนี้มากขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้นเท่านั้น “ท่านคือบิดาของข้าจริงๆ…? ท่านยินดีที่จะโยนข้าเข้าไปในสถานการณ์ที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้จริงๆ? ท่านคือบิดาของข้าดังนั้นข้าจึงไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้ แต่มารดายอมให้ท่านทำเช่นนี้?”

ฟางโส่วเต้าไม่ทำอะไรเพื่อหยุดฟางเต้าจื่อไว้ ท่านมองมันขณะที่จากไป จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับปรมาจารย์รุ่นแรก

“ท่านปรมาจารย์ โปรดสำเร็จโทษกลุ่มคนเหล่านั้นที่มารุกรานตระกูลของพวกเรา!”

สีหน้าของปรมาจารย์รุ่นแรกราบเรียบเหมือนเช่นเคย ขณะที่ยื่นมือขวาออกไป และชี้ขึ้นไปในท้องฟ้า เสียงกระหึ่มกึกก้องได้ยินมา และรังสีสังหารอันเข้มข้นก็สามารถจะรับรู้ได้ อย่างน่าตกใจยิ่ง…รังสีนั้นไม่ได้ออกมาจากร่างของปรมาจารย์รุ่นแรก แต่…ระเบิดออกมาจากดวงดาวเอง

ในตอนนั้นเอง ต้นไม้ใบหญ้าบนดาวตงเซิ่งทั้งหมด อาคารบ้านเรือนมากมายทั้งหมด สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ระเบิดด้วยความต้องการสังหารออกมา นี่คือความกราดเกรี้ยวของดวงดาวทั้งหมด!

รังสีสังหารอันเข้มข้นได้พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า พุ่งผ่านฟางเต้าจื่อไปโดยที่ไม่ได้ทำให้มันต้องได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยนิด อย่างไรก็ตามเมื่อรังสีสังหารนั้นกระแทกเข้าไปในร่างของผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋า สามชายชราก็ถูกสังหารไปในทันที

กวาดล้างพวกมันออกไปอย่างง่ายดายราวกับกำลังบดขยี้ไปบนหญ้าแห้ง แม้แต่ต่อสู้กลับมาพวกมันก็ไม่อาจจะทำได้ เกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้นขณะที่พวกมันกลายเป็นเถ้าธุลีไป จากนั้นรังสีสังหารนี้ก็กระจายขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ไปสัมผัสกับร่างจี้ซิ่วฟาง ทำให้นางมีความหวาดกลัวเพิ่มสูงขึ้นไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะที่รังสีสังหารนั้นกระแทกตรงมายังร่างนาง

“ท่านปรมาจารย์, ช่วยข้าด้วย!!” นางแผดร้องออกมา จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้ว่านางจะเป็นผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า แต่เมื่อเทียบกับรังสีสังหารของดวงดาวทั้งดวง นางก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะนำไปเปรียบเทียบได้!

ในตอนนี้เอง ที่พลังทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้ากำลังถูกแสดงออกมา…ด้วยพลังที่สะกดข่มอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งตระกูลฟางได้ปกปิดไว้มานานแล้ว!

พวกมันกำลังใช้การกระทำเพื่อบอกให้คนทั้งหมดรับรู้ว่าตระกูลฟาง…ยังคงแข็งแกร่งเหมือนที่เคยเป็นมาอยู่ตลอดเวลา! ใครก็ตามที่มารุกรานตระกูลฟาง…จะต้องถูกสังหารไป ไม่ว่าพวกมันจะพยายามหลบหนีไปไกลมากเท่าใดก็ตามที!

——————–

จบภาค 6 : นามที่เขย่าขุนเขาที่เก้า เส้นทางแห่งเซียนแท้

ขอให้ผู้อ่านทุกท่านโชคดีปีใหม่ มีความสุขตลอดไป ปลอดภัยทุกการเดินทาง สุขภาพแข็งแรง ต้องการทำสิ่งใดก็ขอให้สำเร็จสมความปรารถนา ตลอดปี 2561 นี้นะคร๊าบบบ

ด้วยจิตคารวะ

ฮุยเฉิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!