ตอนที่ 1089
ใครกำลังต่อสู้ ใครกำลังมองดู
เมิ่งฮ่าวอยู่ในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งหมด ต่อสู้ไปอย่างดุร้ายยังใครก็ตามที่เขาเผชิญหน้าด้วย
ภาพอันโหดเหี้ยมที่ปรากฏขึ้นมาอยู่ในตอนนี้ ทำให้เจี้ยนเต้าจื่อและคนอื่นๆ ต้องรู้สึกหนาวเหน็บด้วยความหวาดกลัว ตัวของเจี้ยนเต้าจื่อเองหอบหายใจออกมาและจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัวและเกรงขามขึ้นมา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เจี้ยนเต้าจื่อที่มีชีวิตอยู่มาเป็นเวลานาน และได้เห็นเซียนมาแล้วอย่างมากมาย ถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนของมันจะไม่สูงมากนัก แต่มันก็เป็นผู้ที่ชาญฉลาดและรอบรู้ จึงสามารถจะบอกได้ว่าเมิ่งฮ่าวมีความแข็งแกร่งมากกว่าเซียนธรรมดาอื่นๆ ทั่วไป
“มันต้องเป็นผู้ที่น่าหวาดกลัวในโลกแห่งเซียน…ลำดับขั้น!” มันคิดพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น
โลหิตที่ไหลลงมาจากแท่นบูชากลายเป็นกระแสลำธารสีแดงเจิดจ้า กระจายออกไปในพื้นทรายของทะเลทราย กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งเต็มอยู่ในอากาศ และยังได้ปกคลุมไปยังสัญลักษณ์บางส่วนที่อยู่บนแท่นบูชาอีกด้วย ทำให้พวกมันเปล่งประกายแปลกๆ ขึ้นไปในอากาศ
มองเห็นผู้คนอยู่บนแท่นบูชาลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เดิมทีมีมากกว่ายี่สิบคน แต่ในตอนนี้มีเพียงแค่สิบเอ็ดคนเท่านั้น!
ฝานตงเอ๋อร์และเป้ยอวี้ยังคงอยู่ที่นั่น แต่ผู้ฝึกตนอื่นๆ ที่เดิมทีมาพร้อมกับพวกนางต่างก็ถูกแทนที่ไปทั้งหมด ยกเว้นผู้ฝึกตนกายเนื้อร่างกำยำ ซึ่งพยายามหลบเลี่ยงการโจมตีไปมาด้วยความกะล่อนได้ทั้งหมด
ฝานตงเอ๋อร์ไม่ได้ถูกขนาบข้างด้วยสามคนอีกต่อไป แต่เป็นสองคน พวกมันเป็นบุรุษหนุ่มทั้งคู่ ใบหน้าซีดขาวพร้อมกับโลหิตที่ไหลซึมออกมาจากมุมปาก มองเห็นแอ่งน้ำโลหิตอยู่ที่ด้านล่างเท้าของพวกมัน
เดิมทีเป้ยอวี้มีสองผู้ฝึกตนอสูรติดสอยห้อยตามมาด้วย แต่ตอนนี้มีอยู่ห้าคน สองคนเป็นหญิงชรา และอีกสามคนเป็นผู้ฝึกตนอสูรอื่นๆ กลุ่มคนที่นำพวกมันมายังที่แห่งนี้ ถูกสังหารไปโดยผู้ฝึกตนอื่นๆ และกลุ่มคนเหล่านี้คือบุคคลที่สามารถยืนหยัดมาได้จนกระทั่งถึงตอนนี้
อย่างไรก็ตาม เสียงฟ้าร้องคำรามก็ยังคงดังก้องออกมา และจำนวนของผู้คนในตอนนี้…ก็ยังมีมากกว่าสองคนอยู่ดี!
ในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งสิบเอ็ดคนในตอนนี้ แปดคนมีเครื่องหมายผนึกสีแดงอยู่บนหลังมือ ซึ่งไม่ได้นับรวมไปถึงผู้ฝึกตนธรรมดาหนึ่งคน และสองผู้ฝึกตนอสูร พวกมันมีใบหน้าที่ซีดขาว และไม่มีเครื่องหมายผนึกใดๆ!
เครื่องหมายผนึกเหล่านั้นคล้ายกับเป็นผนึกแห่งชีวิต เป็นเครื่องหมายที่ถูกยืนยันมาจากอาณาจักรสายลม ใครก็ตามที่มีเครื่องหมายผนึกนี้จะไม่ถูกกำจัดออกไปโดยสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างแน่นหนาอยู่ในตอนนี้
โลหิตไหลเจิ่งนองไปทั่วทั้งแท่นบูชา ขณะที่คนทั้งหมดยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว มองเห็นความหวาดกลัวอยู่ในส่วนลึกดวงตาของพวกมัน ในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ ผู้คนมากกว่าครึ่งถูกเขาสังหารไป
ที่ด้านล่างของแท่นบูชา เจี้ยนเต้าจื่อและคนอื่นๆ รู้สึกตื่นตะหนกไปจนถึงแก่นกาย ภาพของเมิ่งฮ่าวที่ทำการสังหารศัตรูไป ถูกฝังลึกอยู่ในจิตใจของพวกมัน จนกลายเป็นรอยประทับที่ไม่อาจจะลบล้างออกไปได้
หลังจากที่เวลาผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ การต่อสู้ก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง คนทั้งหมดโจมตีไปในเวลาเดียวกัน พยายามที่จะกำจัดผู้ฝึกตนสามคนที่ไม่มีเครื่องหมายอยู่บนหลังมือ
สามผู้ฝึกตนเหล่านี้รู้ว่า ถ้าพวกมันไม่อาจจะได้เครื่องหมายผนึกมา พวกมันก็จะถูกกวาดล้างออกไปโดยสายฟ้า ถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง!
สายฟ้าดังก้องขึ้น และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของสามผู้ฝึกตน โดยที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในอย่างรุนแรงที่พวกมันได้รับมา พวกมันกำลังอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ จนดูเหมือนว่าสายฟ้าใดๆ ก็ตามหลังจากนี้เป็นต้นไปสามารถที่จะกวาดล้างพวกมันออกไปได้อย่างง่ายดาย พวกมันเริ่มบ้าคลั่งขึ้นมา ส่งเสียงแผดร้องเผาไหม้พลังชีวิตของตนเอง ระเบิดด้วยพลังทั้งหมดที่พวกมันสามารถจะรวบรวมได้ออกมา
พวกมันโจมตีไปด้วยความบ้าคลั่งอย่างถึงที่สุด ยังสหายร่วมสำนักที่พวกมันคิดว่าจะสามารถเอาชนะได้!
เสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่การต่อสู้อันโหดเหี้ยมปะทุขึ้นมา ผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรสายลมยังคงก้มศีรษะลงต่ำอย่างต่อเนื่อง ไม่กล้าที่จะมองดูว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้น แต่เจี้ยนเต้าจื่อและกลุ่มของมันยังคงเฝ้ามองไปอยู่ตลอดเวลา
เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ และแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ก็ปะทุออกไป เขากดมือลงไปบนไหล่ของหนึ่งในผู้ฝึกตนอสูร ที่ไม่มีเครื่องหมายผนึก และทันใดนั้นมันก็ถูกเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์กลืนกินไป เกิดเป็นเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจขึ้น ขณะที่เมิ่งฮ่าวดึงมือกลับมา และผู้ฝึกตนอสูรนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีไป
ในเวลาเดียวกันนั้น อีกสองคนที่ไม่มีเครื่องหมายผนึกก็ถูกสังหารไป ทำให้จำนวนของผู้คนที่อยู่บนแท่นบูชาลดน้อยลงไป…เหลือเพียงแค่แปดคน!
นอกจากเมิ่งฮ่าวแล้ว ก็มีสองผู้ฝึกตนธรรมดา และห้าผู้ฝึกตนอสูร พวกมันทั้งหมดมีเครื่องหมายอยู่บนหลังมือ!
คนทั้งหมดถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา
“ในที่สุดก็จบลง…”
“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่ากฎธรรมชาติในอาณาจักรสายลมจะเปลี่ยนไป…”
แม้แต่เจี้ยนเต้าจื่อและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างของแท่นบูชา ก็คาดคิดว่าเรื่องราวได้จบสิ้นลงไปแล้ว อย่างไรก็ตาม…เสียงฟ้าร้องคำรามก็ยังคงดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง! สีหน้าของคนทั้งหมดสลดลงไป
แต่ก็ไม่มีใครกระอักโลหิตออกมา แต่การที่เสียงฟ้าร้องคำรามยังไม่ยอมหยุดไป ก็บ่งชี้ให้เห็นถึงสิ่งเดียวเท่านั้น
ยังคงมีใครบางคนที่ไม่มีเครื่องหมายผนึกหลงเหลืออยู่! ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นั้นก็ไม่ได้อยู่บนแท่นบูชาในตอนนี้ด้วยตนเองอีกด้วย!
“เป็นไปไม่ได้! เห็นได้ชัดว่ามีแต่พวกเราเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่! ทำไมถึงยังมีเสียงฟ้าคำรามอยู่อีก!?!?”
“ใครบางคนต้องแอบซ่อนผู้คนอยู่ในถุงสมบัติอย่างแน่นอน!”
คนทั้งหมดเริ่มมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย ฝานตงเอ๋อร์กัดฟันแน่นขณะที่นางตระหนักว่ามีผู้ฝึกตนอสูรมากกว่าผู้ฝึกตนธรรมดา ซึ่งทำให้นางต้องเสียเปรียบ หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ นางก็เปิดถุงสมบัติออกมา ให้ทุกคนได้เห็นว่ามันว่างเปล่าไปแล้ว
ผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านหลังนางไม่ลังเลที่จะกระทำเช่นเดียวกัน และในที่สุดแม้แต่ผู้ฝึกตนอสูร รวมทั้งเป้ยอวี้ก็กระทำเช่นเดียวกัน ในที่สุดก็มีแต่เมิ่งฮ่าวเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ยังไม่ได้เปิดถุงสมบัติออกมา
ในตอนนี้สายตาทุกคู่ต่างก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว
“เมิ่งฮ่าวได้เครื่องหมายผนึกไปหนึ่งชิ้น และใส่เข้าไปในถุงสมบัติของมัน!” เสียงฟ้าร้องคำรามดังก้องขึ้น และคนทั้งหมดก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาตื่นตัว
เมิ่งฮ่าวคือผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในท่ามกลางพวกมัน ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้ ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวคือ…ผู้ที่เป็นภัยคุกคามมากที่สุดในพวกมันทั้งหมด
เสียงฟ้าร้องคำรามได้ยินมาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันไม่ได้เป็นแค่เสียงเท่านั้น สายฟ้าได้ฟาดลงมาจากท้องฟ้าอีกด้วย กระแทกลงมายังแท่นบูชาด้วยพลังทำลายล้างอย่างน่าเหลือเชื่อ แท่นบูชาทั้งหมดสั่นสะเทือน และเมิ่งฮ่าวก็กระโดดไปที่ด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกฟาด
“เมิ่งฮ่าว เจ้ากำลังทำอะไรอยู่!? เปิดถุงสมบัติของเจ้าออกมา และสังหารคนผู้นั้นไป!”
“ถ้าเจ้าไม่ยอมทำ ก็อย่าได้ตำหนิพวกเราจะรวมพลังกันเพื่อสังหารเจ้า!” คนทั้งหมดตกตะลึงต่อเสียงฟ้าร้องคำรามนั้น และสายฟ้าก็ฟาดลงมา จากความคิดของพวกมัน ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ยอมเปิดถุงสมบัติและสังหารคนที่อยู่ด้านใน พวกมันก็คงจะต้องตายไปด้วยกันทั้งหมด
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้าง ในตอนนี้ซูเยียนกำลังสั่นสะท้านอยู่ในถุงสมบัติ ความหวาดกลัวของนางทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกประหลาดใจขึ้นเล็กน้อย เดิมทีนางไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวต่อความตายแม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะรู้สึกหวาดกลัว การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้จิตใจเขาต้องเต็มไปด้วยความสงสัยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า นางมีเวทกำเนิดใหม่บางอย่าง ดังนั้นถ้าข้าสังหารนางไป นางก็สามารถจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ด้วยตนเอง แต่ถ้านางถูกสังหารไปโดยสายฟ้าของแก่นแท้โลก นางก็จะต้องตายไปจริงๆ?!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น จากนั้นก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นอื่นๆ ของซูเยียน และตระหนักว่าเรื่องเช่นนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
ขณะที่เขายืนครุ่นคิดอยู่ที่นั่น คนอื่นๆ เป็นแท่นบูชาก็เริ่มมีความตกใจต่อเสียงฟ้าร้องคำรามและสายฟ้าที่ฟาดลงมามากยิ่งขึ้น
“พวกเรามาร่วมมือกัน! ถึงแม้ว่าไม่อาจจะสังหารมันไปได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถจะบังคับให้มันออกไปจากแท่นบูชานี้ได้ จากนั้นสายฟ้าก็จะช่วยพวกเราสังหารคนที่อยู่ในถุงสมบัตินั้นไปเอง!”
กลุ่มคนเริ่มร้องตะโกนออกมา “โจมตีไปพร้อมกัน!”
กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรเกลียดชังเมิ่งฮ่าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นพวกมันจึงร่วมมือกันในทันที เพื่อโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าว
ในเวลาเดียวกันนั้น แม้แต่ฝานตงเอ๋อร์และผู้ฝึกตนธรรมดาก็ร่วมมือกันพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว การกระทำของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้มีผลกระทบต่อชีวิตของพวกมันทั้งหมด ดังนั้นพวกมันจะไม่โจมตีไปได้อย่างไรกัน?
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น แทนที่จะโจมตีกลับไป เขาถอยไปทางด้านหลังเพื่อถ่วงเวลาในการส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในถุงสมบัติ เพื่อพูดเข้าไปในหูของซูเยียน
“มอบความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าให้ข้าหนึ่งอย่าง แล้วข้าจะช่วยให้เจ้าอยู่ในอาณาจักรสายลมได้!” เขาตัดสินใจที่จะใช้กลยุทธ์เช่นนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้
ใบหน้าซูเยียนสลดลง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากนาง และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางรับรู้ได้ถึงการโจมตีอันน่ากลัวจากด้านนอก แต่ยังคงไม่ยินดีที่จะส่งมอบหนึ่งในความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของนางให้กับเมิ่งฮ่าว
“ข้ายอมตาย!” นางกล่าวตอบ
“ข้าไม่ต้องการทั้งหมด แค่หนึ่งอย่างเอง! เจ้าจำเป็นต้องให้ข้าช่วยในการหลีกเลี่ยงจากการถูกกำจัดไปโดยอาณาจักรสายลม!”
เมิ่งฮ่าวล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คนทั้งหมดโจมตีมา เขาหลบเลี่ยงไปมา สีหน้าสงบนิ่งขณะที่ใช้เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์พยายามโน้มน้าวใจซูเยียน
สายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง และยิ่งมีความรุนแรงมากกว่าครั้งล่าสุด สายฟ้าสองสายฟาดลงมา ทำให้จิตใจของคนทั้งหมดหมุนคว้าง
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง และความรู้สึกถึงอันตรายอันร้ายแรงก็ยิ่งมีมากขึ้น ราวกับว่า…สายฟ้าที่จะฟาดลงมาในครั้งต่อไปจะต้องโดนตัวเขาอย่างแน่นอน
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือสังหารซูเยียนไป ซึ่งจะทำให้สายฟ้ากระจายหายไป ถ้าเขาผลักดันเรื่องราวมากเกินไป ก็อาจจะทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรง
“โอกาสเช่นนี้ไม่ใช่จะหามาได้อย่างง่ายดาย…มันคงน่าละอายใจนักถ้าต้องยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้” ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นขณะที่เขารับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวของซูเยียนที่มีต่อเสียงฟ้าร้องและสายฟ้าที่ฟาดลงมา
เขากัดฟันแน่น ถอยไปด้านหลังอีกครั้ง และอีกครั้งเพื่อส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ออกไป
ซูเยียนรับรู้ได้ถึงเจตจำนงแห่งความตายที่อยู่ในสายฟ้า ทำให้นางต้องสั่นสะท้านขึ้นมา นางไม่ได้หวาดกลัวว่าเมิ่งฮ่าวจะสังหารนางไป แต่นางหวาดกลัวต่อการถูกกำจัดไปโดยสายฟ้า!
ความรู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามาเริ่มมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และนางก็สามารถจะบอกได้ว่าเสียงฟ้าร้องคำรามและสายฟ้าครั้งต่อไปกำลังมาแล้ว
“ถ้าข้าตาย เจ้าก็จะต้องตายไปด้วย!!”
นางร้องตะโกนออกมา ด้วยการตอบรับคำพูดของนาง เมิ่งฮ่าวตบไปที่ถุงสมบัติและดึงซูเยียนออกมา เสียงฟ้าร้องคำรามดังก้องขึ้น และสายฟ้าเจ็ดสายก็เชื่อมต่อกันที่ด้านบน ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ทำราวกับว่าจะโยนนางออกไปที่เบื้องหน้า
“ข้าจะมอบความสามารถศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าแค่หนึ่งอย่างเท่านั้น!!” ซูเยียนกรีดร้องออกมา ขณะที่มองขึ้นไปยังสายฟ้า นางไม่อาจจะอดทนได้อีกต่อไป
“ดี! ข้าต้องการเจ็ดก้าวเทพของเจ้า!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และเขาก็ผลักดันเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ตรงไปยังนาง
ซูเยียนรู้ว่านางมีเวลาไม่มากนัก ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไร้ทางเลือก ดังนั้นจึงปล่อยให้เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว ผ่านเข้าไปในจิตใจและนำเวทแห่งเต๋าเจ็ดก้าวเทพไป
ในตอนที่เมิ่งฮ่าวได้รับเวทแห่งเต๋านั้น สายฟ้าเจ็ดสายก็เริ่มฟาดลงมา ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็หมุนคว้าง และกระถางสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นอยู่ในมือ ประจุไฟฟ้าเต้นไปมา และเขาก็สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับหนึ่งในผู้ฝึกตนอสูรที่เป็นหญิงชรา ในทันทีที่เขาปรากฏกายขึ้นมาใหม่ อยู่ที่ด้านข้างของหนึ่งในผู้ฝึกตนอสูรคนอื่นๆ เขาก็ต่อยหมัดทำลายล้างชีวิตออกไป
เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนไม่มีใครพอจะมีเวลาให้ทันได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ ในชั่วพริบตา เสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังก้องขึ้น และผู้ฝึกตนอสูรก็ระเบิดออกเป็นกลุ่มหมอกของเลือดเนื้อ
ในทันทีที่ผู้ฝึกตนอสูรตายไป เครื่องหมายบนหลังมือของนางก็หายไป กลายเป็นลมปราณสีแดง ซึ่งจากนั้นก็ไปตกผลึกแข็งตัวขึ้นบนหลังมือของซูเยียน
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองที่จู่ๆ สายฟ้าเจ็ดสายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และเสียงฟ้าร้องคำรามก็จางหายไป
ในตอนนี้มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่อยู่บนแท่นบูชาอีกครั้ง ผู้ฝึกตนอสูรลดน้อยลงไปหนึ่งคน และเพิ่มซูเยียนที่กำลังสั่นสะท้านขึ้นมา
ถ้านับรวมฉู่อวี้เยียนที่ยังคงอยู่ในถุงสมบัติเข้าไป ก็มีทั้งหมดเก้าผู้ฝึกตน!
คนทั้งหมดต่างก็มีเครื่องหมายอยู่บนหลังมือ บ่งบอกให้รู้ว่าต่างก็มีคุณสมบัติที่จะคงอยู่ในอาณาจักรสายลม!
ในตอนนี้ การต่อสู้ได้หยุดลงไปแล้ว ไม่มีใครโจมตีมายังเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป พวกมันทั้งหมดถอยไปทางด้านหลัง มองไปรอบๆ อย่างเงียบๆ ด้วยความตื่นตัว สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ขณะที่คนทั้งหมดมองลงไปยังผู้ฝึกตนนับหมื่นที่อยู่ด้านล่างแท่นบูชา และคนอีกนับหมื่นที่เป็นมนุษย์ธรรมดาซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป ฝานตงเอ๋อร์และคนอื่นๆ ฉับพลันนั้นก็รู้สึกว่าไม่ได้กลายเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าอีกต่อไป แต่รู้สึกคล้ายกับเป็นนักสู้ที่ถูกขังอยู่ในกรง โดยมีผู้คนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเป็นผู้ชม ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองก็ตามที
ผู้ที่อยู่เหนือกว่าทำการแสดง และผู้ที่ต่ำต้อยกว่าเป็นผู้ชม ดังนั้น จริงๆ แล้ว…ใครคือผู้ที่เหนือกว่ากันแน่?