ตอนที่ 1090
การประกาศสงครามของผู้ถูกเลือก
ในตอนนี้ ยากที่จะบอกว่าจริงๆ แล้ว ใครคือผู้ที่อยู่เหนือกว่าในสถานการณ์เช่นนี้
บนแท่นบูชาของชนเผ่าที่เก้า เมิ่งฮ่าวยืนห่างออกไปที่ด้านข้าง มองขึ้นไปในท้องฟ้า เขาทำการผนึกซูเยียนไปอีกครั้ง และโยนนางกลับเข้าไปในถุงสมบัติเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขายืนอยู่ที่นั่นในท่ามกลางสายลมของทะเลทราย ซึ่งพัดพาฝุ่นละอองเข้าไปในเส้นผมและเสื้อผ้าของเขา
ที่ด้านหลัง คนอื่นๆ ยืนอย่างเงียบๆ อยู่ที่นั่น กำลังมองไปยังแผ่นหลังของเขา ด้วยความรู้สึกที่หวาดกลัวและอารมณ์อันซับซ้อนอื่นๆ แม้แต่ฝานตงเอ๋อร์ก็เช่นเดียวกัน
การต่อสู้อย่างดุร้ายของเมิ่งฮ่าว ทำให้เขาอยู่เหนือคนอื่นๆ ในแง่ของพลัง ทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งของผู้นำสูงสุดภายในชนเผ่าที่เก้านี้
ที่ด้านล่าง เจี้ยนเต้าจื่อและคนอื่นๆ กำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน และดวงตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความเคารพนับถือต่อเทพเซียน ในที่สุดพวกมันก็ก้มศีรษะลง และคุกเข่าลงไปเพื่อกราบสักการะ
พวกมันรู้ว่าในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องกังวลใจเกี่ยวกับคำสั่งของเซียนคนอื่นๆ แล้ว จนกว่าเมิ่งฮ่าวจะออกไปจากชนเผ่าที่เก้า หรือถูกแทนที่ด้วยบุคคลอื่น คำพูดของเขา…คือคำสั่งที่จะต้องปฏิบัติตามเพียงคนเดียวเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันนั้น บนแท่นบูชาของชนเผ่าที่แปด ก็เกลื่อนไปด้วยกองกระดูก กลิ่นอายแห่งความตายพุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า มองเห็นแปดผู้ฝึกตนยืนอยู่ที่นั่น ร่างกายสั่นสะท้านขณะที่พวกมันหมอบกราบลงไปยังบุรุษหนุ่มชุดสีดำที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งนั่งอยู่บนกองกระดูก
มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นผู้ถูกเลือกจากขุนเขาทะเลที่แปด
“พวกเจ้าไม่ได้นำคนอื่นๆ มาด้วย ทำไมถึงไม่ยอมนำมา? ข้า…รู้สึกว่ายังต้องสังหารเพิ่มอีกเล็กน้อย”
ดวงตามันสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันโหดเหี้ยม ขณะที่มองไปยังผู้ฝึกตนที่สั่นสะท้านอยู่รอบๆ ตัว ทันใดนั้นพลังอันน่ากลัวก็ระเบิดออกมาจากร่าง จากนั้นมันก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยซากศพโดยสิ้นเชิง ไม่มีใครมีร่างกายที่ครบถ้วนสมบูรณ์เลย
โลหิตแปดเปื้อนไปทั่วแท่นบูชาจนกลายเป็นสีแดงไป
ในชนเผ่าที่เจ็ด บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับหอกยาวหนึ่งเล่ม ถูกห้อมล้อมโดยแปดผู้ฝึกตนที่กำลังสั่นสะท้าน อย่างน่าตกใจยิ่งเจ็ดศีรษะถูกเสียบซ้อนเรียงกันอยู่บนหอกเล่มนั้น
“ข้าไม่ต้องการสังหารพวกเจ้าไปทั้งหมด แต่ใครบอกพวกเจ้าว่าสามารถจะมาแย่งชิงลำดับขั้นไปจากข้าได้? ตอนที่อยู่ในขุนเขาทะเลที่เจ็ด ข้าไม่กล้าทำอะไรที่รุนแรงมากเกินไป แต่ในที่แห่งนี้…พวกเจ้าเป็นตัวอะไร!?” บุรุษหนุ่มยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเองโดยสิ้นเชิง
ในชนเผ่าที่หก เด็กชายผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นบูชา ดูเหมือนว่าจะมีอายุประมาณเจ็ดถึงแปดขวบเท่านั้น และมันก็มองไปรอบๆ ด้วยดวงตาเล็กๆ ยังผู้คนที่ห้อมล้อมอยู่รอบกายมัน ซึ่งเป็นผู้ติดตามร่างกำยำแปดคน ทั้งหมดมีใบหน้าที่เย็นชา
ชนเผ่าที่หกนี้พิเศษกว่าชนเผ่าอื่นๆ เพราะว่าไม่มีใครนำผู้คนมาเพิ่ม จึงไม่มีสายฟ้าปรากฏขึ้น
ที่แปลกมากที่สุดคือชนเผ่าที่ห้า แท่นบูชาในที่แห่งนั้นเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงมีชีวิตอยู่ กำลังยืนอยู่ตรงริมขอบของแท่นบูชา มันมีรูปร่างที่อ้วนท้วนอยู่เล็กน้อย และมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา อย่างไรก็ตามที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้นคือความเย็นชาราวน้ำแข็ง
คนอื่นๆ ทั้งหมดที่มาถึงพร้อมกับมันได้ตายไปแล้วในตอนนี้ มันเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ต้องการแย่งชิงตำแหน่งลำดับขั้นของข้า? พวกเจ้ายังไม่คู่ควร” บุรุษหนุ่มผู้นั้นพึมพำ
ความเงียบปกคลุมไปทั่วในชนเผ่าที่สี่ หลินชงยืนอยู่ที่นั่น สวมใส่ชุดยาวสีขาว มองไปรอบๆ ด้วยความเย่อหยิ่ง ที่ด้านหลังของมันเป็นสี่ผู้ฝึกตน ทั้งหมดมีสีหน้าที่ดุร้าย พวกมันถูกห้อมล้อมไว้ด้วยซากศพจำนวนมาก
ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ หลินชงไม่เคยขยับตัวแม้แต่น้อยนิด แต่ผู้ติดตามทั้งสี่ของมันได้สังหารผู้ฝึกตนอีกสี่คนที่มาพร้อมกับพวกมันไป รวมทั้งผู้ที่แอบซ่อนตัวอยู่ซึ่งคนทั้งสี่นั้นได้นำมาด้วย
“ข้าหวังว่าในที่แห่งนี้จะมีสิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่านี้” หลินชงกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ในชนเผ่าที่สามเจิ่งนองไปด้วยแม่น้ำแห่งโลหิต แต่ก็มีบางสิ่งที่แตกต่างกันออกไปอยู่ในที่แห่งนั้น ในท่ามกลางคนทั้งเก้าที่คงอยู่ในตอนนี้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะเป็นสมาชิกของลำดับขั้น! ท่ามกลางกลุ่มคนทั้งเก้าเหล่านี้เป็นบุรุษวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดของจักรพรรดิ มันยืนอยู่ที่นั่นพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ซึ่งประกอบไปด้วยความพึงพอใจและความมุ่งหวัง
“ข้าเฝ้ารอคอยมาเป็นเวลานานมากแล้ว…ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง คำพูดที่ราชันจักรพรรดิกล่าวออกมาได้กลายเป็นความจริงแล้ว!” ในขณะที่มันพูดขึ้นมา ก็มองออกไปยังที่ห่างไกล ตรงไปยังเงาร่างร่างหนึ่งที่กำลังพุ่งฝ่าอากาศตรงมาอย่างรวดเร็ว เป็นหญิงสาวนางหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่สิบที่ปรากฏกายขึ้นบนแท่นบูชา!
ผู้ฝึกตนนับหมื่นที่อยู่ด้านล่างแท่นบูชา ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะก้มศีรษะลง พวกมันกำลังมองไปยังบุรุษที่อยู่ในชุดจักรพรรดิ ด้วยสายตาที่กำลังลุกโชนไปด้วยความคลั่งไคล้
บนแท่นบูชาของชนเผ่าที่สอง ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ เป็นความเงียบอย่างถึงที่สุดจนทำให้รู้สึกน่ากลัว ไม่มีกลิ่นคาวของโลหิต แต่ความเย็นเยียบราวน้ำแข็งได้กระจายออกไป ทำให้ทั่วทั้งแท่นบูชากลายเป็นแผ่นชั้นของน้ำแข็งไป
ในท่ามกลางน้ำแข็งเหล่านั้นเป็นบุรุษผู้หนึ่งในชุดยาวสีฟ้า
ดวงตามันปิดอยู่ และซากศพแปดซากนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นรอบๆ ตัวมัน
บนแท่นบูชาของชนเผ่าแรก เป็นภาพที่แปลกประหลาดมากที่สุด เงาร่างที่อยู่ด้านล่างแท่นบูชาไม่มีใครกำลังก้มศีรษะลง พวกมันถูกสั่งให้เงยหน้าขึ้น ยืนอยู่ที่นั่นสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ขณะที่มองไปยังบุรุษในชุดยาวสีขาวผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังลอยตัวอยู่เหนือพื้นผิวของแท่นบูชา
สีหน้ามันสงบนิ่งราวกับว่ากำลังใคร่ครวญถึงความรู้แจ้ง มันกำลังจ้องมองลงไปยังมือขวาของตนเอง อย่างน่าตกใจยิ่งภายในมือของมันเป็น…สายฟ้า เป็นสายฟ้าที่ไม่ธรรมดา และถ้าเมิ่งฮ่าวอยู่ในที่แห่งนี้ ก็จะจดจำขึ้นได้ในทันทีว่า…มันเป็นสายฟ้าชนิดเดียวกันกับกระถางสายฟ้า!
เห็นได้ชัดว่าบุรุษชุดขาวกำลังใคร่ครวญถึงสายฟ้านี้อยู่ ราวกับว่ามันกำลังหาวิธีที่จะควบคุมสายฟ้านั้นไว้
ด้วยพื้นฐานฝึกตนและระดับพลังของมัน ทำให้บุรุษผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะอยู่ในลำดับขั้นจากขุนเขาแรก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันไปทั่วในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามของสมาชิกลำดับขั้นที่แข็งแกร่งมากที่สุด!
ด้านหลังมันเป็นแปดผู้ฝึกตนที่มาจากขุนเขาทะเลที่หนึ่ง พวกมันทั้งหมดเป็นผู้ติดตามส่วนตัวของมัน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะเป็นศิษย์ของสำนักหรือตระกูลต่างๆ ในขุนเขาทะเลที่หนึ่ง
บุคคลเหล่านี้มันได้บังคับให้ยอมจำนน ในช่วงของการต่อสู้มาอย่างมากมาย หลังจากนั้นพวกมันก็กลายมาเป็นผู้ติดตามของมัน และยังได้ต่อสู้เพื่อมันอีกด้วย ที่น่าประหลาดใจมากที่สุดก็คือว่าในบุคคลทั้งแปดที่เลือกจะกลายมาเป็นผู้ติดตามของมัน มีอยู่หนึ่งคนเป็นสมาชิกของลำดับขั้น!
การที่ได้อยู่ในลำดับขั้น แต่ก็ยังเลือกที่จะเป็นผู้ติดตามของบุรุษชุดขาวผู้นี้ ก็แสดงให้เห็นว่ามันมีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อมากแค่ไหน
“กลายเป็นว่าการได้รับความรู้แจ้งของแก่นแท้สายฟ้า มีความง่ายดายกว่าตอนที่อยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเลมากนัก” หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน บุรุษชุดขาวก็กำมือเป็นหมัดจนแน่น จนเกิดเป็นเสียงแตกร้าวขึ้นมา และสายฟ้าก็หายไป หายเข้าไปในร่างกายของมัน ฉับพลันนั้นดวงตามันก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้นมา
“อาณาจักรสายลมเปิดออกมาหลายครั้งแล้ว แต่นี่คือครั้งแรกที่ข้ามายังที่แห่งนี้ พวกเจ้าคิดว่าข้าจะสามารถรวบรวมผู้คนและสิ่งของที่ข้าพึงพอใจได้หรือไม่? ข้าสามารถจะนำแก่นแท้โลกกลับไปได้หรือไม่?”
“แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ข้ากำลังค้นหาอยู่มากที่สุดก็คือ…สมาชิกคนอื่นๆ ของลำดับขั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษผู้หนึ่ง!” บุรุษหนุ่มชุดขาวหัวเราะหึๆ ออกมา หันหน้าไปยังหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังมัน และใช้นิ้วลูบลงไปที่คางของนาง หญิงสาวก้มหน้าลงและยิ้มออกมา สำหรับผู้ติดตามคนอื่นๆ ของมัน สองคนเป็นหญิงสาว และห้าคนเป็นบุรุษ คนทั้งหมดยิ้มออกมาเพื่อตอบรับคำพูดของมัน
ท้องฟ้าที่อยู่ในอาณาจักรสายลมค่อยๆ แจ่มใสขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากที่ผ่านไปสิบลมหายใจ
เสียงอันเย็นชาจู่ๆ ก็ดังก้องออกมาจากท้องฟ้าของชนเผ่าแรก และท้องฟ้าของชนเผ่าทั้งหมดที่อยู่ในอาณาจักรสายลม เห็นได้ชัดว่าคนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรสายลมดั้งเดิมไม่อาจจะได้ยินเสียงนี้ มีแต่ผู้ที่มาเยือนเท่านั้นที่ได้ยิน
“เริ่ม…การแข่งขัน!”
“วิหารตรงจุดศูนย์กลางคือสถานที่ตัดสินสุดท้าย ผู้ฝึกตนเซียนอาจจะไม่ต้องเข้าไปที่นั่นในตอนนี้ ใช้เก้าชนเผ่าเป็นเหมือนกับกระดานหมากรุก นักรบและผู้ฝึกตนของอาณาจักรสายลมเป็นเม็ดหมาก เริ่มทำสงครามอันยิ่งใหญ่ของเก้าชนเผ่า!”
“แต่ละชนเผ่ามีตราประทับของอาณาจักรสายลมอยู่หนึ่งชิ้น ใครก็ตามที่ได้ตราประทับของชนเผ่ามากที่สุด ก็จะสามารถผ่านเข้าไปในวิหารตรงจุดศูนย์กลาง!”
“และในตอนนี้…กำแพงระหว่างชนเผ่าทั้งเก้าจะถูกเคลื่อนย้ายออกไป!” เสียงที่พูดนั้นฟังดูเก่าแก่โบราณ แต่ก็แทบจะไร้ความรู้สึกราวกับว่าเป็นหุ่นเชิด ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกมา ลมพายุที่เป็นกำแพงแบ่งกั้นชนเผ่าทั้งเก้าของอาณาจักรสายลมให้แยกออกจากกัน หายสาบสูญไปจนหมดสิ้น!
ตอนนี้ไม่มีอะไรมาปิดกั้นหรือคอยช่วยปกป้องชนเผ่าเหล่านี้อีกแล้ว พวกมันสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมด…
ยิ่งไปกว่านั้น พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน ขณะที่กฎธรรมชาติและแก่นแท้ของอาณาจักรสายลมทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมา กระแสลมปราณพุ่งขึ้นไป และกฎธรรมชาติก็เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แก่นแท้เผยตัวตนออกมา จนทำให้การได้รับความรู้แจ้งดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง
สวรรค์เปลี่ยนสีปฐพีสิ้นแสง และสายลมอันทรงพลังก็พุ่งขึ้นมา ส่งเสียงกรีดร้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง
บนแท่นบูชาของชนเผ่าแรก บุรุษหนุ่มในชุดขาวหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา ขณะที่กำแพงลมพายุจางหายไป มันรับรู้ถึงกลิ่นอายของลำดับขั้นคนอื่นๆ ที่อยู่ในอาณาจักรสายลมได้ในทันที
ในความรู้สึกของมัน กลิ่นอายเหล่านั้นคล้ายกับเป็นตะเกียงอันเจิดจ้าที่อยู่ในยามราตรีอันมืดมิด สามารถจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ขณะที่มันหัวเราะ พลังของบุรุษหนุ่มชุดขาวก็พุ่งขึ้นไป หลอมรวมเข้าไปในสวรรค์และปฐพี พื้นฐานฝึกตนของมันปะทุขึ้น ส่งผลให้กลิ่นอายอันทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อม้วนกวาดออกไป
มันกำลังประกาศสงคราม…ต่อชนเผ่าอื่นๆ ทั้งแปดในอาณาจักรสายลม!
เวลาเดียวกันนั้น ในท่ามกลางความหนาวเย็นของชนเผ่าที่สอง ดวงตาของบุรุษในชุดสีฟ้าเปิดขึ้นมาในทันที มองไปยังซากศพที่อยู่รอบๆ ตัวอยู่ชั่วขณะ และดวงตาก็เผยให้เห็นเป็นแสงสีเทาส่องประกายออกมา เสียงแตกร้าวและเสียงปะทุดังขึ้นมาจากชั้นของน้ำแข็งที่แตกกระจายไป
พลังของบุรุษหนุ่มในชุดสีฟ้าพุ่งออกไปด้วยเช่นกัน เพื่อประกาศสงครามขึ้นอีกหนึ่งชนเผ่า!
ในชนเผ่าที่สาม บุรุษวัยกลางคนในชุดจักรพรรดิ หัวเราะอย่างมีความสุขออกมา แต่ก็เห็นได้ชัดว่าบนร่างมันไม่มีเครื่องหมายผนึกอยู่ แต่มันก็ยังคงกระจายพลังของเครื่องหมายผนึกออกมา ทำให้พุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า
ในชนเผ่าที่สี่ หลินชงมองไปรอบๆ ด้วยความเย่อหยิ่ง และพลังของมันก็พุ่งขึ้นไป ในตอนนี้ไม่มีใครยอมแสดงความอ่อนแอออกมาแม้แต่น้อย พวกมันทั้งหมดเป็นสมาชิกของลำดับขั้น เป็นผู้ถูกเลือกแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล เมื่ออยู่ในอาณาจักรสายลม พวกมันมีอิสระและไร้ข้อผูกมัดใดๆ
การแสดงความอ่อนแอออกมา จะทำให้คนอื่นๆ รับรู้ได้…และจะนำไปสู่การถูกกวาดล้างออกไปเป็นชนเผ่าแรกโดยไม่ต้องสงสัย ซึ่งจะทำให้ต้องสูญเสียตราประทับของชนเผ่าไป
ในชนเผ่าที่ห้า บุรุษหนุ่มที่หน้าเปื้อนยิ้มยิ่งยิ้มกว้างออกมามากกว่าเดิม และพลังของมันก็พุ่งสูงขึ้นไป
ในชนเผ่าที่หก เด็กชายหัวเราะเป็นเสียงแหลมเล็ก ขณะที่ลุกขึ้นมายืน อย่างน่าตกใจยิ่งพลังของมันพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นสายลมม้วนตัวออกไปและสวรรค์ก็สั่นสะท้าน
ในชนเผ่าที่เจ็ดและชนเผ่าที่แปด ผู้ที่อยู่ในลำดับขั้นก็ประกาศสงครามด้วยเช่นกัน!
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านและมองขึ้นไปในท้องฟ้า ผู้ฝึกตนอื่นๆ จากอาณาจักรขุนเขาทะเล ต่างก็ได้ยินคำพูดที่กล่าวออกมาจากเสียงที่เก่าแก่โบราณนั้น อย่างไรก็ตามพวกมันไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงพลังที่พุ่งขึ้นมาและกลิ่นอายที่สะกดข่มของผู้ฝึกตนลำดับขั้นในอีกแปดชนเผ่า
ราวกับว่าพวกมันทั้งหมดกำลังส่งสัญญาณให้กับสมาชิกลำดับขั้นคนอื่นๆ รับรู้ว่าพวกมันกำลังเดินทางมาแล้ว
“ประกาศสงคราม, หือ…” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกายขึ้น เขาสลัดทิ้งกลุ่มคนจากรุ่นเดียวกันของขุนเขาทะเลที่เก้าอยู่ตรงด้านหลังมานานแล้ว เป็นเหมือนกับภูเขาอันสูงใหญ่ในเส้นทางของพวกมัน ผู้ถูกเลือกที่สำคัญทั้งหมดต่างก็เป็นหนี้เขา และผูกมัดอยู่กับเขาด้วยกรรมจากตั๋วสัญญา
ทำให้เขาได้ข้อสรุปมานานแล้วว่า คงจะเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาผู้ถูกเลือกมาทำตั๋วสัญญาเพิ่มได้อีก แต่ตอนนี้เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังของสมาชิกลำดับขั้นคนอื่นๆ…ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มสาดประกายอันเจิดจ้าขึ้น
“คนเหล่านี้น่าจะร่ำรวยกว่าพวกที่มาจากขุนเขาทะเลที่เก้า!”
เมิ่งฮ่าวคิด สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม ในที่สุดเขาก็ทำให้พลังของตนเองพุ่งขึ้นไป จนเกิดเป็นแสงที่คล้ายกับเป็นไฟสัญญาณ ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็มีท่าทางกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย ขณะที่ทำการเพิ่มอำนาจแห่งกรรมเข้าไปในพลังที่พุ่งขึ้นไปนั้น
สร้างเป็นโอกาสสำหรับการเชื่อมต่อกรรมเป็นครั้งแรก จัดวางเส้นใยกรรมเพื่อเชื่อมต่อเป็นครั้งแรกไปด้วย
พวกเจ้าประกาศสงคราม? ข้าจะประกาศเทศกาลแห่งตั๋วสัญญา!
เมิ่งฮ่าวตัดสินใจที่จะยึดมั่นต่อเส้นทางแห่งตั๋วสัญญาของตนเอง โดยจะไม่ยอมวอกแวกอย่างเด็ดขาด!
ในตอนนี้พลังของสมาชิกของลำดับขั้นทั้งหมดพุ่งขึ้นมาในอาณาเขตของพวกมันเอง จากนั้นก็กระจายออกไปจนกระทั่งกระแทกเข้าไปยังคนอื่นๆ
สีสันแวบขึ้นไปในท้องฟ้า และสายลมก็กรีดร้องเป็นเสียงหวีดหวิว ส่งเสียงดังกระหึ่มเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่พลังของสมาชิกลำดับขั้นกระแทกเข้าหากัน