ตอนที่ 1091
แผนการของเจี้ยนเต้าจื่อ
โลกสั่นสะเทือน สีสันแวบขึ้นไปในท้องฟ้า และสายลมก็กรีดร้องระงม…ในเวลาเดียวกันนั้น สมาชิกลำดับขั้นในแต่ละชนเผ่าทั้งเก้า ต่างก็ส่งพลังพุ่งขึ้นไป ซึ่งเป็นสิ่งที่…ไม่มีใครนอกจากพวกมันด้วยกันเองที่จะรับรู้ได้
อย่างไรก็ตาม คนทั้งหมดที่อยู่บนแท่นบูชาในแต่ละเก้าชนเผ่า ต่างก็สามารถจะบอกได้ว่า บรรยากาศแห่งสงครามกำลังปกคลุมไปทั่วในโลกแห่งนี้!
การประกาศได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นการบ่งชี้ว่าการต่อสู้ของลำดับขั้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
สถานที่แห่งนี้…คือสนามรบที่เฝ้ารอคอยลำดับขั้นมานานแล้ว คนอื่นๆ จะถูกบังคับให้ต้องทำตามกฎของที่แห่งนี้!
ถึงแม้ว่าไม่มีใครต้องการจะยอมรับ แต่ฝานตงเอ๋อร์, เป้ยอวี้ และผู้ฝึกตนอื่นๆ ต่างก็รู้ดี ดังนั้นพวกมันจึงยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ มองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังยืนอยู่ตรงริมขอบของแท่นบูชา กระจายพลังอย่างไร้ที่เปรียบออกมา ขณะที่เขามองไปรอบๆ ยังกลุ่มคนที่เฝ้ากราบกรานอยู่ตรงด้านล่าง
ทันใดนั้นเองพวกมันทั้งหมดก็เข้าใจแล้วว่าสถานที่แห่งนี้…เป็นของลำดับขั้น!
ถ้าทางเลือกมีเพียงแค่เป็นบุปผาที่เบ่งบานหรือใบไม้ที่เหี่ยวเฉา โชคชะตาทำให้พวกมันไร้ทางเลือกต่อเรื่องนี้ และทั้งหมดต่างก็เป็นได้แค่ใบไม้เท่านั้น…
ดวงตาฝานตงเอ๋อร์สาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความไม่ยินยอมพร้อมใจ เป้ยอวี้ก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน นางคือหญิงสาวที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันในฐานะที่เป็นเซิ่งหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ของสำนัก นางมีความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า และไม่ยินดีที่จะอยู่เบื้องหลังในท่ามกลางกลุ่มฝุ่นของผู้ใด
หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก พลังที่พุ่งขึ้นมาซึ่งเป็นการประกาศสงครามของสมาชิกลำดับขั้น ที่กระจายออกไปทั่วทั้งอาณาจักรสายลม…ก็ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อและก้าวเท้าออกมาจากแท่นบูชา
“พวกเจ้าทั้งหมดเงยหน้าขึ้น!”
เขากล่าวขึ้นในทันที เกิดเป็นเสียงดังก้องออกไปทั่วทั้งชนเผ่า เข้าไปในหูของผู้ฝึกตนทั้งหมดของอาณาจักรสายลม และเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ธรรมดานับหมื่นที่อยู่ห่างไกลออกไป
โดยไม่ต้องขบคิดใดๆ คนทั้งหมดเงยหน้าขึ้นและมองมายังเขา ในตอนนี้สายตาทุกคู่ต่างก็จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว เขาลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ เสื้อผ้าพลิ้วไสวไปมา เส้นผมลอยอยู่รอบๆ ตัว เจตจำนงแห่งจักรพรรดิเซียนกลายเป็นกลิ่นอายที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
เป็นกลิ่นอายที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ แต่ในตอนนี้ก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าในคนทั้งหมดด้วยแรงกระตุ้นที่จะทำให้ต้องกราบกรานสักการะ
“ขอคารวะ ซ่างเซียน!” เสียงโดยพร้อมเพรียงกันดังก้องออกไปทั่วทั้งดินแดนแถบนั้น ขณะที่เสียงอันทรงพลังได้ม้วนตัวออกไป เจี้ยนเต้าจื่อก็บินขึ้นไปในอากาศ โบกสะบัดชายแขนเสื้อทำให้เกิดเป็นแสงอันเจิดจ้าปกคลุมอยู่รอบๆ ตัวมัน
“ก่อตัวเป็นยานบิน!” ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนหนึ่งพันคนก็บินออกมาจากกลุ่มคนที่ด้านล่าง และเรียงตัวกันเป็นค่ายกลที่ดูคล้ายกับเป็นยานบิน!
ติดตามมาด้วยผู้ฝึกตนอีกแปดพันคน ซึ่งได้ก่อตัวเป็นยานบินด้วยเช่นกัน ทำให้มีทั้งหมดเก้าลำ มองเห็นผู้ฝึกตนทั้งหมดรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนาเพื่อก่อตัวเป็นยานบิน สีหน้าพวกมันคลั่งไคล้ราวกับว่าการได้รับใช้เซียนถือว่าเป็นเกียรติอันสูงส่ง
ยานบินแต่ละลำประกอบด้วยกลุ่มผู้ฝึกตนสองกลุ่มอยู่บนชั้นดาดฟ้า เรียงรายกันเป็นแถวทั้งบุรุษและสตรี
สำหรับผู้ฝึกตนบุรุษ แต่ละคนมีหน้าตาที่หล่อเหลาอย่างถึงที่สุด เป็นคนที่หญิงสาวใดๆ ก็ตามในโลกมนุษย์ธรรมดาจะต้องตกหลุมรักขึ้นมาในทันที
ผู้ฝึกตนหญิงสาวต่างก็ดูบริสุทธิ์งดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ละนางสามารถจะถือได้ว่ามีความงดงามอย่างไร้ที่ติ
คนทั้งหมดคุกเข่าอยู่ที่นั่น เตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ขอเชิญซ่างเซียน!” เจี้ยนเต้าจื่อร้องตะโกนขึ้น คุกเข่าลงไป
“ขอเชิญซ่างเซียน!” ชายชราคนอื่นๆ ร้องตะโกนไปพร้อมกับผู้ฝึกตนอื่นๆ ทั้งหมด
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกยินดีที่สามารถกระทำได้ตามความพอใจเมื่ออยู่ในอาณาจักรสายลม แต่ก็ยังคงไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้
ใช้ผู้คนเป็นเรือ…?
“เจี้ยนเต้าจื่อ เจ้านำทาง สำหรับเรือนี้…ข้าไม่ต้องการ”
เขากล่าวขึ้นมาอย่างช้าๆ เริ่มเดินทางตรงไป เจี้ยนเต้าจื่อจ้องมองมาด้วยความตกใจ และประกายแสงที่แทบจะมองไม่เห็นแวบผ่านอยู่ในส่วนลึกของดวงตา มันมองไปยังเมิ่งฮ่าวอยู่ชั่วขณะ จากนั้นโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา ก็บินติดตามเขาไปทางด้านข้าง
การที่เมิ่งฮ่าวปฏิเสธที่จะใช้เรือนี้ ไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกตนอื่นๆ จะต้องปฏิเสธด้วย อันที่จริงผู้ฝึกตนอสูรกำลังจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงอยู่ในตอนนี้ เมื่อพวกมันลักลอบเข้ามา ก็รู้สึกไม่คุ้นเคยกับเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเริ่ม พวกมันกลายเป็นลำแสงบินตรงไปยังลำเรือที่ก่อตัวขึ้นมาจากกลุ่มผู้ฝึกตนในทันที
เมื่อพวกมันก้าวเท้าลงไปบนลำเรือ ก็ถูกห้อมล้อมโดยบุรุษที่หล่อเหลาและสตรีที่งดงามในทันใด ซึ่งได้นำสุรารสเลิศและผลไม้ลมปราณมาให้พวกมันได้ดื่มกินอย่างมีความสุข ช่างเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาได้
ผู้ฝึกตนหนุ่มที่อยู่ด้านหลังฝานตงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็บินไปนั่งอยู่บนเรือลำหนึ่ง ทันใดนั้นหนึ่งในข้ารับใช้ที่งดงามก็ก้าวเท้าตรงมา และโค้งตัวลงอยู่ที่เบื้องหน้าของมัน
บุรุษหนุ่มสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่มองไปรอบๆ ด้วยความงุนงงยังตัวเรือและสิ่งอื่นๆ ทั้งหมด
ในที่สุด แม้แต่ฝานตงเอ๋อร์ และเป้ยอวี้ก็ขึ้นไปบนตัวเรือ ภายใต้สายตาที่คลั่งไคล้ของผู้ฝึกตนอาณาจักรสายลม เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมา ขณะที่ตัวเรือได้บินออกไปในอากาศ
ที่ด้านล่าง บุรุษที่เป็นจักรพรรดิของชนเผ่าที่เก้า ได้นำทหารเคลื่อนที่ออกไปอย่างช้าๆ แต่ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก และพวกมันส่วนใหญ่ก็คล้ายกับเป็นผู้พิทักษ์ของจักรพรรดิ
เมิ่งฮ่าวบินไปทางเบื้องหน้าด้วยความเงียบขรึม เจี้ยนเต้าจื่อติดตามไปอยู่ที่ด้านข้าง พื้นฐานฝึกตนของชายชราไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเซียน ดังนั้นมันจึงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะตามเมิ่งฮ่าวไปให้ทัน เมิ่งฮ่าวมองไปยังมัน โบกสะบัดมือ ทำให้แสงอันเจิดจ้าปรากฏขึ้นที่ด้านล่างเท้าของชายชรา ช่วยให้ความรวดเร็วของมันเพิ่มขึ้นในทันที ทำให้มันสามารถติดตามไปได้อย่างใกล้ชิด
“ขอบคุณมาก ซ่างเซียน!” เจี้ยนเต้าจื่อกล่าวขึ้น ประสานมือด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“เจ้าเคารพผิดคนแล้ว ข้ารู้สึกรำคาญนัก ยิ่งไปกว่านั้น…ข้าเรียกว่าเมิ่งฮ่าว ข้าไม่ได้แซ่ ‘ซ่าง’ และนามของข้าก็ไม่ใช่ ‘เซียน’”
เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นช้าๆ อย่างไร้มารยาทโดยสิ้นเชิง
สีหน้าแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชรา มันประสานมือและกล่าวขึ้นด้วยความเคารพ “น้อมรับคำสั่ง ซ่างเซียน”
เมิ่งฮ่าวเดินทางต่อไปโดยไม่สนใจมันอีก บางทีพวกเขาอาจจะถูกยกขึ้นจนสูงส่งมากเกินไป ทำให้คนอื่นๆ ทั้งหมดจากอาณาจักรขุนเขาทะเล ต่างก็ไม่คุ้นเคยกับการที่ต้องแสดงความใกล้ชิดกับกลุ่มคนที่พวกมันคิดว่าอ่อนแอกว่า แต่สำหรับเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าเขาจะมีศักดิ์ฐานะที่สูงส่งเช่นนั้น และยังเป็นนายน้อยของตระกูลฟางอีกด้วย แต่กว่าที่เขาจะดิ้นรนมาจนถึงจุดนี้ได้ เขาต้องผ่านความอ่อนแอและความน่าสมเพชมาจากดาวหนานเทียน เขาเคยพบเจอกับสถานการณ์ที่ร้ายแรงมาอย่างมากมาย และในที่สุดก็สามารถสร้างเป็นสายตาที่หลักแหลมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงสามารถจะรับรู้ได้อย่างง่ายดายว่าเจี้ยนเต้าจื่อได้วางแผนมาโดยตลอด
เขาสามารถจะมองออกจนทะลุปรุโปร่งต่อสิ่งต่างๆ ที่ชายชราผู้นี้กระทำมา เขาไม่เคยจะเชื่อว่ากลุ่มคนในโลกแห่งนี้ยินดีที่จะเป็นผู้ต่ำต้อยอยู่ตลอดเวลา อันที่จริง…กลุ่มคนในอาณาจักรสายลมไม่เคยจะถูกเรียกว่าผู้ต่ำต้อย พวกมันคล้ายกับเป็นข้าทาสมากกว่า ซึ่งไม่อาจแม้แต่จะควบคุมความเป็นตายของตนเองได้ โชคชะตาของพวกมันอยู่ภายใต้การควบคุมของอาณาจักรขุนเขาทะเลไปโดยสิ้นเชิง
ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ถูกลิขิตให้กลายเป็นแม่น้ำแห่งโลหิตที่ไหลนองไปทุกๆ หนึ่งพันปี และกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ก็กลายเป็นซากศพที่เฝ้ารอคอยการถูกเก็บเกี่ยว เวลาหนึ่งพันปีที่เหลืออยู่ของพวกมัน เป็นเพียงแค่การเตรียมตัว…เพื่อการเก็บเกี่ยวในครั้งต่อไป!
“กฎธรรมชาติไม่อาจจะถูกเปลี่ยนไปโดยโชควาสนา!”
เมิ่งฮ่าวครุ่นคิด ดวงตาสาดประกายขึ้น เขาไม่ประมาทต่อการกระทำในที่แห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็รับรู้ถึงรายละเอียดที่ฝานตงเอ๋อร์และคนอื่นๆ ต่างก็ตระหนักดีด้วยเช่นกัน
“ซ่างเซียนเมิ่ง ภูเขาไป๋เฟิง (ผนึกสีขาว) คือภูเขาแห่งกลิ่นอายเชื้อชาติของชนเผ่าที่เก้า เป็นแหล่งกำเนิดกฎธรรมชาติและเวทแห่งเต๋าของชนเผ่านี้ มันช่วยเกื้อหนุนโลกของพวกเราทั้งหมด และยังมีพลังแห่งสวรรค์อีกด้วย!”
“ซ่างเซียน ด้วยการเลือกภูเขานั้น ท่านจะได้รับการเกื้อหนุนจากกลิ่นอายเชื้อชาติ และจะมีพื้นฐานฝึกตนที่ก้าวหน้าขึ้นไป จนถึงระดับที่ท่านไม่อาจจะคาดคิดได้”
“ตำนานได้กล่าวไว้ว่า ยอดเขากั๋วยิ่น (โชคชะตาแห่งเชื้อชาติ) ได้ถูกกลั่นสกัดมาจากของวิเศษอันล้ำค่า บางทีด้วยความสามารถและสิ่งของที่อยู่ในมือในฐานะที่เป็นผู้ถูกเลือก ซ่างเซียนเมิ่ง ท่านคงจะได้รับโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่เป็นแน่” สายลมโชยพัดใบหน้าของพวกเขา ขณะที่บินตรงไป และคำพูดของเจี้ยนเต้าจื่อก็ถูกพัดพาไปทางด้านหลัง จนทำให้ฝานตงเอ๋อร์และคนอื่นๆ ต่างก็สามารถจะได้ยิน
ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็หยุดชะงักลง หมุนตัวมองเข้าไปในดวงตาของเจี้ยนเต้าจื่ออย่างลึกซึ้ง จากนั้นรอยยิ้มอันลี้ลับก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า และดวงตาก็ค่อยๆ สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเข้มข้น
การมองมาของเมิ่งฮ่าว ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมาอยู่ภายในจิตใจเจี้ยนเต้าจื่อ แต่มันก็ยังคงรักษารอยยิ้มเหมือนเดิมไว้ และก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ
“ข้าเคยสังหารผู้คนมาอย่างมากมาย ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นพวกที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย และเมื่อพบว่าพวกมันหลอกลวงข้า ข้าจะก็ตัดศีรษะของพวกมันลงมา”
“ยกตัวอย่างเช่น เจ้าใช้แค่แผนที่ธรรมดามาแบ่งแยกซ่างเซียนทั้งเก้าไปได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่นิ้วก็ไม่ต้องขยับ เจ้าได้รับประโยชน์จากคนที่โชคร้าย และได้รับข้อมูลในเชิงลึกมา ช่างเป็นกลอุบายที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง”
“จากนั้น เมื่อฟ้าร้องและฟ้าผ่าได้เกิดขึ้น เจ้าก็มีท่าทางประหลาดใจ แต่ลึกลงไปในดวงตา เจ้ากำลังเยาะเย้ยพวกเราอยู่ อย่าได้คิดว่าไม่มีใครสังเกตเห็นการกระทำของเจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ากฎธรรมชาติได้เปลี่ยนไปแล้ว?”
ด้วยประโยคที่พูดออกมาอย่างต่อเนื่องของเมิ่งฮ่าว ทำให้เจี้ยนเต้าจื่อมีท่าทางประหลาดใจมากยิ่งขึ้น มันเริ่มดูกระวนกระวายใจขึ้น ราวกับรู้สึกว่าไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ด้วยความหวาดกลัว มันกำลังจะกล่าวคำอธิบายออกมา แต่เมิ่งฮ่าวก็พูดต่อไปด้วยเสียงราบเรียบ
“หนึ่งแผนที่ทำให้เกิดเป็นความวุ่นวายขึ้นภายใน หนึ่งกฎธรรมชาติทำให้เกิดเป็นวิกฤตที่ร้ายแรงขึ้น”
“ขอบอกตามความสัตย์ว่า ข้าไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นมากนัก แต่เมื่อครู่นี้ เจ้าพยายามจะใช้ภูเขานั่นมาสร้างความได้เปรียบขึ้นอีกครั้ง เจ้าคิดว่าจะสามารถยืมมือข้า ไปสังหารคนอื่นๆ เพราะว่าข้าแข็งแกร่งกว่าพวกมันได้จริงๆ?”
คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าเจี้ยนเต้าจื่อเริ่มซีดขาวขึ้นราวคนตาย และมันก็เริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“ซ่างเซียน ได้โปรดระงับจิตใจ เรื่องทั้งหมดนั้นแค่เป็นการเข้าใจผิด! มัน…มันไม่ใช่เช่นนั้นทั้งหมด! ข้า…” เม็ดเหงื่อไหลลงมาจากใบหน้าเจี้ยนเต้าจื่อ และดูเหมือนว่ามันจะรู้สึกหวาดกลัว ราวกับว่ามันกำลังถูกใส่ร้ายให้กลายเป็นคนผิดไป
“ลองให้ข้าเดาดู” เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อไป ด้วยน้ำเสียงที่เริ่มเย็นชาลงในตอนนี้
“ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่วางแผน ที่เอาแต่พึ่งพาเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าเจ้าโน้มน้าวข้าเกี่ยวกับภูเขานั้นได้ หลังจากนี้ก็จะไม่มีใครมาตอแยข้าโดยตรง สิ่งที่เจ้าต้องการก็คือ บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์บางอย่างเพื่อสร้างเป็นความสนใจให้กับพวกมัน”
“เมล็ดพันธุ์แห่งความสนใจนั้น…ในที่สุดก็จะถือกำเนิดขึ้นมา เพื่อดิ้นรนที่จะได้ครอบครองภูเขาลูกนั้น”
“ความคิดที่จะได้ครอบครองภูเขา เหมือนกับเป็นอาวุธลับที่ไม่อาจจะสังเกตพบเห็นได้อย่างง่ายดาย นอกจากทั้งหมดนั้นแล้ว
ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะจัดเตรียมใบมีดอื่นอีก เพื่อแทงเข้าไปที่ด้านหลังของเหล่าเซียนทั้งหลาย ซึ่งจะเป็นการตักเตือนว่า…พวกเราอย่าได้วางท่าข่มเหงผู้คนในที่แห่งนี้!! จากการคาดเดาของข้า หนึ่งในใบมีดเหล่านั้นจะปรากฏขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว”
เจี้ยนเต้าจื่อฝืนยิ้มออกมา ราวกับเป็นการประท้วงว่า มันกำลังกลายเป็นคนผิดไป ดูเหมือนว่ามันพยายามจะกล่าวคำอธิบายบางอย่างออกมา แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีบางสิ่งเริ่มมองเห็นได้จากที่ห่างไกลออกไป ที่นั่น มองเห็นน้ำตกสายหนึ่ง ตรงด้านล่างเป็นสระน้ำ ข้างสระนั้นนั่งไว้ด้วยสุนัขจิ้งจอกสีขาวหนึ่งตัว
มองเห็นหยกสีขาวหนึ่งชิ้นอยู่บนศีรษะของสุนัขจิ้งจอก ซึ่งดูไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่สุนัขจิ้งจอกฝึกฝนการหายใจเข้าออกอยู่นั้น ก็ทำให้แสงทั้งหมดในบริเวณนั้นมารวมตัวกันบนศีรษะของสุนัขจิ้งจอก
ทันใดนั้น หนึ่งในผู้ฝึกตนอสูรที่เป็นบุรุษวัยกลางคนจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ก็มองเห็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวนั้น ดวงตามันเบิกกว้างขึ้น และร้องตะโกนออกมา “หยกอสูรศักดิ์สิทธิ์!!”
ท่าทางความละโมบอยากได้ และความยินดีอย่างบ้าคลั่งได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้ฝึกตนอสูรในทันที ร่างมันแวบขึ้นขณะที่บินออกมาจากตัวเรือที่มันนั่งมา และมุ่งหน้าตรงไปยังสุนัขจิ้งจอก
“ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น”
เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น หยุดชะงักนิ่ง ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าเจี้ยนเต้าจื่อก็เปลี่ยนไป ผู้ฝึกตนอสูรวัยกลางคนจ้องมองมาด้วยความตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา
มันตระหนักดีว่าอาณาจักรสายลมแห่งนี้เป็นสถานที่อย่างไร ในที่แห่งนี้ไม่มีอะไรที่สูงเกินไปกว่าอาณาจักรเซียน เป็นสถานที่ซึ่งไร้กฎเกณฑ์หรือข้อบังคับใดๆ ไม่มีใครสามารถจะหยุดมันได้ ในสิ่งที่มันต้องการ!
มันส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป และไม่รับรู้ถึงสิ่งที่ผิดปกติใดๆ จึงไม่สนใจเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง และเข้าไปใกล้กับสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวนั้น ยื่นมือออกคว้าจับไปที่หยกสีขาวชิ้นนั้น