ตอนที่ 1162
เทียนอวิ๋นก้าวเข้าไปในเต๋า
เทียนอวิ๋นซ่างเหรินไม่ใช่เป็นคนเดียวที่ตกตะลึง ผู้ฝึกตนทั้งหมดในตลาดเมฆาสวรรค์ ต่างก็สั่นสะท่านขึ้นด้วยคำพูดของฟางโส่วเต้า และแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังได้ยินอยู่นี้
ตำแหน่งนายน้อยเป็นเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าตระกูลฟางพร้อมที่จะทำสงคราม และพร้อมที่จะเป็นศัตรูกับคนที่สามารถจะก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้ทุกเมื่อ
ช่างไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย!
แม้แต่ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของตระกูลฟางก็ยังต้องอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“ท่านปรมาจารย์ นี่…” ผู้อาวุโสที่กล่าวตำหนิเมิ่งฮ่าวอย่างรุนแรงมากที่สุดเริ่มพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง แต่ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน ศิษย์ตระกูลฟางคนอื่นๆ ได้ก้าวเท้าเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทางไกล เพื่อไปกระจายคำพูดยังตระกูลฟางบนดาวตงเซิ่ง
“ผู้อาวุโสโส่วเต้า เกิดอะไรขึ้น?” เทียนอวิ๋นซ่างเหรินถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป “นี่คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกเราไม่ใช่กล่าวกันชัดเจนแล้ว…?”
ตอนนี้จิตใจมันเริ่มเต้นรัวขึ้นมา มันไม่ต้องการจะถูกบังคับให้ทะลวงผ่านเข้าไปในอาณาจักรเต๋าจริงๆ การกระทำเช่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องความเป็นตายที่วิกฤตอย่างแท้จริง
“มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะอธิบายได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือทำไมนายน้อยแห่งตระกูลฟางถึงได้โจมตีเจ้า” ฟางโส่วเต้ากล่าวตอบขึ้นในทันที “สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ เจ้าจะต้องถูกลงโทษที่บังอาจไปใช้กำลัง พยายามจะมาทำร้ายนายน้อย!”
“นายน้อยแห่งตระกูลฟางของข้า, ฮ่าวเอ๋อร์ เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อ และไร้ผู้ต่อต้านทั่วทั้งโลกแห่งนี้ มันคือฉีหลินเอ๋อร์ (บุตรกิเลน) แห่งตระกูลฟาง และในสมาชิกรุ่นเยาว์ทั้งหมดนี้ ข้าโปรดปรานปู่และบิดาของมันมากที่สุด ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนรุ่นเยาว์ที่ข้าให้ความเมตตามากที่สุด และสำหรับตัวของฮ่าวเอ๋อร์เอง ข้ายินดีที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อมัน เพื่อพิทักษ์ปกป้องผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลฟาง!”
“มันคือผู้นำตระกูลในอนาคตของพวกเรา!”
“มันคือท่านปรมาจารย์ในอนาคตของพวกเรา!”
“มันคือบุคคลที่ล้ำค่ามากที่สุดในตระกูล! เป็นบุตรหลานหัวแก้วหัวแหวนมากที่สุดของพวกเรา เป็นบุคคลที่สำคัญมากที่สุด!” เสียงภาคภูมิใจของฟางโส่วเต้าดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลฟาง จ้องมองมาพร้อมกับปากที่อ้ากว้าง ผู้ฝึกตนอื่นๆ ทั้งหมดในบริเวณนั้นต่างก็มองมาด้วยความตกตะลึงด้วยเช่นเดียวกัน
แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังต้องกระแอมไอออกมา ใบหน้าเป็นสีแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่ด้วยความเขินอาย แต่ด้วยความกระดากใจที่แท้จริง…
“ใครก็ตามที่บังอาจมาหาเรื่องมัน ถือได้ว่ากำลังหาเรื่องตระกูลฟางทั้งหมด! ใครก็ตามที่บังอาจทำร้ายมัน ก็จะทำให้ตระกูลฟางต้องมีปฏิกิริยาขึ้นมาในทันที ต่อให้ต้องทำสงครามทำลายล้างก็ตามที!” ฟางโส่วเต้าประกาศก้อง
“ฮ่าวเอ๋อร์คือผู้ที่เป็นหนึ่งไม่มีสองในตระกูลฟางอย่างแท้จริง วันเวลาที่ผ่านมาพวกเราไม่มีเวลาอย่างเพียงพอที่จะแสดงออกว่าใส่ใจและรักใคร่ห่วงใยมันมากแค่ไหน เทียนอวิ๋นเสี่ยวเอ๋อร์ (เด็กน้อยเทียนอวิ๋น) คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าพูดจาใส่ร้ายมันอย่างมากมาย! เหล่าฟูคงต้องกำจัดเจ้าแล้ว!” เสียงของมันดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ดังเข้าไปในหูของผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้น ทำให้พวกมันต้องจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง
แทบทุกคนที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ต่างก็รู้สึกว่า…มันกำลังประจบสอพลอเมิ่งฮ่าวอยู่ การที่มันพูดจาเช่นนี้ในสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะแปลกๆ อย่างแท้จริง…
อันที่จริง ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้พูดจากับคนอื่นๆ มันกำลัง…พูดจาให้เมิ่งฮ่าวฟังโดยตรง
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ทำให้คนทั้งหมดยิ่งมีความตกตะลึงมากขึ้นไปกว่าเดิม เมื่อได้ยินคำพูดที่ประจบประแจงเช่นนั้นดังออกมาจากปากของฟางโส่วเต้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นเยาว์ของตระกูลฟาง ยิ่งแสดงออกให้เห็นว่ามีความตกตะลึงมากไปกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมด!
จิตใจเทียนอวิ๋นซ่างเหรินกำลังเต้นรัว จากคำพูดของฟางโส่วเต้า มันสามารถบอกได้ว่าต้องมีเรื่องบางอย่างที่มันไม่เคยรู้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าศักดิ์ฐานะของเมิ่งฮ่าวอยู่เหนือกว่าการเป็นแค่นายน้อยเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเขามีความสำคัญมากจนฟางโส่วเต้ายินดีที่จะประจบเขาในที่สาธารณะ ทำให้เทียนอวิ๋นซ่างเหรินต้องตื่นตระหนกขึ้นอย่างลึกล้ำ
“และเจ้า!” ฟางโส่วเต้ากล่าวต่อ หันหน้าไปจ้องมองยังผู้อาวุโสที่ดุด่าเมิ่งฮ่าวก่อนหน้านี้ด้วยโทสะ “เจ้ากล้าดีอย่างไรที่จะให้ผู้นำตระกูลในอนาคต, ท่านปรมาจารย์ในอนาคต, ฉีหลินจื่อของตระกูลในตอนนี้, ผู้ถูกเลือกที่ไร้ผู้ต่อต้านของพวกเรา…คุกเข่าลง! เจ้าแซ่ฟางจริงๆ? ท่านย่ามันเถอะ! ถ้าเหล่าฟูรู้ก่อนล่วงหน้าว่าเจ้าจะเป็นเช่นนี้ ก็จะไม่ช่วยจัดหาภรรยาให้กับปู่ของเจ้าในปีนั้น บิดาเจ้าก็จะไม่ถือกำเนิดขึ้นมา เช่นเดียวกับคนที่ไร้ประโยชน์เช่นเจ้า!”
ผู้อาวุโสคนนั้นเริ่มสั่นสะท้าน และใบหน้าก็ไร้สีเลือดไปโดยสิ้นเชิง มันกำลังจะกล่าวคำอธิบาย แต่ฟางโส่วเต้าก็หันหน้ากลับไปยังเมิ่งฮ่าว ด้วยแววตาที่ดูเมตตา ถึงแม้ว่าจะแปลกๆ อยู่บ้างก็ตามที
มันหัวเราะเป็นเสียงดังและดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นด้วยเช่นกัน กล่าวว่า “ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าพวกเราควรจะลงโทษตัวบัดซบนี้อย่างไรดี?”
“ท่านปรมาจารย์…”
ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะทันได้กล่าวต่อไป ฟางโส่วเต้าก็มองมาที่เขากล่าวว่า “อย่าได้เรียกข้าว่าปรมาจารย์ ให้เรียกข้าว่าจู่เหยียเยี่ย (ท่านทวด) จะได้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม”
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา “จู่เหยียเยี่ย โปรดให้ข้าจัดการมันเอง”
ด้วยเช่นนั้น เขาจึงชี้นิ้วตรงไปยังผู้อาวุโสคนนั้น ทำให้ร่างมันสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที มองไม่เห็นอะไรเกิดขึ้น แต่เมล็ดเต๋าภายในร่างมันหายไปอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มแก่ชราลงไปมากขึ้น และดูเหมือนว่าพลังจะลดน้อยลงไป
ถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนของมันจะไม่ถูกทำร้ายไป แต่การชี้นิ้วออกไปของเมิ่งฮ่าวก็ได้ตัดเส้นทางทุกชั้นฟ้าของมันไป!
แม้แต่ชายชราก็ยังไม่เข้าใจอย่างแท้จริงถึงสิ่งที่มันต้องสูญเสียไป แต่ในตระกูลทุกชั้นฟ้า สิ่งที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะกระทำไปนั้นคือวิธีการลงโทษที่ร้ายแรงเป็นอย่างมาก!
จิตใจฟางโส่วเต้าเต้นรัว และสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หลังจากที่มองดูผู้อาวุโสคนนั้นอย่างละเอียด ความเคลือบแคลงสงสัยก่อนหน้านี้ทั้งหมดของมันก็จางหายไป และมองไปที่แผ่นหลังของเมิ่งฮ่าวด้วยความตื่นเต้นอย่างยากที่จะอธิบายออกมาได้
จากนั้นมันก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้สนามดวงดาวทั้งหมดสั่นสะเทือน ขณะที่เกิดเป็นลำแสงพุ่งกระจายออกไปปกคลุมบริเวณนั้นทั้งหมดไว้ ปิดกั้นไปโดยสิ้นเชิง
ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีแสงเริ่มพุ่งขึ้นมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของตระกูลฟาง ขณะที่เงาร่างนับร้อยเริ่มโผล่ออกมา นี่คือตระกูลฟาง แม้แต่ฟางเว่ยก็มาด้วย พร้อมกับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณรุ่นอาวุโส
“กวาดล้างตลาดเมฆาสวรรค์!” ฟางโส่วเต้ากล่าวขึ้น โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน และสีสันก็แวบขึ้นไปอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นประตูเคลื่อนย้ายทางไกลทั้งหมดที่อยู่บนดวงดาวทั้งหลาย ต่างก็ถูกผนึกไว้ ไม่ว่าจะเป็นของสำนักหรือตระกูลใดๆ ก็ตามที
ตอนนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลภายนอกจากสนามดวงดาวจะสอดมือเข้ามาได้
ผู้ฝึกตนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตลาดเมฆาสวรรค์ต่างก็ตกใจ และไม่ทำอะไรเพื่อต่อสู้กลับมายังตระกูลฟาง พวกมันเป็นแค่ผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา ตราบเท่าที่พวกมันไม่ช่วยเหลือตลาดเมฆาสวรรค์ พวกมันก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
สีหน้าของผู้ฝึกตนชุดม่วงแดงเปลี่ยนเป็นซีดขาวอย่างน่ากลัว ยากที่บอกว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน แต่พวกมันทั้งหมดเริ่มหลบหนีจากไป อย่างไรก็ตามผู้ฝึกตนตระกูลฟางก็เริ่มไล่ล่าติดตามไปในทันที พร้อมกับรอยยิ้มที่เย็นชา
“ยอมจำนน และพวกเราก็จะไม่สังหารพวกเจ้า!” เสียงข่มขู่ดังก้องออกมาจากตระกูลฟางในทันที ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนไปมา และความว่างเปล่าก็สั่นสะท้าน น่าแปลกใจยิ่งแสงสีฟ้ากำลังพุ่งกระจายออกมาจากกลุ่มคนตระกูลฟาง ถึงแม้ว่าจะบางเบา แต่คนทั้งหมดก็สามารถจะมองเห็นได้ ทำให้รับรู้ได้ถึงแรงกดดันและต้องสั่นสะท้านเข้าไปถึงจิตวิญญาณ ราวกับว่า…สีฟ้านั้นได้ออกคำสั่งให้ต้องทำความเคารพอย่างสุดซึ้ง!
เมื่อเทียนอวิ๋นซ่างเหรินมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ สีหน้ามันก็สลดลง และถอยไปทางด้านหลัง แต่ขณะที่ทำเช่นนั้น ฟางโส่วเต้าก็แค่นเสียงเย็นชา และเตรียมตัวจะโจมตีไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเดินไปก่อน
“จู่เหยียเยี่ย มอบให้ข้า” เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงที่ดังก้องไปมา จากนั้นก็พุ่งตรงไปและเริ่มต่อสู้กับเทียนอวิ๋นซ่างเหรินอีกครั้ง ภายในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ คนทั้งสองก็ปะทะกันไปมานับร้อยครั้ง ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไป
เมิ่งฮ่าวใช้มือขวาขยับร่ายเวท ปลดปล่อยแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ออกไป ทะเลแห่งเปลวไฟปกคลุมตะเกียงวิญญาณและของวิเศษของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินไว้ภายใน จากนั้นของวิเศษโบราณของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็ถูกโจมตีด้วยแสงสีฟ้าของเมิ่งฮ่าว ทำให้มันสั่นสะท้านและแตกร้าวขึ้น เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไป ระเบิดหมัดสังหารเทพออกมา สีสันแวบขึ้นไปอย่างรุนแรง และสายลมก็พุ่งขึ้นมาส่งเสียงดังระงม ผู้ฝึกตนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ทั้งหมดในบริเวณนั้นเริ่มสั่นสะท้าน เมื่อพวกมันมองไป ก็ต้องอ้าปากค้างขึ้น
ราวกับว่าพลังแห่งฟ้าดินทั้งหมดในบริเวณนั้น กำลังถูกหมัดของเมิ่งฮ่าวดูดเข้าไป ขณะที่เขาต่อยหมัดออกไป ก็รู้สึกราวกับว่าเจตจำนงแห่งสวรรค์กำลังตกลงมา
ไม่ว่าเทียนอวิ๋นซ่างเหรินจะพยายามต่อสู้กลับมาอย่างไร ต่างก็ไร้ประโยชน์ ของวิเศษที่ตะเกียงวิญญาณของมันถืออยู่ในมือแตกกระจายออก และกลายเป็นเถ้าธุลีไป หมวกของมันถูกบดขยี้ไป โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ขณะที่ร่างมันแหลกสลายไปครึ่งตัว ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง
เมื่อฟางตงเทียนมองเห็นเช่นนี้ ดวงตามันก็เบิกกว้างขึ้น สำหรับฟางโส่วเต้า มองเห็นแสงแปลกๆ อยู่ในแววตา ถึงแม้ว่ามันจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้มากที่สุด และเฝ้าบอกกับตนเองถึงบางสิ่งบางอย่างเช่นนี้ แต่เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งเช่นนั้นก็ทำให้ต้องตกตะลึงขึ้น
“ตระกูลฟาง พวกเจ้ากำลังบังคับข้า!” เทียนอวิ๋นซ่างเหรินแผดร้องออกมา มองไปรอบๆ มองเห็นศิษย์ตลาดเมฆาสวรรค์ส่วนใหญ่ของมันยอมจำนน ทำให้มันต้องสูญเสียการควบคุมไป สมาชิกตระกูลฟางกำลังพุ่งออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกลมากขึ้นเรื่อยๆ เทียนอวิ๋นซ่างเหรินเริ่มหัวเราะอย่างขมขื่นจนถึงขั้นบ้าคลั่งออกมา ในตอนนี้มันตระหนักว่าได้ไปหาเรื่องใครบางคนที่ไม่ควรไปยุ่งด้วยอย่างยิ่ง ถึงจะเสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นมันจึงแผดร้องคำรามออกมา โดยไม่ลังเลอีกต่อไป มันชี้นิ้วตรงขึ้นไปยังสวรรค์
“เต๋า!” มันแผดร้องออกมา เพียงแค่คำเดียวเท่านั้น แต่เมื่อมันพูดจบ ทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นสะเทือนไปมาอย่างรุนแรง พลังแห่งฟ้าดินอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ตกลงมา หมุนวนอยู่รอบๆ ตัวมัน สร้างเป็นพลังที่ผลักดันให้เมิ่งฮ่าวต้องอยู่ห่างออกไป ทำให้เขาไม่อาจจะเข้าไปใกล้มันได้
คนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ตัวเทียนอวิ๋นซ่างเหรินกำลังสั่นสะท้าน อยู่ภายใต้แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ ที่กดทับลงมาจากท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว
ฟางโส่วเต้าเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว มองขึ้นไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน และจากนั้นก็เริ่มอธิบายขึ้นอย่างช้าๆ “มองดูให้ดี นี่คือสิ่งที่เหมือนกับการก้าวเข้าไปในเต๋า เหล่าฟูบังคับให้มันทำเช่นนี้ เพื่อให้เจ้ามีโอกาสได้เห็นด้วยตนเองกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เมื่อถึงเวลา ประสบการณ์นี้จะมีประโยชน์ต่อเจ้าเป็นอย่างมาก อนาคตของเจ้าผูกติดอยู่กับอนาคตของตระกูลทั้งหมด”
“เต๋า!!” เทียนอวิ๋นซ่างเหรินแผดร้องออกมาอีกครั้ง เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา และแรงกดดันจากด้านบนก็เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน และระลอกคลื่นก็กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง เริ่มมองเห็นกฎธรรมชาติเป็นชั้นๆ รวมทั้งแก่นแท้อีกมากมาย
ลำแสงพุ่งออกมาจากเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ซึ่งกำลังพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ส่องประกายระยิบระยับมากขึ้นกว่าเดิม…
พลังของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินพุ่งขึ้นไป และแรงกดดันของฟ้าดินก็เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น ในตอนนี้ราวกับว่ามันกำลังเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งหมด ตอนนี้แม้แต่ฟางโส่วเต้าก็ไม่อาจจะต่อสู้กับมันได้
เมื่อไหร่ก็ตามที่ใครบางคนในวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณก้าวเข้าไปในเต๋า พวกมันก็จะไร้ผู้ต่อต้านไปโดยสิ้นเชิง
ในเวลาเดียวกันนั้นบุคคลผู้นั้นก็ไม่อาจจะทำอะไรเพื่อขัดขวางขั้นตอนนี้ได้ การพยายามกระทำใดๆ อาจจะมีผลต่อโอกาสความสำเร็จของพวกมัน!
ถ้าล้มเหลว…ก็ไม่อาจจะกล้ำกลืนได้!
“ยากที่จะบอกว่ามันจะสำเร็จหรือล้มเหลว…การก้าวเข้าไปในเต๋าเป็นเรื่องยากอย่างแท้จริง” ฟางโส่วเต้ากล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นขณะที่มองไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน แทบจะราวกับว่าเขากำลังมองเห็นตัวเองในอนาคต พยายามที่จะก้าวเข้าไปในเต๋า
“เต๋า!!!” เทียนอวิ๋นซ่างเหรินร้องตะโกนเป็นครั้งสุดท้ายออกมา ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน และกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ก็ม้วนตัวขึ้นมา ภายในกระแสน้ำวนนั้นปะทุขึ้นด้วยสายฟ้านับไม่ถ้วน และที่เกินไปกว่านั้นคือสิ่งที่เป็นเส้นทางปรากฏขึ้น
ยากจะบอกได้ว่าเส้นทางนั้นจะนำไปยังที่แห่งใด…
“นั่นคือเต๋า และเป็น…เส้นทางด้วยเช่นกัน!” ขณะที่เสียงของฟางโส่วเต้าดังก้องออกมา เทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็พุ่งตรงไป กำลังทะลวงผ่านออกไป ขณะที่มันพุ่งเข้าไปในกระแสน้ำวนและก้าวเท้าเข้าไปในเส้นทางนั้น
——————–
หมายเหตุ: 道 (จีนกลางออกเสียงว่าเต้า ไทยออกเสียงว่าเต๋า) แปลว่า เส้นทาง หนทางหรือถนน