Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1211

ตอนที่ 1211(จบภาค 7)

เซียนโบราณสร้างสะพานออกไปจากขุนเขาที่เก้า

อันที่จริงกระแสน้ำวนนั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยไห่เมิ่งจื้อจุน มันเป็นเส้นทางการเคลื่อนย้ายทางไกล ที่เกิดขึ้นอยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเลมานานมากแล้ว กล่าวกันตามหลักการแล้วใครก็ตามที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าก็สามารถจะเปิดมันออกมาได้ โดยมีข้อแม้ว่า…จะต้องจ่ายค่าตอบแทนในการใช้งานมัน

จริงๆ แล้วก็มีแต่ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่สามารถจะจ่ายค่าตอบแทนโดยพลการเช่นนั้นได้ ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าธรรมดาทั่วไป จะพยายามใช้พื้นฐานฝึกตนออกมาอย่างเต็มกำลัง ก็ยังไม่อาจจะเปิดเส้นทางเคลื่อนย้ายทางไกลโบราณนี้ได้

ดังนั้นเส้นทางนี้ส่วนใหญ่แล้วจะปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ใช้มัน ก็ไม่มีสิ่งร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้น แต่เส้นทางนั้นไม่ได้อยู่ภายใต้การปกป้องจากหนึ่งในวิชาเวทของไห่เมิ่งจื้อจุน มันเป็นแค่เส้นทางการเคลื่อนย้ายทางไกลเท่านั้น ดังนั้น…จึงอาจจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้

จึงเป็นที่แน่ใจได้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมานั้น เป็นสิ่งที่แม้แต่ไห่เมิ่งจื้อจุนก็ไม่ได้ตระหนักถึง

เดิมทีก็ไม่น่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับฉู่อวี้เยียน ถึงแม้ว่าวิญญาณของนางจะแตกกระจายไป ตราบเท่าที่นางกลับไปยังขุนเขาทะเลที่เก้า และมีเวลาพักฟื้นอย่างเพียงพอ นางก็จะกลับมาเป็นปกติได้ในที่สุด

แต่โชคร้าย…ในช่วงที่มีการเคลื่อนย้ายทางไกลอยู่นั้น มีใครบางคนปลดปล่อยเวทเรียกวิญญาณออกมา!

ถึงแม้ว่าจะมีผู้ฝึกตนมากมายสามารถใช้วิชาเวทเช่นนั้นได้ แต่ทั้งหมดนั้นก็แตกต่างกันออกไป ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน บางคนอาจจะมีผลกระทบกับพื้นที่เพียงแค่หนึ่งพันจ้างเท่านั้น บางคน…อาจจะสามารถปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักร!

จุดประสงค์ของมันคือค้นหาวิญญาณที่ออกมาและเก็บรวบรวมพวกมันไว้ด้วยกัน ซึ่งผู้ฝึกตนใช้ออกมาเพื่อสร้างเป็นอาวุธเวท

ในภาพที่สอง เมิ่งฮ่าวมองเห็นดินแดนขนาดใหญ่และสำนักแห่งหนึ่ง สำนักนั้นถูกสร้างอยู่ในหน้าผาสีดำ ที่ด้านบนมีตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัวถูกแกะสลักไว้

เฮยหุนจง! (สำนักวิญญาณมืด)

เมิ่งฮ่าวมองเห็นวิญญาณนับไม่ถ้วนอยู่ในที่แห่งนั้น รวมตัวกันเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ ที่ไหลตรงไปยังหน้าผาสีดำ และกระถางธูปที่กำลังดูดซับวิญญาณเข้าไป

ผู้ฝึกตนวัยกลางคนผู้หนึ่งมีใบหน้าที่ซีดขาว นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงด้านข้างกระถางธูป สีหน้ามันเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ความผันผวนจากพื้นฐานฝึกตนของมัน ทำให้บอกได้ว่ามันคือ…ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าสองแก่นแท้

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไป ก็เห็นวิญณาณหนึ่งดวงในท่ามกลางวิญญาณอื่นๆ ซึ่งก็คือ…ฉู่อวี้เยียน!

จุดสำคัญของเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋า แต่เป็นกระถางธูปใบนั้น ทำให้วิญญาณของฉู่อวี้เยียนถูกดึงออกมาจากอุโมงค์การเคลื่อนย้ายทางไกล

กระถางธูปนั้นถูกห้อมล้อมโดยศิษย์ของสำนักนั้นที่นั่งขัดสมาธิอยู่นับพัน เมื่อพวกมันโบกสะบัดแขนออกไป ขวดน้ำเต้าสีดำก็ลอยออกมาจากถุงสมบัติของพวกมัน และจากนั้นก็พ่นวิญญาณนับไม่ถ้วนออกมา

คาดไม่ถึงว่า วิญญาณส่วนใหญ่เหล่านั้น…เป็นวิญญาณของมนุษย์ธรรมดา!

เกิดเป็นเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนออกมา ขณะที่วิญญาณเหล่านั้นถูกกลั่นสกัดโดยกลุ่มผู้ฝึกตน การสังหารมนุษย์ธรรมดาไป เป็นสิ่งต้องห้ามอย่างร้ายแรงในอาณาจักรขุนเขาทะเล เป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่กล่าวประนาม!

 

นอกจากนั้นโลกของมนุษย์ธรรมดาคือพื้นฐานของทุกสรรพสิ่ง ถ้าผู้ฝึกตนปล่อยให้มีการเข่นฆ่ามนุษย์ธรรมดาอย่างชั่วร้าย เพื่อนำไปสร้างเป็นฐานรากของพวกมัน อาณาจักรขุนเขาทะเลคงจะพังทลายลงไปในที่สุด

อันที่จริงอาณาจักรขุนเขาทะเลมีข้อห้ามอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้ามีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น การลงทัณฑ์จากสวรรค์ก็จะตกลงมาราวกับเป็นสายฝน แต่ก็ไม่มีการลงทัณฑ์จากสวรรค์เกิดขึ้นอยู่ในสำนักเฮยหุนนี้!

ภาพที่เห็นนั้นแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ ไป และทุกสิ่งทุกอย่างก็จบสิ้นลง รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว กลายเป็นลมพายุพุ่งออกไป ขณะที่เขาลุกขึ้นมายืน

“สำนักเฮยหุนแห่งขุนเขาทะเลที่แปด! เมื่อกฎแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่ส่งทัณฑ์สวรรค์ลงไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเช่นไร ข้า…จะกลายเป็นทัณฑ์สวรรค์ให้กับพวกเจ้าเอง!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉู่อวี้เยียน และสิ่งที่สำนักเฮยหุนกำลังกระทำต่อวิญญาณของมนุษย์ธรรมดา ความโหดร้ายเช่นนั้นเป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะยอมรับได้

ต่อให้ต้องตายไป เขาก็จะกวาดล้างความชั่วร้ายนั้นไปให้จงได้!

กลิ่นอายอันน่ากลัวระเบิดออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต้องสั่นสะท้าน แม้แต่ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าแห่งเต๋าคุนหลุน ก็ยังต้องมองมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

ไม่มีใครรู้ว่าทำไมกลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ ถึงได้พุ่งออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าวอย่างฉับพลัน

เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ทำให้กลิ่นอายนั้นจางหายไป จากนั้นก็จ้องมองลงไปยังฉู่อวี้เยียน

ขณะที่มองไปนั้นก็สามารถจะบอกได้ว่าพลังลมปราณแห่งเต๋าคุนหลุน ถูกนำมารวมกันอยู่ในโลงศพนี้ ผ่านเข้าไปในร่างของฉู่อวี้เยียนทำให้ร่างกายนี้ไม่เน่าเปื่อยไป

พลังลมปราณของเต๋าคุนหลุนแตกต่างไปจากที่อื่นๆ เต็มไปด้วยพลังชีวิต และคงอยู่ในที่แห่งนี้มาเป็นเวลานาน ทำให้พลังชีวิตงอกเงยขึ้นมาตามธรรมชาติ และช่วยลดอัตราการเน่าเปื่อยของกายเนื้อลงไปอย่างเห็นได้ชัด

ตัวของโลงศพเองก็เป็นของวิเศษด้วยเช่นกัน ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋าคุนหลุน ทำให้กระบวนการเน่าเปื่อยเกิดขึ้นช้าลงไปอีก แต่ถ้าออกไปจากเต๋าคุนหลุน ก็จะเป็นการทำร้ายฉู่อวี้เยียน

เมิ่งฮ่าวรู้ดีว่าไม่อาจจะนำซากศพของนางไปได้ ไม่ใช่ว่าโดยพื้นฐานแล้วเขาไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ แต่น่าจะเป็นการดีที่สุดที่จะให้ฉู่อวี้เยียนอยู่ในที่แห่งนี้

ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้นมา และวางลงไปบนโลงศพ ปลดปล่อยวิชาเวทเป็นจำนวนมากออกมาอย่างเงียบๆ เพื่อผนึกมันไว้ เครื่องหมายระยิบระยับปรากฏขึ้นไปทั่วบนพื้นผิวของมัน ที่ปกคลุมโลงศพนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นกลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวเท่านั้น แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ…เป็นเจตจำนงแห่งราชันในอนาคตแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล

เพื่อให้มั่นใจว่าซากศพของฉู่อวี้เยียนจะไร้ซึ่งมลทินใดๆ

ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป ทำให้หยกเซียนจำนวนมากลอยออกไป เรียงซ้อนอยู่รอบๆ และปกคลุมโลงศพนั้นไว้ ก่อตัวขึ้นมาเป็นภูเขาหลุมฝังศพ!

หลุมฝังศพหยกเซียนจะช่วยปกป้องฉู่อวี้เยียนไว้อย่างสมบูรณ์ รวมเข้ากับกลิ่นอายที่โดดเด่นของเต๋าคุนหลุน ทำให้มั่นใจได้ว่าร่างนางจะยังคงถูกรักษาไว้ไปอีกนาน

เมื่อกระทำทั้งหมดนี้จนเสร็จสิ้น เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมืออีกครั้ง ทำให้…เกิดเป็นภูเขาหยกเซียนก่อตัวขึ้นมาอยู่ที่ด้านข้างของภูเขาแรก!

เมิ่งฮ่าวหันหน้าตรงไปยังปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าแห่งเต๋าคุนหลุน ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ “เต๋าคุนหลุน เมิ่งโหม่วหวังว่าคงจะไม่รบกวนจนเกินไปนัก ที่จะให้ร่างของฉู่อวี้เยียนถูกเก็บรักษาไว้เช่นนี้ โปรดถือว่าภูเขาหยกเซียนนี้เป็นคำขอบคุณจากเมิ่งโหม่ว!”

ชายชราโบราณมองไปยังภูเขาหยกเซียน แม้แต่มันก็ยังต้องตื่นตระหนกต่อภาพของหยกเซียนที่มากมายเช่นนี้ อันที่จริงเท่าที่ชายชราคิดในตอนแรก ฉู่อวี้เยียนคือศิษย์แห่งเต๋าคุนหลุน และการรักษาร่างกายของนางไว้ ก็ไม่ได้ใช้พลังลมปราณจากเต๋าคุนหลุนมากเท่าใดนัก

ตอนนี้ เมื่อมีการตอบแทนด้วยหยกเซียนทั้งหมดนี้…

ชายชรามองกลับไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่เศร้าหมองและพยักหน้าให้ จากนั้นก็กล่าวว่า “สหายน้อยเมิ่งฮ่าว โปรดวางใจได้ ตราบเท่าที่เหล่าฟูมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ สถานที่แห่งนี้จะเป็นเขตหวงห้ามในเต๋าคุนหลุน ไม่มีใครสามารถจะผ่านเข้ามาได้แม้แต่เพียงครึ่งก้าว โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากตานกุ่ย!”

เมิ่งฮ่าวโค้งตัวลงต่ำให้กับชายชราโบราณผู้นั้นอีกครั้ง เขารู้ดีว่าคำสัญญานี้สามารถจะเชื่อถือได้

“ขอบคุณมาก เมิ่งโหม่ว…รู้สึกเป็นหนี้เต๋าคุนหลุนตลอดไป!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นมาอย่างเงียบๆ เขาแทบจะไม่เคยเป็นหนี้ใครเลย แต่ตอนนี้เพื่อช่วยรักษาซากศพของฉู่อวี้เยียนไว้ เขายินดีที่จะทำเช่นนี้

ชายชรายิ้มตอบกับคำพูดของเมิ่งฮ่าว อันที่จริงสิ่งสำคัญมากที่สุดสำหรับมันในการแลกเปลี่ยนทั้งหมดนี้ก็คือ การเพาะเป็นความสัมพันธ์ที่ดีกับเมิ่งฮ่าว จึงกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นสหายน้อยเมิ่งฮ่าว…ท่านพบเห็นวิญญาณของฉู่อวี้เยียนแล้วหรือไม่?”

“พบแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา

“อยู่ที่ไหน?” ชายชราถาม

“ขุนเขาที่แปด ผู้อาวุโส ผู้เยาว์มีเรื่องที่ต้องไปกระทำ จึงขออำลาไปในตอนนี้เลย ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำวิญญาณของฉู่อวี้เยียนกลับมาให้รวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!” เมิ่งฮ่าวมองไปยังหลุมฝังศพหยกเซียน จากนั้นก็หันหลังและจากไป

เขารู้ดีว่าตนเองเป็นหนี้ฉู่อวี้เยียนเป็นอย่างมาก มากเสียจนกระทั่งไม่มีทางจะตอบแทนนางกลับไปได้…

การเดินทางไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าได้ถึงจุดสิ้นสุดไปแล้วในตอนนี้ เขาไม่มีอารมณ์ที่จะคิดไปถึงจุดหมายปลายทางต่อไปของตนเองอีก และไม่จำเป็นด้วยเช่นกัน ด้วยความต้องการสังหารสำนักเฮยหุนอย่างเต็มที่ เขาหมุนตัวกลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปจากเต๋าคุนหลุน

จิตใจเมิ่งฮ่าวถูกฉีกกระชากออกเป็นเสี่ยงๆ และเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังขุนเขาที่เก้า!!

ขุนเขาที่เก้าคือบ้านของตระกูลจี้ แต่ก็เป็น…บ้านของเซียนกู่เต้าฉ่าง (วิหารเต๋าเซียนโบราณ) ด้วยเช่นกัน!

เดิมทีเขาคิดว่าจะบินผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ออกไปจากขุนเขาทะเลที่เก้าตามลำพัง แต่ตอนนี้เหลือเวลาอยู่น้อยมาก สวี่ชิงสบายดีและปลอดภัยอยู่ในขุนเขาที่สี่ สามารถรอคอยเขาได้ แต่โชคร้าย…ที่วิญญาณของฉู่อวี้เยียนอาจจะถูกกลั่นสกัดไปได้ทุกเมื่อ ภายใต้เงื้อมมือของผู้ฝึกตนแห่งสำนักเฮยหุน…

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จิตใจเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม และรังสีสังหารในดวงตาก็ยิ่งระเบิดออกมามากขึ้น…

ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งห่างออกไปไกล ก็พึมพำขึ้นมาว่า “ภูเขาไร้กังวล จนกระทั่งหิมะสีขาวปกคลุมไปทั่ว แม่น้ำไร้ทุกข์โศก จนกระทั่งพื้นผิวเป็นรอยยับย่นด้วยสายลมที่พัดผ่านมา…”

 

บนยอดเขาของขุนเขาที่เก้าเป็นที่ตั้งของตระกูลจี้ ที่ห่างไกลออกไปตรงด้านล่างเป็นเซียนกู่เต้าฉ่าง เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าแห่งเซียนกู่เต้าฉ่างได้ทำนายไว้นานแล้วว่า เมิ่งฮ่าวจะต้องมา และยังได้กำหนดถึงเวลาที่เขาจะมาไว้อย่างแน่นอนอีกด้วย เมื่อเขามาถึง ผู้ฝึกตนทั้งหมดแห่งเซียนกู่เต้าฉ่างก็นั่งขัดสมาธิอยู่ในพื้นที่เขตจัตุรัส กำลังสวดมนต์ท่องคัมภีร์อยู่

กระถางขนาดใหญ่ถูกจัดตั้งไว้ตรงจุดกึ่งกลางของคนทั้งหมด มีความสูงถึงหนึ่งร้อยจ้าง เต็มไปด้วยกลุ่มควันที่ลอยม้วนตัวไปมา เพื่อก่อตัวเป็นตัวอักษร ‘仙’ (เซียน)

มองเห็นตัวอักษรนั้นได้อย่างเลือนลาง กระจายเป็นความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณออกมา ราวกับว่าถูกถ่ายทอดมาจากสมัยโบราณจนกระทั่งถึงยุคปัจจุบันนี้

ที่อยู่ใกล้กระถางมากที่สุดเป็นห้าชายชรา แต่ละคนอยู่ในอาณาจักรเต๋า ผู้ที่อยู่ตรงกลางมีเส้นผมที่ขาวโพลน และเป็นปรมาจารย์ที่ให้ความสนใจต่อเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างมาก ในช่วงที่เขาทำการทดสอบเมื่อหลายปีก่อน

และเป็นผู้ที่คาดคิดว่า…เมิ่งฮ่าวจะต้องเข้าสังกัดเซียนกู่เต้าฉ่างในที่สุด ท่านจัดเตรียมค่ายกลเวทอันยิ่งใหญ่ของเซียนกู่เต้าฉ่างไว้พร้อมแล้วเพื่อช่วยเมิ่งฮ่าว…เปิดเป็นเส้นทางไปสู่ขุนเขาที่แปด!

“เหล่าฟูรู้ว่าเจ้ามาทำไม…” ท่านกล่าว

“เซียนโบราณได้สร้างสะพานเชื่อมต่อจากที่แห่งนี้ไปยังขุนเขาที่แปด เดินผ่านสะพานนั้น…ผ่านเข้าไปในความว่างเปล่า ข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และอีกด้านก็จะเป็น…ขุนเขาที่แปด”

“เหล่าฟูหวังว่าการเดินทางไปที่นั่นของเจ้า…จะราบรื่นไร้อุปสรรคใดๆ” เมื่อท่านกล่าวจบ ก็ชี้นิ้วตรงไปยังกระถางขนาดใหญ่ ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าคนอื่นๆ ก็ขยับมือร่ายเวท และชี้นิ้วตรงไปยังกระถางด้วยเช่นกัน เสียงสวดมนต์จากศิษย์เซียนกู่เต้าฉ่างเริ่มดังมากขึ้น ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง กลายเป็นพลังแปลกๆ ที่ทำให้ขุนเขาที่เก้าต้องสั่นสะเทือนไปทั่ว แทบจะราวกับว่ามีพลังอันมหาศาลบางอย่าง ที่อยู่ภายในขุนเขาที่เก้าเอง กำลังตอบรับกับกระถางใบนี้…

เพื่อระเบิดออกไป!

เพื่อกลายเป็นสะพาน!

มันเป็นสะพานที่พุ่งผ่านความว่างเปล่าออกไป เป็นกระแสน้ำวนอันยิ่งใหญ่ที่เชื่อมต่อขุนเขาที่แปดและขุนเขาที่เก้า ผ่านเกราะป้องกันที่แบ่งแยกพวกมัน เป็นสะพานอันโอ่อ่าเกรียงไกร ส่องแสงระยิบระยับอย่างไร้ขอบเขตออกมา

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็โค้งตัวลงต่ำให้กับคนทั้งหมดในเซียนกู่เต้าฉ่าง เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งต่อสิ่งที่พวกมันกำลังกระทำอยู่นี้ และความรู้สึกนี้ก็ทำให้เขาต้องโค้งตัวลงอยู่หลายอึดใจ จากนั้นก็มองขึ้นและก้าวตรงไปบนสะพาน!

เมิ่งฮ่าวเดินขึ้นไปบนสะพานเข้าไปในสู่กระแสน้ำวนในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมื่อผ่านเข้าไป มันก็นำเขา…จากไปไกล ไกลมากๆ!

นี่คือ…สะพานที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเซียนโบราณ!

เพื่อออกไปจากขุนเขาที่เก้า!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!