ตอนที่ 1415
ร่างเต๋าไร้สิ้นสุด
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ซึ่งยืดยาวออกไปตรงด้านบนดาวครึ่งดวงสั่นสะท้าน เมื่อพลังอันไร้ขอบเขตแห่งฟ้าดินพุ่งเข้าไปในกระถางขนาดใหญ่ ปรมาจารย์ทั้งเจ็ด รวมทั้งชายชราในชุดยาวสีม่วงทอง มีสีหน้าที่ดูน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องพูดถึงความสูญเสียจากพลังการฝึกตนของพวกมัน ที่เกิดขึ้นในตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าต้นสมุนไพรทั้งหมดที่พวกมันมีอยู่ ถูกโยนเข้าไปในกระถางจนหมดสิ้นแล้ว แต่ซากศพเมิ่งฮ่าว…ก็ยังไม่ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์
“หลุม! เหล่าฟูคิดว่าที่อยู่ข้างในกระถางนั่นไม่ใช่ซากศพ แต่เป็นหลุมที่ไร้ก้น!” จิตใจพวกมันเต็มไปด้วยความปวดร้าว แต่เจ้าสำนักที่อยู่ในส่วนลึกตรงไหนสักแห่งของดินแดนแถบนั้น ก็ไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าจะหยุดในตอนนี้ก็คงเป็นสิ่งที่เลวร้ายสำหรับพวกมันเป็นอย่างยิ่ง จึงต้องกล้ำกลืนต่อความเจ็บปวดใจ ดำเนินการต่อไป
แต่เมิ่งฮ่าวกลับตรงกันข้าม รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม ราวกับเป็นมัจฉาที่ได้กลับคืนไปสู่สายน้ำ อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูกลับคืนมาโดยสมบูรณ์ ความไม่เสถียรมั่นคงก็หายไปจนหมดสิ้น
แต่เมิ่งฮ่าวก็ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้พลังแห่งฟ้าดินจำนวนมากต้องสูญเปล่า โดยที่ไม่ต้องพูดถึงต้นสมุนไพรในตำนานทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งสูญพันธุ์ไปหมดแล้วในอาณาจักรขุนเขาทะเล เมิ่งฮ่าวตกอยู่ในขั้นตอนของการชุบตัวใหม่อย่างต่อเนื่อง กายเนื้อกำลังมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น และพื้นฐานฝึกตนก็กำลังพุ่งทะยานขึ้นไป
ตะเกียงวิญญาณกำลังลุกไหม้ขึ้นมาด้วยแสงอันเจิดจ้ากว่าก่อนหน้านี้ ขณะที่ทำการดูดซับพลังแห่งฟ้าดิน และวัตถุดิบอันล้ำค่าเข้าไป ขณะที่ตะเกียงมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ก็ช่วยให้เมิ่งฮ่าวก้าวหน้าขึ้นไป เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าเหลือเชื่อขึ้น ทำให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อขั้นตอนนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ร่างกายเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งมีความเหมาะสมมากขึ้นไปเรื่อยๆ…ทำตัวเหมือนกับเป็นเส้นโลหิตที่คอยหล่อเลี้ยงตะเกียงสัมฤทธิ์!
ก่อนหน้านี้ร่างกายของเมิ่งฮ่าวมีความเหมาะสมกับตะเกียงวิญญาณทั้งสามสิบสามดวงเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นหนทางที่สามารถจะใช้พลังของตะเกียงสัมฤทธิ์ออกมาได้!
ขั้นตอนการสร้างขึ้นมาใหม่นี้ เส้นลมปราณจำเป็นต้องถูกทำลายลงไปและจากนั้นก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แสงไฟจากตะเกียงสัมฤทธิ์ได้สร้างเส้นลมปราณของเขาขึ้นมาใหม่ ให้กระจายออกไปทั่วทั้งร่าง เส้นโลหิตใหม่ยืดยาวออกไป และทำให้หัวใจมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น ทุกส่วนในร่างกายต่างก็ได้รับผลกระทบ จนกระทั่งเริ่มส่องประกายคล้ายกับเป็นอัญมณีอันล้ำค่า!
แม้แต่ความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณก็ปรากฏขึ้นมา ขณะที่ร่างกายเมิ่งฮ่าวเริ่มกลายเป็นศิลาอันล้ำค่าจากยุคสมัยโบราณ ดูเหมือนว่าจะมีเต๋าแห่งบรรพกาลที่ปั่นป่วนวุ่นวายเต็มอยู่ในร่าง แทรกซึมเข้าไปในทุกส่วนของเลือดเนื้อ และหมุนวนไปมาอยู่ตลอดเวลา
ร่างกายเมิ่งฮ่าวดูเหมือนว่าจะมีความเก่าแก่โบราณมากขึ้น มีกลิ่นอายแห่งบรรพกาลมากขึ้น และเวลาเดียวกันนั้นก็ดูเยาว์วัยมากขึ้นด้วยเช่นกัน!
ในขณะที่เมิ่งฮ่าวกำลังเปลี่ยนแปลงไปด้วยตะเกียงสัมฤทธิ์ ก็มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นอยู่ที่พื้นดินด้านล่างซึ่งมีดาวครึ่งดวงอยู่ สามารถจะมองเห็นทะเลสีแดงเข้มอยู่ตรงนั้น
มันไม่ใช่โลหิต แต่ถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งที่ประกอบไปด้วยธาตุไฟอันทรงพลัง ภายในทะเลแห่งเปลวไฟสีแดงเข้มนั้น เป็นกระดองเต่าขนาดใหญ่ ชายชราผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงด้านบน
กระดองเต่าคล้ายกับเป็นเครื่องหมายผนึก ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังสะกดข่มสิ่งที่อยู่ด้านล่างของทะเลแห่งเปลวไฟสีแดงเข้มนั้น เปลวไฟพลุ่งพล่านปั่นป่วน และมีลำแสงไหลซึมขึ้นมาจากด้านล่างเป็นระยะ ราวกับว่าสิ่งที่ถูกผนึกอยู่ด้านล่างกำลังพยายามจะทะลวงผ่านออกมา
ใบหน้าของชายชราซีดขาว ขณะที่ใช้พลังทั้งหมดรักษาการสะกดข่มของผนึกไว้ เนื่องจากความพยายามอย่างแข็งขันของมัน ทำให้ไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกด้านนอก
มันไม่รู้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มรดกบรรพบุรุษตรงด้านล่างทะเลแห่งเปลวไฟได้พลุ่งพล่านขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในอดีตที่ผ่านมามันมักจะมีชีวิตชีวาในทุกชั่วขณะอยู่เป็นระยะ แต่เหตุการณ์เช่นนั้นจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
แต่ครั้งนี้กลับตรงกันข้าม มันยังคงพลุ่งพล่านขึ้นมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว!
เมิ่งฮ่าวที่อยู่ตรงด้านบนยังคงตกอยู่ในขั้นตอนของการดูดซับอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศที่เก่าแก่โบราณเกี่ยวกับตัวเขาเริ่มมองเห็นได้อย่างเด่นชัดมากขึ้น และทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงด้านบนส่งเสียงดังกระหึ่มอย่างรุนแรง เมื่อความผันผวนพุ่งกระจายออกไปยังส่วนที่เหลือของดาวชางหมาง!
ฟ้าสะเทือนกลุ่มเมฆลอยม้วนตัวไปมา ถ้ามองมาจากที่ห่างไกลก็จะดูเหมือนว่ากระแสน้ำวนที่บิดเบี้ยวไปมาเป็นชั้นๆ ได้ปรากฏขึ้นอยู่ที่ด้านบนของดาวชางหมาง!
สองพี่น้องอวิ๋นซานและอวิ๋นฟงไม่อาจจะมองเห็นถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ถ้าพวกมันสามารถจะมองเห็นได้ อวิ๋นฟงก็คงจะนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เคยมองเห็นตอนที่อยู่บนยานบิน!
สิ่งที่แตกต่างกันก็คือว่าบนยานบินมีขนาดเล็ก ในขณะที่บนดาวชางหมาง…มีขนาดใหญ่มหาศาล!
ตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้ฝึกตนที่เดินทางมายังดาวชางหมางอดที่จะรู้สึกว่ากำลังมีสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้นอยู่อย่างช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครึ่งเดือนก่อน ตลอดช่วงเวลานั้นกระแสน้ำวนที่บิดเบี้ยวไปมาได้ปรากฏขึ้นตรงด้านนอกของดวงดาว ใครก็ตามที่เข้าไปใกล้จะพบว่าร่างกายของตนเองกำลังแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว ความจริงอันน่ากลัวนั้นทำให้น้อยคนนักที่จะกล้าเข้าไปใกล้กระแสน้ำวนนั้น
แม้แต่กลุ่มหมอกแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตในบริเวณนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน และเริ่มไหลออกไปอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดผลกระทบนั้นก็เริ่มขยายตัวออกไปเป็นวงกว้าง ถ้าสามารถจะมองลงมายังความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตจากตำแหน่งที่สูงมากที่สุด ก็จะเห็นว่าดาวชางหมางคล้ายกับเป็นหลุมดำโดยสิ้นเชิง
หลุมดำนั้นถูกปกคลุมด้วยกระแสน้ำวนที่กำลังหมุนวนไปมาอย่างช้าๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อพื้นที่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด และเมื่อเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ!
ตรงด้านนอกในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต สิ่งมีชีวิตที่แปลกๆ นับไม่ถ้วนกำลังสั่นสะท้านอยู่ในตอนนี้ เมื่อพวกมันจ้องมองไปยังทิศทางของดาวชางหมาง ก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่น่าหวาดกลัวค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากในที่แห่งนั้นอย่างช้าๆ!
เวลาผ่านไป สองเดือนต่อมา ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ทั้งเจ็ดแทบจะหมดความอดทนไปแล้ว พวกมันปลดปล่อยพลังการฝึกตนออกมาอย่างเต็มกำลัง และใช้วัตถุดิบอันล้ำค่าเท่าที่มีไปจนหมดสิ้น ตอนนี้พลังของพวกมันเหือดแห้งหายไปและว่างเปล่า แต่ร่างของเมิ่งฮ่าวที่อยู่ในกระถางก็ยังคงแห้งกรัง ถึงแม้จะดูเหมือนว่าดีขึ้นเล็กน้อยก็ตามที
“บัดซบ นี่มันคืออะไรกัน? ทำไมซากศพนี้ถึงได้ดูดกลืนทรัพยากรไปเป็นจำนวนมากเช่นนี้!”
“ทรัพยากรทั้งหมดเหล่านั้นต่างก็ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!?!?”
“บ่นไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเราต้องระเบิดพลังออกไปให้มากที่สุดเพื่อฟื้นฟูซากศพนี้ มิเช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาต้องสูญเสียเปล่า!” เจ็ดผู้ยิ่งใหญ่กัดฟันแน่นอย่างหมดหนทาง เหมือนกับคำกล่าวที่ว่าเมื่ออยู่บนหลังพยัคฆ์แล้ว ก็ยากที่จะลงมาได้ พวกมันหยิบแผ่นหยกขึ้นมาและส่งข้อความออกไป ในที่สุดลำแสงมากมายก็ปรากฏขึ้นจากอาณาเขตหลักของสำนัก ขณะที่ผู้ฝึกตนนำวัตถุดิบอันล้ำค่ามาใส่ลงไปในกระถางยักษ์มากขึ้น
“นี่คือหลงเยี่ยจือ (ใบหนวดมังกร)…ทั้งสำนักพวกเรามีอยู่เพียงแค่เจ็ดเหลี่ยง (1 เหลี่ยง = 50 กรัม) เท่านั้น!”
“ทำไมต้องนำซงเสินกั่ว (ลูกสนเทพ) มาด้วย? นี่…นี่…ไม่เป็นไร, ไม่เป็นไร!” เจ็ดผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง ช่วงเวลาสั้นๆ แค่หกเดือนเท่านั้น วัตถุดิบอันล้ำค่าที่พวกมันใช้เวลานับไม่ถ้วนเก็บรวบรวมมาเพื่อสำนัก ต้องหายเข้าไปในกระถางจนแทบจะหมดสิ้น
กระถางส่งเสียงดังกระหึ่ม ความจริงแล้วร่างกายเมิ่งฮ่าวที่อยู่ด้านในได้เปลี่ยนจากสถานะที่แห้งกรังไปแล้ว แต่เขากำลังสะกดข่มมันไว้อย่างต่อเนื่อง รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมากมายของตนเอง
กายเนื้อของเมิ่งฮ่าวกำลังแข็งแกร่งขึ้น และพื้นฐานฝึกตนก็กำลังพุ่งทะยานขึ้นไป ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเสถียรคงที่ ภายในวัตถุดิบอันล้ำค่าเหล่านั้นมีบางอย่างที่ถือได้ว่าเป็นแก่นแท้ของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง เมื่อสิ่งของเหล่านั้นหลอมรวมเข้าไปในหน้าผากของเมิ่งฮ่าว เครื่องหมายผนึกก็ค่อยๆ เต็มไปด้วยพลังแก่นแท้มากขึ้น
ร่างกายเมิ่งฮ่าวกำลังถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยสิ้นเชิง เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์แบบ!
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจด้วยความตกตะลึง “ข้าไม่อาจจะคงอยู่เช่นนี้ได้ต่อไปอีกแล้ว…คนเหล่านั้นช่างโง่เขลานัก! พวกมันโยนลงมามากไป จนแม้แต่ตะเกียงสัมฤทธิ์ก็ยังไม่อาจจะดูดกลืนได้รวดเร็วพอ”
เวลาผ่านไปอีกครึ่งเดือน ตรงด้านนอกกระถาง จิตใจของเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่เริ่มลุกโชนขึ้นด้วยโทสะ ทรัพยากรของชางหมางพ่ายถูกใช้ออกมามากขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้พลังแห่งฟ้าดินในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกำลังแสดงให้เห็นถึงสัญญาณแห่งการเหือดแห้งหายไป เจ็ดผู้ยิ่งใหญ่ไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป
“บัดซบ! พอกันที! เหล่าฟูจะลากซากศพนั้นออกมาผ่าดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่!”
“นี่ไม่ใช่ผู้ฝึกตน และต้องไม่ใช่เมิ่งฮ่าวอย่างแน่นอน! ก่อนหน้านี้ข้าเคยตรวจสอบเมิ่งฮ่าวดูแล้ว มันเป็นผู้ฝึกตน ร่างนี้ต้องเป็นอสูรกลืนฟ้าอย่างแน่นอน!”
“พอกันที!!” เจ็ดผู้ยิ่งใหญ่ไม่อาจจะระงับโทสะได้อีกต่อไป ต่างก็พุ่งตรงไปยังกระถางยักษ์ แต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้เข้าไปใกล้ ตัวกระถางเองก็เริ่มส่งเสียงดังกระหึ่มราวกับเสียงฟ้าร้องคำรามออกมา พลังแห่งฟ้าดินหยุดการเคลื่อนไหวพุ่งตรงมา และน้ำยาสมุนไพรก็สงบนิ่งไปโดยสิ้นเชิงในทันที
จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากภายในกระถางที่กำลังสั่นไหวไปมาอย่างช้าๆ ลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ กระจายเป็นแรงกดดันอันน่าตกใจออกมาจนเต็มไปทั่วทั้งดวงดาว และยังได้กระจายออกเป็นวงกว้างมากไปกว่านั้น ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเหนือดาวชางหมางแวบประกายขึ้นด้วยสีสันแปลกๆ
ในตอนนี้เองที่สิ่งแวดล้อมซึ่งบิดเบี้ยวไปมาอยู่รอบๆ ดาวชางหมางเริ่มกระจายออกไปเป็นวงกว้างและห่างไกลมากขึ้น เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องขึ้นเมื่อกลุ่มหมอกที่อยู่ในกระแสน้ำวนอันไร้ขอบเขต ได้รับผลกระทบพร้อมกันหลายอาณาเขต
สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนร้องตะโกนออกมา และเริ่มสั่นสะท้านขณะที่มองไปด้วยความหวาดกลัวยังสิ่งที่ยืดขยายออกมาอยู่ตรงหน้า
แม้แต่เงาร่างที่เก่าแก่โบราณซึ่งชางหมางพ่ายไม่กล้าจะไปตอแยด้วย ก็ยังต้องตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล ด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“ร่างเต๋า…ไร้สิ้นสุด…”
เสียงกระหึ่มดังกึกก้องไปทั่วทั้งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ขณะที่เต็มไปด้วยกระแสน้ำวนขนาดใหญ่อย่างที่ไม่อาจจะอธิบายได้ กลิ่นอายอันน่าตกใจมากมายพุ่งขึ้นมาจากอาณาจักรเทพ มองออกไปยังที่ห่างไกลด้วยสีหน้าที่หมองคล้ำและตกตะลึง
เหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นอยู่ในอาณาจักรมารเช่นเดียวกัน กระแสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มากมายมองออกไปยังที่ห่างไกลด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ภายในกระแสน้ำวนโลงศพสีเขียว ปีกของผีเสื้อกระพือขึ้นลง ขณะที่กลุ่มหมอกแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตไหลผ่านเข้ามาในโลกของผีเสื้อ และผู้คนมากมายก็รับรู้ได้
บนยอดเขาที่สูงมากที่สุด หยดน้ำตาไหลลงมานองหน้าสวี่ชิง และนางก็ยิ้มออกมา
“ข้าเพิ่งจะรู้สึกถึงมันได้…ท่านอยู่ที่ด้านนอกนั่น…”
ขณะที่เหตุการณ์อันน่าตกใจนี้เกิดขึ้นอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ย้อนกลับไปยังดาวครึ่งดวงที่อยู่ภายในดาวชางหมาง เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่น กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจในท่ามกลางเหล่าศิษย์ของชางหมางพ่ายที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น
แม้แต่กลิ่นหอมบางอย่างก็ยังได้กระจายออกมาจากร่างของเมิ่งฮ่าวอีกด้วย และร่างกายก็ดูเหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาจากอัญมณีอันล้ำค่าอย่างแท้จริง มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนเดิม แต่ในแง่ของภาพลักษณ์ทั้งหมดแล้ว ก็ดูแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ใครก็ตามที่มองมายังเมิ่งฮ่าวก็จะต้องสั่นสะท้าน ราวกับว่าพวกมันเพิ่งจะมองเห็นของวิเศษอันล้ำค่ามากที่สุด!
สำหรับผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ทั้งเจ็ด พวกมันก้าวเดินตรงมา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่ทำการตรวจสอบดูเมิ่งฮ่าว