Skip to content

A Will Eternal 1025

บทที่ 1025 ตะเกียงอมตะ

กระบี่ผลึกใสจำนวนนับไม่ถ้วนผุดพุ่งขึ้นมาจากมหาสมุทรทงเทียนที่เกาะตัวเป็นผลึกน้ำแข็ง ทะยานจากสี่ด้านแปดทิศจนเกิดเสียงแหวกอากาศที่ดังกึกก้องเกินทุกสรรพสำเนียงบนโลกใบนี้

กระบี่ผลึกใสแต่ละเล่มสะท้อนแสงพร่างพราวเจิดจ้า ส่องให้โลกทั้งใบสว่างไสวโชติช่วง นักพรตทงเทียนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ลมหายใจหอบหนัก ในหัวใจมีคลื่นยักษ์ถาโถมขึ้นมาเป็นครั้งแรก

ต่อให้จะเข้าใจวิชาอภินิหารของบทอมตะเป็นอย่างดี ทว่าวิชาแห่งเต๋าที่ร่ายออกมาจากมือของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ก็ยังคงทำให้จิตใจของนักพรตทงเทียนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

แล้วก็เพราะรู้ดีถึงพลังของวิชาแห่งเต๋าจากบทอมตะ ดังนั้นเขาจึงกระจ่างแจ้งถึงความแตกต่างระหว่างบทอมตะกับวิชาอื่น ขณะที่ฝึกวิชาล้ำโลกวิชานี้ วิชาแห่งเต๋าอันเป็นวิชาอภินิหารจะถูกจำแลงออกมาได้ด้วยตัวเองตามความคิดของผู้ที่ฝึก!

ความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ วิชาแห่งเต่าที่จำแลงออกมาก็ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ต่อให้เขาจะศึกษาบทอมตะมานานมากพอแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชินกับวิชาแห่งเต๋าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายออกมาในยามนี้อยู่ดี!

“วิชาแห่งเต๋าของป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้…สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไรกันแน่!”

นักพรตทงเทียนไม่กล้าดูถูกอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่ารอบด้านมีกระบี่ผลึกใสพุ่งเข้ามาแบบมืดฟ้ามัวดิน เขาก็เตรียมจะถอยหนี

ทว่าความเร็วของกระบี่ผลึกใสพวกนั้นกลับมีมากกว่า พวกมันฟันฝ่าอสนีสวรรค์มาตลอดทางพร้อมเสียงอึกทึกอื้ออึง พริบตาเดียวก็ขยับเข้ามาใกล้

นักพรตทงเทียนสีหน้าตึงเครียด มือทั้งคู่ทำมุทราแล้วโบกออกไป สายฟ้าจากเจิ้นกงของเขาเยื้องกรายลงมาเยือนอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้โจมตีป๋ายเสี่ยวฉุน แต่โอบล้อมอยู่รอบด้านแล้วก่อตัวขึ้นเป็นม่านสายฟ้าที่สกัดกันกระบี่ผลึกใส

เสียงตูมตามดังเขย่าคลอนฟ้าดิน มองไปไกลๆ จะเห็นได้ว่ากระบี่ผลึกใสหลายสิบล้านจนถึงหลายร้อยล้านเล่มขยับเข้ามาใกล้และพุ่งชนม่านสายฟ้าอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้เสียงกัมปนาทดังกังวานไม่ขาดสาย ฟ้าดินสั่นไหว แม้แต่เวทสายฟ้าจากประตูแห่งเต๋าเจิ้นกงที่แข็งแกร่งก็ยังอ่อนกำลังลงอย่างชัดเจน สายฟ้ายิ่งเบาบางลง แต่กระนั้นก็ยังสกัดกั้นการจู่โจมจากกระบี่ผลึกที่มาจากแปดทิศไว้ได้

แม้กระบี่ผลึกจำนวนเหลือคณานับนี้จะแตกทลายไปเพราะการสกัดกั้นของม่านสายฟ้า แต่กลับไม่ได้สลายหายไป

พวกมันมากองกันอยู่เบื้องใต้ร่างของนักพรตทงเทียน จนกระทั่งเหมือนจะกลายมาเป็นแท่นฐานที่ตั้งตระหง่านอยู่บนมหาสมุทรทงเทียน!

แท่นฐานนี้เกิดจากการประกอบกันของกระบี่ผลึกใสที่แตกทลาย ยิ่งนานก็ยิ่งสูง จนกระทั่งเริ่มตระหง่านขึ้นไปยังท้องฟ้า และในที่สุดม่านสายฟ้าของเทียนจุนที่โอบล้อมอยู่รอบด้านก็แตกออก กระบี่ผลึกใสที่มาจากแปดทิศก็ได้ถูกการขวางกั้นทำลายให้แตกสลายทั้งหมดเช่นกัน ทว่าบัดนี้…พวกมันกลับมารวมตัวกันเป็นแท่นฐานที่สูงราวเสาค้ำฟ้าอยู่เบื้องใต้ฝ่าเท้าของนักพรตทงเทียน!

“ป๋ายเสี่ยวฉุน นี่น่ะหรือวิชาแห่งเต๋าของเจ้า!” ลมหายใจของนักพรตทงเทียนเริ่มไม่มั่นคง ทว่าดวงตากลับโชนแสงคมกริบ ประกายสายตาของเขาแฝงเร้นไว้ด้วยพลานุภาพแห่งฟ้าดิน ราวกับว่าทุกวิชาแห่งเต๋าล้วนมิอาจเขย่าคลอนเขาได้ และเขายังคงยืนตระหง่านอยู่เหนือแท่นฐานได้อย่างสง่างาม

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองนักพรตทงเทียนด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะยกมือขวาขึ้นแล้วชี้ไปยังท้องฟ้า!

“ม่านฟ้าคือผ้าคลุม!”

วินาทีที่คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนหลุดพ้นจากริมฝีปาก นภากาศก็มีเสียงกัมปนาทส่งผ่านมา แล้วจู่ๆ ก็มีเงาทับซ้อนพร่าเลือนปรากฏขึ้น ราวกับว่าเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนชี้นิ้วไป ท้องฟ้าก็ได้แบ่งออกเป็นหลายชั้น ครั้นจึงแปรเปลี่ยนมาเป็นผ้าผืนใหญ่ผืนหนึ่ง ซึ่งผ้าผืนนี้ก็ได้แบ่งออกไปอีกเป็นหลายชั้น!

พริบตาเดียว ม่านฟ้าชั้นแรกก็เยื้องกรายลงมาแผ่ปิดทับไปที่นักพรตทงเทียน!

ม่านฟ้าชั้นแรกนี้มองด้วยตาเปล่าได้ไม่ชัดเจนนัก แค่เห็นว่าสรรพสิ่งที่อยู่รอบด้านล้วนตกอยู่ในสภาวะบิดเบือน นาทีที่ม่านฟ้าซึ่งเหมือนจะกึ่งโปร่งแสงแผ่คลุมลงมา เทียนจุนก็หน้าเปลี่ยนสีไปอีกครั้ง มือรีบทำมุทราเปิดประตูแห่งเต๋าซุ่นกงออก ทันใดนั้นลมพายุสีดำทะมึนก็ระเบิดซัดไปรอบด้าน หวังจะสกัดกั้นการปกคลุมของม่านฟ้า

ทว่าเขาเพิ่งจะร่ายเวท ในท้องฟ้ากลับมีม่านฟ้าชั้นที่สอง ชั้นที่สามทยอยกันร่วงลงมา และเมื่อม่านฟ้าร่วงลง นภากาศทั้งผืนก็ยิ่งบางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งม่านฟ้าชั้นที่แปดหลุดผลั๊วะลงมาทับซ้อนกับชั้นก่อนหน้านี้ก็ได้กลายมาเป็นตราผนึกที่กลบทับนักพรตทงเทียน ปกคลุมไปทั่วทั้งมหาสมุทรทงเทียนไว้ภายใน!

ทอดสายตามองออกไป นักพรตทงเทียนที่ยืนอยู่บนแท่นผลึกใสในมหาสมุทรทงเทียน รอบกายเขามีพายุทมิฬพัดกระหน่ำคล้ายกำลังดิ้นรนหมายจะฝ่าออกไป ทว่าแปดทิศกลับถูกปกคลุมไปด้วยผ้าคลุมขนาดใหญ่ยักษ์ผืนหนึ่งซึ่งประกอบกันขึ้นมาจากม่านฟ้าทั้งแปดชั้น!

ผ้าคลุมนี้ก็คือม่านฟ้าที่ถูกเฉือนออกมา ไม่ได้เป็นสีฟ้า แต่เป็นสีเทาซีดโปร่งแสง และเมื่อนภากาศถูกเฉือนออกไปเกินครึ่ง ท้องฟ้าจึงกลายมาเป็นกึ่งโปร่งใส ทั้งยังถึงขั้นพอจะมองเห็นความว่างเปล่าอันมืดมิดด้านหลังม่านฟ้าได้รำไร!

ลมหายใจของนักพรตทงเทียนเริ่มกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น วิกฤตและความไม่สบายใจที่รุนแรงขุมหนึ่งทำให้เขาต้องแผดเสียงคำรามกร้าวออกไป พายุดำทะมึนหมุนคว้างพัดโถมไม่หยุด หมายจะพาเขาฝ่าออกไปจากตรงนี้ ทว่าในเวลาสั้นๆ นี้กลับยังทำไม่สำเร็จ

และขณะที่จิตวิญญาณของนักพรตทงเทียนถูกสั่นคลอนนั้นเอง

สายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเปลี่ยนมาเป็นเยียบเย็น มือซ้ายยกขึ้นแล้วชี้ไปอีกครั้ง ปากก็เปล่งเสียงราวอสนีบาตที่ดังสะเทือนฟ้าออกมา

“อายุยืนยาวหมื่นปี!” ชั่วขณะที่สี่คำนี้หลุดออกมาจากปากของป๋ายเสี่ยวฉุน ปราณอมตะในร่างของเขาก็ระเบิดตูม ทันใดนั้นทั่วทุกพื้นที่ในโลกใบนี้ก็มี…อักษรคำว่าอายุยืนจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า!

อักษรคำว่าอายุยืนแต่ละตัวล้วนพกพาปราณอมตะของป๋ายเสี่ยวฉุนไว้ด้านใน อักษรพวกนี้มีทั้งเล็กมีทั้งใหญ่ จำนวนมากมายจนยากจะพรรณนา แค่มองปราดๆ ก็เห็นได้ว่ามันไม่น้อยไปกว่ากระบี่ผลึกใสก่อนหน้านี้เลย!

เพิ่งจะปรากฏตัวก็พุ่งทะยานเกริกก้องเข้าไปยังผ้าคลุมม่านฟ้าที่ปกคลุมนักพรตทงเทียนเอาไว้ เพียงแค่พริบตาเดียวก็ทยอยกันไปปรากฏตัวอยู่บนผ้าคลุม ไม่ได้ลอดทะลวงเข้าไปหานักพรตทงเทียน แต่นาบประทับลงไปด้านในของผ้าคลุม!

เมื่อการนาบประทับเกิดขึ้นก็เห็นได้ว่าอักษรคำว่าอายุยืนดารดาษเหล่านั้นล้วนแผ่ปราณที่น่าครั่นคร้ามออกมา ทำให้ม่านฟ้าเหมือนถูกปลุกเสก พลังการผนึกที่อยู่ด้านในจึงยิ่งแข็งแกร่งจนเหนือขีดจำกัดบางอย่างไปแล้ว

ส่วนนักพรตทงเทียนที่อยู่ด้านใน บัดนี้ลมหายใจของเขายิ่งหอบกระชั้น ความกระวนกระวายในใจระเบิดปะทุไม่หยุดยั้ง เขามีลางสังหรณ์อย่างแรงกล้าว่าหากตนออกไปจากผ้าคลุมม่านฟ้าผืนนี้ไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นก็จะต้อง…พบเจอกับอันตรายที่ร้ายแรง!

“ต้องออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!!” เทียนจุนพลันถลาออกมาหวังจะฝ่าออกไปให้ได้ แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีการไหนก็ล้วนยากที่จะทำลายตราผนึกออกไปในเวลาสั้นๆ วิกฤตคับขัน เทียนจุนคำรามกร้าว ทำมุทราแล้วเปิดประตูแห่งเต๋าหลีกงออกมา

หลีกงคือธาตุไฟ วินาทีที่ถูกร่ายใช้ เปลวเพลิงก็ลุกโชติช่วงอยู่รอบกายนักพรตทงเทียน เปลวไฟคุโชนเดือดพล่านลามเลียไปรอบด้านพร้อมเสียงครืนครั่น ราวกับต้องการเผาอุปสรรคทั้งหมดที่ขัดขวางให้มอดไหม้เป็นเถ้าธุลี

และเวลานี้ ปราณสังหารในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเข้มข้น เขามองเมินม่านฟ้าที่ถูกไฟลุกท่วม เพียงยกมือขวาขึ้นอีกครั้งแล้วชี้ไปยังเทียนจุนที่ถูกปิดผนึก

“ชีวิตเจ้าเป็นเทียนไข!!”

ชั่วขณะที่คำพูดนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนจบลง เสียงกัมปนาทสะเทือนเลือนลั่นปฐพีก็ระเบิดตูมอยู่ในม่านฟ้าและในกายของนักพรตทงเทียนที่ยืนอยู่บนแท่นผลึกใส!

หลังการระเบิด นักพรตทงเทียนพลันแผดเสียงคำรามแหบโหยด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเขาแดงฉาน ผมเผ้ายุ่งเหยิง มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า…ร่างของเขามีขี้ผึ้งชั้นหนึ่ง…ฉาบทับลงไป!!

ขี้ผึ้งนี้เป็นสีขาวซีด ยามนี้กำลังแผ่ขยายลุกลามไปทั่ว และเวลาเพียงชั่วกะพริบตาก็แผ่ปกคลุมไปอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังหนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้ความไม่เป็นสุขของเทียนจุนระเบิดปะทุถึงขีดสุด เขากระแทกตบะในร่างให้กลายมาเป็นการโจมตีที่ซัดไปสี่ทิศพลางคำรามดุดัน

“ประตูแห่งเต๋า ตุ้ยกง!”

ตุ้ยกงไม่ใช่น้ำ แต่เป็นหนองน้ำ!!

วินาทีที่นักพรตทงเทียนเอื้อนเอ่ย ขี้ผึ้งสีขาวที่ฉาบทับทั่วร่างของเขาก็พลันยุบยวบ สี่ด้านแปดทิศรอบกายเขาแปรเปลี่ยนมาเป็นหนองน้ำ หนองน้ำแห่งนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง มากพอจะหลอมละลายทุกสรรพสิ่ง คล้ายต้องการหลอมละลายขี้ผึ้งที่ติดอยู่บนร่างตัวเอง และยิ่งต้องการกัดเซาะตราผนึกม่านฟ้าจากแปดทิศนี้ให้สลายไป!

เสียงตูมตามเขย่าคลอนฟ้าดิน การกัดกร่อนของหนองน้ำที่แผ่กระจาย บวกกับวิชาประตูแห่งเต๋าหลายวิชาก่อนหน้านี้ทำให้ม่านฟ้าแปดชั้นปริแตกไปทีละชั้น แต่…เนื่องด้วยการปลุกเสกจากตัวอักษรคำว่าอายุยืน ม่านฟ้าจึงยังคงแผ่ปกคลุมอยู่ดังเดิม!

ไม่ว่านักพรตทงเทียนจะร่ายใช้วิชาอย่างไร แม้ประตูแห่งเต๋าของเขาจะแข็งแกร่ง แต่บัดนี้เมื่ออยู่ภายใต้วิชาแห่งเต๋าอมตะของป๋ายเสี่ยวฉุน กลับไม่สามารถฝ่าทลายได้อย่างเด็ดขาด!

และขี้ผึ้งขาวที่ปกคลุมไปทั่วร่างของเขาที่ถึงแม้จะถูกหนองน้ำสกัดกั้นจนทำให้การแผ่ลามช้าลงไปจากเดิม แต่กระนั้นมันก็ยังติดตรึงอย่างแน่นหนา เป็นเหตุให้ผิวหนังของนักพรตทงเทียนค่อยๆ กลายมาเป็นสีขาว ตลอดทั้งร่างของเขาคล้ายกลายมาเป็น…หุ่นขี้ผึ้ง!!

“สมควรตายนัก สมควรตาย!!” นักพรตทงเทียนสีหน้าดุร้าย เขาแหงนหน้าแผดเสียงคำรามคลั่งแค้น ซึ่งในเสียงคำรามนี้ยังมีอาคมที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่าระเบิดออกมา ขี้ผึ้งขาวที่อยู่บนผิวหนังของเขาจึงเกิดลางว่าจะปริแตก ม่านฟ้าที่ปกคลุมอยู่รอบด้านก็เริ่มพังทลาย…

ทว่าเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหลับตาลง ทว่าเพียงแค่ครู่เดียว เมื่อดวงตาของเขาลืมขึ้นมาอีกครั้ง ในดวงตาของเขากลับมี…เปลวเพลิงเทียมฟ้าเต้นระริก!!

“ตะเกียงอมตะ สำเร็จ!”

วินาทีที่ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกโพลง ร่างที่เหมือนเทียนไขของเทียนจุนก็พลันถูก…จุดไฟ!!

นี่ก็คือวิชาอภินิหารที่เป็นของป๋ายเสี่ยวฉุนโดยเฉพาะซึ่งเขาจำแลงออกมาจากบทอมตะ ชื่อของมันก็คือ…ตะเกียงอมตะ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!