Skip to content

A Will Eternal 1188

บทที่ 1188 ความเดือดดาลปะทุขึ้นอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ตามหลังเทียนจุนจักษุไพศาลก็ยังมีอำนาจจิตอีกหลายขุมระเบิดครืนออกมาจากในนครจักรพรรดิแส ซึ่งนั่นก็คือเทียนจุนคนอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงค่ายกลนอกนครจึงพากันบินออกมา

ทว่าความเร็วของพวกเขากลับช้าไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะอย่างไรซะภาพเหตุการณ์ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนใช้พลังเหี้ยมหาญสังหารเทียนจุนปฐพีพินาศและทำร้ายให้ซื่อหลิงซ่างเหรินบาดเจ็บสาหัสเมื่อครู่นี้ก็ทำให้พวกเขาที่สะท้านสะเทือนเกิดความลังเลใจ

โดยเฉพาะพวกหยวนเยาจื่อที่ยิ่งประหวั่นขวัญผวา ดังนั้นต่อให้จะแผ่อำนาจจิตออกมา แต่ในด้านความเร็วแล้วกลับช้ากว่าเทียนจุนจักษุไพศาลอย่างเห็นได้ชัด

มีเพียงเทียนจุนจักษุไพศาลเท่านั้นที่เป็นเทียนจุนที่แข็งแกร่งที่สุดในนครจักรพรรดิแส และเดิมทีเขาก็ไม่ชอบป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่แล้ว บวกกับข้อกังขาในด่านบนซากพัดของปีนั้น รวมถึงการที่เสียเปรียบในเรื่องของร่างแยกผู้บงการ จึงเป็นเหตุให้เขารีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้ พริบตาเดียวจึงขยับเข้ามาใกล้ หมายจะขัดขวางการทำลายค่ายกลของป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าพรวด ลมหายใจชะงักค้าง เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเมื่อเจอเผชิญกับการขัดขวางจากเทียนจุนจักษุไพศาล ตนคงไม่สามารถทำลายค่ายกลให้แตกออกได้ และหากถูกเทียนจุนจักษุไพศาลเข้ามาโรมรันประชิดติดพันเมื่อไหร่ เทียนจุนคนอื่นๆ ในนครจักรพรรดิแสก็คงจะตามมาทันในทันที

เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างก็จะตกอยู่ในภาวะวิกฤต ไม่เพียงแต่ตัวเขาเองที่เผชิญกับความเสี่ยงครั้งใหญ่ แม้แต่ค่ายกลก็ย่อมต้องผสานตัวกลับมาดีดังเดิม พวกบุรพาจารย์ธาราเทพไม่อาจได้รับความช่วยเหลือ นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงข้อที่ว่าหากเรื่องนี้ยังถูกถ่วงเวลาล่าช้าต่อไป จักรพรรดิแสก็อาจมาเยือนด้วยตัวเองได้ทุกเมื่อ

และนับตั้งแต่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือมาจนถึงตอนนี้เวลาก็ยังนับว่าสั้นมาก ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่กล้าเดิมพันต่อ ต่อให้เขาจะได้ยินมาว่าจักรพรรดิแสปิดด่าน แต่ขอแค่เรื่องนี้ถูกถ่วงให้ยาวนานออกไป ก็มีแต่จะพบกับเคราะห์กรรมอย่างที่มิอาจหวนคืนได้อีก!

“สังหารปฐพีพินาศไปได้คนหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถสยบขวัญผู้คนได้ มีเพียงบีบให้จักษุไพศาลผู้นี้ถอยร่น ถึงจะทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนลูบหน้าปะจมูก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าใจดีว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอีกแล้ว จึงแหงนหน้าขึ้นฟ้าแผดเสียงคำราม ระเบิดตบะออกมาเต็มกำลัง มือขวายกขึ้นเสือกแทงกระบี่ใหญ่สายเหนือที่อยู่ในมือลงไปยังค่ายกลเบื้องล่างอย่างแรง!

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว กระบี่ใหญ่สายเหนือแทงทะลุเข้าไปในค่ายกลโดยตรง ค่ายกลทั้งหลังสั่นสะเทือนโดยพลัน แม้ว่าจะไม่ได้พังทลาย แต่เนื่องจากการแทงทะลวงของกระบี่ใหญ่สายเหนือ ด้านหนึ่งก็ช่วยชะลอวิกฤตของทุกคนที่อยู่ในค่ายกลลงไปได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ทำให้การฟื้นตัวของค่ายกลใหญ่ถูกขัดขวางเอาไว้

ทำทุกอย่างนี้เสร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันยกมือขวาขึ้น พลังกล้ามเนื้อและตบะระเบิดออกอีกคำรบ การฟื้นตัวของร่างกายก็ยิ่งโคจรถึงขีดสุด ครั้นแล้วจึงตรงดิ่งเข้าไปหาจักษุไพศาล!

“รนหาที่ตาย!”

ใช่ว่าเทียนจุนจักษุไพศาลจะไม่สังเกตเห็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนสังหารปฐพีพินาศ แต่เขามีความมั่นใจในตัวเองว่าต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะแข็งแกร่งแค่ไหน ตนก็ยังสามารถกำราบอีกฝ่ายได้ โดยเฉพาะป๋ายเสี่ยวฉุนที่ไม่มีกระบี่ใหญ่สายเหนือก็ยิ่งไม่มีอะไรน่ากริ่งเกรงในสายตาของจักษุไพศาล

เมื่อกระโจนใส่กัน คนทั้งสองพลันขยับเข้ามาใกล้ วินาทีที่ปะทะเข้าด้วยกัน

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กำหมัดแน่น หมัดจักรพรรดิมิดับสูญถูกร่ายพลังถึงขีดสุดอีกครั้ง ซึ่งเหนือเกินกว่าห้าเท่าไปไกล ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดของขีดจำกัดอย่างหนึ่ง แล้วจึงเหวี่ยงเข้าใส่จักษุไพศาล

เสียงตูมตามดังสนั่นไปทั้งแผ่นฟ้า แปดทิศโยกคลอน ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือด ร่างเซกรูดถอยไปด้านหลังอย่างไม่เป็นท่า จักษุไพศาลเองก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ดวงตาฉายแววประหลาดใจ และในใจก็ให้ตื่นตะลึง เห็นได้ชัดว่าหมัดนั้นของป๋ายเสี่ยวฉุน ต่อให้เป็นเขาก็ยังจิตใจสั่นไหว

ทว่ายังไม่ทันรอให้จักษุไพศาลลงมืออีกรอบ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถอยร่นพลันเงยหน้าขึ้นพรวด พริบตาเดียวพลังในร่างก็ฟื้นคืนมาเกินครึ่ง เขาแสยะยิ้มและโผนออกมา หมัดจักรพรรดิมิดับสูญ…ถูกต่อยเต็มแรงอีกครั้ง!!

เสียงกัมปนาทสะเทือนไปยันเก้าชั้นฟ้า ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงกระอักเลือดเหมือนเดิม แต่ก็ยังกระโจนออกมาเหมือนเดิม พริบตานั้นตลอดทั้งสนามรบก็เหมือนระเบิดปะทุ เพียงเสี้ยววินาที ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถอยกรูดติดต่อกันถึงสี่ห้าครั้ง ทว่าเทียนจุนจักษุไพศาลเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็กระอักเลือดแล้วถอยร่นไปเช่นกัน

แต่ว่าเพียงแค่เขาถอยห่างออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็จะต้องกระโจนเข้าใส่ราวกับพยัคฆ์ร้ายมังกรอำมหิตอย่างไรอย่างนั้น พวกหยวนเยาจื่อที่อยู่ห่างออกไปพากันสูดลมหายใจดังเฮือก หันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความตะลึงพรึงเพริด

นั่นเป็นเพราะว่าความบ้าคลั่งและความตื๊อไม่แล้วไม่เลิกที่ป๋ายเสี่ยวฉุนแสดงออกมาในเวลานี้อยู่เหนือการคาดการณ์ของทุกคน เพราะในความทรงจำของพวกเขา ดูเหมือนว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่ได้เป็นเช่นนี้ ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้กลับแสดงให้เห็นถึงปณิธานแห่งเลือดเหล็กอันกร้าวแกร่ง!

ทั้งๆ ที่เขาได้รับบาดเจ็บ และทุกครั้งที่มีการปะทะกันก็จะต้องกระอักเลือดเสมอ ต่อให้จะมีพลังของการฟื้นตัว ทว่าเมื่อเจอกับอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะแบกรับได้ไหวอยู่ดี ความเหี้ยมหาญที่มาพร้อมกับความบ้าคลั่งซึ่งแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บของป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นถึงกับทำให้เทียนจุนจักษุไพศาลผู้แข็งแกร่งหายใจหอบรัว กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เมื่อมองป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่เหลือความมั่นใจอย่างก่อนหน้านี้อีกต่อไป

“เข้ามาอีก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนปาดคราบเลือดตรงมุมปากสะบัดทิ้ง ครั้นแล้วก็ขยับกายวูบมา ต่อยหมัดหมัดจักรพรรดิมิดับสูญระรัวเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดิน เงาร่างจักรพรรดิที่อยู่ด้านหลังของเขาทับซ้อนกันเงาแล้วเงาเล่าไม่หยุด ต่อให้บาดเจ็บ แต่พลังการต่อสู้กลับแข็งแกร่งทบทวีขึ้นทุกที!

การฟื้นตัวของบทมิวางวายเองก็ระเบิดไม่ขาดสายในนาทีนี้ เป็นตัวช่วยประคับประคองที่ทำให้การต่อสู้ของเขาครั้งนี้เหมือนจะไม่มีการประนีประนอมได้ตลอดกาล หากเจ้าไม่ตาย ก็เป็นข้าที่ม้วย!!

ปราณดุดันท่วมเทียมฟ้า ออกหมัดเมื่อใดเสียงก็ดังสนั่นอึงคะนึง จักษุไพศาลยืนหยัดอยู่ได้แค่ครู่เดียวก็กระอักเลือดออกมาอีกเป็นครั้งที่เจ็ด ในที่สุดหน้าเขาก็เปลี่ยนสีแล้วด่ากราดออกมา

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าจะรนหาที่ตายจริงๆ รึไง!” จักษุไพศาลไม่สบถไม่ได้แล้ว นั่นก็เพราะว่าป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้แขนแหลกจนเห็นกระดูก และในเลือดสดที่เขากระอักออกมาก็มีเศษชิ้นเนื้อของอวัยวะภายในปนอยู่ด้วย

ทว่าความบ้าคลั่งบนร่างของอีกฝ่ายกลับยิ่งรุนแรง โดยเฉพาะปราณดุดันที่อยู่ในดวงตาของเขาที่ยิ่งทำให้จักษุไพศาลไม่สงสัยเลยว่าหากยังสู้กันแบบนี้ต่อไป ต่อให้ตนชนะได้ แต่ก็ต้องอันตรายถึงตายแน่นอน!

“ไม่คุ้มกันเลย!” จักษุไพศาลสูดลมหายใจหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกระโจนออกมาอีกครั้ง เขาก็พลันถอยกรูด ในฐานะที่เป็นเทียนจุน แม้ศักดิ์ศรีและหน้าตาจะสำคัญยิ่ง ทว่าความเป็นความตายเป็นเรื่องใหญ่กว่า

จักษุไพศาลจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขารีบถอยร่นออกห่างทันที เขาเองก็เลือกที่จะทำแบบเดียวกับซื่อหลิงซ่างเหริน และตอนนี้ก็เริ่มเสียใจแล้วที่ตัวเองออกหน้ามาก่อนใคร

พอเห็นว่าจักษุไพศาลเลือกที่จะถอยหนี พวกหยวนเยาจื่อที่อยู่ห่างไปไกลก็พากันสูดลมหายใจดังเฮือกอีกครั้ง แต่ละคนหันมามองหน้ากัน ครั้นแล้วก็เลือกบ่ายหน้ากลับไปยังนครจักรพรรดิแส

“เอาเถอะ ขอแค่เขาไม่เข้ามาในเมือง อยู่ข้างนอกพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้”

“ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ …”

“แม้ว่าจักรพรรดิแสจะยังปิดด่าน แต่หากยังเป็นอย่างต่อไป ย่อมต้องถูกปลุกให้ตื่นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นก็ต้องออกมาจัดการกับเขาเอง!”

ไม่ได้สนใจจักษุไพศาลที่หนีไป ป๋ายเสี่ยวฉุนขยับกายมาโผล่อยู่ข้างกระบี่ใหญ่ที่เสียบคาอยู่บนค่ายกล เอามือไปคว้าด้ามกระบี่เอาไว้ หอบหายใจดังฮักๆ อาการบาดเจ็บในร่างกายสาหัสอย่างถึงที่สุด ทว่าพลังของการฟื้นตัวก็น่าตะลึงไม่ต่างกัน เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ร้องคำรามพลางชักกระบี่ใหญ่สายเหนือออกมา ระเบิดตบะและแผ่พลังกล้ามเนื้อ ควงกระบี่ขึ้นแล้วตวัดฟันลงไปบนค่ายกลอีกครั้ง!

“จงเปิดให้ข้า!”

ตูมๆๆ! เมื่อกระบี่ใหญ่ร่วงลงมา รอยร้าวบนค่ายกลที่แข็งแกร่งซึ่งเริ่มปริแตกจากจุดที่กระบี่ใหญ่เสียบลงไปพลันลุกลามไปทั่ว ก่อนที่ค่ายกลจะระเบิดทลาย กลายมาเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วนที่ปลิวกระเด็นไปรอบด้านจนกลายมาเป็นพายุสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน

ท่ามกลางฝุ่นที่ฟุ้งตลบอบอวล นักพรตโลกทงเทียนหลายแสนคนที่อยู่ในค่ายกลซึ่งแม้จะอ่อนกำลังกันอย่างถึงที่สุด ทว่าความรู้สึกหลังรอดพ้นมาจากความตายกลับทำให้จิตใจของพวกเขาทุกคนสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งพอมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเขาหลายคนที่จำป๋ายเสี่ยวฉุนได้ก็พลันหลั่งน้ำตาราวกับได้เห็นญาติของตัวเอง

“บรรพบุรุษขุย!!”

“คือบรรพบุรุษขุย!!”

“บรรพบุรุษขุยมาช่วยพวกเราแล้ว!!” เสียงเหล่านี้ก้องสะท้อนไปสี่ทิศ เมื่อดังเข้าหูป๋ายเสี่ยวฉุน จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มิอาจสงบลงได้อีก โดยเฉพาะเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าหลี่ชิงโหวและบุรพาจารย์ธาราเทพสองคนต่างก็อ่อนกำลังกันอย่างถึงที่สุด ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบขยับกายมาโผล่อยู่ข้างๆ หลี่ชิงโหวแล้วประคองอีกฝ่ายขึ้นมา

“ท่านอาหลี่!”

ไม่เจอกันนานหลายปี การได้มาพบกันอีกครั้งในครานี้ เดิมทีควรมีเรื่องมากมายให้พูดคุยกันไม่จบสิ้น ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับพูดออกแค่สองคำนี้ ส่วนหลี่ชิงโหวที่แม้ว่าจะดีใจ แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็พลันแปรเปลี่ยน รีบคว้าแขนป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วเอ่ยรัวเร็วด้วยน้ำเสียงร้อนใจสุดประมาณ

“เสี่ยวฉุน เจ้ารีบไปช่วยซ่งจวินหว่านกับโจวจื่อโม่เร็วเข้า!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินประโยคนี้ก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง รู้สึกหายใจไม่ออกในฉับพลัน นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยได้ข่าวเกี่ยวกับสตรีทั้งสองมานานมากแล้ว วันนี้จู่ๆ มาได้ยิน อีกฝ่ายกลับตกอยู่ในอันตรายอาจถึงตาย

“พวกนางสองคนถูกองค์ชายแสจับตัวไป เจ้ารีบไปช่วยพวกนางเถอะ!!”

“เสี่ยวฉุน ดูเหมือนว่าหลายปีมานี้พวกนางจะตั้งครรภ์ ซ้ำดูจากสภาพของพวกนาง เด็กในท้อง…น่าจะเป็นลูกของเจ้า แม้ข้าผู้อาวุโสจะไม่รู้ว่าเหตุใดระยะเวลาการตั้งท้องของพวกนางถึงได้ยาวนานขนาดนี้ แต่เด็กจวินหว่านนั่นข้ารู้จักดี เรื่องของพวกเจ้านางก็เล่าให้ฟังแล้ว รีบไปช่วยนางเข้าเถอะ!!”

บุรพาจารย์ธาราเทพที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนใจขึ้นมาครามครัน

“ว่าไงนะ!!” หากจะบอกว่าเรื่องของคนทั้งสองก่อนหน้านี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น เรื่องที่พวกนางตั้งครรภ์ก็เหมือนอสนีสวรรค์ที่ผ่าเปรี้ยงลงมาสำหรับเขา คนอื่นอาจไม่รู้สาเหตุ แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้จากปากราชาผียักษ์มาก่อนแล้วว่า เนื่องจากสายเลือดของตนมีผลจากการฝึกวิชาอมตะมิวางวาย ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ระยะตั้งครรภ์ค่อนข้างจะยาวนาน เวลานี้ในสมองของเขามีแต่เสียงดังอื้ออึง ความเดือดดาลผลาญฟ้าที่รุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้าพลันระเบิดปะทุท่วมท้น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!