บทที่ 329 โจมตีสำนักธารฟ้า
ตลอดทั้งแม่น้ำทงเทียนคล้ายจะเงียบสงัดลงในนาทีนี้ ร่างของบรรพบุรุษโลหิตที่ป๋ายเสี่ยวฉุนควบคุม รวมไปถึงเรือรบทงเทียนสามลำด้านหลังก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าประตูสำนักธารฟ้าเช่นนี้
ทั้งสองฝ่ายล้วนไม่มีใครเอ่ยปาก มีเพียงบางครั้งที่สายตาปะทะกันกลางอากาศถึงจะระเบิดจิตสังหารเหี้ยมโหดออกมาเป็นระลอก
ไม่มีใครถูกใครผิด ไม่ว่าจะเป็นสำนักธารฟ้าหรือสำนักสยบธาร
ท่ามกลางความเงียบงันนี้ ความกดดันก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งอากาศรอบด้านก็ยังคล้ายเกิดแข็งตัว และโดยรอบสำนักธารฟ้ายังมีกลุ่มอิทธิพลแทบทั้งหมดในขอบเขตนี้มารวมตัวกันเพื่อจับจ้องสังเกตการณ์
“เฟิงเสินจื่อ คารวะสำนักเบื้องบน!”
เนิ่นนาน ในหว่างคิ้วของบรรพบุรุษโลหิต เฟิงเสินจื่อปฐมาจารย์ธาราโลหิตค่อยๆ เผยเงามายาออกมาประสานมือก้มตัวต่ำคารวะสำนักธารฟ้า
“หันจง คารวะสำนักเบื้องบน!”
บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพก็เดินออกมาทำความเคารพเช่นกัน
“ชื่อหุน คารวะสำนักเบื้องบน!”
“หลัวตัน คารวะสำนักเบื้องบน!”
บุรพาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักธาราทมิฬและสำนักธาราโอสถพากันเดินออกมาคารวะสำนักธารฟ้าพร้อมความปลงอนิจจัง
สำนักธารฟ้าเงียบงัน ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนจากบนต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้านั้น เวลานี้มีสายตาไม่น้อยเผยความซับซ้อน ผ่านไปชั่วครู่ น้ำเสียงแหบปร่าเสียงหนึ่งก็ดังสะท้อนไปรอบด้าน
“เฟิงเสินจื่อ หันจง ชื่อหุน หลัวตัน…สหายนักพรตทั้งสี่ท่าน ไม่เจอกันนานเลยนะ…” เมื่อเสียงดังก้อง เงาร่างผึ่งผ่ายร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากในสำนักธารฟ้า หยุดยืนอยู่กลางอากาศ นั่นคือผู้เฒ่าผมขาวโพลนคนหนึ่ง ทว่ากลับมีดวงตาดุร้าย โดยเฉพาะใบหน้าซีกขวาที่มีเนื้องอกขนาดเท่าศีรษะเด็กทารกปูดนูนขึ้นมา มองดูแล้วน่าสยดสยองอย่างมาก
เมื่อเขาปรากฏตัว ด้านหลังของเขาก็มีคนเจ็ดแปดคนทยอยกันเดินออกมา คนเหล่านี้ล้วนเป็นนักพรตขั้นก่อกำเนิด ทว่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือผู้เฒ่าผมขาวผู้นั้น คนผู้นี้มีตบะอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบ อีกทั้งบนร่างยังมีปราณวิถีฟ้าอยู่เส้นหนึ่ง ราวกับว่าหากให้เวลาเขามากพอ เขาก็อาจจะเลื่อนขั้นเป็นคนฟ้าได้
“ศึกครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องพูดมาก ได้รับการคารวะครั้งนี้จากพวกเจ้า ข้าผู้อาวุโสพึงพอใจมากแล้ว ทว่านี่คือกติกาที่ตั้งโดยสำนักเบื้องบน ถูกหรือผิด ล้วนไม่อยู่ที่พวกเราสองสำนัก…” ผู้อาวุโสยิ้มขื่นหนึ่งครั้ง นัยน์ตาเผยให้เห็นถึงกาลเวลาที่ผ่านมาอย่างโชกโชน
“ทว่าข้ามีเพียงคำเดียวที่บอกได้ นั่นก็คือพวกเจ้า…”
สีหน้าของผู้เฒ่าซับซ้อน น้ำเสียงกดต่ำลงไปเล็กน้อย ทำให้พวกเฟิงเสินจื่อสี่คนจำเป็นต้องตั้งใจเงี่ยหูฟัง ทว่าเวลานี้เอง ทันใดนั้นเนื้อบนใบหน้าของผู้เฒ่าพลันมีดวงตาแดงฉานข้างหนึ่งที่แฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบ ซุกซ่อนความเหี้ยมโหด และมากด้วยความบ้าคลั่งดุเดือดปรากฏออกมา
“…ต้องตายกันให้หมด!!” แทบจะวินาทีเดียวกับที่คำพูดของผู้เฒ่าดังออกมา ทันใดนั้นความว่างเปล่ารอบด้านของเรือรบทงเทียนทั้งสามลำพลันบิดเบือน
และมีเงาร่างหลายหมื่นเดินพรวดออกมาจากความว่าเปล่านั้น แต่ละคนตบะไม่เท่าเทียมกัน ทว่าความเร็วกลับมากถึงขีดสุด ทั้งยังถนัดในวิชาแห่งมิติ ร่างแค่กะพริบวาบทีเดียวก็ตรงขึ้นมาเข่นฆ่าถึงในเรือ
ซึ่งรอบกายของบุรพาจารย์หลายคน เงามายาเหล่านี้ก็ยิ่งมีมาก จิตสังหารก็ยิ่งดุดัน!
เห็นได้ชัดว่าสำนักธารฟ้าฉวยโอกาสลงมือลอบโจมตีตอนที่สำนักสยบธารยังไม่ทันตั้งตัว หมายช่วงชิงโอกาสอันดีในการต่อสู้ครั้งนี้ก่อน!
ทว่าชั่วขณะที่สำนักธารฟ้าลงมือโจมตี บนท้องฟ้าพลันมีเสียงครั่นครืนดังสนั่น กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งก่อตัวขึ้นมาพริบตาเดียวก็แยกร่างกลายมาเป็นกระบี่เล่มใหญ่จำนวนเหลือคณานับ มีมากพอหลายแสนเล่ม คำรามอู้เสียงแหลมเสียดแทงแก้วหูทะยานดิ่งเข้าหาต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้า!
นั่นก็คือค่ายกลกระบี่ของสำนักธาราทมิฬ การจัดวางของค่ายกลกระบี่นี้จำเป็นต้องใช้เวลา ที่ตอนนี้ถูกกระตุ้นใช้ได้ในพริบตาเดียว เห็นได้ชัดว่าคำพูดก่อนหน้านี้จากบุรพาจารย์ทั้งสี่ท่านของสำนักสยบธารแท้จริงแล้วหาได้มีความจริงใจเท่าใดไม่!
สมกับคำที่ว่าเจ้าร้ายข้าเลว ระหว่างสงครามที่ตัดสินชะตาชีวิตของสำนักครั้งนี้ ไม่มีการดำรงอยู่ของศีลธรรม และไม่สามารถมอบศีลธรรมให้กันได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นเมื่อใด จะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลอย่างที่ยากจะยอมรับ!
ท่ามกลางเสียงดังอึกทึกครึกโครม บนเรือรบทงเทียนมีแสงสว่างเปล่งวาบ นักพรตของสำนักธารฟ้าเหล่านั้นที่บุกเข้ามาเข่นฆ่าล้วนถูกสกัดขวางให้อยู่ข้างนอก ส่วนข้างกายบุรพาจารย์ทั้งสี่คน หลังจากที่แสงสีเลือดตลอดร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบพราวขึ้นมาก็เป็นเช่นเดียวกัน
ส่วนทางฝ่ายของสำนักธารฟ้า ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าต้นนั้นพลันมีแสงฉายโชน ใบไม้จำนวนนับไม่ถ้วนแปลงกายกลางอากาศ สกัดขวางค่ายกลกระบี่เอาไว้ ท่ามกลางเสียงดังเกริกก้อง การลอบโจมตีครั้งนี้ของทั้งสองฝ่ายต่างก็ยากที่จะมีใครคว้าโอกาสได้ก่อน โดยเฉพาะเวลานี้ที่ต่างฝ่ายต่างก็ฉีกกระชากหน้ากากกันออก ไม่มีใครพูดอะไรอีก สงคราม…ระเบิดดังกัมปนาท!
กิ่งก้านยั้วเยี้ยมากมายของต้นมะเดื่อฟ้า บัดนี้ชูชันสลอน ราวกับกลายมาเป็นงูเหลือมหลายตัวที่พกพาเอาความดุร้าย พกพาเอาความกระหายเลือด ตรงเข้ามาเลื้อยพัวพัน นักพรตมากมายที่เรือนกายพร่าเลือนร่วมมือกับกิ้งไม้เหล่านั้นทะยานดิ่งเข้าหาสำนักสยบธาร
นักพรตของสำนักธารฟ้าเชี่ยวชาญเวทคาถาแห่งมิติ ความเร็วของพวกเขามีมากเกินกว่านักพรตทั่วไปหลายเท่านัก ถนัดในการซุกซ่อนอำพราง อีกทั้งสำนักธารฟ้าก็ขึ้นชื่อด้านวิชานักฆ่ามากที่สุดของตลอดทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนกลางนี้!
หรืออาจถึงขั้นพูดได้ว่า สำนักธารฟ้าก็คือสำนักแห่งหนึ่งของนักฆ่า!
ตอนนี้เมื่อสงครามปะทุขึ้น พริบตาเดียวนักพรตสำนักธารฟ้าแสนกว่าคนก็เบียดเสียดแน่นขนัด ปกคลุมเต็มพรืดไปทั่วฟ้าดินเพื่อพุ่งเข้ามาสังหาร เงาร่างของพวกเขาคล้ายลอดทะลุระหว่างความว่างเปล่าและความเป็นจริง ตอนที่มองเห็นได้ชัดเจนก็คล้ายว่าท้องฟ้าถูกพวกเขายึดครองเอาไว้ ทว่าวินาทีถัดมากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง
คาถาพิสดารเช่นนี้ เมื่อมาปะทะกับนักพรตสำนักสยบธาร จึงเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด!
และยังมีกิ่งก้านของต้นไม้เหล่านั้นที่ยิ่งสำแดงพลังไม่ด้อยไปกว่ากัน ทุกที่ที่ผ่านล้วนก่อให้เกิดเสียงคำรามดัง
อีกทั้งตอนนี้ต้นไม้มะเดื่อฟ้าจำนวนมากที่อยู่บนสองฝั่งแม่น้ำต่างก็ถอนรากขึ้นมาจากพื้นดิน กลายร่างเป็นคนต้นไม้ เปล่งเสียงคำรามกร้าวสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ตรงดิ่งเข้ามาในแม่น้ำทงเทียน
คนต้นไม้เหล่านี้มีทั้งที่สูงหลายจั้ง หลายสิบจั้ง และสูงหลายร้อยจั้ง ต้นไม้ทุกต้นล้วนมีนักพรตสำนักธารฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านใน ใช้ตัวเองไปกระตุ้นควบคุม ก่อให้เกิดพลังอำนาจน่าตื่นตะลึง
แทบจะวินาทีเดียวกันกับที่พวกเขาถลันเข้าใส่ ร่างของบรรพบุรุษโลหิตที่ป๋ายเสี่ยวฉุนควบคุมก็กระโดดผลุง ดึงเอาน้ำแม่ปริมาณมากขึ้นสูงแล้วสาดกระเซ็นกลายมาเป็นม่านน้ำ สกัดกั้นนักพรตสำนักธารฟ้าจำนวนไม่น้อยให้อยู่ภายนอก และยังมีคนบางส่วนที่หลบไม่ทัน ถูกน้ำจำนวนมากกระเด็นโดนร่างโดยตรง เสียงกรีดร้องโหยหวนจึงดังตามมาทันที
และชั่วขณะที่เขากระโดดขึ้นนั้น สำหรับร่างของบรรพบุรุษโลหิตนี้ มีหรือที่สำนักธารฟ้าจะไม่ให้ความสำคัญ อาจพูดได้ว่าระดับการให้ความสำคัญนั้นอยู่ในขั้นที่เป็นกุญแจสำคัญของสงครามครั้งนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงมีกิ่งก้านจำนวนนับไม่ถ้วนของต้นมะเดื่อฟ้าบินเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน หมายจะมัดตัวเขาเอาไว้
กิ่งก้านเหล่านี้แผ่พลังแข็งแกร่ง ทั้งยังมีปณิธานที่มาจากตัวของต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าเองอีกด้วย
ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งแสงวาบ ไร้ซึ่งความลังเล เมื่อระเบิดปราณเลือดตลอดทั้งร่างออกมา มือขวาก็เหวี่ยงขึ้นแล้วตบลงไปอย่างแรงหนึ่งที เสียงตูมตามดังสนั่นหวั่นไหว กิ่งก้านเหลือคณานับพังทลาย ดวงตาทั้งคู่ของเขาโชนแสงคมกล้า ศึกครั้งนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ว่าภารกิจของตัวเองก็คือ…ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าต้นนั้น!
ขณะที่เคลื่อนไปด้านหน้า เขาก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้านั่นอย่างต่อเนื่อง กิ่งก้านจำนวนมากกว่าเดิมปรากฏเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างบ้าคลั่ง พุ่งเข้ามารัดพันโจมตี
เวลาเดียวกันนั้น บนเรือรบทงเทียนขนาดหนึ่งแสนจั้งก็มีแสงของค่ายกลเหลือคณานับพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ตามมาด้วยยักษ์จำแลงจากค่ายกลอีกหลายตนที่ถลาพรวดออกมาพร้อมเสียงคำราม ตรงเข้าประหัตประหารกับสำนักธารฟ้า
บนเรือรบลำที่สองด้านหลังเวลานี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน หุ่นเชิดจำนวนมากทยอยกันพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ปะทะเข้าด้วยกันกลางแม่น้ำทงเทียน
ส่วนค่ายกลกระบี่บนท้องฟ้าก็ยิ่งระเบิดพลังอย่างไม่ขาดสาย ก่อกลายมาเป็นฝนกระบี่ระลอกและระลอกเล่า สร้างความกดดันบีบคั้นบนนภากาศ ขณะเดียวกันในสำนักธาราโอสถก็มีกระถางยักษ์ใบหนึ่งที่ถูกนำออกมาเซ่นไหว้ เมื่อลอยขึ้นกลางฟากฟ้าก็สาดแสงอ่อนโยนลงมาปกคลุมไปทั่ว
แสงเหล่านี้คล้ายแฝงเร้นไว้ด้วยพิษที่พิเศษชนิดหนึ่ง ไม่ว่านักพรตคนใดของสำนักธารฟ้าสัมผัสโดน ร่างกายก็จะสั่นสะท้าน ทว่าคนของสำนักสยบธารกลับเหมือนได้อาบน้ำท่ามกลางแสงอาทิตย์ฤดูใบไม้ผลิ ตบะและอาการบาดเจ็บของตลอดทั้งร่างฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
และยังมีเสียงของเฉินม่านเหยาดังออกมาไม่ขาดสาย ทำให้การลงมือของสำนักธาราโอสถใช้พิษเป็นหลัก สร้างควันพิษให้แผ่กระจายไปรอบด้าน
ชั่วพริบตาเดียว เสียงกัมปนาทก็ดังกึกก้องสะเทือนฟ้า
บนนภากาศ นอกจากสำนักธาราโลหิตแล้ว บุรพาจารย์คนอื่นๆ ของอีกสามสายล้วนลงมือเปิดศึกกับนักพรตก่อกำเนิดของสำนักธารฟ้าโดยตรง ท่ามกลางเสียงอึกทึก ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่มีใครแพ้ใครชนะ
แม้ว่าจำนวนนักพรตก่อกำเนิดของสำนักธารฟ้าจะน้อยกว่าสำนักสยบธาร ทว่ามีผู้อาวุโสที่ขาดอีกแค่ครึ่งก้าวก็เป็นคนฟ้าผู้นั้นอยู่ จึงพอมองออกได้รำไรว่าพวกเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
กลางอากาศ ผู้อาวุโสไท่ซ่าง ลำดับผู้สืบทอด นักพรตยาอายุวัฒนะเหล่านั้นของสำนักสยบธารกลับกลายมาเป็นกองกำลังแกนกลางที่สำคัญ ซึ่งในด้านของปริมาณนั้นก็ยิ่งมีมากเกินกว่าสำนักธารฟ้า ท่ามกลางการต่อสู้กลางอากาศที่ดุเดือดนี้ แสงของเวทคาถากะพริบวับวาวไม่หยุด ทำให้นักพรตยาอายุวัฒนะของสำนักธารฟ้าถอยร่นต่อเนื่อง!
หากเพียงเท่านี้ก็ยังว่าไปอย่าง ทว่าบัดนี้บนเรือรบทงเทียนสามลำต่างก็แผ่ลำแสงดับทำลายที่หนาหลายร้อยจั้งขึ้นมาหนึ่งลำ
ลำแสงนี้แฝงเร้นไว้ด้วยพลานุภาพสยบของวิญญาณสัตว์คนฟ้า วินาทีที่ปรากฏขึ้นเสียงก็ดังสนั่นหวั่นไหว ทุกที่ที่ผ่าน ไม่ว่านักพรตคนใดของสำนักธารฟ้าสัมผัสโดน ร่างก็ต้องพลันสั่นเยือกแล้วแตกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีทันที
และเป้าหมายที่ลำแสงนี้หมายพุ่งเข้าโจมตีก็คือ…ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าของสำนักธารฟ้า!