Skip to content

A Will Eternal 377

บทที่ 377 เทียนจุน

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมื่อจันทร์กระจ่างลอยขึ้นสูงอีกครั้งจึงห่างจากเวลาที่ต้องเดินทาง…อีกแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น

รายชื่อทั้งห้า ป๋ายเสี่ยวฉุนใช้ครบหมดแล้ว เวลานี้เขายังคงครุ่นคิดถึงผลได้ผลเสียกับการไปอยู่สำนักอันตมรรคาฟ้าดาราซึ่งเป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับเขา ตอนกลางวันเขาไปบอกลาซ่งจวินหว่านและโหวเสี่ยวเม่ยด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งยวด เวลานี้กำลังนั่งสมาธิ เมื่อถึงช่วงยามสาม ร่างของหันจงก็ปรากฏขึ้นข้างกายของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเงียบเชียบ

เขามองป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วกระแอมเบาๆ หนึ่งครั้ง

ป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาทั้งคู่ขึ้น พอมองเห็นหันจงก็ถอนหายใจเฮือก ไหล่ห่อคอตก ไม่คิดจะใยดีเขา

“เสี่ยวฉุน พรุ่งนี้เจ้าต้องไปแล้ว…”

“มีบางเรื่องที่ข้าผู้อาวุโสต้องกำชับเจ้าสักหน่อย นี่คือการตัดสินใจที่ข้า

เฟิงเสินจื่อและชื่อหุนมีร่วมกับสายธาราโอสถ…” เขาไม่สนใจท่าทีมองเมินของป๋ายเสี่ยวฉุน ยิ้มน้อยๆ แล้วนั่งลงข้างกัน น้ำเสียงแก่ชราดังลอยเข้าหูของป๋ายเสี่ยวฉุน

“ข้าผู้อาวุโสรู้ว่าเป้าหมายในการฝึกบำเพ็ญตบะของเจ้าก็เพื่อเป็นอมตะ แท้จริงแล้วพวกเราทุกคนล้วนอยากมีชีวิตเป็นอมตะกันทั้งนั้น และก็ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้พวกเรายิ่งตั้งใจฝึกฝน

เพียงแต่ว่าบนเส้นทางสายนี้ยังมีเรื่องบางเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าการเป็นอมตะ บางทีเจ้าอาจจะไม่เข้าใจเท่าใดนัก วันใดที่เจ้าอายุเท่าข้า เจ้าก็อาจจะเข้าใจขึ้นมาได้บ้าง”

“ชีวิตนี้ของนักพรต อายุขัยจะเพิ่มขึ้นได้ก็ล้วนมาจากตบะของตัวเองทั้งสิ้น สร้างฐานรากเพิ่มอายุขัยได้ร้อยปี รวมโอสถเพิ่มได้ห้าร้อยปี ทว่าเจ้ารู้หรือไม่

หากเป็นก่อกำเนิดเมื่อใด อย่างน้อยเจ้าสามารถเพิ่มอายุขัยได้มากถึงพันปี! เจ้าลองคำนวณดูก็ได้ หากเจ้ากลายเป็นก่อกำเนิด เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน?”

หันจงมองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน

เดิมทีป๋ายเสี่ยวฉุนไม่คิดจะสนใจหันจง ต่อให้เขาจะเข้าใจว่าสำนักไม่มีทางเลือกอื่น ทว่าก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี แต่พอหันจงยกหัวข้อนี้ขึ้นมาพูด ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาปรารถนามากที่สุดและยึดติดมากที่สุด เวลานี้ในสมองของเขาจึงอดคำนวณตามอย่างห้ามไม่ได้

คำนวณไปคำนวณมา เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนพบว่าหากตัวเองไปถึงขั้นก่อกำเนิดได้สำเร็จ อย่างน้อยก็จะมีชีวิตอยู่ถึงสองพันกว่าปี ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถี่ระรัว ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ หัวใจเต้นโลดแรง

“สองพันปี…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเลียริมฝีปาก เขาไม่คำนวณก็ยังพอว่า พอคำนวณออกมาได้เช่นนี้ ลมหายใจที่หอบหนักก็ทำให้เขาพลันเกิดความต้องการอย่างรุนแรงที่จะฝึกถึงขั้นก่อกำเนิดได้สำเร็จ

“นี่ยังเป็นเพียงแค่สภาวะทั่วไป หากใช้วิธีการที่พิเศษบางอย่าง บวกกับยาวิเศษ อายุขัยของเจ้ายังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว เพียงแต่ว่าค่าตอบแทนนั้นมหาศาล แม้จะไม่จำกัดที่ตบะ ทว่ากลับกำหนดจุดสิ้นสุดของชีวิตเอาไว้แล้ว ทำให้ชีวิตนี้ไร้ความหวังที่จะได้เป็นอมตะ เฉกเช่นข้าผู้อาวุโส” หันจงถอนหายใจเบาๆ มองมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งครั้ง

ป๋ายเสี่ยวฉุนสุดลมหายใจเข้าลึก เงยหน้ามองหันจง

“เยอะมากใช่ไหมล่ะ ทว่าเจ้ารู้หรือไม่ นักพรตเดินทีละก้าวจากรวมลมปราณมาถึงสร้างฐานราก แล้วก็ขยับจากสร้างฐานรากมาเป็นรวมโอสถ จากรวมโอสถมาก่อกำเนิด…บนเส้นทางแห่งเต๋าที่คดเคี้ยวเส้นนี้คือเส้นทางที่มีคนมากมายถูกขับไล่ออกไปอย่างต่อเนื่อง”

“ในบรรดารวมลมปราณร้อยคน มีสักคนหนึ่งสร้างฐานรากได้สำเร็จก็ถือว่าเยอะมากแล้ว ในสร้างฐานรากหนึ่งร้อยคน มีสักคนที่รวมโอสถได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว…ส่วนก่อกำเนิด…หลายปีมานี้สายธาราเทพของเราเมื่อรวมกับคนที่ตายไปแล้ว ทั้งหมดยังมีก่อกำเนิดไม่ถึงสิบคน เจ้าว่า…กว่าจะเป็นก่อกำเนิดได้นั้นยากขนาดไหน?” หันจงทอดถอนใจด้วยความปลงอนิจจัง

“ก่อกำเนิดยาก เพราะระหว่างขั้นตอนกว่าที่จะฝึกสำเร็จนั้นมีความเสี่ยงมหาศาลดำรงอยู่ หากไม่ตายไปก่อนก็เป็นเจินเหรินก่อกำเนิดได้สำเร็จ ต่อให้เป็นสำนักแม่น้ำตอนกลางเองที่ถึงแม้ว่าอัตราที่จะเป็นก่อกำเนิดสำเร็จมีมากกว่าเล็กน้อยเพราะรากฐานที่พร้อมกว่า ทว่าสำหรับคนคนหนึ่งแล้ว ระดับความยากนั้นก็ไม่ต่างกัน”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงัน เรื่องนี้เขาเข้าใจดี เป็นก่อกำเนิดนั้นยาก ต่อให้ตนมียาอายุวัฒนะวิถีฟ้า แต่ก็แค่มีความมั่นใจเพิ่มมากกว่าคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้น

“เสี่ยวฉุน ในฐานะตัวประกันที่ไปเยือนสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา แม้จะต้องสูญเสียอิสรภาพ ไม่มีอิสระเสรีเท่ากับตอนที่อยู่ในสำนักสยบธาร ทว่าในความเป็นจริงแล้ว นี่ก็ถือเป็นโอกาสอันดีงามที่หาได้ยากยิ่งเช่นกัน!” หันจงเอ่ยเนิบช้า อธิบายถึงข้อดีและข้อเสียให้ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังอย่างชัดเจน

“ยังไงซะสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราก็เป็นสำนักต้นน้ำ คอยพิทักษ์อาณาเขตทั่วทั้งแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออก ความเข้มข้นของปราณวิญญาณที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แม่น้ำตอนกลางสามารถเทียบเคียงได้ วิชาอภินิหารมากมาย วัตถุดิบวิเศษมีให้เห็นทั่วทุกหนทุกแห่ง”

“เจ้าสามารถยืมใช้พละกำลังของสำนักอันตมรรคาฟ้าดารามาช่วยเพิ่มความเป็นได้ในการฝึกขั้นก่อกำเนิดให้สำเร็จได้อย่างเต็มที่!” เสียงของหันจงเพิ่มระดับขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อดังเข้าหูของป๋ายเสี่ยวฉุน จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงสั่นไหว

เขาฟังออกถึงความจริงใจในคำพูดของหันจง รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกตัวเอง และก็จริงดังว่า เมื่ออยู่ในสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา ความเป็นไปได้ที่ตนจะกลายเป็นก่อกำเนิดสำเร็จย่อมมีมากกว่าอยู่ที่นี่

บวกกับสร้างฐานรากวิถีฟ้าของตนแล้ว ไม่พูดว่าจะสำเร็จสิบส่วนเต็ม ทว่าอย่างน้อยเขาก็มั่นใจถึงเจ็ดส่วนว่าวันหน้าตัวเองจะกลายเป็นก่อกำเนิดได้!

เมื่อเป็นเช่นนี้ การไปสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา ไม่เพียงแต่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย กลับยังกลายมาเป็นโชควาสนาที่ช่วยให้ความเร็วในการบำเพ็ญตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่มขึ้นอย่างน่าตะลึงอีกด้วย!

พอคิดเช่นนี้ ความกลัดกลุ้มในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงสลายไปเยอะมาก ดวงตาทั้งคู่ก็เริ่มสุกใสขึ้น

“และหากกลายเป็นนักพรตก่อกำเนิดในสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จะสามารถเข้าร่วมการประชุมของพวกผู้อาวุโสในสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา อีกทั้งยังมีสิทธิ์มีเสียง เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ฐานะของเจ้าจะเป็นตัวประกัน แล้วนั่นจะสำคัญตรงไหน ถึงเวลานั้นฐานะตัวประกันจะไม่เพียงไม่เป็นอุปสรรคต่อเจ้า กลับยังจะกลายมาเป็นโล่ป้องกันที่มีพลังให้แก่เจ้าในการประชุมของพวกผู้อาวุโสด้วย!”

“อีกทั้งหากเจ้าเป็นนักพรตก่อกำเนิดสำเร็จ เมื่อถึงช่วงเวลาคับขัน เจ้าก็ยังสามารถช่วยเหลือสำนักสยบธารได้มากอีกด้วย!” หันจงกล่าวอีกครั้ง เสียงดังสะท้อน หลังจากช่วยวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดให้แก่ป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถอนหายใจยาวๆ หนึ่งครั้ง

“บุรพาจารย์ ข้ารู้สึกว่าการบำเพ็ญตบะของท่านช่างเสียเปล่านัก ท่านควรจะไปเป็นนักเกลี้ยกล่อมเสียมากกว่า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบะปากพูด

หันจงหัวเราะฮ่าๆ ตบหัวป๋ายเสี่ยวฉุนเบาๆ

“ข้ายังพูดไม่จบ อย่าเพิ่งพูดแทรกสิ”

“เสี่ยวฉุน การเป็นก่อกำเนิดก็แบ่งเป็นสามประเภทเช่นเดียวกับสร้างฐานรากและรวมโอสถ ประเภทแรกนั้นง่ายที่สุด ทว่าความเสี่ยงก็เยอะมากเช่นกัน อัตราความล้มเหลวมีสูงไม่ต่างกัน อีกทั้งยังมีจำกัดในด้านจำนวนครั้ง ทุกครั้งที่ล้มเหลวก็ต้องสูญเสียอายุขัยตามไปด้วย นั่นก็คือการใช้…ยาก่อกำเนิด!” สีหน้าหันจงเคร่งเครียดขึ้น

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็รีบตั้งใจฟัง สำหรับวิธีการกลายเป็นก่อกำเนิด ในสำนักไม่มีบันทึกเอาไว้ และป๋ายเสี่ยวฉุนก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

“วิธีการเช่นนี้ถือว่าเป็นระดับล่างแล้ว มีอัตราความเป็นไปได้เพียงเสี้ยวเดียวที่สุดท้ายจะได้เลื่อนขั้นเป็นคนฟ้า และก็เป็นวิธีการที่พบเห็นได้บ่อยมากที่สุด…” หันจงส่ายหัว พูดต่อไปว่า

“ส่วนวิธีการที่สองนั้นจำเป็นต้องใช้…วิญญาณสัตว์ฟ้าห้าธาตุหนึ่งเม็ด วิญญาณสัตว์ฟ้าที่ว่านี้ก็คือวิญญาณของสัตว์ร้ายที่ตายไปแล้วซึ่งมีตบะเทียบเคียงกับคนฟ้า วิญญาณเช่นนี้ แต่ละตนล้วนมีพลังห้าธาตุครบถ้วน ดังนั้นขอแค่มีวิญญาณสัตว์ฟ้าห้าธาตุหนึ่งเม็ดก็จะสามารถทำให้นักพรตเหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดได้ นักพรตก่อกำเนิดประเภทนี้มีอานุภาพแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด อนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นคนฟ้า!”

ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นรัว จดจำคำว่าวิญญาณสัตว์ฟ้าห้าธาตุไว้จนขึ้นใจ เขานึกไม่ถึงเลยว่าการเป็นก่อกำเนิดยังจำเป็นต้องใช้วิญญาณสัตว์ที่มีตบะเทียบเคียงกับคนฟ้ามาช่วยด้วย

“ส่วนวิธีที่สาม…” พูดมาถึงตรงนี้ คำพูดของหันจงก็หยุดชะงัก นัยน์ตาค่อยๆ โชนแสงคมกล้า ทั้งยังมีความเคารพเลื่อมใสและบ้าคลั่งเพิ่มขึ้นมาด้วย ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะได้เห็นสีหน้าเช่นนี้จากเขา

พอป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“วิธีสุดท้ายนั้นเรียกได้ว่าเป็นตำนานที่ทุกคนล้วนรู้ว่า…ตลอดทั้งโลกทงเทียน มีเพียงคนคนเดียวเท่านั้นที่ทำสำเร็จ วิธีการเช่นนี้มีเงื่อนไขที่โหดร้ายทารุณอย่างมาก เพราะจำเป็นต้องใช้…วิญญาณคนฟ้าห้าธาตุ!”

“วิญญาณคนฟ้าห้าธาตุก็คือวิญญาณของนักพรตคนฟ้าที่ตายไป อีกทั้งวิญญาณคนฟ้านั้นมีลักษณะพิเศษที่ต่างกัน ห้าธาตุมีไม่ครบถ้วน วิญญาณคนฟ้าทุกตนจะมีแค่ธาตุทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ธาตุใดธาตุหนึ่งเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ หากคิดจะทำตามวิธีการที่เป็นตำนานนี้ได้สำเร็จ ก็จำเป็นต้องมี…วิญญาณคนฟ้าห้าตนที่มีธาตุต่างกัน!”

“หากทำได้ ถ้าเช่นนั้น…วินาทีที่ก่อกำเนิดสำเร็จ ก็เรียกได้ว่าไร้พ่ายในระดับคนรุ่นเดียวกัน!” คำพูดของหันจงดังออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนสำลักลมหายใจ

“วิญญาณคนฟ้าห้าตน?!” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่ง เขารู้ว่าคนฟ้านั้นมีน้อยมาก ตลอดทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนกลางตอนนี้มีแค่สามคนเท่านั้น ต่อให้บวกกับสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราเอง เกรงว่าก็คงมีไม่เกินสิบคน

เมื่อเป็นเช่นนี้ คิดจะเอาวิญญาณคนฟ้าห้าธาตุมาได้สำเร็จก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

“นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนฟ้าที่เคยดำรงอยู่มีปริมาณจำกัด ดังนั้นไม่ว่าคนฟ้าคนใดก็ตามที่ตายไป วิญญาณของเขาจึงกลายมาเป็นของล้ำค่า…และก็ด้วยเหตุนี้ การใช้วิญญาณคนฟ้าห้าธาตุมาเหยียบย่างเข้าสู่ก่อกำเนิดจึงยากจนแทบจะทำไม่ได้ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นตำนานไปแล้ว” หันจงพูดเบาๆ

“ถ้าเช่นนั้นท่านบุรพาจารย์พูดว่ามีแค่คนเดียวที่เคยทำได้ คนผู้นี้คือ…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก อดใจไม่ไหวจนต้องถามออกมา

หันจงเงียบงันไปชั่วครู่ หลังจากเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว ปากก็เอ่ยคำสองคำออกมา

“เทียนจุน[1]!”

“เทียนจุน?” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึง

“ในโลกทงเทียนใบนี้ เขาคือผู้ที่มีตบะแกร่งกล้ามากที่สุด…ปกครองสี่สำนักใหญ่…อาศัยอยู่บนเกาะทงเทียนกลางมหาสมุทรทงเทียน…เทียนจุน!”

“คนทั้งโลกไม่สามารถพูดชื่อของเขาได้ หากเอ่ยชื่อของเขาออกมาจะถูกจับได้ทันที ด้วยเหตุนี้จึงเรียกขานท่านผู้อาวุโสว่า…เทียนจุน!” หันจงเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

“ในตำนานเล่าว่าท่านผู้อาวุโสสร้างฐานรากวิถีฟ้า ยาอายุวัฒนะวิถีฟ้า ก่อกำเนิดวิญญาณคนฟ้าห้าธาตุ เดินอยู่บนมรรคาแห่งฟ้ามาโดยตลอด เจ้าเคยได้ติดต่อกับแดนทุรกันดาร เจ้าก็น่าจะตระหนักรู้ถึงตำแหน่งของเทียนจุน!”

——

[1] เทียนจุน (天尊)คำเรียกขานเทพสูงสุดของเต๋า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!