Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1037

ตอนที่ 1037

ความเป็นปฏิปักษ์

นี่คืออาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า หนึ่งในสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า!

มันได้คงอยู่มานานนับหมื่นปี เมื่อย้อนกลับไปในสมัยโบราณ ก็ดูเหมือนว่าจะคงอยู่มาตราบชั่วนิรันดร์ เห็นได้ชัดว่ามันอยู่มานานจนเทียบเท่ากับเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่ ผู้คนที่ทำการฝึกตนอยู่ในที่แห่งนี้มาเป็นเวลานาน เมื่อออกไปยังโลกด้านนอกก็จะพบว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดนี้ มีแต่สำนักที่น่ามหัศจรรย์ใจเท่านั้น ถึงจะสามารถฝึกฝนอยู่ในทะเลที่เก้าได้ และยังได้ตั้งสำนักของพวกมันอยู่ในส่วนลึกของทะเลอีกด้วย ซึ่งก็คือ…อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า!

เนื่องจากการฝึกตนเช่นนั้น จึงไม่เกินเลยไปนักที่จะพูดว่ามันคือดินแดนเทพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงพลังแห่งฟ้าดินที่คงอยู่ในที่แห่งนี้ ในทะเลที่เก้าทั้งหมด สถานที่แห่งนี้มีพลังแห่งฟ้าดินอันเข้มข้นจนถึงระดับที่น่ากลัวอย่างสูงสุด

นอกจากนั้นแล้ว ยิ่งลึกลงไปมากเท่าใด ก็จะยิ่งพบเจอกับพลังอันไร้ขอบเขตมากขึ้นเท่านั้น

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน เขาเคยอยู่มาหลายสำนัก แต่ก็ไม่มีสำนักใดที่จะทำให้เขาต้องสั่นสะท้านขึ้นเท่ากับในตอนนี้ เมื่อกำลังมองไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าแห่งนี้

เขามองไปยังดินแดนอันกว้างใหญ่ ที่กระจายตัวออกไปตรงเบื้องหน้าจนดูคล้ายกับเป็นทวีป และสิ่งที่เห็นไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ฝึกตนเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกๆ อื่นอีกด้วย พวกมันมีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง

 

แต่ละคนมีพลังชีวิตที่ทำให้รู้ว่าเป็นอสูรทะเล ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่ตระหนักว่าคนเหล่านี้คือผู้ฝึกตนอสูรที่โดดเด่นของทะเลที่เก้า!

พวกมันไม่ใช่อสูรที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แต่ก็มีการกลายร่างในช่วงของการฝึกตน ทำให้ค่อยๆ มีรูปร่างหน้าตาอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้

ที่ยิ่งน่าตกตะลึงสำหรับเมิ่งฮ่าวมากไปกว่านั้นก็คือว่า อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าจริงๆ แล้ว ได้ลอยมาจากที่ห่างไกลที่ไหนสักแห่งจากส่วนลึกของทะเลเอง ถูกแยกออกมาจากความมืดมิดขนาดใหญ่

ที่อยู่ลึกลงไป ก็จะยิ่งมีแรงกดดันมากขึ้น และจะพบเห็นพลังแห่งฟ้าดินได้มากยิ่งขึ้น สามารถกล่าวได้ว่าสำหรับผู้ฝึกตนแล้ว…แรงกดดันที่กระจายออกมาจากทะเลที่เก้า ทำให้สถานที่แห่งนี้คล้ายกับเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ฝึกตน

“อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า…”

เมิ่งฮ่าวพึมพำ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่รับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของสถานที่แห่งนี้ เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากทะเลที่เก้า และพื้นฐานฝึกตนของตัวเองถูกจำกัดไว้ที่เจ็ดในสิบส่วนของพลังปกติ

เมิ่งฮ่าวเลื่อนสายตามองไปยังประตูทั้งเก้าที่กำลังส่องแสงระยิบระยับ เป็นปากทางเข้าไปสู่อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า เหนือประตูหลักมีตัวอักษร ‘จิ๋วไห่เสินเจี้ย’ อยู่ และสำหรับประตูอื่นๆ อันที่จริงแล้วก็มีรูปร่างที่คล้ายกับเป็นแท่นศิลาตัวอักษรมากกว่าที่จะเป็นประตูจริงๆ!

ยิ่งไปกว่านั้นพื้นผิวของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง ก็เต็มไปด้วยลำดับรายชื่อ แต่ละรายชื่อเหล่านั้นสาดประกายเจิดจ้าขึ้นด้วยแสงสีทอง ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ามองเห็นได้ นามต่างๆ ประกอบกันขึ้นเป็นลำดับรายชื่อ แต่ละแท่นศิลาตัวอักษรเหล่านั้น มีลำดับรายชื่อที่มีนามอยู่หนึ่งหมื่นนาม

 

บนแท่นศิลาตัวอักษรแท่นหนึ่ง เมิ่งฮ่าวมองเห็นนามของหลี่หลิงเอ๋อร์ และอยู่ตรงลำดับที่เก้าสิบสี่ ต่อจากรายชื่อของนางที่เป็นตัวอักษรสีทอง มองเห็นตัวอักษรเขียนไว้ว่า…ลึกลงไปแปดพันจ้าง, ยี่สิบเจ็ดชั่วยาม!

ยังมีอีกหลายชื่อที่สามารถมองเห็นได้บนแท่นศิลาตัวอักษรอื่นๆ ราวกับว่านี่คือบันทึกของการแข่งขันต่างๆ

จิตใจเมิ่งฮ่าวเริ่มเต้นรัว ประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง ทำให้เขาต้องนึกย้อนกลับไปในตระกูลฟาง ถึงศาลาโอสถและศาลาเม็ดยาเป็นอย่างมาก รวมทั้งแท่นศิลาตัวอักษรที่เขาเคยเห็นอยู่ในดินแดนบรรพบุรุษ รายชื่อทั้งหมดเหล่านี้เป็นของศิษย์ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า และการปรากฏขึ้นในที่แห่งนี้ของพวกมัน ก็บ่งบอกได้ว่ากลุ่มศิษย์เหล่านี้ศักดิ์ฐานะอันยิ่งใหญ่

แสงแปลกๆ เริ่มสาดประกายขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาติดตามบุรุษซึ่งมีดวงตาที่เย็นชาไป โดยที่มันไม่สนใจเขาโดยสิ้นเชิงขณะที่นำทางเข้าไปในสำนัก

คนทั้งสองได้พบเจอกับศิษย์ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าอยู่เป็นระยะ เมื่อพวกมันมองเห็นบุรุษที่นำทางไป พวกมันก็จะยิ้มและพยักหน้าให้ จากนั้นสายตาของพวกมันก็เลื่อนมายังเมิ่งฮ่าว

บางคนที่เป็นผู้ฝึกตนอสูร เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็จะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง แต่จากนั้นดวงตาของพวกมันก็จะกลายเป็นสีแดงก่ำไปอย่างรวดเร็ว และกลิ่นอายอันน่ากลัวก็พุ่งออกมาจากร่างพวกมัน

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ขณะที่ติดตามบุรุษใบหน้าเย็นชาเข้าไปในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า แทบจะในทันทีที่คนทั้งสองได้เหยียบย่างเท้าลงไปบนดินแดนขนาดใหญ่นี้ ก็ดูเหมือนว่าผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมดในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ไม่ว่าพวกมันจะทำอะไรอยู่ในตอนนี้ ต่างก็จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

 

รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาพวกมันอย่างรวดเร็ว รวมทั้งโทสะและความเกลียดชัง

ผู้ฝึกตนอสูรเหล่านี้มีนับหมื่นคน และความรู้สึกที่กำลังถูกพวกมันจ้องมองมา เป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายออกมาได้ สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป และดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาตระหนักว่าผู้ฝึกตนอสูรบางคน มีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่อาณาจักรโบราณ เมื่อสายตาที่เกลียดชังอย่างเย็นชาของพวกมันตกกระทบลงมาบนร่าง จิตใจเมิ่งฮ่าวก็เริ่มเต้นรัวขึ้น

ถ้านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่ทันใดนั้นกระแสแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้พุ่งออกมาจากที่อยู่อาศัยหลายแห่งจนสามารถมองเห็นได้ ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

จากที่เห็นผู้ฝึกตนอสูรนับหมื่นเหล่านี้ แทบไม่อาจจะควบคุมตัวเองไว้ได้ แต่ในทางกลับกัน ผู้ฝึกตนที่เป็นมนุษย์ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า กำลังเฝ้ามองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทันใดนั้นกลุ่มคนก็เริ่มจดจำเขาได้

“นั่นคือเมิ่งฮ่าว!”

“ข้าได้ยินมาว่ามันถูกยอมรับให้กลายมาเป็นศิษย์ของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่…”

“ในการต่อสู้บนดาวตงเซิ่ง เห็นได้ชัดว่าขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดได้เห็นมันสร้างชื่อเสียงขึ้นมา มันคือผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน!” ผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป บางคนประหลาดใจ บางคนมีท่าทางที่เย็นชา และบางคนก็มีท่าทางที่ดูถูก

ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนเหล่านี้จะมีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป แต่เมื่อพวกมันรับรู้ได้ถึงท่าทางที่แปลกๆ ของผู้ฝึกตนอสูร พวกมันต่างก็ตกตะลึงไปกันทั้งหมด

จิตใจเมิ่งฮ่าวที่รู้สึกไม่สงบอย่างแปลกๆ เริ่มมีมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

เขายังได้มีความระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าตอนที่บุรุษใบหน้าเย็นชาผู้นี้ ได้นำเขาฝ่าอากาศลงมายังอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้านี้อีกด้วย ขณะที่คนทั้งสองได้เดินทางลึกเข้าไปมากขึ้น รังสีสังหารและความดุร้ายของผู้ฝึกตนอสูรก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ

เป็นเช่นนี้ต่อไปจนกระทั่งทันใดนั้นเอง เสียงแค่นอย่างเย็นชาก็ดังก้องออกมาจากท่ามกลางกลุ่มของผู้ฝึกตนอสูร ตามมาด้วยลำแสงอันเจิดจ้าที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

มันคือบุรุษวัยกลางคน มีหน้าตาที่หล่อเหลาอย่างถึงที่สุด พร้อมกับเกล็ดปลาอยู่บนหน้าผาก มันสวมใส่ชุดสีขาว และมีเขาสองข้างงอกออกมาจากหน้าผาก กระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวและทรงพลังออกมา เคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่มันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว ก็ยื่นมือขวาออกไป ทำให้ระลอกคลื่นกระจายออกมาเพื่อก่อตัวเป็นกระบี่บินเก้าเล่ม

ในชั่วพริบตา กระบี่บินทั้งเก้าเล่มก็กลายเป็นมัจฉาสีแดงเก้าตัว พวกมันส่งเสียงแผดร้องด้วยท่าทางดุร้ายขณะที่พุ่งฝ่าอากาศไป สำหรับบุรุษวัยกลางคน มันมีกลิ่นอายอันน่ากลัวและระเบิดพื้นฐานฝึกตนขึ้นมา พลังของชีพจรเซียนกระจายออกไป ไม่ถึงหนึ่งร้อยจุด แต่ก็มีไม่น้อยกว่าเก้าสิบจุด

เมื่อได้เห็นการโจมตีของมัน สีหน้าของผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมดที่เป็นศิษย์ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าต่างก็เปลี่ยนไป ด้วยความต้องการสังหารเพิ่มมากขึ้น

สำหรับผู้ฝึกตนอสูรที่นำทางเขามา มันได้ลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้กล่าวตำหนิผู้ฝึกตนอสูรอื่นๆ ที่พยายามจะมาขัดขวางเส้นทางของพวกเขา มันทำท่าราวกับว่ามองไม่เห็น เดินต่อไปราวกับว่ามันไม่สนใจว่าเมิ่งฮ่าวจะถูกจับตัวไว้หรืออาจจะถูกสังหารไป

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้วและถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว โบกสะบัดมือทำให้ภูเขาที่ยาวเหยียดได้ปรากฏขึ้นและขัดขวางกระบี่มัจฉาทั้งเก้าไว้

“สหายเต๋า นี่หมายความว่าอย่างไร?” เมิ่งฮ่าวถามขึ้นขณะที่ถอยไปทางด้านหลัง เขาไม่ต้องการที่จะผ่านเข้าไปอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าด้วยการมีข้อขัดแย้งกับผู้ฝึกตนในที่แห่งนี้

คู่ต่อสู้ของเขาไม่กล่าวตอบออกมาแม้แต่คำเดียว ยิ้มอย่างเย็นชาออกมา ราวกับมันเชื่อว่าการพูดจากับเมิ่งฮ่าวจะทำให้ปากของมันต้องแปดเปื้อนสกปรกไป มันขยับมือร่ายเวท และอากาศที่ด้านหลังก็กระจายเป็นระลอกคลื่น ขณะที่หัตถ์ยักษ์ขนาดใหญ่สีแดงได้ปรากฏขึ้น ระลอกคลื่นอันน่าตกใจกระจายตัวออกไป ขณะที่หัตถ์ยักษ์นั้นพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

พื้นฐานฝึกตนของมันระเบิดเป็นพลังออกมา ถึงแม้ว่าจะถูกสะกดไว้บางส่วน อันเนื่องมาจากการที่อยู่ในทะเลที่เก้า แต่ก็ยังคงน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง รังสีสังหารของมันก็เข้มข้นขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นเดียวกัน

“สหายเต๋า, ได้โปรดบอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าท่านต้องการจะสังหารข้า อย่างน้อยก็น่าจะบอกเหตุผลออกมาได้บ้าง”

เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับถอยไปทางด้านหลังมากขึ้น คิ้วก็ยิ่งขมวดมุ่นลึกมากขึ้น

แต่บุรุษวัยกลางก็ไม่ได้เชื่องช้าลงแม้แต่น้อย มันก้าวเดินไปพร้อมกับโบกสะบัดมือไปด้วย ทำให้เกล็ดที่อยู่บนหน้าผากของมันสาดประกายขึ้น ทันใดนั้นมันก็ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดปลามากกว่าหนึ่งพันชิ้น ทั้งหมดสาดประกายระยิบระยับด้วยแสงอันเย็นชาออกมา ขณะที่ส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นลมพายุ

“เกล็ดสังหาร!” บุรุษผู้นั้นกล่าวเสียงเย็นชา รังสีสังหารของมันพุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่ามันต้องการจะตัดเฉือนร่างเมิ่งฮ่าวออกเป็นหมื่นชิ้น

เมิ่งฮ่าวมีโทสะขึ้นจนต้องยิ้มอย่างเย็นชาออกมา หลังจากที่มาถึงทะเลที่เก้า เขาก็ถูกปฏิบัติในฐานะที่เป็นศัตรูในทันทีด้วยเหตุผลอันลี้ลับบางอย่าง

จากนั้นเมื่อมายังอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ผู้ฝึกตนอสูรในที่แห่งนี้ก็ยิ่งปฏิบัติต่อเขาด้วยความเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิม

ปกติแล้วเมิ่งฮ่าวเป็นคนที่พูดจาอย่างตรงไปตรงมา เป็นคนที่ไม่สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ แม้แต่สวรรค์ก็ตามที เขาคือเต๋าแห่งอิสรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะยอมรับโซ่ตรวนหรือความคับข้องใจใดๆ ถึงแม้ว่าเขาจะล่าถอยให้กับคู่ต่อสู้ แต่มันก็ยังไม่ออมรั้งยั้งมือใดๆ กลับมีความตั้งใจที่จะสังหารเขาไปมากขึ้นกว่าเดิม

“ให้ชุ่นจะเอาฉื่อ!” เมิ่งฮ่าวคิดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้น หยุดถอยไปทางด้านหลัง แต่กลับเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ปล่อยให้เกล็ดปลาพุ่งเข้ามาใกล้ และกระแทกลงไปบนร่าง

เสียงโลหะกระทบกันได้ยินมา และศิษย์จำนวนมากของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ต่างก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ขณะที่เกล็ดปลาไม่อาจจะทำอะไรเมิ่งฮ่าวได้แม้แต่น้อย อันที่จริงเกล็ดปลามากมายได้แตกกระจายไป ภายใต้ปฏิกิริยาสะท้อนกลับที่กระแทกลงมาบนร่างเขา

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเย็นเยียบขึ้น ขณะที่เดินไปข้างหน้าสามก้าว ลมพายุได้พุ่งขึ้นมา และขณะที่กระบี่มัจฉาเก้าเล่มเข้ามาใกล้ เขาก็ยกมือขวาขึ้นและฟาดฝ่ามือออกไป

กระบี่ทั้งเก้าเล่มเริ่มสั่นไปมาในทันที

“ไสหัวไป!” เขากล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น คำพูดนี้ได้กลายเป็นสายฟ้าเก้าสาย ทำให้กระบี่มัจฉาทั้งเก้าเล่มหมุนคว้างออกไป หลังจากนั้นพวกมันก็ระเบิดออก

พลังอันไร้ที่เปรียบได้ระเบิดขึ้นมาจากร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้สีหน้าของบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นสลดลง โลหิตไหลซึมออกมาจากปากขณะที่มันถูกบังคับให้ต้องล่าถอยไปทางด้านหลังด้วยพลังที่โจมตีกลับมา แต่มันก็กัดฟันแน่นและขยับมือร่ายเวทขึ้นอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงเย็นชา โบกสะบัดมือขวาเพื่อเรียกศีรษะอสูรโลหิตออกมา ถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนของเขาจะถูกสะกดไว้ แต่ก็ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่ออยู่ภายในอาณาจักรเซียน เขาโบกสะบัดมือ ทำให้ศีรษะอสูรโลหิตส่งเสียงแผดร้องคำราม เป็นเสียงที่ทำให้โลหิตของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นมากมาย ต้องสั่นไปมาเกินกว่าที่จะควบคุมร่างกายตนเองได้ ราวกับว่าโลหิตเหล่านั้นต้องการจะพุ่งออกมาจากร่างกายของพวกมัน

ศีรษะอสูรโลหิตอันดุร้ายพุ่งตรงไปยังบุรุษวัยกลางคน ซึ่งได้ถอยไปทางด้านหลังในทันที สีหน้ามันเปลี่ยนไปขณะที่รับรู้ได้ถึงอันตรายอันร้ายแรงที่พุ่งขึ้นมาอย่างเข้มข้น เป็นพลังที่ทำให้มันรู้สึกว่าถ้ายังคงเชื่องช้าไปกว่านี้แม้แต่น้อยนิด มันก็จะต้องตายไปในทันที

แต่น่าเสียดายที่เห็นได้ชัดว่าความรวดเร็วของมัน ไม่อาจจะเทียบได้กับศีรษะอสูรโลหิต ซึ่งได้มาอยู่ที่ด้านบนร่างมันในทันที สีหน้ามันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความเกลียดชัง ขณะที่แผดร้องออกไป “ทำไมพวกเจ้าทั้งหมดยังไม่โจมตีอีก!?”

ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนอสูรหลายสิบคนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็ก้าวเดินตรงมา พื้นฐานฝึกตนพุ่งขึ้นขณะที่พวกมันโจมตีไปยังศีรษะอสูรโลหิต

ยังมีบางคนได้ส่งเสียงแผดร้องด้วยโทสะ และพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวอีกด้วย ในที่สุดผู้ฝึกตนอสูรหนึ่งร้อยคนก็โจมตีมาโดยพร้อมเพรียงกัน รังสีสังหารคล้ายกับเป็นน้ำป่าที่ไหลหลากมา ทำให้พื้นที่ในบริเวณนั้นของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าดูเหมือนว่าจะตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย

ผู้ฝึกตนที่ไม่ใช่อสูรซึ่งเป็นศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าทั้งหมด มองมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป และบางคนยังได้เริ่มก้าวเดินออกมาเพื่อจะหยุดการต่อสู้นี้อีกด้วย

แต่เมิ่งฮ่าวก็ยิ้มอย่างคาดไม่ถึงออกมา เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยรังสีสังหาร เขาตัดสินใจที่จะไม่ไปค้นหาว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ นอกจากนั้นบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นก็พยายามที่จะสังหารเขา และดังนั้น…จึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง บุรุษผู้นั้นต้องตาย!

นี่คือโอกาสของเมิ่งฮ่าว…ที่จะยืนหยัดอยู่ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้านี้!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นด้วยความเย็นชา ขณะที่ยกมือขึ้นไปในทันที ภายในมือมีกระถางสายฟ้าปรากฏขึ้น ประจุไฟฟ้าเต้นไปมา และเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ได้ยินมา ขณะที่จู่ๆ เขาก็สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับผู้ฝึกตนอสูรคนอื่น ที่อยู่ข้างกายของบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น

สีหน้ามันสลดลงด้วยความตกใจและหวาดกลัว ขณะที่เมิ่งฮ่าวยื่นมือออก แตะปลายนิ้วลงไปบนหน้าผากของมัน

ดรรชนีนั้นพุ่งกลิ่นอายอันน่ากลัวออกไป และเห็นได้ชัดว่าถ้าเขาแตะไปโดนบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น มันก็จะถูกสังหารไปทั้งร่างกายและวิญญาณในทันที ตกตายไปโดยไม่ต้องสงสัยใดๆ

ในตอนนี้เอง ที่เสียงอันกราดเกรี้ยวได้ร้องตวาดออกมาจากที่ห่างไกล

“บังอาจ!!”

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แทบจะราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเสียงนั้น ดรรชนีของเขาได้ตกลงไปจนกระทั่งแตะไปโดนหน้าผากของบุรุษผู้นั้น เสียงระเบิดดังก้องขึ้น…และร่างของบุรุษผู้นั้นก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง เส้นชีพจรของมันแตกกระจายไป และร่างกายก็ระเบิดขึ้นกลายเป็นกลุ่มหมอกของเลือดเนื้อ เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ ทำให้โลหิตกระจายหายไป จากนั้นก็หันหน้าไปมองยังผู้ที่ใกล้เข้ามานั้น

“เจ้าบอกว่าข้าบังอาจ หรือว่ามันบังอาจ?” เมิ่งฮ่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!