ตอนที่ 1047
นักรบเกราะดำ
ประตูศิลาพังทลายลงไปอีก กลายเป็นกลุ่มเศษชิ้นส่วนที่ระเบิดตรงมายังเมิ่งฮ่าว ท่ามกลางการลอยมาของเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นเป็นดวงตาปีศาจ ส่งเสียงแผดร้องขึ้นขณะที่มันพุ่งเข้ามาโจมตี เห็นได้ชัดว่าต้องการจะกลืนกินเขาลงไป
ยังมีอากาศที่หนาวเย็นได้ระเบิดออกมาจากภายในห้องศิลาอีกด้วย ในสายตาของเมิ่งฮ่าว เขามองเห็นเป็นกลุ่มหมอกถูกสร้างขึ้นมาอยู่ด้านใน ราวกับว่ามันเป็นช่วงฤดูหนาว ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า กลุ่มหมอกเหล่านั้นเป็นสีเขียว!
“มันมีพิษ!” เมิ่งฮ่าวรู้สึกตกตะลึงขึ้นเล็กน้อยจากการที่เวทเป็นตายอ่อนแอลงไป แต่ในชั่วพริบตาเขาก็รวบรวมสติกลับคืนมาได้ ดวงตาสาดประกายขึ้น ไม่ได้หลบเลี่ยงล่าถอย แต่กลับโบกสะบัดมือตรงไปที่เบื้องหน้า
ทันใดนั้นชีพจรเซียนก็พุ่งขึ้น และพลังเซียนก็กระจายออกไป เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังขึ้นขณะที่เศษชิ้นส่วนของประตูศิลาแตกกระจายกลายเป็นเถ้าธุลีไปโดยสิ้นเชิง แต่ก่อนที่เถ้าธุลีเหล่านั้นจะจางหายไป
มันก็เริ่มหมุนคว้างไปรอบๆ กลายเป็นกระแสน้ำวนของเถ้าธุลี โดยมีดวงตาปีศาจเป็นจุดศูนย์กลางของมัน
สายลมส่งเสียงแหลมเล็กอยู่รอบๆ ดวงตาปีศาจ ดูเหมือนว่าแทบจะทำลายมันลงไปได้โดยสิ้นเชิง สายลมนั้นเต็มไปด้วยพลังเซียนของเมิ่งฮ่าว ซึ่งแม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นสูงสุดของอาณาจักรเซียนก็ยังต้องสั่นสะท้าน
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งจบลงไปก่อนที่จะทันได้อธิบายออกมาเป็นคำพูด ในชั่วพริบตาก็เกิดเป็นลมพายุห้อมล้อมอยู่รอบๆ ดวงตาปีศาจ แต่ในทางกลับกัน แสงอันลี้ลับก็เริ่มกระจายออกมาจากร่างมัน ไม่ใช่ลำแสงแต่เป็นวงแหวนแห่งแสงที่กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง
เมื่อแสงนั้นปะทะเข้ากับลมพายุ ลมพายุอันรุนแรงก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานต่อมาดวงตาปีศาจก็พุ่งออกมา ส่งเสียงแผดร้องขณะที่มันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว
“น่าสนใจจริงๆ” เมิ่งฮ่าวคิด เขารับรู้ได้ว่าเวทเป็นตายกำลังอ่อนแอลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่อเรื่องนี้มากนัก กลับพยายามที่จะเพิ่มเติมพลังของเวทนั้นเข้าไป เขาต้องการจะเห็นว่าดวงตาปีศาจนี้มีความแข็งแกร่งมากน้อยเท่าใดกันแน่
ก่อนที่ดวงตาปีศาจจะทันได้เข้ามาใกล้มากไปกว่านี้ เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าตรงไปและยกมือขึ้นมา เกิดเป็นสายลมขนาดใหญ่พุ่งออกไป ขณะที่เขากำมือเป็นหมัดและต่อยตรงไป ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่การต่อยหมัดที่ธรรมดา แต่จริงๆ แล้วก็เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งอย่างเข้มข้นของกายเนื้อเซียนแท้ รวมทั้งชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุดของเมิ่งฮ่าว ทำให้หนึ่งหมัดนั้นเพียงพอที่จะกำจัดใครก็ตามที่อยู่ในอาณาจักรเซียนไปได้
ขณะที่หมัดนั้นส่งเสียงดังก้องออกไป ดวงตาปีศาจก็กรีดร้อง มันต้องการจะหลบหนีล่าถอย แต่ก็ไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้ก็คือ พยายามกวาดหนวดของมันขึ้นไปเพื่อสร้างเป็นเกราะป้องกันอยู่ที่เบื้องหน้า ในเวลาเดียวกันนั้นดวงตาปีศาจที่ยังคงลืมตาอยู่ตลอดเวลา ก็ได้ปิดลงไปในตอนนี้
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมาอย่างน่าตกใจยิ่ง ขณะที่หนวดของมันถูกทำลายลงไปอย่างง่ายดายราวกับเป็นหญ้าแห้งกิ่งไม้ผุ ดวงตาปีศาจสั่นสะท้านและถอยไปทางด้านหลัง พลังของมันลดลงอย่างรวดเร็วและเริ่มอ่อนแอกลายเป็นสีดำไป สำหรับภูติน้อยสีดำที่อยู่ด้านใน ก็เริ่มมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม
ไม่นานต่อมาดวงตาปีศาจก็พังทลายลงไปโดยสิ้นเชิง แต่ภูติที่มีเกราะสีดำไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มันส่งเสียงแผดร้องแหลมเล็กออกมา และอ้าปากขึ้นจนเผยให้เห็นฟันที่แหลมคม ขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวร้องอุทานออกมาด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น เมื่อตระหนักว่าหลังจากที่ดวงตาปีศาจได้กลืนกินหินปราณเซียนลงไปเป็นจำนวนมาก มันก็จะมีการกลายร่าง จนมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ขึ้นมา ทำให้สามารถจะต่อต้านพลังจากหนึ่งหมัดของเขาได้
ขณะที่ภูติเกราะดำใกล้เข้ามา ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้น เขาไม่ได้หลบเลี่ยงล่าถอย แต่ปล่อยให้มันเข้ามาใกล้ จากนั้นเมื่อมันบรรลุมาถึงตัว ภูติตนนั้นก็พุ่งเข้ามาในร่าง หลอมรวมเข้าไปในร่างของเมิ่งฮ่าวราวกับว่ามันเป็นภาพลวงตา
ในเวลาเดียวกันนั้น พลังอันแข็งแกร่งก็ระเบิดขึ้นมาอยู่ภายในร่าง
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาแวบแสงอันเย็นชาออกมา เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ภูติเกราะดำที่อยู่ภายในร่าง กำลังพยายามจะทำลายวิญญาณและยึดครองร่างกายของเขาไป มันต้องการจะครอบครองเขาโดยสิ้นเชิง
มันเอาแต่ใจตนเองจนดูเหมือนว่าไม่อาจจะหยุดลงได้ แต่รอยยิ้มน้อยๆ ก็มองเห็นได้จากบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว ตอนนี้เขารู้ถึงสิ่งที่ภูติเกราะดำได้ทำอยู่ จึงไม่ต้องการจะทดสอบมันอีกต่อไป แค่นเสียงอย่างเย็นชา และสัญลักษณ์เวทก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผาก ซึ่งก็คือเวทเป็นตายที่อ่อนแอนั้น แต่จู่ๆ มันก็เสถียรมั่นคงขึ้น ภูติเกราะดำอันกระจ้อยร่อยจะทำให้เวทผนึกเป็นตายอ่อนแอลงไปอย่างถาวรได้อย่างไรกัน?!
ในทันทีที่เวทเป็นตายแข็งแกร่งขึ้น เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนก็ดังก้องออกมา ภูติเกราะดำสั่นสะท้านขณะที่มันโผล่ออกมาจากภายในร่างเมิ่งฮ่าว มาปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้า เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนและร่างกายที่สั่นสะท้านของมัน ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจนกระทั่งเวลาชั่วธูปไหม้หมดครึ่งดอกผ่านไป มันก็คุกเข่าอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว สีหน้าอ้อนวอนร้องขอความเมตตาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน
“มันมีการพัฒนาสติปัญญาขึ้นมาได้จริงๆ!” เมิ่งฮ่าวพึมพำ โบกสะบัดมือตรงไปยังภูติเกราะดำ ซึ่งไม่กล้าจะต่อต้าน มันกลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งตรงมายังฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็กลายเป็นฝักถั่วไป
ฝักถั่วนั้นแทบจะดูคล้ายกับเม็ดยา แต่ไม่มีกลิ่นหอมของตัวยากระจายออกมา มีแต่พลังชีวิตที่กระเพื่อมไปมาอยู่ภายใน เมิ่งฮ่าวใช้นิ้วบีบลงไปอย่างแรง แต่ก็ไม่อาจจะทำลายมันลงไปได้ เห็นได้ชัดว่ามันมีความเหนียวแน่นมากเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยพลังออกมาจนกระทั่งถึงเจ็ดในสิบส่วน ทำให้ฝักถั่วสีดำนั้นเริ่มสั่นไปมา เกิดเป็นรอยแตกร้าวกระจายไปทั่วทั้งพื้นผิวของมัน ฉับพลันนั้นกระแสเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์อันน่ากลัวก็พุ่งออกมาจากฝักถั่วนั้น เพื่อร้องขอความเมตตา
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เขาก็คลายพลังไป จากนั้นก็เก็บฝักถั่วสีดำกลับเข้าไปในถุงสมบัติ ในที่สุดดวงตาก็สาดประกายขึ้น มองไปยังสองห้องศิลาที่เหลือด้วยความมุ่งหวัง
“เทียบเท่ากับขั้นสูงสุดของอาณาจักรเซียน…และยังมีสติปัญญาขึ้นมาอีกด้วย นั่นก็หมายความว่ามีโอกาสสูงมากที่พวกมันจะเติบโตต่อไปได้อีก!”
“แค่ภูติเกราะดำตนเดียว ก็มีความแข็งแกร่งกว่าด้วงตาปีศาจสิบตัวมากนัก และสาเหตุในการกลายร่างทั้งหมดนี้ก็คือหินปราณเซียนเหล่านั้น!”
“ถ้าข้ามีภูติเกราะดำมากขึ้น อาจจะแค่สิบกว่าตน…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายอันเจิดจ้าขึ้น ขณะที่คิดไปถึงภาพที่เขาโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป ทำให้ฝักถั่วสีดำลอยออกไปเป็นจำนวนมาก หลังจากที่กลายเป็นภูติเกราะดำ พวกมันก็ไปจัดการศัตรูให้กับเขา ซึ่งจะช่วยในการต่อสู้เป็นอย่างมาก
“นักรบเกราะดำ!” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายขึ้น จากนั้นเขาก็ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในห้องศิลาอีกสองห้อง
หนึ่งในห้องศิลานั้น ด้วงตาปีศาจกำลังอยู่ในขั้นตอนการกลืนกินซึ่งกันและกันอยู่ อีกห้องศิลาหนึ่ง มีตัวด้วงเหลืออยู่เพียงแค่หนึ่งตัวเท่านั้น แต่ตอนนี้มันกำลังหลับอยู่
เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ว่าคงอีกไม่นาน ก่อนที่สองภูติเกราะดำ จะโผล่ออกมาจากห้องศิลา
เขาพึมพำกับตนเอง เรียกด้วงสีดำออกมาอีกห้าตัว ใส่เข้าไปในห้องศิลาที่ประตูถูกทำลายไป ป้อนหินปราณเซียนให้กับพวกมัน จากนั้นก็โบกสะบัดมือ ทำให้เกราะป้องกันที่เรืองแสงปรากฏขึ้นมาแทนที่ประตูที่พังทลายลงไปนั้น
ในตอนนี้เองที่เด็กชายหุ่นเชิดได้บินผ่านน้ำและเกราะป้องกันลงมา จากนั้นก็เข้ามาในห้องพัก ประสานมือให้กับเมิ่งฮ่าว และยื่นส่งถุงสมบัติให้กับเขา เมิ่งฮ่าวมีท่าทางตื่นเต้นขึ้นในทันที ปล่อยวางเรื่องราวของด้วงตาปีศาจไว้ที่ด้านข้างอย่างฉับพลัน คว้าจับไปที่ถุงสมบัติใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านเข้าไป จากนั้นก็ต้องขมวดคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าที่ด้านในมีหินลมปราณและหยกเซียนน้อยกว่าในถุงสมบัติจากก่อนหน้านี้มากนัก
แต่ก็แน่นอนว่าดีกว่าที่ไม่มีอะไรเลย มันยังคงมีอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะน้อยกว่าก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือทำให้เด็กชายหุ่นเชิดออกไป จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ และเริ่มใช้กระจกทองแดงเพื่อคัดลอกโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง
เวลาผ่านไป การใช้ชีวิตนั่งอยู่ที่นั่นเพื่อทำการคัดลอกด้วยกระจกทองแดงของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ดวงตาเขากลายเป็นสีแดงก่ำ และส่งเสียงก่นด่าสาปแช่งอยู่ตลอดเวลา ความสามารถในการกลืนกินหินลมปราณของกระจกทองแดง และความเจ็บปวดใจที่ตามมานั้น เป็นสิ่งที่ทำให้หนังศีรษะของเมิ่งฮ่าวต้องด้านชา อย่างไรก็ตามเมื่อได้ผลลัพธ์ออกมา ก็ทำให้หนังศีรษะเขาต้องด้านชาไปด้วยเช่นเดียวกัน
แต่โชคดีที่โลหิตของผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาได้รับมามีจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น เขาก็มีอยู่ถึงแปดสิบส่วน!
ตลอดช่วงเวลานั้น เขาได้ส่งให้เด็กชายหุ่นเชิดออกไปมากกว่าสิบครั้ง แต่ละครั้งมันก็จะกลับมาพร้อมกับหินลมปราณและแผ่นหยกที่ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ในตอนนี้เขาได้แต่มองขึ้นไปและต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่เด็กชายหุ่นเชิดกลับมาอีกครั้ง
โชคร้ายที่ครั้งนี้เด็กชายหุ่นเชิดไม่มีถุงสมบัติกลับมาด้วย มีแต่แผ่นหยกเท่านั้น
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นแผ่นหยกนั้น ก็ยิ้มอย่างขมขื่นออกมา เขามีความรู้สึกที่เลวร้ายต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกประหลาดใจ เมื่อหยิบเอาแผ่นหยกนั้นมากวาดผ่านด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ และได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของหลิงอวิ๋นจื่อ
“ไม่มีอีกแล้ว! เจ้าทำอะไรกับหินลมปราณทั้งหมดนั้น กินพวกมันลงไป?! หรือว่าเจ้าแค่บดขยี้พวกมันเป็นเสี่ยงๆ เพื่อความสนุก!?! ผ่านไปแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าได้เอาหินลมปราณและแผ่นหยกไปแล้วมากมายเท่าใด!?!?”
“อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าเก็บรวบรวมแผ่นหยก และหินลมปราณมาเป็นเวลานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน แต่เจ้าก็สูบพวกมันไปหนึ่งในสิบส่วน!!”
“บัดซบ! ข้าเคยบอกว่าทรัพยากรทั้งหมดของสำนักมีไว้เพื่อเจ้า แต่…แต่ด้วยวิธีการกวาดล้างเช่นนี้ของเจ้า พวกเราไม่อาจจะทนได้ ไม่มีแล้ว! จนกว่าอาณาจักรสายลมจะเปิดออก พวกเราไม่มีอีกแล้ว!”
เมิ่งฮ่าวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่เล็กน้อย ถึงแม้ว่าแผ่นหยกนี้จะประกอบไปด้วยเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และหลิงอวิ๋นจื่อก็ไม่ได้มาด้วยตัวเอง
แต่เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะคาดคิดได้ว่ามันมีโทสะมากมายเพียงใด รวมทั้งจิ่วผอและเสินซือซ่างเหริน ก็ต้องเป็นเช่นเดียวกัน
“ข้าก็ไม่อยากจะสูญเสียหินลมปราณไปมากมายเช่นนั้นเหมือนกัน มันทำให้ข้ารู้สึกเจ็บปวดด้วยเช่นกัน!”
เมิ่งฮ่าวคร่ำครวญ เขารู้สึกตกใจถึงจำนวนหินลมปราณและแผ่นหยกที่ต้องสูญเสียไปด้วยเช่นกัน และรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นอย่างแท้จริง รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย เขาไม่ได้คิดคำนวนว่าได้ใช้พวกมันไปมากน้อยเท่าไหร่จริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อาจจะคิดคำนวณ แต่เป็นเพราะเขาวิตกว่าถ้ารู้จำนวนของมัน ก็อาจจะหมดสติไปด้วยความเจ็บปวดใจ
“ยิ่งไปกว่านั้น มันก็แค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น! อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าอันยิ่งใหญ่ ทำไมถึงได้ตระหนี่นัก!” เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทำการตรวจสอบข้อความที่หลิงอวิ๋นจื่อส่งมาอย่างต่อเนื่อง
“ข้ารู้ว่าเจ้าเด็กน้อยคิดว่าแค่หนึ่งส่วนไม่ได้มากมายอะไรนัก ใช่หรือไม่? เหล่าฟูจะบอกให้เจ้ารู้ ฝ่ายของพวกเรามีสิทธิ์ใช้ทรัพยากรทั้งหมดของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าเพียงแค่สี่ในสิบส่วนเท่านั้น กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรควบคุมอยู่สามส่วน และอีกสองฝ่ายที่เหลือก็ควบคุมอยู่สามส่วน”
“ถ้าเจ้าต้องการทรัพยากรในการฝึกตนเพิ่มขึ้น พวกเราไม่อาจจะให้กับเจ้าได้ ให้ไปทำการทดสอบที่ประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองเองอาจจะได้รางวัลจากที่นั่นมาบ้าง เพราะเจ้าอยู่ในลำดับขั้น รางวัลที่ได้รับก็จะมีมากขึ้นเป็นสองเท่าหรือมากกว่านั้น เมื่อเจ้าได้รางวัลเหล่านั้น ค่าใช้จ่ายก็จะถูกแบ่งอยู่ในท่ามกลางแต่ละฝ่ายทั้งหมด!”
“ถ้าเจ้าเก่งกล้าเพียงพอ ก็สามารถจะจัดการทรัพยากรทั้งหมดของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าได้ภายในเวลาสองเดือนครึ่งนี้ แต่อย่างน้อยก็จะมีฝ่ายอื่นๆ สูญเสียด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่พวกเราเท่านั้น!!”
คำพูดสุดท้ายของหลิงอวิ๋นจื่อกล่าวผ่านร่องฟันออกมา เห็นได้ชัดว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ได้ทำให้มัน, จิ่วผอ และเสินซือซ่างเหริน ต้องปวดศีรษะมานานแล้ว
ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้อยู่ในลำดับขั้นแล้วละก็ พวกมันคงจะจัดการสังหารเขาไปนานแล้ว
เพื่อจบการกลืนกินหินลมปราณราวกับเป็นหลุมดำของพวกที่ตะกละตะกลามเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ขณะที่ถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากแผ่นหยก มองไปยังกระจกทองแดง และโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่แปดสิบขวดของเขา
“ข้ายังต้องการเพิ่มอีกยี่สิบขวด!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มสาดประกายด้วยแสงอันน่าตกใจและความมุ่งมั่น เพื่อที่จะได้โลหิตของผู้ยิ่งใหญ่มาอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะดูดซับผลเนี่ยผานเข้าไปได้อย่างสมบูรณ์ แม้แต่เรื่องการขโมยและปล้นชิงเมิ่งฮ่าวก็ยังได้เริ่มคิดขึ้นมา
“ข้าควรจะไปลองทดสอบดูดีกว่า!” ด้วยเช่นนั้น เขาก็กัดฟันแน่น ลุกขึ้นมายืนและเดินออกไปจากที่พัก
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงเพลงที่ร้องประสานกันอย่างเป็นระเบียบ ดังออกมาจากสระน้ำ
“มา มา มาร้องเพลงกับอู่เหยีย อย่าให้เสียงเพี้ยนไปนะ,เริ่ม! ข้าเป็นแค่ไห่เซียนตัวน้อยๆ ลาลาลาลา! ไห่เซียนน้อย โฮโฮโฮโฮ …ไห่เซียนตัวน้อยๆ”