ตอนที่ 1049
ประตูสีทองที่เก้า
ในทันทีที่ฝานตงเอ๋อร์พูดจบ เมิ่งฮ่าวก็กระแอมไอออกมา ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ถูกต้องที่จะไปหลอกลวงนางเช่นนี้ แต่จากนั้นเขาก็คิดไปถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่ หินลมปราณและหยกเซียนจำนวนมากที่เขาต้องการ ทำให้ตระหนักว่าไม่อาจจะปล่อยให้เหยื่อรายนี้หนีรอดไปได้
“เจ้าต้องการจะเดิมพันด้วยหินลมปราณมากมายเท่าใด?” เขาถามนาง
ฝานตงเอ๋อร์แค่นเสียงเย็นชา นางจะไม่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวมีความเชื่อมั่นต่อความสามารถของเขาได้อย่างไรกัน? มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่มีทางจะเอ่ยถึงการเดิมพันนี้อย่างแน่นอน แต่นางก็มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเอาชนะได้ และนางก็มั่นใจเช่นนั้นจริงๆ เมิ่งฮ่าวไม่เคยมายังอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ามาก่อน อย่าว่าแต่จะผ่านเข้าไปในประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองเลย ทำให้นางมีความคุ้นเคยกับพวกมันกว่าเมิ่งฮ่าวมากนัก
“ครั้งนี้มาดูกันว่าระหว่างเจ้าและข้า ใครจะปล้นใครกันแน่!”นางคิด ด้วยสีหน้าที่เย็นชา แสร้งทำเป็นว่านางกำลังโยนความระมัดระวังทั้งหมดไปในสายลม แต่ข้างในนางกำลังรู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเมิ่งฮ่าวที่ล่อลวงนางมาเดิมพันด้วย แต่เป็นนางที่กำลังหย่อนสายเบ็ดอยู่
ในเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมกับนาง นางก็กำลังวางแผนต่อเขาด้วยเช่นกัน!
“ข้าจะเดิมพันกับเจ้าในครั้งแรกที่เจ้าผ่านเข้าไปทดสอบในประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองประตูใดประตูหนึ่งเท่านั้น ถ้าเจ้าทดสอบพวกมันทั้งหมด ใครจะไปรู้ว่าเจ้าจะทดสอบจนเสร็จสิ้นเมื่อใด” ฝานตงเอ๋อร์กล่าวขึ้น
“ดังนั้น จึงนับเพียงแค่การทดสอบในครั้งแรกของเจ้าเท่านั้น เจ้าสามารถเลือกประตูใดๆ ก็ได้ และถ้าเจ้าสามารถผ่านเข้าไปในสิบคนแรกได้ ข้าก็จะมอบแผ่นหยกหนึ่งแสนชิ้น และหินลมปราณห้าล้านก้อนให้กับเจ้า ทั้งหมดนี้คือเงินเดิมพัน!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าต้องทำการทดสอบในวันนี้เท่านั้น! ข้าไม่มีเวลาที่จะมานั่งรอคอยเจ้า”
“ถ้าเจ้าเข้าไปอยู่ในสิบคนแรกได้ เจ้าก็จะได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปในทันที ถ้าทำไม่ได้ เจ้าก็ต้องสาบานด้วยเต๋าของตนเองว่า จะไม่เพียงแค่นำซากศพนี้กลับไปเท่านั้น แต่เจ้าต้องยกเลิกตั๋วสัญญาของข้าไปด้วย! รวมทั้งทุกครั้งที่เจ้าพบเห็นข้า เจ้าต้องคุกเข่าโขกศีรษะเพื่อคารวะข้าด้วย!” การที่ฝานตงเอ๋อร์กัดฟันแน่น จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว ทำให้ดูเหมือนว่าเหตุผลที่นางได้เพิ่มข้อกำหนดนี้ขึ้นมา เป็นเพราะว่านางถูกกระตุ้นให้รู้สึกเสียใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน และหวังว่าเมิ่งฮ่าวจะยอมถอยกลับไม่ยอมเดิมพันด้วยอีก
เมิ่งฮ่าวกระพริบตาปริบๆ มองไปยังฝานตงเอ๋อร์ด้วยความหวาดระแวง จากนั้นก็ค่อยๆ พยักหน้าอย่างช้าๆ
“ไม่เป็นไร เมื่อเจ้าและข้าเป็นสหายเก่ากัน ถึงแม้ว่าเดิมพันนี้จะไม่ค่อยยุติธรรมต่อข้าเท่าใดนัก ข้าก็จะยอมรับมัน ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากความสัมพันธ์ของพวกเรา มาเริ่มกันเถอะ!”
ฝานตงเอ๋อร์ไม่อาจจะปกปิดแสงอันเจิดจ้าในดวงตาของนางได้ ขณะที่กล่าวตอบขึ้นในทันที “เมื่อพูดออกมาแล้ว!”
“ก็คือคำสาบานแห่งเต๋า!” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบโดยไม่ลังเล
มีผู้ฝึกตนรอบๆ บริเวณนั้นอยู่ไม่น้อย ได้ยินสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ และกำลังเฝ้าจับตามองมาอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกตนที่เป็นบุรุษ ซึ่งมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความรู้สึกที่เป็นศัตรูอย่างเปิดเผย เห็นได้ชัดว่าพวกมันคิดว่าใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับฝานตงเอ๋อร์ ก็จะเป็นศัตรูกับพวกมันด้วยเช่นกัน
เมื่อฝานตงเอ๋อร์ได้ยินคำตอบโต้ของเมิ่งฮ่าว นางก็ยิ้มขึ้นมาในทันที ตอนนี้นางไม่ได้พยายามจะปกปิดเล่ห์เหลี่ยมใดๆ ของนางไว้หรือความจริงที่ว่านางกำลังล่าเหยื่อซึ่งเป็นเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป นางมีความมั่นใจถึงแปดในสิบส่วนว่าเมิ่งฮ่าวจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
เมื่อเมิ่งฮ่าวเห็นสีหน้าของฝานตงเอ๋อร์ เขาก็ยิ้มออกมา จากประสบการณ์ในฐานะที่เป็นผู้หลอกลวงคนอื่นมานานหลายปี แล้วเขาจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไรว่า ฝานตงเอ๋อร์กำลังล่อลวงเขามาโดยตลอด?
เขาไม่ได้เลือกแท่นศิลาตัวอักษรเพื่อเริ่มต้นทำการทดสอบในทันที
แต่กลายเป็นลำแสงพุ่งกลับไปกลับมาอยู่ระหว่างประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองอีกแปดประตู ในขณะที่ทำการตรวจสอบพวกมัน
ฝานตงเอ๋อร์ติดตามไป เช่นเดียวกับศิษย์คนอื่นๆ ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า รวมทั้งผู้ฝึกตนอสูรอีกไม่น้อย พวกมันส่วนใหญ่ได้ส่งข้อความไปยังเหล่าสหาย และในที่สุดข่าวการเดิมพันระหว่างเมิ่งฮ่าวและฝานตงเอ๋อร์ก็แพร่กระจายออกไป
ฝานตงเอ๋อร์เป็นเสินหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ในรุ่นนี้ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในโลกด้านนอก จึงไม่มีใครในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าจะไม่รู้ว่านางคือใคร เมื่อรวมเข้ากับความงดงามจนชวนให้ต้องตกตะลึงของนางแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสรุปว่ามีสหายร่วมสำนักมากมายเท่าใดที่ได้หลงใหลในตัวนาง จึงเป็นเรื่องปกติที่การเดิมพันของนาง จะทำให้เกิดเป็นความสนใจขึ้นมามากมายอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวก็มีชื่อเสียงอยู่ในโลกด้านนอกด้วยเช่นกัน จริงๆ แล้วนามของเขาก็โด่งดังไปกว่าฝานตงเอ๋อร์มากนัก
ทั้งในแง่ของตัวตนหรือว่าความสำเร็จของเขา เขาได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจอย่างมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาก็เพิ่งจะยืนตำหนิผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋ามา ทำให้เกิดเป็นข่าวคราวแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า จึงทำให้เรื่องที่เขาเดิมพันกับฝานตงเอ๋อร์ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม
ผู้ฝึกตนอสูรมาดู ผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปมาดู ไม่นานนักก่อนที่จะมีผู้ฝึกตนอยู่นับหมื่นคน มาติดตามดูเมิ่งฮ่าวอยู่รอบๆ บริเวณนั้น และส่งเสียงพูดคุยถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ พวกมันส่วนใหญ่จะมองไปที่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่สำหรับความคาดหวังแล้ว พวกมันส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนฝานตงเอ๋อร์
ประมาณยามเที่ยง เมิ่งฮ่าวก็ตรวจสอบประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองทั้งเก้าเสร็จสิ้น ในขณะที่เขาลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ ก็พูดพึมพำกับตัวเองขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น ไม่อาจจะตัดสินใจได้ว่าจะเลือกประตูไหน?”
ฝานตงเอ๋อร์ถามขึ้น หัวเราะเยาะเย้ยอย่างเย็นชาออกมา “อย่าพยายามถ่วงเวลา เมิ่งฮ่าว พวกเราได้เดิมพันกันแล้ว เจ้าต้องทำการทดสอบในวันนี้เท่านั้น!”
เมิ่งฮ่าวหันหน้าไปมองนาง จากนั้นก็ยิ้มออกมา ดวงตาแวบขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา โดยไม่พูดอะไรออกมา เขาพุ่งออกไปราวกับเป็นสายฟ้า เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยัง…ประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เก้า!
แท่นศิลาตัวอักษรแรกเป็นการทดสอบที่เกี่ยวข้องกับแรงกดดันของทะเลที่เก้า เป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวยังไม่พร้อมที่จะไปทดสอบ หลังจากที่ตรวจดูการทดสอบอื่นๆ มาบ้างเล็กน้อย
เขาก็ไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเอาชนะเดิมพันในการทดสอบเหล่านั้น แต่สำหรับแท่นศิลาตัวอักษรที่เก้าเป็นการทดสอบกายเนื้อ ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้นมา!
ดวงตาฝานตงเอ๋อร์สาดประกายขึ้น นางหัวเราะอย่างเย็นชา จริงๆ แล้วแท่นศิลาตัวอักษรที่เก้านี้เป็นหนึ่งในสามของแท่นศิลาที่นางคิดว่าเขาจะเลือกทดสอบ ดังนั้นจึงไม่ได้ประหลาดใจแม้แต่น้อยที่เขาจะเลือกแท่นศิลานี้
“เจ้าต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!” นางคิด ยิ้มอย่างวางท่าออกมา
ศิษย์ที่อยู่รอบๆ เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในทันที
“แท่นศิลาตัวอักษรที่เก้า! เมิ่งฮ่าวผู้นี้มีกายเนื้อเซียนแท้ ดังนั้นการเลือกแท่นศิลานี้ก็ถือว่ามันได้ระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี”
“แต่มันก็ใจร้อนไปบ้าง แท่นศิลาตัวอักษรที่เก้านี้…ยากเป็นอย่างยิ่ง!!”
“มันน่าจะเสียเปรียบ พลังปราณก็ลดลงไปด้วย เนื่องจากที่นี่คืออาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า!” เห็นได้ชัดว่า ศิษย์ทั้งหมดไม่เชื่อว่าเมิ่งฮ่าวจะทำได้สำเร็จ
สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปยังประตูแท่นศิลาตัวอักษรที่เก้า กลายเป็นลำแสงหลากสีที่แยกฝ่าอากาศไป ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ ก็ทำให้มีศิษย์จำนวนมาก ไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เห็นได้ชัดว่าพวกมันรับรู้ถึงเรื่องเดิมพันระหว่างฝานตงเอ๋อร์และเมิ่งฮ่าว ดวงตาพวกมันสาดประกายขึ้นขณะที่มองดูเมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปยังแท่นศิลาตัวอักษรขนาดใหญ่โดยไม่ลังเล
ในทันทีที่เขาแตะสัมผัสไปโดนแท่นศิลา ร่างกายก็หายเข้าไปที่ด้านใน
ต่อจากนั้นศิษย์ทั้งหมื่นกว่าคนที่อยู่ด้านนอกของแท่นศิลาตัวอักษร ต่างก็จ้องนิ่งไปยังรายชื่อ ขณะที่พวกมันเฝ้ารอดูการเปลี่ยนแปลงของรายชื่อเหล่านั้น ฝานตงเอ๋อร์หัวเราะหึๆ อย่างเย็นชา นางมีความเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อมั่นว่าเมิ่งฮ่าวจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ภายในของประตูแท่นศิลาตัวอักษรเป็นโลกขนาดใหญ่ที่ยืดยาวออกไปในทั่วทุกทิศทาง แต่ก็ไม่มีท้องฟ้าหรือพื้นดิน มีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้วขณะที่ตระหนักว่าชีพจรเซียนของตนเองถูกปิดผนึกไว้ เขาไม่อาจจะโคจรหมุนเวียนพวกมันได้แม้แต่น้อย ทำให้ยากที่จะใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ หรือวิชาเวทใดๆ ออกมาได้
“เวทของข้าถูกผนึกไว้?” เมิ่งฮ่าวคิด ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์บางส่วนเข้าไปในถุงสมบัติ และพบว่าแม้แต่ถุงสมบัติก็ยังมีผลกระทบด้วยเช่นกัน สิ่งของเกือบทั้งหมดที่อยู่ด้านในไม่อาจจะถูกนำมาใช้ได้เห็นได้ชัดว่ากฎธรรมชาติในสถานที่แห่งนี้ จะจำกัดสิ่งใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ไป
มีสิ่งของที่ต่อต้านสวรรค์เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ที่อยู่ภายในถุงสมบัติซึ่งยังคงจะสามารถนำมาใช้ได้ ที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือว่าฝักถั่วสีดำยังคงกระจายระลอกคลื่นออกมา เห็นได้ชัดว่าการผนึกนี้ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อมัน ทำให้สามารถจะใช้งานมันได้
ในขณะที่เมิ่งฮ่าวตกตะลึงอยู่นั้น เสียงปะทุจู่ๆ ก็ดังก้องออกมาจากด้านบน ต่อมาเงาร่างสูงใหญ่ก็ก้าวเนิบนาบเดินออกมาจากภายในความว่างเปล่า
เป็นบุรุษที่สวมใส่หน้ากากผู้หนึ่ง มีเส้นผมยาวเป็นสีขาวโพลน และใส่ชุดสีน้ำเงินเข้ม ไม่มีระลอกคลื่นพื้นฐานฝึกตนกระจายออกมาจากร่างมันแม้แต่น้อยขณะที่ใกล้เข้ามา ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวต้องเบิกกว้างขึ้น
เขารับรู้ได้ว่าบุรุษผู้นี้มีพลังของปราณและโลหิตอันไร้ขอบเขตอยู่ภายในร่าง ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีพลังของพื้นฐานฝึกตนเลยก็ตามที แต่พลังปราณและโลหิตของมันก็สูงมากเป็นอย่างยิ่ง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่ตระหนักได้ถึงรูปแบบการฝึกตนของบุรุษผู้นี้
“ผู้ฝึกตนกายเนื้อ!”
ย้อนกลับไปในตอนที่เขาค้นคว้าหาข้อมูลในบันทึกโบราณของตระกูลฟาง เขาได้เห็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบของการฝึกตนต่างๆ จากในสมัยโบราณ ผู้ฝึกตนเหล่านั้นไม่ได้ฝึกฝนวิชาเวทใดๆ แต่มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนร่างกายของพวกมันโดยเฉพาะกลุ่มคนเหล่านั้นถูกเรียกว่า ผู้ฝึกตนกายเนื้อ!
สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดสำหรับพวกมันก็คือว่า ร่างกายของพวกมันไม่มีพลังลมปราณแม้แต่น้อยนิด แต่ปราณและโลหิตของพวกมันมีผลกระทบต่อการทำงานของโลกที่อยู่รอบๆ ตัวพวกมัน
บุรุษที่อยู่เบื้องหน้าเขาไม่ได้บรรลุถึงระดับนั้น แต่ปราณและโลหิตของมันก็ยังคงแข็งแกร่งจนน่าตกใจอย่างถึงที่สุด
ในทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก้าวเดินตรงมา และก่อนที่มันจะทันได้เข้ามาใกล้ ปราณและโลหิตอันไร้ขอบเขตของมันก็พุ่งขึ้นมา กลายเป็นแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อบดขยี้ลงมาบนร่างเมิ่งฮ่าว
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ต้องยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าไม่อาจจะใช้วิชาเวทใดๆ ได้ ต้องพึ่งพาแต่กายเนื้อของตนเองเท่านั้น ถ้าเช่นนั้นก็ถึงเวลาที่จะเห็นว่า…กายเนื้อเซียนแท้นี้จะช่วยให้ข้าไปได้ไกลมากแค่ไหนกันแน่!” เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ โดยไม่ลังเลใดๆ อีก เริ่มก้าวเดินตรงไปยังบุรุษผู้นั้น
ขณะที่ต่างคนต่างก็ใกล้เข้ามา ต่างคนต่างก็กำมือเป็นหมัดและต่อยออกไป!
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น เมิ่งฮ่าวทุ่มพลังของกายเนื้อออกมาอย่างสุดตัว ส่งผลให้เกิดเป็นสายลมอันรุนแรงพุ่งขึ้นมา เมื่อเขาโจมตีตรงไปยังคู่ต่อสู้ ก็เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง เส้นผมของเมิ่งฮ่าวลอยพลิ้วจนยุ่งเหยิง แต่ก็ไม่ได้ล่าถอยไปทางด้านหลังแม้แต่ครึ่งก้าว หมัดแรกนี้ทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมา รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อยที่สามารถจะปลดปล่อยพลังเช่นนี้ออกมาได้
สำหรับคู่ต่อสู้ของเขา บุรุษผู้นั้นสั่นสะท้าน และถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว
“ตาย!” เมิ่งฮ่าวร้องตวาดขึ้น ก้าวเดินตรงไป และต่อยหมัดออกไปอีกครั้ง
หมัดนั้นไม่ได้กระแทกไปที่สิ่งใดๆ แต่ทำให้ความว่างเปล่าพังทลายลงไป เกิดเป็นสายลมขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา โจมตีเข้าไปบนร่างของคู่ต่อสู้ ร่างกายมันสั่นสะท้านไปมา ในชั่วพริบตาก็แตกกระจายออกไปทีละชิ้น ที่ละชิ้นด้วยพลังที่กระแทกเข้ามานั้น
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีบุรุษอีกสองคนได้ปรากฏตัวขึ้นมา จากภายในความว่างเปล่า พวกมันมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับบุรุษคนแรก สวมใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มและหน้ากาก ปราณและโลหิตของพวกมันมีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อด้วยเช่นกัน และพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวในทันที
เมิ่งฮ่าวแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา เขาไม่ถอยไปทางด้านหลัง แต่กลับเดินตรงไปข้างหน้า เกิดเป็นเสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่สองเงาร่างนั้นถูกทำลายไป ไม่นานต่อมาอีกสี่เงาร่างก็ได้ปรากฏขึ้น พร้อมกับปราณและโลหิตที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
เกิดขึ้นเช่นนี้ติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่า เมิ่งฮ่าวโจมตีไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า และพลังอันแข็งแกร่งก็พุ่งขึ้นมาอยู่ภายในร่าง ทำให้เกิดเป็นความกล้าหาญอย่างบ้าคลั่งสะกดข่มไปทั่วในบริเวณนั้น เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องขึ้น ขณะที่ทั่วทั้งโลกแห่งนี้กำลังสั่นสะเทือนไปมา
สี่คู่ต่อสู้ถูกทำลายไป จากนั้นก็เป็นแปด หลังจากที่แปดคนถูกกำจัดไป ก็มีสิบหกคน หลังจากที่สิบคนหกถูกสังหาร อีกสามสิบสองคนก็ปรากฏขึ้น!
หลังจากนั้นก็มี หกสิบสี่, หนึ่งร้อยยี่สิบแปด, สองร้อยห้าสิบหก…
แต่ละครั้ง ปราณและโลหิตของพวกมันก็จะยิ่งมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นกลุ่มคนขนาดใหญ่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวซึ่งได้แต่หัวเราะขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เขาแทบไม่เคยจะมีโอกาสได้ต่อสู้เช่นนี้มาก่อน เป็นการต่อสู้ที่ไม่อาจจะใช้วิชาเวทได้ ต้องพึ่งพาแต่เพียงกายเนื้อของตนเองเท่านั้น ทุกครั้งที่เขาต่อยหมัดออกไป ก็ทำให้เกิดเป็นสีสันแวบไปมา
นอกจากนั้น นามของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มพุ่งทะยานขึ้นไป อยู่บนรายชื่อของแท่นศิลาตัวอักษรอย่างรวดเร็ว!