ตอนที่ 1050
เทพแห่งการต่อสู้
อันที่จริงนามของเมิ่งฮ่าวได้ปรากฏขึ้นบนแท่นศิลาตัวอักษร ในทันทีที่เขาสังหารศัตรูไปได้หกสิบสี่คน เป็นนามที่เด่นขึ้นมาบนประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง ในรายชื่อของหนึ่งพันคนแรก
แต่ขณะที่รายชื่อของหนึ่งร้อยคนแรกส่องแสงเจิดจ้าขึ้นมา รายชื่อของผู้ที่อยู่นอกเหนือจากหนึ่งร้อยคนแรกก็มืดสลัวลงไป จนถึงจุดที่ไม่อาจจะมองเห็นได้ชัดเจนถ้าไม่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดอ่าน
สำหรับรายชื่อของเมิ่งฮ่าว เมื่อมันปรากฏขึ้น ก็ไปอยู่ตรงตำแหน่งที่เก้าร้อยเก้าสิบเจ็ด!
ถ้าเป็นช่วงเวลาอื่น มีน้อยคนนักที่จะสนใจต่อรายชื่อในตำแหน่งนี้ คนส่วนใหญ่มักจะให้ความสนใจต่อรายชื่อหนึ่งร้อยคนแรกเท่านั้น อีกเก้าร้อยรายชื่อที่ด้านล่างอาจจะมีความภาคภูมิใจในตนเองบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนขึ้นมาได้
แต่ในตอนนี้ กลุ่มผู้ชมนับหมื่นที่กำลังจ้องมองไปยังแท่นศิลาตัวอักษร มองเห็นนามของเมิ่งฮ่าวได้ในทันที และเริ่มร้องตะโกนขึ้นมา “มันอยู่ที่นั่น!!”
“มันอยู่ตรงลำดับที่เก้าร้อยเก้าสิบเจ็ด!!”
“ช่างรวดเร็วนัก! มันเข้าไปนานเท่าใดแล้ว?” ทันใดนั้นศิษย์ต่างๆ ก็เริ่มวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ และในที่สุดพวกมันก็ได้ข้อสรุปว่า ในตอนที่เมิ่งฮ่าวหายตัวเข้าไปในประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง จนกระทั่งถึงตอนที่นามของเขาได้ปรากฏขึ้น คงใช้เวลาไปเพียงแค่ธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอกเท่านั้น!
อันที่จริงในช่วงเวลาสั้นๆ ที่พวกมันเริ่มพูดคุยเรื่องนี้กัน นามของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งทะยานจากลำดับที่เก้าร้อยเก้าสิบเจ็ดไปยังลำดับที่แปดร้อยสามสิบเอ็ด!
และไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้น ยังคงพุ่งทะยานต่อไป จากลำดับที่แปดร้อยสามสิบเอ็ดไปยังลำดับที่สี่ร้อยเก้าสิบแปด!
เกิดเป็นความปั่นป่วนขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไป และเห็นได้ชัดว่าคนทั้งหมดกำลังตกตะลึงไปตามๆ กัน ทุกคนที่กำลังจ้องมองไปยังแท่นศิลาตัวอักษร ต่างก็ประหลาดใจต่อความสำเร็จของเมิ่งฮ่าวที่กำลังทำอยู่นี้ จากชื่อเสียงของเขา คนทั้งหมดมั่นใจว่าเขาจะต้องบรรลุถึงรายชื่อหนึ่งร้อยคนแรกได้อย่างแน่นอน แต่ที่ทำให้ต้องตกตะลึงไปตามๆ กันก็เนื่องมาจากความรวดเร็ว ที่นามของเขากำลังพุ่งขึ้นไปอยู่ในตอนนี้!
นามของเขาเลื่อนสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนผู้คนทั้งหมดต้องสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ เมื่อต้องต่อสู้กับผู้คนนับร้อย การเอาชนะพวกมันได้ในช่วงเวลาแค่หนึ่งร้อยลมหายใจ เป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับการที่เอาชนะพวกมันได้ในช่วงเวลาห้าสิบลมหายใจ นอกจากนั้นการที่สามารถทำเช่นนั้นได้ในเวลาเพียงแค่สิบลมหายใจเท่านั้น ก็เหมือนกับเป็นความแตกต่างระหว่างสวรรค์และปฐพี!
นั่นคือสิ่งที่ศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าทั้งหมดรู้สึกอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าพวกมันจะมองไม่เห็นภาพที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ที่ด้านในของการทดสอบนี้ แต่เมื่อพวกมันคำนวนได้ว่านามของเขากำลังเคลื่อนที่ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ก็รู้ได้ว่าเขากำลังระเบิดพลังออกมาอยู่ในตอนนี้
ฝานตงเอ๋อร์มีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ความยากที่แท้จริงอยู่ตรงหนึ่งร้อยคนแรก มันอาจจะเคลื่อนที่ไปได้อย่างรวดเร็วในด่านแรก แล้วจะอย่างไร?!” นางพึมพำกับตัวเอง ขบฟันแน่น
ย้อนกลับเข้าไปในประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง เมิ่งฮ่าวกำลังหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา ปราณและโลหิตของเขาพุ่งขึ้นไปคล้ายกับเป็นมังกรพิโรธ ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างองอาจ ทำให้เงาร่างในชุดสีน้ำเงินเข้มกระจัดกระจายออกด้วยการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง พวกมันคล้ายกับเป็นหญ้าแห้งเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
หลังจากที่จัดการผู้ฝึกตนให้แตกกระจายไปสองร้อยห้าสิบหกคนด้วยพลังปราณและโลหิตอันไร้ขอบเขตนี้ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น เขาสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย แต่จิตใจก็ยังคงเต็มไปด้วยความต้องการที่จะต่อสู้
“ข้าต้อง…เข้าไปอยู่ในสิบคนแรกให้จงได้! ถึงแม้ว่าโดยหลักการแล้วมันจะเป็นไปไม่ได้ แต่ข้าก็ต้องทำให้ได้!” เขามองลงไปยังถุงสมบัติ ที่อยู่ด้านในเป็นของสิ่งหนึ่ง ที่เขามั่นใจว่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สามารถเอาชนะเดิมพันกับฝานตงเอ๋อร์ได้
นี่อาจจะเป็นการทดสอบ และสิ่งของเกือบทั้งหมดในถุงสมบัติของเขาได้ถูกผนึกไว้ แต่เมิ่งฮ่าวก็คาดหวังว่าสิ่งของที่เขาคิดจะพึ่งพานั้นไม่ได้ถูกผนึกไว้ เช่นเดียวกับฝักถั่วสีดำ การที่มันไม่ถูกผนึกไว้ก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน
ขณะที่เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น ก็หอบหายใจออกมาเล็กน้อย ความว่างเปล่าที่เบื้องหน้ากระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น เขาไม่มีเวลาหยุดพัก ขณะที่กลิ่นอายขนาดใหญ่ระเบิดออกมาอยู่ที่เบื้องหน้า อย่างน่าตกใจยิ่งบุรุษห้าร้อยสิบสองคนในชุดสีน้ำเงินเข้มได้ก้าวเดินออกมา
แต่ละคนมีความแข็งแกร่งกว่าศัตรูที่เขาต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้มากนัก ปราณและโลหิตของพวกมันทำให้ดูเหมือนกับอยู่ในขั้นสูงสุดของอาณาจักรเซียน แต่ก็ไม่เหมือนกับผู้ถูกเลือกที่มีชีพจรเซียนมากกว่าเก้าสิบจุดขึ้นไป แต่เหมือนกับเซียนขั้นสูงสุดที่มีชีพจรเจ็ดสิบจุดขึ้นไปมากกว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกมันก็ยังมีความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อ
เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่าศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าโดยปกติแล้ว ได้ผ่านการทดสอบนี้มากน้อยเท่าใดกัน บางทีพวกมันอาจจะมีวิธีการฝึกฝนร่างกายมาเป็นพิเศษก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามดวงตาเขาก็สาดประกายขึ้น ขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้า และโจมตีออกไปอีกครั้ง
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มที่ทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือนขึ้นมา เมื่อเขาต่อยหมัดออกไป รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ ขณะที่เมิ่งฮ่าวไม่รับรู้ถึงกาลเวลาที่ผ่านไป และเขายังได้ลืมไปว่ากำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบอีกด้วย เพ่งสมาธิไปที่การใช้พลังกายเนื้อโจมตี และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มาขวางทางอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวไม่ได้พึ่งพาเพียงแค่วิชาเวท, ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ หรือพื้นฐานฝึกตนใดๆ นี่เป็นการต่อสู้ด้วยการใช้กายเนื้อของตนเองเท่านั้น ทั่วทั้งร่างเขากำลังสั่นสะท้าน ไม่ใช่เนื่องมาจากความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ แต่เป็นเพราะว่าในที่สุดเขาก็สามารถจะใช้พลังของมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
จริงๆ แล้วเมิ่งฮ่าวสามารถรับรู้ได้ว่า เนื่องจากต้องทำการต่อสู้อยู่ในการทดสอบนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้กายเนื้อของเขาในตอนนี้ได้แสดงสัญญาณแห่งการทะลวงผ่านขึ้นมา และกำลังจะมีความแข็งแกร่งมากไปกว่าเดิม!
เมิ่งฮ่าวส่งเสียงแผดร้องคำรามขณะที่พุ่งตรงไป ปลดปล่อยหมัดอันทรงพลังไปกำจัดสามคู่ต่อสู้ในทันที เมื่อเขาจัดการคู่ต่อสู้ทั้งห้าร้อยสิบสองคนได้หมดสิ้น โลหิตกำลังไหลซึมออกมาจากมุมปาก และเขากำลังหอบหายใจอย่างหนักหน่วง จากนั้นก็มองขึ้นไปและพบว่า ไม่ใช่คู่ต่อสู้หนึ่งพันยี่สิบสี่คน แต่เป็น…แค่คนเดียวเท่านั้น!
บุรุษผู้นั้นสวมใส่ชุดยาวสีแดงเข้ม ขณะที่มันเดินตรงมา ความว่างเปล่ารอบๆ ตัวก็กลายเป็นสีแดงเจิดจ้าขึ้น สีแดงนั้นไม่อาจจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…ต้องใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงจะสามารถมองเห็น
มันเป็นสิ่งที่ออกมาจากการที่บรรลุถึงระดับของพลังปราณและโลหิตขั้นสูงเท่านั้น เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อกฎธรรมชาติที่อยู่รอบๆ ตัวมันได้อย่างแท้จริง
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นบุรุษในชุดยาวสีแดงนั้น ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น และรู้สึกได้ถึงพลังคุกคามที่กระจายออกมาจากร่างมัน
“ในที่สุดผู้ฝึกตนกายเนื้อที่แท้จริงก็ปรากฏตัวขึ้น!” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้
จากพลังปราณและโลหิตที่กำลังกระจายออกมาจากร่างมันเมิ่งฮ่าวสามารถบอกได้ว่ามันต้องเทียบเท่ากับขั้นสูงสุดของอาณาจักรเซียนแท้อย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกันนั้น คนทั้งหมดที่อยู่ในโลกด้านนอกกำลังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ผู้ชมมากกว่าหนึ่งหมื่นคนตรงด้านนอกของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง มองเห็นนามของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไปในรายชื่อที่อยู่บนนั้น พุ่งจากสี่ร้อยคนแรกขึ้นไปสู่สามร้อยคนแรก จนกระทั่งบรรลุถึงลำดับที่หนึ่งร้อยหนึ่ง!
สำหรับเวลาที่ใช้ไปตั้งแต่ตอนแรกที่เมิ่งฮ่าวเริ่มต้นทดสอบ ผ่านไปเพียงแค่…ครึ่งชั่วยามเท่านั้น!
สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว เวลาครึ่งชั่วยามถือได้ว่าไม่มีอะไรเลย แต่นั่นเป็นเวลาที่เมิ่งฮ่าวใช้ไป ในการพุ่งทะยานขึ้นจนกระทั่งถึงลำดับที่หนึ่งร้อยหนึ่ง!
“เมิ่งฮ่าวผู้นี้ มี…มีกายเนื้อที่แข็งแกร่งเท่าใดกันแน่?!?!”
‘ครึ่งชั่วยาม! มันใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น…”
“จู่ๆ ข้าก็มีความรู้สึกว่ามัน…อาจจะเข้าไปอยู่ในสิบคนแรกได้!”
“ไม่จำเป็น บางทีมันอาจจะใช้วิชาลับบางอย่าง เพื่อทำให้กายเนื้อของมันระเบิดเป็นพลังออกมาได้ชั่วคราว!” ขณะที่เสียงพูดคุยดังก้องขึ้น
สีหน้าของฝานตงเอ๋อร์ก็ดูน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด ถึงแม้ว่านางไม่ต้องการจะยอมรับว่า กำลังวิตกกังวลใจขึ้นอย่างแท้จริงก็ตามที การที่เมิ่งฮ่าวไปอยู่ในลำดับที่หนึ่งร้อยหนึ่งได้ในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในการทดสอบของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองนี้
ย้อนกลับไปที่ด้านใน เมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่านามของเขาได้ไปอยู่บนรายชื่อตรงลำดับที่เท่าไหร่ และไม่มีความสนใจด้วยเช่นกัน เนื่องจากสิ่งของที่อยู่ด้านในถุงสมบัติของเขา
ทำให้มีความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีทางพ่ายแพ้ไปอย่างแน่นอน เมื่อคิดว่าการที่เขาจะชนะหรือพ่ายแพ้ต้องขึ้นอยู่กับของสิ่งนี้แล้ว สิ่งที่เขาได้รับในแง่ของกายเนื้อที่แข็งแกร่งขึ้นก็มีความสำคัญกว่ามากนัก
ที่ด้านหน้าขึ้นไป บุรุษในชุดสีแดงเข้มก้าวเดินตรงมายังเมิ่งฮ่าว มันเดินมาแค่สามก้าวเท่านั้น แต่ละก้าวทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น คล้ายกับเป็นเสียงฟ้าคำรามจนทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือนไปมา
จิตใจเมิ่งฮ่าวเต้นรัวขณะที่มันกำลังก้าวเข้ามา เขาแทบไม่อาจจะหายใจออกมาได้ ราวกับว่าเมื่อยืนอยู่ที่เบื้องหน้าของบุรุษชุดแดงเข้มนี้แล้วเขาต้องรู้สึกเสียใจขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
แต่จากนั้นดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้ปราณและโลหิตของเขาพุ่งขึ้นไป ทำการต่อสู้กับความรู้สึกนี้ในทันที เขาไม่ได้ล่าถอยหลบหนี แต่เดินหน้าตรงไปยังบุรุษชุดสีแดงเข้มนั้น
บุรุษผู้นั้นมองขึ้นมา และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้าที่คล้ายกับเป็นโลหิต ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้มัน มันก็พุ่งตรงเข้ามาด้วยเช่นเดียวกัน
คนทั้งสองไม่พูดจา ไม่ได้ใช้วิชาเวทใดๆ เพียงแค่…ต่อสู้กันด้วยพลังของกายเนื้อเท่านั้น!
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน
เมิ่งฮ่าวต่อยหมัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นเดียวกับบุรุษชุดสีแดงเข้ม คนทั้งสองต่อสู้กันไปมาในกลางอากาศ ใช้เท้าเตะกวาดออกไปปะทะกันเป็นระยะ ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ปะทะกันไปมามากกว่าหนึ่งร้อยครั้ง
เมิ่งฮ่าวหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา ยิ่งเขาต่อสู้มากขึ้นเท่าใด ก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ราวกับว่ากายเนื้อเซียนแท้ของเขากำลังเกิดการพัฒนาขึ้น ระดับพลังการต่อสู้ของเขาได้พุ่งผ่านจากก่อนหน้านี้ไป ทำให้เมิ่งฮ่าวได้ข้อสรุปว่า เขาได้มองข้ามความจริงไปว่า กายเนื้อของเขาสามารถจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อใช้มันไปต่อสู้! นั่นคือจุดสำคัญที่จะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น! สู้!
ความต้องการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นมา เขาโจมตีไปอย่างไม่ลดละ เดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีการหยุดชะงักนิ่ง พลังปราณและโลหิตของบุรุษในชุดสีแดงเข้มพลุ่งพล่านปั่นป่วน ถูกบังคับให้ต้องถอยไปทางด้านหลังครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้ามันไม่ใช่ผู้ฝึกตนกายเนื้อที่บรรลุถึงจุดที่มีผลกระทบต่อกฎธรรมชาติแล้วละก็ มันไม่อาจจะต่อสู้กับกายเนื้อเซียนแท้ของเมิ่งฮ่าวได้อย่างแน่นอน
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณสิบกว่าลมหายใจเข้าออก เมิ่งฮ่าวก็แผดร้องคำรามออกมา จากนั้นก็ต่อยหมัดออกไปทำลายบุรุษชุดสีแดงเข้มไปโดยสิ้นเชิง
โลกแห่งนั้นเงียบสงบไป และเมิ่งฮ่าวก็ลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ ปราณและโลหิตพุ่งขึ้นมา มีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม อย่างน่าตกใจยิ่งสีแดงเริ่มกระจายออกไปอยู่รอบๆ ตัวเขา!
เห็นได้ชัดว่า…เขาสามารถทำให้กฎธรรมชาติในโลกแห่งนี้ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของตนเองได้!
ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวดูเหมือนกับเป็นเทพแห่งการต่อสู้อย่างแท้จริง!
“ข้าเข้าใจแล้ว ผู้ฝึกตนกายเนื้อ จำเป็นต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ร่างกายพัฒนาขึ้น!” ดวงตาเขาสาดประกายด้วยความรู้แจ้งขึ้น ถ้าอยู่ที่ด้านนอกเขาสามารถจะพึ่งพาวิชาเวทเพื่อสังหารคู่ต่อสู้ชุดสีแดงเข้มนี้ไปอย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ แต่ตอนนี้เขาไม่อาจจะใช้วิชาเวทเช่นนั้นได้ ทำให้ต้องใช้แต่กายเนื้อเท่านั้น ทำให้กายเนื้อเซียนแท้ของเขา…ระเบิดเป็นพลังที่แท้จริงออกไปได้
แทบจะในเวลาเดียวกับที่คู่ต่อสู้ชุดสีแดงเข้มหายตัวไป นามที่อยู่ในลำดับรายชื่อของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งทะยานขึ้นไปอีกครั้ง แต่เขาไม่อาจจะรู้ได้ สิ่งที่เขามองเห็นในตอนนี้ก็คือ ในความว่างเปล่าที่เบื้องหน้าเกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้น ขณะที่…บุรุษในชุดสีแดงเข้มโผล่ออกมาอีกสองคน
มันเหมือนกับเป็นวงจรที่มีจำนวนห้าร้อยสิบสองเป็นขีดจำกัด ทุกๆ วงจรก็จะมีผู้ฝึกตนกายเนื้อที่แตกต่างกัน สวมใส่ชุดที่แตกต่างกัน จากอาณาจักรการฝึกตนกายเนื้อที่แตกต่างกันออกไป
สอง, สี่, แปด, สิบหก, สามสิบสอง, หกสิบสี่…
การทดสอบนี้ไม่มีการหยุดพัก กายเนื้อของเมิ่งฮ่าวเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น ความบ้าในการต่อสู้ของเขาเพิ่มมากขึ้นจนแทบจะกลายเป็นความคลุ้มคลั่งไป เขากระอักโลหิตออกมา แต่ก็ทำให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น ภายใต้การสังหารอย่างต่อเนื่อง กายเนื้อของเขาค่อยๆ เข้าไปใกล้ถึงจุดที่สมบูรณ์สูงสุดอย่างช้าๆ!
ในตอนที่คู่ต่อสู้ชุดสีแดงเข้มปรากฏขึ้นมาสองร้อยห้าสิบหกคน ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็เริ่มถอยไปทางด้านหลัง มีผู้คนมากเกินไป ทั้งหมดต่างก็เป็นผู้ฝึกตนกายเนื้อที่มีอิทธิพลต่อกฎธรรมชาติ พลังกายเนื้อของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ได้บรรลุถึงขีดจำกัดแล้ว
ดวงตาเขาแวบขึ้นขณะที่พวกมันมาห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัว และแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา เขาไม่รังเกียจที่จะใช้วิธีการฉ้อโกง แต่ไม่ต้องการจะใช้ไพ่ไม้ตายสุดท้ายนี้ออกไปอย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงได้โยนฝักถั่วสีดำออกไป ภูติน้อยปรากฏตัวขึ้น ส่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะที่มันพุ่งตรงไปยังคู่ต่อสู้ชุดสีแดงเข้มที่กำลังใกล้เข้ามา
กลุ่มของบุรุษชุดสีแดงเข้มแยกออกจากกันในทันที เพื่อไปจัดการกับภูติเกราะดำ ภูตินั้นดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง และไม่พยายามจะหลบเลี่ยง แต่กลับใช้เกราะของมันปกป้องตนเอง ถึงแม้ว่ามันไม่อาจจะต่อสู้กับบุรุษชุดสีแดงเข้มเหล่านี้ได้จริงๆ ก็ตามที แต่ยิ่งมันต่อสู้มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อมันได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บเหล่านั้นก็จะถูกรักษาไป เมื่อไหร่ก็ตามที่คู่ต่อสู้เข้ามาใกล้ มันพยายามจะครอบครองร่างกายของพวกมัน แต่เริ่มเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าร่างกายของบุรุษชุดสีแดงเข้มไม่ใช่สิ่งที่จะครอบครองได้ ดังนั้นภูติน้อยจึงได้กรีดเฉือนพวกมันออกเป็นชิ้นๆ และกลืนกินเลือดเนื้อเหล่านั้นเข้าไป!
ในที่สุดภูติน้อยก็สามารถจัดการคู่ต่อสู้ชุดสีแดงเข้มไปได้สิบกว่าคน ช่วยลดแรงกดดันให้กับเมิ่งฮ่าวได้บ้าง
เมิ่งฮ่าวรู้สึกตกตะลึงต่อผลลัพธ์นี้อย่างแท้จริง แบ่งแยกสมาธิระหว่างต่อสู้กับบุรุษชุดสีแดงเข้มและคอยเฝ้าสังเกตดูภูติเกราะดำตัวน้อยไปด้วย หลังจากที่เวลาสิบกว่าลมหายใจได้ผ่านไป ภูติเกราะดำก็ติดอยู่ในการต่อสู้กับผู้ฝึกตนกายเนื้อชุดสีแดงเข้มผู้หนึ่ง และส่งผลให้มันลอยละลิ่วออกไป ขณะที่มันลอยฝ่าอากาศไป ก็พ่นโลหิตออกมา และจากนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องจนแสบแก้วหูออกมา
“มีด!!” ในทันทีที่เสียงร้องนั้นดังก้องออกมา ร่างกายมันก็บิดเบี้ยวไปมา และกลายร่างเป็นมีดสั้นพุ่งตรงไปยังคู่ต่อสู้ชุดสีแดงเข้ม