Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1057

ตอนที่ 1057

จักรพรรดิเซียนเมิ่งฮ่าว!

ลองคิดดูว่าทั่วทั้งอาณาจักรไม่มีจักรพรรดิมานานหลายปี ผู้ปกครองของแต่ละแคว้นมีกองกำลังส่วนตัวของตนเอง และอยู่ในตำแหน่งนั้นมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน

ในที่สุดผู้ปกครองเหล่านั้นต่างก็มองว่าอาณาเขตที่พวกมันควบคุมอยู่เป็นอาณาจักรของตัวเอง และมองว่าตนเองคือราชัน!

นี่คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอาณาจักรขุนเขาทะเล ด้วยการที่ผู้ปกครองของเก้าขุนเขาทะเลถูกมองว่าเป็นเก้าราชัน!

ราชันของอาณาจักรขุนเขาทะเลในอนาคตก็จะเป็นจักรพรรดิ!

ราชันต่างๆ เหล่านั้นไม่มีใครต้องการจะอยู่ใต้คำสั่งหลังจากที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติของอิสรภาพ พวกมันก็จะคัดค้านความคิดที่ว่า จะมีใครมาอยู่เหนือพวกมัน คอยสั่งการให้พวกมันต้องทำอะไรบ้าง และพวกมันก็จะไม่ยอมรับโชคชะตาที่จะถูกควบคุมโดยผู้อื่น!

เมื่อในอาณาจักรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ดังนั้น…วิธีที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือ จัดการกับสถานการณ์นั้น และวิธีที่ดีที่สุดเมื่อมีหลายฝ่ายมาเกี่ยวข้องก็คือ…สังหารจักรพรรดิก่อนที่จะมีโอกาสได้พลังกลับคืนมา!

นั่นจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับราชันทั้งหมดเหล่านั้น!

เมิ่งฮ่าวรู้ดีถึงเรื่องนี้ และเพราะว่าเขาเข้าใจมัน…เขาจึงบอกได้ว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายมากมายเท่าใด และรู้ดีว่าต้องระมัดระวังตัวอย่างสูงสุด!

ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดๆ เขาจะต้องไม่เปิดเผยตัวตนออกไป ถ้าเป็นเช่นนั้น…มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่กำลังรอคอยเขาอยู่ เขาจะถูกกำจัดไป และจะดึงให้ตระกูลฟางต้องตกต่ำลงไปพร้อมกับเขาด้วยอย่างที่ไม่ต้องสงสัยใดๆ

ในตอนนี้เองที่นกแก้วและผีโต้งเริ่มร้องตะโกนขึ้นมา “บัดซบ! เมิ่งฮ่าว! รีบดูดซับมันเข้าไป! พวกเราอดทนได้อีกไม่นานแล้ว!!”

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือไปคว้าจับโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่ไว้โดยไม่ลังเล จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และบังคับให้หยดโลหิตนั้นแทรกลงไปในฝ่ามือ

ทันใดนั้น หยดโลหิตก็ผสานเข้าไปในมือเมิ่งฮ่าว หลอมรวมเข้าไปในร่างกาย เวลาเดียวกันนั้น เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ก็ดังเต็มอยู่ในจิตใจ เขารับรู้ขึ้นได้ในทันทีถึงพลังอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตที่ประกอบขึ้นอยู่ภายในโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่

พร้อมกันนั้นกลิ่นอายของพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรก็ปะทุเดือดพล่านขึ้นมา เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน รีบหยิบเอาผลเนี่ยผานออกมาและกดลงไปบนหน้าผากอย่างรวดเร็ว

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมา ขณะที่ผลเนี่ยผานหลอมรวมเข้าไปในร่าง และเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสั่นไปทั้งตัว โลหิตของผู้ยิ่งใหญ่และกลิ่นอายของพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรหลอมรวมเข้าด้วยกัน ทำให้ธรรมชาติของผู้ยิ่งใหญ่ถูกปิดซ่อนไว้

ในตอนนี้เองที่กระแสแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังอย่างน่ากลัว ได้กระจายออกมาจากขุนเขาที่เก้า ปกคลุมไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า บรรลุถึงสถานที่ต่างๆ ทั้งหมด ไม่ปล่อยให้สิ่งใดเล็ดลอดออกไปได้แม้แต่น้อย

ซึ่งรวมทั้งอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าด้วยเช่นกัน สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้ม้วนกวาดมา เห็นได้ชัดว่ายินดีที่จะจ่ายค่าตอบแทนทั้งหมดในการค้นหาครั้งนี้ แม้ว่าจะต้องมีเรื่องกับสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็ตามที

อย่างไรก็ตาม อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าก็นิ่งเงียบอย่างยากที่จะพบเห็น และไม่ทำอะไรที่จะไปขัดขวางสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมไปทั่วทุกสรรพสิ่ง ม้วนกวาดออกไปทั่วทุกอาณาเขต และยังได้กวาดผ่านเมิ่งฮ่าวไปอีกด้วย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่พบกลิ่นอายที่มันกำลังค้นหาอยู่ เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ร่องรอยของกลิ่นอายทั้งหมดถูกปกปิดไว้ แน่นอนว่าไม่ใช่เป็นพลังของเขาเองที่ทำการปกปิดกลิ่นอายนี้ แต่เป็นของนกแก้วและผีโต้ง รวมทั้งการรวมตัวเข้าด้วยกันของกลิ่นอายพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร และโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่

เนื่องจากเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวจึงไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา ภายใต้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังนี้หลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็จางหายไปเพื่อไปค้นหายังบริเวณอื่นๆ

นอกเหนือจากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังนี้แล้ว ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าในอาณาเขตอื่นๆ ของขุนเขาทะเลที่เก้า ต่างก็ทำการค้นหาอยู่ในอาณาเขตของพวกมันด้วยเช่นเดียวกัน

คนทั้งหมดต้องการรู้ถึง…ตัวตนของราชันแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลในอนาคตผู้นี้!

ไม่มีใครคิดว่าน่าจะเป็นเมิ่งฮ่าว นอกจากนั้นเขายังอยู่ในตำแหน่งลำดับขั้น และเป็นผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในรุ่นนี้ อย่างไรก็ตาม…ตำแหน่งของราชันแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ช่างอยู่ไกลเกินกว่าระดับในตอนนี้ของเขามาก ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยถึงตัวเขาแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่คนส่วนใหญ่สงสัยอย่างแท้จริงก็คือ…บุคคลที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่างก็สงสัยว่าราชันจี้คือราชันแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล จากที่เห็นนี้ลมพายุขนาดใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นมาแล้ว!

เมิ่งฮ่าวยังคงนั่งเข้าฌาณตามลำพังอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่หลอมรวมโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปได้โดยสมบูรณ์

เขาก็ใช้พลังของโลหิตนั้นทำการดูดซับผลเนี่ยผานเข้าไป ในเวลาเดียวกันนั้น โลหิตของจิ่วเฟิงจื้อจุนก็ทำให้เวทผนึกอสูรเริ่มมีความประณีตมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าร่างกายของเขาคือ…เวทผนึกโดยตรง!

เขาคือเวทผนึกโดยตรงของจิ่วเฟิงจื้อจุน!

ราวกับว่านี่คือการยอมรับ เป็นการยอมรับเขาอย่างเป็นทางการในฐานะที่เป็น ผู้ผนึกอสูรรุ่นที่เก้า!

นับจากนี้ไปเวทผนึกของเขาจะยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากถูกขยายโดยโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่ แรงกดดันที่เขาสามารถปลดปล่อยออกมาก็จะยิ่งน่าตกใจมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นความเข้าใจเกี่ยวกับพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรของเขาในตอนนี้ ก็มีความแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อพูดถึงเวทผนึกอสูรรุ่นห้า, เวทด้านในด้านนอก ก่อนหน้านี้เขาสามารถจะเปิดเป็นรอยแตกได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาสามารถจะเปิดรอยแตกที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมนับร้อยเท่า!ทุกสิ่งทุกอย่าง…ก็เนื่องมาจากโลหิตของจิ่วเฟิงจื้อจุน!

เมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้าน รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างไปจากเดิมเกี่ยวกับตนเอง การดูดซับโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่เข้าไป เหมือนกับการเพิ่มขีดความสามารถหรือชุบตัวใหม่ ทำให้กายเนื้อของเขายิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม เกินขีดจำกัดของอาณาจักรเซียนไป ตอนนี้เขาเข้าใกล้…การมีกายเนื้อของอาณาจักรโบราณเป็นอย่างยิ่ง!

สิ่งที่เขาต้องการทั้งหมดก็คือสถานการณ์ที่เหมาะสม, โอกาสที่ถูกต้อง และเขาก็จะสามารถทะลวงผ่านไปได้ เมื่อถึงตอนนั้นกายเนื้อของเขาก็จะผ่านเข้าไปในอาณาจักรโบราณ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้ด้วยว่าโอกาสนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่ มันอยู่ในประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เก้าของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้านั่นเอง!

เมิ่งฮ่าวแทบจะมองเห็นได้ว่า เมื่อต่อต้านหมัดที่โจมตีมาเป็นครั้งที่สามของผู้ฝึกตนกายเนื้อชราได้ เมื่อถึงเวลานั้น…เขาก็จะก้าวเข้าไปในกายเนื้อของอาณาจักรโบราณ!

“ข้าต้องแข็งแกร่งให้มากกว่านี้!” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกายขึ้น ยังคงนั่งเข้าฌานอยู่ที่นั่นต่อไป ชีพจรเซียนของเขาส่งเสียงดังกระหึ่ม ขณะที่โลหิตของผู้ยิ่งใหญ่ไหลซึมเข้าไปในทุกๆ ส่วนของร่างกาย เส้นใยสีทองไหลเข้าไปหลอมรวมกับเส้นลมปราณของเขาอย่างรวดเร็ว

สำหรับผลเนี่ยผานที่เมิ่งฮ่าวดูดซับเข้าไปในหน้าผาก มันเริ่มหลอมละลายไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมันไปสัมผัสโดนเส้นใยสีทองของโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ ผลเนี่ยผานก็หลอมรวมเข้าไปในเส้นใยสีทองเหล่านั้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมิ่งฮ่าวไป

ทันใดนั้น พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งสูงขึ้นไป เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียนแล้ว แต่เมื่อมันพุ่งสูงมากขึ้นไปกว่านั้น ก็ทำให้เขา…เข้าไปสู่การเป็นจักรพรรดิเซียน!

ทุกก้าวย่างที่เขาเดินไป ทำให้มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ตอนนี้เขาได้กลายเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเซียนไปโดยถาวรแล้ว ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ เมื่อเขาทำการดูดซับผลเนี่ยผานเข้าไปได้แค่ชั่วคราว ทำให้เขาเป็นจักรพรรดิเซียนได้แค่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

“เมื่อไหร่ที่ข้าดูดซับผลเนี่ยผานได้เสร็จสิ้น ข้าก็จะกลายเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเซียนตลอดไป!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น เขาเฝ้ารอคอยวันนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว และได้ใช้หินลมปราณและหยกเซียนไปอย่างมากมายจนนับไม่ถ้วนเพื่อให้มาถึงจุดนี้ได้ เขาไม่อาจจะพูดดังๆ ออกมาว่าได้ใช้พวกมันไปทั้งหมดเท่าใดกัน ใครก็ตามที่ได้ยินจำนวนตัวเลขนั้นคงไม่อาจจะยอมรับได้ แม้แต่คนที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าก็ตามที

เนื่องจากความสิ้นเปลืองจำนวนมหาศาลเหล่านั้น ทำให้เส้นทางที่เมิ่งฮ่าวเดินไป…แตกต่างไปจากผู้ฝึกตนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง!

เขาได้เดินไปบนเส้นทางโบราณของผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน เนื่องจากเช่นนั้น…ทำให้อนาคตของเขาไร้ขีดจำกัด!

หลายวันผ่านไป เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นตลอดเวลา ในที่สุดผลเนี่ยผานก็ถูกดูดซับเข้าไปครึ่งหนึ่ง ทำให้เขาอยู่ในระดับที่เกินกว่าผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน และเข้าไปใกล้กับการเป็นจักรพรรดิเซียน เขาเริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อยๆ!

กายเนื้อของเขาได้บรรลุถึงระดับความสมบูรณ์สูงขึ้นไปอีกครั้ง ทะลวงผ่านขีดจำกัดของก่อนหน้านี้ไปครั้งแล้วครั้งเล่า

เช่นเดียวกัน พลังจากพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรของเขาก็เริ่มมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น

สามารถกล่าวได้ว่าเพียงแค่โลหิตของผู้ยิ่งใหญ่เพียงหยดเดียว ได้ระเบิดเป็นความก้าวหน้าขึ้นในทุกส่วนของเมิ่งฮ่าว ทำให้เขามีความแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก!

เวลาผ่านไปอีกสองสัปดาห์ ตอนนี้เมิ่งฮ่าวอยู่ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ามาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ที่ด้านนอกในอาณาจักรขุนเขาทะเล ยังคงมีการค้นหาเจี้ยจู่ในอนาคตอย่างไม่ลดละ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งจากขุนเขาทะเลอื่นๆ ต่างก็มาปรากฏกายขึ้น

โชคดีที่คนทั้งหมดพยายามควบคุมตนเอง ทำให้ไม่มีเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้น แต่…ความรู้สึกถึงพายุที่ใกล้เข้ามาก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น

ตลอดช่วงเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านไป เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่กวาดผ่านสถานที่ของเขาไปทั้งหมดสี่ครั้ง โชคดีที่ผีโต้งและนกแก้วรู้ว่าเมิ่งฮ่าวตกอยู่ในช่วงวิกฤต จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกปิดตัวตนของเขาไว้ ดังนั้นนับตั้งแต่ตอนที่เขาดูดซับโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่เข้าไป กลิ่นอายของมันก็กระจายหายไปในร่างเขา

ในที่สุดกลุ่มฝูงชนก็เลิกให้ความสนใจเขา ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะยังคงเป็นผู้ที่น่าสงสัยก็ตามที แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มีผู้คนมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ตกอยู่ในข่ายต้องสงสัยด้วยเช่นกัน

อันที่จริง เขาน่าจะถูกสงสัยด้วยเช่นกัน ไม่ว่าความเป็นจริงคืออะไรก็ตามที

เวลาผ่านไปอีกครึ่งเดือน และเมิ่งฮ่าวก็ยังคงดูดซับผลเนี่ยผานได้ไม่เสร็จสิ้น ยังคงเหลืออยู่อีกประมาณสองในสิบส่วน แต่ความแตกต่างระหว่างพื้นฐานฝึกตนของเขาในตอนนี้ และก่อนหน้านี้ เหมือนกับความแตกต่างระหว่างสวรรค์และปฐพี

ในตอนนี้เขานั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น แน่นิ่งไม่ไหวติงไปโดยสิ้นเชิง ประจุไฟฟ้านับไม่ถ้วนเต้นไปมาอยู่รอบๆ กาย และดวงตาก็หลับสนิท กระแสของกลุ่มหมอกสีขาวกระจายออกมาจากระหว่างคิ้ว ทำให้ดูลี้ลับเป็นอย่างยิ่ง

ผิวกายของเมิ่งฮ่าวขาวมากขึ้นกว่าเดิม และกลิ่นอายก็ระเบิดออกมา เกิดเป็นระลอกอันน่ากลัวม้วนตัวออกไป ผู้ฝึกตนอสูรที่อยู่ในสระน้ำต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน และเมื่อพวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว จิตใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

สำหรับซูเยียน นางรู้สึกประหลาดใจด้วยเช่นกัน เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวมีการเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว สำหรับนางแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่ราวกับว่ามีความลี้ลับบางอย่าง กำลังตื่นขึ้นมาอยู่ภายในร่างเขาตอนนี้

“มันมีกลิ่นอายอันน่ากลัวนัก แต่มันคืออะไรกัน…?” นางครุ่นคิดด้วยความวิตกกังวล เท่าที่นางคิดเมิ่งฮ่าวคือผู้ที่ลึกลับอย่างแท้จริง

อีกครึ่งเดือนได้ผ่านไป ตอนนี้เมิ่งฮ่าวอยู่ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ามานานมากกว่าสองเดือนแล้ว ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง เมื่อเขาดูดซับส่วนสุดท้ายของผลเนี่ยผานเข้าไปได้จนหมดสิ้น ร่องรอยสุดท้ายของมันจางหายเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว และแรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง

ที่ตามมาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนนั้นคือเสียงแตกร้าว และพลังที่ทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะเทือน ปฐพีต้องแตกกระจายไป ในตอนนี้พื้นฐานฝึกตนของเขาพุ่งทะยานขึ้นไปด้วยพลังที่สูงมากกว่าเดิม สายลมขนาดใหญ่พุ่งออกไปอยู่รอบๆ ตัว ทำให้ผู้ฝึกตนอสูรสั่นสะท้าน ดวงตาซูเยียนเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

พลังของเมิ่งฮ่าวทำให้เส้นผมของเขาลอยพลิ้วไปมาอยู่รอบๆ ศีรษะ และเสื้อผ้าก็โบกสะบัด มีบางสิ่งบางอย่างได้เริ่มก่อตัวขึ้นมาอยู่ภายในร่างเขาอย่างช้าๆ ซึ่งก็คือ…เจตจำนงแห่งจักรพรรดิ!

มันมีพลังสะกดข่มอย่างสูงสุด นี่คือเจตจำนงจักรพรรดิของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเซียน!

เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา และผู้ฝึกตนอสูรก็ได้ยินสิ่งที่คล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้อง มีสายฟ้าทั้งหมดแปดสายปรากฏขึ้น แต่ละสายดูน่าตกใจอย่างถึงที่สุด ทำให้เกิดเป็นสีสันแปลกๆ แวบขึ้นไป และทุกสรรพสิ่งก็สั่นสะเทือนไปมา!

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของผู้ฝึกตนอสูร และพวกมันบางคนก็หมดสติไป ซูเยียนพบว่าโลหิตกำลังไหลซึมออกมาจากมุมปากของนาง และใบหน้าก็สลดลงไปโดยสิ้นเชิง

“แปดสายฟ้าภาพลวงตา สวรรค์สั่นสะเทือน!!” นางกล่าวขึ้นมา

“นี่…เจ้า…เจ้าบรรลุถึงอาณาจักรนั้นได้จริงๆ เป็นไปไม่ได้…”

“สายฟ้าเหล่านั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความน่ากลัว ที่จะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อมีใครบางคนได้บรรลุถึงขีดจำกัดของอาณาจักรเซียนเท่านั้น แปดสายฟ้าภาพลวงตา สวรรค์สั่นสะเทือน!”

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ

ขณะที่ทำเช่นนั้น กลิ่นอายของจักรพรรดิเซียนก็กระจายออกมาจากร่างเขาในทันที ทำให้ถ้ำแห่งเซียนทั้งหมดสั่นสะเทือน แม้แต่ทะเลที่เก้าก็กำลังสั่นสะท้าน

“ขีดจำกัดของอาณาจักรเซียน? เห็นได้ชัดว่า เจ้ายังไม่เข้าใจ…ถึงความหมายของการกลายเป็นเซียน! ขีดจำกัดอยู่ไกลเกินกว่านี้มากนัก!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบขึ้น สุ้มเสียงเยือกเย็นและเต็มไปด้วยแรงกดดันซึ่งไกลเกินกว่าสิ่งใดๆ ที่เคยคงอยู่ที่นั่นมาก่อน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!