Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1097

ตอนที่ 1097

กล้าหาญ

หานชิงเหลย ผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งขุนเขาที่แปด แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งจนทำให้ทั้งฝานตงเอ๋อร์และเป้ยอวี้ต่างก็สะท้านใจไปโดยสิ้นเชิง สำหรับพวกนางแล้วใครก็ตามที่สามารถทำให้อาณาจักรโบราณต้องสั่นสะเทือน ในขณะที่อยู่ในอาณาจักรเซียน คู่ควรที่จะถูกเรียกว่าดวงตะวันอันเจิดจ้า

เท่าที่ฝานตงเอ๋อร์คิด เมิ่งฮ่าวมีความแข็งแกร่งกว่าดวงตะวันอันเจิดจ้าเหล่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อนางมาพบเจอกับหานชิงเหลย ก็ต้องยอมรับว่ามันช่างแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวนัก

ความรู้สึกที่นางได้รับมาในตอนที่ต่อสู้กับเมิ่งฮ่าว ได้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้วในตอนนี้

“ผู้ฝึกตนลำดับขั้นแข็งแกร่ง…เพราะว่าพวกมันอยู่ในลำดับขั้น หรือว่า…พลังของพวกมันทำให้ไปอยู่ตรงจุดนั้นได้!?”

ฝานตงเอ๋อร์ไม่ค่อยอยากจะยอมรับ นางเป็นเสินหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า และก่อนที่จะมาพบกับเมิ่งฮ่าว นางมองว่าตนเองอยู่เหนือคนอื่นๆ เป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทั้งหมด แต่การปรากฏกายขึ้นของเมิ่งฮ่าวก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไป

แม้แต่ในตอนนี้ นางก็ยังจำได้ถึงครั้งแรกที่พบเจอกับเมิ่งฮ่าวบนดาวหนานเทียน

ย้อนกลับไปในตอนนั้นเขาไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นการที่เขามีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้ยากที่จะยอมรับได้ ก่อนที่นางจะเริ่มคุ้นเคยกับมัน เขาก็อยู่ห่างออกไปไกลกับคนอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าเขาจะไปยังที่แห่งใด ก็จะกลายเป็นภูเขาอันสูงใหญ่ที่คอยขัดขวางเส้นทางเดินของคนอื่นๆ ทั้งหมด

เสียงระเบิดดังก้องออกไป และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากปากของฝานตงเอ๋อร์ นางถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว โบกสะบัดมือทำให้เครื่องหมายผนึกจำนวนมากปรากฏขึ้น พวกมันหลอมรวมเข้าด้วยกันที่เบื้องหน้านาง กลายเป็นขวดเวทหนึ่งใบ ซึ่งจากนั้นก็พุ่งตรงไปยังร่างจำแลงของหานชิงเหลยที่กำลังยิ้มอย่างน่าเกลียดออกมา

ร่างจำแลงหานชิงเหลยหัวเราะเป็นเสียงเย็นชา และขยับร่ายเวทด้วยมือขวา ทันใดนั้นบุปผากระดูกสีขาวก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้น หมุนคว้างฝ่าอากาศมา กระจายแสงสีขาวขณะที่กระแทกเข้าไปยังขวดเวท เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นขณะที่หานชิงเหลยพุ่งตรงมา เมื่อมันยื่นมือออกไป ทันใดนั้นเลือดเนื้อก็กลายเป็นกระดูกสีขาว แตะไปที่หน้าผากของฝานตงเอ๋อร์และเสียงระเบิดก็ดังก้องออกไป โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากนาง และใบหน้าก็ซีดขาวลงขณะที่ความเย็นเยียบจนทำให้ร่างกายต้องแข็งตัวเป็นน้ำแข็งพุ่งกระจายออกไปทั่วร่าง ม่านตานางเริ่มพล่าเลือน และความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงก็พุ่งขึ้นมา ทันใดนั้นอากาศที่ด้านหลังนางแตกกระจายไป และซากศพของหญิงสาวก็ปรากฏตัวขึ้นมา ฝานตงเอ๋อร์ได้ซ่อนซากศพนี้ไว้จนกระทั่งถึงตอนนี้ แต่เนื่องจากแรงระเบิดทำให้จิตใจนางตกอยู่ในความวุ่นวาย ไม่อาจจะปิดบังไว้ได้อีกต่อไป

ทันใดนั้นกลิ่นอายแห่งความตายก็ระเบิดขึ้น ทำให้หานชิงเหลยรู้สึกประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากมันเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องรีบพุ่งถอยไปทางด้านหลังในทันที

ในเวลาเดียวกันนั้น ตรงที่ว่างซึ่งมันเพิ่งจะยืนอยู่ก็เต็มไปด้วยเส้นผมสีดำนับไม่ถ้วน จากนั้นก็ระเบิดออกไปในทั่วทุกทิศทาง

“น่าสนใจนัก ดูเหมือนว่าข้าต้องเอาจริงบ้างแล้ว”

ร่างจำแลงกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา ที่ด้านข้าง ร่างจำแลงที่สองกำลังบีบบังคับให้เป้ยอวี้ต้องถอยไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่อง

ความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทของเป้ยอวี้ ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ เข็มที่มองไม่เห็นนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปโจมตี แต่ร่างจำแลงหานชิงเหลยเพียงแค่โบกสะบัดมือเท่านั้น ก็ทำให้ชุดเกราะที่เป็นกระดูกปรากฏขึ้น มันปล่อยให้เข็มเหล่านั้นพุ่งเข้ามาโดยไม่ทำอะไรเพื่อต่อต้าน จากนั้นร่างจำแลงซึ่งสวมใส่ชุดเกราะที่เป็นกระดูก ก็ผลักสองมือออกไป ปลายนิ้วของมันกลายเป็นกรงเล็บที่แหลมคม กรีดฝ่าอากาศออกไปจนคล้ายกับเป็นอาวุธของนักรบเซียน ฉับพลันนั้นเป้ยอวี้ก็ตกอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรงในทันที

เวลาเดียวกันนั้นร่างจริงหานชิงเหลยกำลังขยับมือร่ายเวทเพื่อปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดออกมา แสงหลากสีอันเจิดจ้ากระแทกเข้าไปยังเกราะป้องกัน ทำให้ต้องบิดเบี้ยวและหงิกงอไปมา เกิดเป็นเสียงแตกร้าวขึ้น และรอยแตกก็กระจายออกไปมากยิ่งขึ้น

เมิ่งฮ่าวยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านข้างของรูปปั้น ตอนนี้เขากำลังเข้าฌานเพื่อไตร่ตรองความรู้แจ้งของแก่นแท้สุดท้ายอยู่ ในเวลาเดียวกันนั้นก็รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามเขาไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากต้องเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การได้รับความรู้แจ้งเท่านั้น

ทันใดนั้นเองหานชิงเหลยและร่างจำแลงทั้งสองของมัน จู่ๆ ก็หยุดชะงักนิ่งและถอยไปทางด้านหลัง จากนั้นร่างทั้งสามก็บินเข้าหากัน แต่แทนที่จะหลอมรวมเข้าด้วยกัน พวกมันกลับยิ้มอย่างดุร้ายออกมา และฟาดฝ่ามือไปยังหน้าอกของแต่ละคน!

ในเวลาเดียวกันนั้น เงาร่างทั้งสามก็ร้องตะโกนออกมา “เต๋าสามร่าง!” พร้อมกับเสียงที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังก้องออกมา

หลังจากที่ใช้ฝ่ามือฟาดลงไปบนร่างของแต่ละคน พื้นฐานฝึกตนของคนทั้งสามก็พุ่งทะยานขึ้นไป และพลังการต่อสู้ของพวกมันก็เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว! อันที่จริงเมื่ออยู่ในขั้นนี้…ก็เห็นได้ชัดว่าพวกมันมีความแข็งแกร่งกว่าหานชิงเหลยตอนที่ยังไม่ได้แยกร่างออกมาซะอีก!

“เวทสุสานกระดูก!” เงาร่างทั้งสามแยกออกจากกัน และพุ่งตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์, เป้ยอวี้ และเกราะป้องกันของภูเขาไป๋เฟิง ระเบิดเป็นพลังอันน่าเหลือเชื่อออกมา

พวกมันเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็ว จนคล้ายกับเป็นลูกธนูสีดำ ในชั่วพริบตาหนึ่งในเงาร่างทั้งสามก็ไปอยู่ที่เบื้องหน้าฝานตงเอ๋อร์

โบกสะบัดมือ ทำให้กระดูกสีขาวนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป และจากนั้นก็กลายเป็นสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนกับสุสาน โดยมีฝานตงเอ๋อร์ติดอยู่ตรงกลาง

สุสานกระดูกเช่นเดียวกันนี้ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ร่างเป้ยอวี้ด้วยเช่นกัน และอีกหนึ่งแห่งก็พุ่งตรงไปยังภูเขาไป๋เฟิง

หานชิงเหลยทั้งสามต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน

“เต๋าสามร่าง! เวทสุสานกระดูก! สังหารด้วยกาลเวลา!”

เสียงของพวกมันดังก้องออกไป ดูเหมือนว่าจะเก่าแก่โบราณและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของกาลเวลา

สุสานกระดูกทั้งสามส่งเสียงดังกระหึ่ม ขณะที่พวกมันเริ่มหมุนวนไปมา อย่างน่าตกใจยิ่งป้ายหลุมฝังศพกระดูกปรากฏขึ้นมาอยู่ที่ด้านบนของสุสานทั้งสาม จากนั้นหน้าตาของมันก็เริ่มเปลี่ยนไป ราวกับเป็นภาพของเป้ยอวี้, ฝานตงเอ๋อร์ และภูเขาไป๋เฟิง ที่กำลังถูกแกะสลักอยู่บนพื้นผิวของป้ายหลุมฝังศพเหล่านั้น!

ภาพของเป้ยอวี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์เป็นคนแรก เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนดังก้องออกมา และนางก็กระอักโลหิตออกมากองโต ทันใดนั้นร่างกายนางก็เริ่มแห้งเหี่ยวลงไป ดูเหมือนว่านางกำลังจะถูกบดขยี้ไปภายใต้แรงกดดันอันเข้มข้น ไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ ติดกับอยู่ในแรงกดดันของสุสานกระดูก ขณะที่มันกดดันให้นางต้องนอนลงไปบนพื้นดิน

มันกำลัง…เปลี่ยนให้กลายเป็นสุสานจริงๆ!

ที่ด้านในของสุสาน เป้ยอวี้ใบหน้าซีดขาวหมดสติไป ร่างกายนางแก่ชราลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่พลังชีวิตของนางถูกดูดซับออกไป

ฝานตงเอ๋อร์ดิ้นรนต่อสู้กลับไป แต่ก็ไม่อาจจะสู้ได้ แม้จะมีเจตจำนางแห่งความตายอันไร้ขอบเขตจากซากศพของหญิงสาว นางก็ไม่อาจจะต่อสู้กลับไปยังแรงกดดันนั้นได้ เสียงกระหึ่มได้ยินขึ้นมาขณะที่ฝานตงเอ๋อร์ถูกบังคับให้นอนลงไปบนพื้น ถูกบดขยี้โดยสุสานกระดูก พลังชีวิตของนางเริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ และร่างกายก็เริ่มแก่ชราลงไป

“เมิ่งฮ่าว!!” นางร้องตะโกนขึ้นอย่างเร่งรีบ แต่เสียงร้องนั้นก็ขาดหายไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันนั้น สุสานกระดูกแห่งที่สามกำลังบดขยี้ลงไปบนเกราะป้องกันของภูเขาไป๋เฟิง เนื่องจากการสูญเสียบนสนามรบที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง ทำให้เกราะป้องกันมีความอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก และภายใต้การโจมตีนี้ทำให้เกราะป้องกันมีรอยร้าวไปทั่ว ถูกทำลายกลายเป็นชิ้นๆ ไปในทันที

ฝานตงเอ๋อร์กำลังถูกบดขยี้ เป้ยอวี้หมดสติไป เกราะป้องกันของภูเขาไป๋เฟิงระเบิดออก จากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ทำให้สามารถจะมองเห็นได้ถึงความแข็งแกร่งของหานชิงเหลย และความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนลำดับขั้นด้วยเช่นกัน!

ลำดับขั้นแต่ละคนเป็นผู้แข็งแกร่งอันน่าเหลือเชื่อ บางคนยังได้อยู่เหนือดวงตะวันอันเจิดจ้าอื่นๆ ทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้นในกลุ่มคนรุ่นเดียวกันกับพวกมัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถจะต่อสู้กับผู้ฝึกตนลำดับขั้นได้…ซึ่งก็คือผู้ฝึกตนลำดับขั้นคนอื่นๆ!!

“เมิ่งฮ่าว มาดูกันว่าครั้งนี้เจ้าจะต่อสู้กลับมาอย่างไร! การสังหารเจ้าไปเช่นนี้อาจจะน่าเบื่ออยู่บ้าง แต่เมื่อคิดว่าเจ้าแซ่เมิ่ง ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเมิ่ง ข้าก็ยังยินดีที่จะได้สังหารเจ้าไป!”

หานชิงเหลยหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา รังสีสังหารม้วนกวาดออกมาจากร่างทั้งสามของมัน ขณะที่เกราะป้องกันของภูเขาไป๋เฟิงแตกกระจายไป มันก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวในทันที!

อย่างไรก็ตาม แทบจะในเวลาเดียวกับที่มันเข้ามาใกล้ มือขวาของเมิ่งฮ่าวก็ตบลงไปบนถุงสมบัติ จากนั้นเขาก็โบกสะบัดมือ ทำให้ฝักถั่วสีดำจำนวนมากลอยออกไป ในขณะที่ยังหลับตาอยู่ตลอดเวลา

นักรบเกราะดำ!

เสียงปะทุได้ยินมาขณะที่ฝักถั่วสีดำกลายเป็นภูติน้อยที่ดุร้าย กรีดร้องเป็นเสียงแหลมเล็กออกมา ขณะที่พวกมันอ้าปากขึ้นเผยให้เห็นฟันที่ยาวแหลมคม มีภูติเกราะดำทั้งหมดห้าสิบตน และในทันทีที่พวกมันปรากฏตัวขึ้น ก็พุ่งตรงไปยังร่างทั้งสามของหานชิงเหลย

“นี่คือทั้งหมดที่เจ้ามี?!” หานชิงเหลยหัวเราะเสียงเย็นชา ถึงแม้ว่ามันจะพูดจาเช่นนี้ แต่ภายในใจกำลังระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่ มันไม่มีทางจะประเมินความสามารถของเมิ่งฮ่าวต่ำมากจนเกินไป ขณะที่รู้ว่าผู้อ่อนแอไม่มีทางจะเข้ามาอยู่ในลำดับขั้นได้

ถึงแม้มันจะไม่มั่นใจนักว่าภูติเกราะดำเหล่านี้มีความพิเศษเฉพาะอย่างไร แต่การที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยพวกมันออกมาในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ก็บ่งชี้ให้หานชิงเหลยเชื่อว่าพวกมันต้องไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้อย่างง่ายดาย ภายนอกของมันดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่วู่วาม แต่จริงๆ แล้วร่างจำแลงของมันพุ่งตรงไปก่อน ในขณะที่ร่างจริงติดตามอยู่ที่ด้านหลัง

ภูติเกราะดำห้าสิบตนกรีดร้องออกมา ขณะที่พุ่งฝ่าอากาศตรงไปยังร่างจำแลง เกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้นขณะที่ภูติเกราะดำสามสิบกว่าตนลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง แต่ดูเหมือนว่าพวกมันไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด

หานชิงเหลยตกตะลึงขึ้นในทันที ดวงตามันเบิกกว้างขึ้น สำหรับภูติเกราะดำอีกสิบกว่าตนยังคงเกาะอยู่บนร่างจำแลง พวกมันอ้าปากกว้างขึ้นและเริ่มกัดเคี้ยวลงไป

หานชิงเหลยแค่นเสียง ปล่อยให้ร่างจำแลงนั้นปิดกั้นภูติเกราะดำไว้ ขณะที่ร่างจริงและร่างจำแลงอีกร่างของมันพุ่งเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว

“ภูติสีดำเหล่านั้นช่างน่าประทับใจนัก เมิ่งฮ่าว หลังจากที่ข้าสังหารเจ้า ข้าจะเก็บรวบรวมพวกมันไว้เป็นของที่ระลึก!” หานชิงเหลยและร่างจำแลงของมัน เพิ่มความเร็วขึ้นขณะที่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว เขากำลังตกอยู่ในห้วงวิกฤต และใกล้จะได้รับความรู้แจ้งที่สมบูรณ์อีกแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่หานชิงเหลยก็ไม่ยอมให้เขามีเวลามากพอ!

ในตอนนี้เองที่จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ได้ยินเสียงแผดร้องคำรามอย่างลึกล้ำดังก้องขึ้นมา ราวกับว่ามีบางสิ่งที่หลับใหลอยู่ในถุงสมบัติของเขามาเป็นเวลานาน ในที่สุดกำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว

มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่ามันคือ…กลิ่นอายของอ๋าวเฉี่ยนนั่นเอง!

“อ๋าวเฉี่ยนกำลังจะตื่นขึ้นมา?!” เมิ่งฮ่าวคิด จิตใจหมุนคว้าง แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นมานี้ไม่ใช่อ๋าวเฉี่ยน ขณะที่ถุงสมบัติของเขากำลังเปิดออก เสียงอันเก่าแก่โบราณก็ดังก้องออกมา ตามมาด้วยเสียงกระพือปีกไปมา

“ไฮ! ภูเขาลูกนี้เป็นของอู่เหยีย, สวรรค์เป็นของอู่เหยีย, ปฐพีเป็นของอู่เหยีย และเสี่ยวฮ่าวจื่อ (มุสิกน้อย) นี้ก็เป็นของอู่เหยียด้วยเช่นกัน!

อู่เหยียปรากฏตัวขึ้นแล้ว! พวกเจ้าหวาดกลัวหรือไม่?!” นกแก้วบินออกมาอยู่ระหว่างเมิ่งฮ่าวและหานชิงเหลย ปีกข้างหนึ่งกระพือขึ้นลงอย่างรวดเร็ว อีกข้างกำลังชี้ออกไปยังหานชิงเหลย

ตรงข้อเท้าของนกแก้วเป็นกระดิ่งใบหนึ่ง บนพื้นผิวของกระดิ่งมีใบหน้าของผีโต้งปรากฏขึ้น พยายามแหกปากร้องตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงที่เก่าแก่โบราณด้วยเช่นกัน

“นั่นก็ใช่แล้ว! ภูเขาลูกนี้เป็นของซานเหยียด้วยเช่นกัน, สวรรค์เป็นของซานเหยีย และปฐพีก็เป็นของซานเหยีย เสี่ยวฮ่าวจื่อก็เป็นของซานเหยียด้วยเช่นกัน พวกเจ้าหวาดกลัวหรือไม่?! กลัวหรือไม่กลัว?!”

“ไสหัวไป!” หานชิงเหลยกล่าวขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชาออกมา รังสีสังหารในดวงตาระเบิดสูงขึ้นไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน สายลมอันรุนแรงพุ่งขึ้นมา และความมืดมิดก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น มือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา ก่อตัวมาจากกระดูกนับไม่ถ้วน และเต็มไปด้วยสายลมอันเย็นเยียบ ถูกห้อมล้อมด้วยทะเลแห่งกองกระดูก พุ่งตรงไป

นกแก้วบินกระแทกเข้าไปยังทะเลแห่งกองกระดูกในทันที ผลก็คือขนจำนวนมากของมัน หลุดล่วงออกมาจากร่างในทันที มันมองลงไปยังขนที่กำลังลอยตกลงไปบนพื้น และเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา ในที่สุดก็แหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงแผดร้องจนทำให้โลหิตแทบจะแข็งตัวไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“บัดซบ! บัดซบ! เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าทำให้ขนของอู่เหยียหลุดล่วงลงไปจริงๆ! อ๊ากกกกกกก! ขนของข้า! อ๊ากกกกกกก! ขนที่สวยงามของข้า! นั่นคือสิ่งที่ช่วยดึงดูดเพศตรงข้ามของข้า…

ข้าจบสิ้นแล้ว อู่เหยียไม่อาจจะยอมรับเรื่องนี้ได้! มันทำลายจิตใจมากเกินไป! นี่มันมากเกินไปแล้ว!!”

“ไห่เซียน (อาหารทะเล) จงออกมา! ไห่เซียนปรากฏตัวขึ้นมา!” ความกราดเกรี้ยวของนกแก้วพุ่งสูงขึ้นไปจนถึงสวรรค์ แผดร้องตะโกนออกมาจนเป็นเสียงแหลมเล็กดังก้องออกไปทั่วบริเวณนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!