Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1098

ตอนที่ 1098

คมมีดปะทะกัน

นกแก้วเต็มไปด้วยความเดือดดาล มันมีขนอยู่ไม่มากนัก และมีความเชื่อว่าขนแต่ละเส้นของมันคือสิ่งที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง พวกมันทั้งหมดอาจจะมีสีสันที่แตกต่างกันออกไป แต่ไม่ได้ทำให้พวกมันต้องมีค่าลดน้อยลงไป เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ก็จะกลายเป็นตัวแทนความสามารถในการดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรที่มีขนอันสวยงามต่างๆ

แต่ในตอนนี้ขนเหล่านั้นของมันบางส่วนหลุดล่วงลงไป สำหรับนกแก้วแล้ว ก็เหมือนกับการกลายเป็นผู้ที่ไม่มีความน่าสนใจใดๆ!

แน่นอนว่าการสูญเสียขนเหล่านั้นไป จะทำให้สัตว์อสูรที่มีขนใดๆ ก็ตาม เมื่อมันได้พบเห็นในวันข้างหน้า ต้องดูถูกและเยาะเย้ยมันอย่างแน่นอน ดังนั้นโทสะของมันจึงพุ่งสูงขึ้นไปจนถึงสวรรค์

ด้วยการตอบรับต่อเสียงแผดร้องของมัน หานชิงเหลยขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย ยังคงพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวต่อไป อย่างไรก็ตามในทันใดนั้น ลำแสงสีดำจำนวนมากได้พุ่งออกมาจากด้านหลังนกแก้ว ในชั่วพริบตากลุ่มผู้ฝึกตนอสูรก็ปรากฏกายขึ้น

ผู้ฝึกตนอสูรเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในรูปร่างของมนุษย์ แต่พวกมันกลับดูคล้ายอาหารทะเล มีทั้งหอย, กุ้ง, ปู, เต่าทะเล…

“ถึงเวลาที่จะร้องเพลงให้กับอู่เหยียแล้ว เจ้าสารเลวผู้นี้บังอาจมาทำให้ขนของข้าต้องหลุดล่วงไป บดขยี้มัน!” นกแก้วแผดร้องเป็นเสียงแหลมเล็กออกมา

เพื่อตอบรับกับคำสั่งของนกแก้ว ผู้ฝึกตนอสูรรวมตัวกันขึ้นในทันทีและเริ่มร้องเพลงออกมา

“เมื่อข้ายังเยาว์ ข้าเป็นเด็กเลว ข้าคือไห่เซียนตัวน้อย ลา ลา ลา ลา ไห่เซียนตัวน้อย โฮ โฮ โฮ โฮ ไห่เซียนตัวน้อย…”

ก่อนหน้านี้เมื่อเมิ่งฮ่าวรับฟังเพลงนี้ เขามักจะคิดว่ามันฟังดูอึดอัดไม่เข้ากันแม้แต่น้อย แต่เมื่ออสูรทะเลกลุ่มนี้เริ่มร้องขึ้นมาในครั้งนี้ ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องก็เริ่มดังกระหึ่มขึ้น และสายฟ้าก็พุ่งตรงมายังหานชิงเหลยในทันที

สีหน้าหานชิงเหลยเปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึง และรีบถอยไปทางด้านหลังเพื่อหลบเลี่ยง จ้องมองไปยังนกแก้วที่ส่งเสียงกึกก้องและไห่เซียนที่กำลังร้องเพลงอยู่ มันเริ่มหอบหายใจด้วยความไม่อยากจะเชื่อออกมา ขณะที่เห็นได้ชัดว่าเสียงเพลงนั้นเริ่มมีผลกระทบต่อกฎธรรมชาติและแก่นแท้ของอาณาจักรสายลม

พลังการขับไล่อันทรงพลังเริ่มรวมตัวกันอยู่รอบๆ หานชิงเหลย ทำให้สีหน้ามันสลดลง

“นั่นคืออะไรกัน!?” มันอ้าปากค้าง มองไปยังนกแก้วด้วยความประหลาดใจ สายฟ้าฟาดลงมา และสีสันก็แวบขึ้นไปในท้องฟ้า กลุ่มเมฆสีดำและสายฟ้าจำนวนมากรวมตัวเข้าด้วยกัน หนังศีรษะหานชิงเหลยเริ่มด้านชา

เพียงมองไปแค่แวบเดียว มันก็บอกได้ว่าเพลงนี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

ราวกับว่าเป็นเสียงเพลงที่ดังออกมาจากเจตจำนงแห่งสวรรค์ของอาณาจักรสายลม และสามารถจะควบคุมกฎธรรมชาติหรือแม้แต่แก่นแท้ เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุด

ถ้ามีอยู่แค่นั้นทั้งหมด ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่ที่ทำให้หานชิงเหลยต้องรู้สึกตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า ฉับพลันนั้นเสียงเพลงนี้ก็ไปทำให้ความชุ่มชื้นเริ่มก่อตัวขึ้นมาอยู่ในบริเวณนี้ เห็นได้ชัดว่าเพลงนี้สามารถจะทำให้ทะเลที่เต็มไปด้วยคลื่นก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้

“เป็นไปไม่ได้!!” มันร้องอุทานออกมา นกแก้วมีท่าทางพึงพอใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง และร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“หวาดกลัวแล้วหรือไม่? บัดซบ! เจ้าบังอาจมาถอนขนบางส่วนของอู่เหยียไป! เจ้าบังอาจมาทำให้บุคลิกที่ดีของอู่เหยียต้องพังทลายลงไป! อู่เหยียจะไม่ปล่อยเจ้าไว้อย่างแน่นอน!”

เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าบดขยี้ลงมามากขึ้น ขณะที่อสูรทะเลกลุ่มนั้นเปลี่ยนเพลงไป

“ข้าคือตัวน้อย อา, ไห่เซียนตัวน้อยๆ ของเจ้า! จะรักอย่างไรข้าไม่ได้คิดมากนัก! ข้าคือไห่เซียนตัวน้อยของเจ้า ตัวน้อย อา, ไห่เซียนตัวน้อย, ไห่เซียนตัวน้อยๆ ตัวน้อยๆ ตัวน้อยๆ…”

เพลงที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้ทะเลพลุ่งพล่านปั่นป่วน ยิ่งไปกว่านั้นภูเขาได้ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า และเริ่มบดขยี้ลงมายังหานชิงเหลย

เสียงกระหึ่มจากภูเขาที่บดขยี้ลงไปบนพื้น แทบจะคล้ายกับเสียงของเครื่องดนตรี กดทับลงมาเป็นจังหวะตามเสียงเพลง

“ค่ายกลเวท?! มันคือค่ายกลเวทที่ไปกระตุ้นแก่นแท้ของสวรรค์และปฐพี!?!? เจ้า…เจ้านกนั่นคืออะไรกัน?!?!”

สีหน้าของหานชิงเหลยเปลี่ยนไปด้วยความประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็ต้องตกตะลึงขึ้น เมื่อตระหนักว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับค่ายกลเวท อย่างไรก็ตามมันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า จะมีค่ายกลเวทถูกปลดปล่อยออกมาด้วยการร้องเพลงเช่นนี้

มันไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยเช่นกันว่า…ค่ายกลเวทจะสามารถไปกระตุ้นแก่นแท้ของสวรรค์และปฐพีได้ ค่ายกลเวทเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็น เคยมีอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ และใบหน้าของหานชิงเหลยก็ซีดขาว มันถอยไปทางด้านหลังอีกครั้ง หลีกเลี่ยงจากภูเขาที่ตกลงมา จิตใจหมุนคว้างขณะที่กลุ่มไห่เซียนเปลี่ยนเพลงไปอีกครั้ง

“พวกเราคือไห่เซียน! พวกเราคือไห่เซียน อา อา อา อา อา! อู่เหยียผู้ยิ่งใหญ่! โฮ่ โฮ่ โฮ่ โฮ่ โฮ่! ซานเหยียผู้ใหญ่ยิ่ง…”

ในทันทีที่บทเพลงนั้นดังก้องออกไป นกแก้วก็เริ่มเปล่งแสงอันเจิดจ้าออกมา ราวกับว่าเสียงเพลงนั้นกำลังกระตุ้นพลังของมันขึ้นมา อย่างน่าตกใจยิ่ง แก่นแท้และกฎธรรมชาติจำนวนมากเริ่มหมุนวนไปรอบๆ ตัวมัน ทำให้นกแก้วมีท่าทางคล้ายกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันส่งเสียงร้องแหลมเล็กออกมา

จากนั้นก็กลายเป็นลูกธนูอันทรงพลังโจมตีตรงไปยังหานชิงเหลย

“เจ้าบังอาจมาทำลายบุคลิกของอู่เหยีย!” มันแผดร้องด้วยโทสะ เกิดเป็นเสียงดังก้องราวกับเป็นเสียงฟ้าคำราม เต็มไปด้วยพลังสะกดข่ม “อู่เหยียจะพุ่งทะลวงเจ้า!”

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่ผีโต้งซึ่งเกาะติดอยู่บนข้อเท้าของนกแก้ว จู่ๆ ก็เริ่มพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

“เจ้าไม่อาจจะด่าทอผู้คน การด่าทอเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เจ้าน่าจะกล่าวว่าเจ้าจะสังหารมัน ไม่ใช่จะทะลวงมัน การทะลวงเป็นสิ่งไม่ดี การทะลวงมันผิดศีลธรรม!”

“หุบปาก! อู่เหยียกำลังจะทะลวงเจ้าคนผู้นี้!” นกแก้วแผดร้องขึ้น พุ่งตรงไปยังหานชิงเหลย

ใบหน้าหานชิงเหลยสลดลง “บัดซบ มันสามารถทำให้พลังเพิ่มขึ้นมาได้เช่นกัน!!”

ทันใดนั้นหานชิงเหลยรู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งโลกแห่งนี้กำลังพลิกกลับด้าน มันไม่เคยเห็นค่ายกลเวทที่ถูกควบคุมโดยการร้องเพลง ไม่เคยเห็นวิหคที่เย่อหยิ่งและก้าวร้าวเช่นนี้มาก่อน มันไม่เคยเห็นวิหคที่แผดร้องว่าจะทะลวงสิ่งใดๆ มาก่อนอย่างแท้จริง

“ต่อให้เจ้าสามารถกระตุ้นแก่นแท้ของสวรรค์และปฐพีแล้วจะเป็นอย่างไร!? พลังนั่นมาจากค่ายกลเวท และผู้ฝึกตนอสูรเหล่านั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างเพียงพอที่จะยืนหยัดได้เป็นเวลานานมากนัก!”

หานชิงเหลยกัดฟันแน่น โบกสะบัดมือออกไป ส่งให้ร่างจำแลงที่สองพุ่งตรงไปยังนกแก้ว จากนั้นก็ขยับร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองมือ ทำให้บัลลังก์กระดูกสีขาวปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น กลุ่มนักรบโครงกระดูกจำนวนมากก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาด้วยเช่นกัน

บางโครงกระดูกเป็นสีดำ และถือหอกกระดูกยาวอยู่ในมือ พวกมันนำหน้าโครงกระดูกอื่นๆ พุ่งตรงไปยังนกแก้ว เมื่อกองกำลังทั้งสองปะทะเข้าหากัน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกไป

กระดูกจำนวนมากนับไม่ถ้วนแตกกระจายไป และบัลลังก์ก็ระเบิดออก โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากหานชิงเหลย มันส่งเสียงแผดร้องขยับมือร่ายเวท จากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป ระลอกคลื่นเปิดออก ทันใดนั้นมือโครงกระดูกก็ยื่นออกมา และตบฟาดตรงไปยังนกแก้วอย่างดุร้าย

นกแก้วแผดร้องเสียงแหลมเล็ก และเพลงของเหล่าไห่เซียนก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น สำหรับนกแก้ว มันพุ่งผ่านฝ่ามือกระดูกตรงไปยังร่างจำแลงหานชิงเหลย พุ่งตรงไปยังก้นของมันอย่างหยาบโลน

ร่างจำแลงหานชิงเหลยมองดูด้วยความตกใจ และทันใดนั้นก็แตกกระจายไป เมื่อมันก่อตัวขึ้นมาใหม่จากที่ห่างไกลออกไป นกแก้วก็แผดเสียงด้วยโทสะออกมา และพุ่งตรงไปที่มันอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่ามันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันร้ายแรง แต่ร่างจริงของหานชิงเหลยก็แค่หัวเราะหึๆ อย่างเย็นชาออกมา แววตาเย้ยหยันปรากฏขึ้น ขณะที่หนึ่งในร่างจำแลงของมันจัดการอยู่กับภูติเกราะดำ และอีกร่างก็จัดการกับวิหคประหลาดตัวนั้น

“เก้าชนเผ่าสายลม แต่ละชนเผ่ามีสามร้อยเต๋า สามร้อยเต๋าสุดท้ายอยู่ในวิหารกลาง มีทั้งหมดสามพันเต๋า และใครก็ตามที่ได้รับความรู้แจ้งมากที่สุดก็จะสามารถผ่านเข้าไปในวิหารกลางได้ ตอนนี้ถึงเวลาที่จะ…ส่งมอบตราประทับของชนเผ่าที่เก้ามาให้ข้าแล้ว!”

ร่างจริงหานชิงเหลยหัวเราะหึๆ อย่างเย็นชา แวบผ่านอากาศตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ยื่นมือขวาออกจนแทบจะแตะไปที่หน้าผากของเมิ่งฮ่าว

“ตาย!”

ขณะที่นิ้วของหานชิงเหลยเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นเอง เสียงกระดิ่งก็ได้ยินออกมาจากข้อเท้าของนกแก้ว กระดิ่งหายไป มาปรากฏขึ้นใหม่อยู่ระหว่างหน้าผากของเมิ่งฮ่าวและนิ้วของหานชิงเหลย ในรูปแบบของผีโต้งที่มีขนาดเท่ากำปั้น กระแทกตรงไปยังนิ้วข้างนั้น

ร่างของผีโต้งอ่อนนุ่มแต่ก็ยืดหยุ่นด้วยเช่นกัน ภายใต้ความยืดหยุ่นนั้นเป็นความเหนียวแน่นอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำการขัดขวางนิ้วของหานชิงเหลยไปในทันที

เกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้น และผีโต้งก็ส่งเสียงแผดร้องออกมา มันมีท่าทางกราดเกรี้ยวขณะที่มองไปยังหานชิงเหลยและกล่าวว่า “เจ้าคือคนเลว!!”

หานชิงเหลยจ้องมองไปด้วยความตกใจ มันเริ่มตระหนักขึ้นอย่างรวดเร็วว่า เมิ่งฮ่าวมีสิ่งของแปลกๆ อยู่เป็นจำนวนมากอย่างน่าเหลือเชื่อนัก ตอนแรกเป็นภูติสีดำ ต่อมาเป็นนกแก้วที่น่ากลัว และตอนนี้เป็นผีโต้งแปลกประหลาด ที่มีใบหน้าเป็นชายชรา

“ไสหัวไป!” หานชิงเหลยแผดร้องออกมา มันกำลังจะหมดความอดทนแล้ว ไม่เคยคิดว่าหลังจากจัดการกับฝานตงเอ๋อร์และเป้ยอวี้ สามารถทำให้เกราะป้องกันแตกกระจายไปได้แล้ว จะต้องมาเผชิญหน้ากับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในความพยายามจะสังหารเมิ่งฮ่าวไป

ทันใดนั้นมือของมันก็แวบไปทางด้านข้าง พุ่งโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าวจากแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามันจะเคลื่อนไหวต่างกันมากมายแค่ไหน ผีโต้งก็มักจะขัดขวางมันไว้ได้เสมอ ยิ่งไปกว่านั้นผีโต้งก็ยิ่งแผดร้องและก่นด่ามันเป็นเสียงดังก้องอย่างต่อเนื่อง

“เจ้าคนเลว! เจ้ามันก็แค่คนเลวเท่านั้น!”

“ซานเหยียต้องเปลี่ยนแปลงคนเลวเช่นเจ้า! คนเลว! ลดอาวุธของเจ้าลง และปล่อยให้ซานเหยียผู้ยิ่งใหญ่ช่วยให้เจ้าอยู่ในโอวาท เด็กน้อยเจ้าจะต้องกลายเป็นคนดีที่สัตย์ซื่อเชื่อฟัง!”

“อ๊ากกกกกกก! เจ้ายังจะโจมตีข้าอีก?! คนเลว! คนเลว! คนเลว! คนเลว!!!”

หานชิงเหลยแทบจะใกล้บ้าไปได้ทุกเมื่อ ส่งเสียงกู่ร้องด้วยโทสะออกมา ขยับมือร่ายเวท ทำให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา กระบี่กระดูกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น แทงตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ในตอนนี้เองที่ผีโต้งกลายเป็นแผ่นหนังขนาดใหญ่ปกคลุมไปบนร่างเมิ่งฮ่าวไว้โดยสิ้นเชิง ขัดขวางกระบี่กระดูกไว้ได้ทั้งหมด

“ซานเหยียเริ่มทนไม่ไหวแล้ว! เจ้ากำลังทำอะไรอยู่, หา? เจ้ากำลังทำอะไร! เจ้าคนเลว!”

หานชิงเหลยมีโทสะเป็นอย่างยิ่ง กับการที่ต้องสูญเสียเวลาไปครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตามันสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ทันใดนั้นก็กำมือเป็นหมัดจนแน่น ขณะที่ทำเช่นนั้น เลือดเนื้อก็หายไป และกลายเป็นโครงกระดูกที่ขาวโพลน

มันต่อยหมัดออกไป ไม่ใช่ด้วยพลังของกายเนื้อ

แต่ด้วยความสามารถศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ กระแทกเข้าไปในร่างผีโต้ง ทำให้ผีโต้งต้องแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา ร่างกายมันหดเล็กลงไปเพื่อต่อต้าน ทันใดนั้น รอยยิ้มที่ดูถูกเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหานชิงเหลย

ดวงตามันสาดประกายขึ้นและกล่าวว่า “เวลา…หยุดลง!”

เมื่อมันพูดจบ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวมัน จู่ๆ ก็ดูเหมือนว่าจะหยุดชะงักนิ่งไปตราบชั่วนิรันดร์

ทุกสรรพสิ่งเงียบสงบลงไป ผีโต้งลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ และมีแต่หานชิงเหลยเท่านั้นที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ใบหน้ามันซีดขาว เห็นได้ชัดว่า การใช้เวทแห่งเต๋านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับมัน

ในทันทีที่เวลาหยุดลง ดวงตามันก็สาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร มือมันเปลี่ยนไปอีกมุม พุ่งผ่านการป้องกันของผีโต้งไป และกลายเป็นหมัดตรงไปยังศีรษะของเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว

“มันจบแล้ว!” หานชิงเหลยกล่าวขึ้น แต่เมื่อหมัดของมันกำลังจะกระแทกไปบนศีรษะเมิ่งฮ่าว ดวงตาเขาก็ลืมขึ้นมาในทันที และกลิ่นอายที่เย็นชาอย่างน่ากลัวก็สาดประกายขึ้นมา

มือขวาเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไป จนกลายเป็นภาพทับซ้อน ขณะที่พุ่งตรงไปปะทะกับหมัดของหานชิงเหลย!

ดวงตาคนทั้งสองสบประสานกันในทันที

หนึ่งในดวงตาคู่นั้นมีแววตาที่ตกตะลึง อีกหนึ่งส่องประกายที่เย็นชาออกมา

ในตอนนี้ ดวงตาคู่หนึ่งมีแววตาที่ดุร้ายและโหดเหี้ยม สำหรับดวงตาอีกคู่ ความเย็นชาในแววตาคล้ายกับเป็นใบมีดอันคมกริบ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!