Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1099

ตอนที่ 1099

ชัยชนะ

สายตาของคนทั้งสองสบประสานกัน หมัดของทั้งคู่กระแทกเข้าหากัน และเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกมาระหว่างคนทั้งสอง ดังสะท้อนขึ้นไปจนถึงสวรรค์ กึกก้องไปทั่วทั้งโลกที่เงียบสงบนี้ สายลมขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา และยอดเขาที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง

แรงสั่นสะเทือนนั้นทำให้เกิดเป็นรอยแตกปรากฏขึ้นบนพื้นดิน ผีโต้งกลายเป็นปกติเหมือนเดิม และเมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าวได้ตื่นขึ้นมาแล้ว มันก็ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

หานชิงเหลยถูกพลังสะท้อนกลับโจมตีมา ทำให้ต้องลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง อากาศฉีกขาดออกไปเป็นชิ้นๆ ขณะที่เสียงระเบิดติดต่อกันเก้าครั้งดังก้องออกไป ก่อนจะในที่สุดหานชิงเหลยก็ไปหยุดนิ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าซีดขาว โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก

เมิ่งฮ่าวก็ปลิวไปทางด้านหลังด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขาลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ ใบหน้าเป็นสีแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย แต่ดวงตากลับคมกริบเหมือนเช่นเคย!

“เจ้าพูดถูกแล้ว สำหรับเจ้า…มันจบลงแล้วจริงๆ!”

เขากล่าวเสียงราบเรียบ พุ่งตรงไปราวกับเป็นสายฟ้าในทันที ใช้วิธีการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองออกมา พุ่งตรงไปยังหานชิงเหลยด้วยพลังสะกดข่มทั้งหมด!

พื้นฐานฝึกตนของเขาระเบิดเป็นพลังออกไป ก่อนหน้านี้ในช่วงของจุดวิกฤต ในที่สุดเขาก็ได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับหนึ่งร้อยแก่นแท้ และได้สติกลับคืนมาในทันที

สีหน้าหานชิงเหลยสลดลง แต่ก็ไม่ยอมล่าถอย กัดฟันแน่นพุ่งตรงไปโจมตี เสียงระเบิดดังก้องขึ้นขณะที่คนทั้งสองปะทะกันในกลางอากาศ ต่อสู้กันไปมานับร้อยครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ

เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ ทำให้ภูเขาจำนวนมากตกลงมา บดขยี้ลงไปบนร่างของหานชิงเหลย หานชิงเหลยขยับมือร่ายเวท เรียกสุสานกระดูกของมันออกมา ตามมาด้วยกระดูกสีขาวนับไม่ถ้วน ทั้งหมดก่อตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นยักษ์กระดูกขนาดใหญ่ โจมตีไปยังภูเขาที่ตกลงมา

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงอย่างเย็นชา และก้าวเดินตรงไป กลายเป็นวิหคยักษ์สีทอง อากาศพุ่งขึ้นไปอย่างรุนแรง ขณะที่เขากรีดเฉือนกรงเล็บลงไปยังหานชิงเหลยอย่างดุร้าย เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมา ขณะที่หานชิงเหลยขยับมือร่ายเวทอีกครั้ง ครั้งนี้ฝูงกระบี่กระดูกเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ก่อตัวเป็นชั้นของกำแพงขัดขวางเมิ่งฮ่าวไว้ และต่อสู้กลับไปอย่างโหดเหี้ยม

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง อากาศบิดเบี้ยวไปมา และท้องฟ้าก็มืดสลัวลง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของหานชิงเหลย และวิหคยักษ์สีทองก็จางหายไป แต่ในเวลาเดียวกันนั้น มือขวาของเมิ่งฮ่าวก็กำเป็นหมัดขึ้น

หมัดทำลายล้างชีวิต!

ในการต่อสู้มาจนถึงตอนนี้เมิ่งฮ่าวยังไม่ได้เปิดเผยร่องรอยใดๆ ที่เขาฝึกฝนกายเนื้อมาก่อน เขาโจมตีไปด้วยความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทเท่านั้น ตอนนี้เขากำลังใช้หมัดนี้ ทำให้สีหน้าของหานชิงเหลยต้องสลดลงไปในทันที

“ผู้ฝึกตนกายเนื้อ!” มันอ้าปากค้างแผดร้องออกมา ขณะที่หมัดนั้นใกล้เข้ามา และรีบขยับมือขึ้นร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้เกราะป้องกันกระดูกหลายชั้นปรากฏขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกมันจะมีกี่ชั้นก็ตามที เกราะป้องกันเหล่านั้นทั้งหมดพังทลายลงไป ชั้นแล้วชั้นเล่า จนกระทั่งหมัดนั้นกระแทกลงไปยังร่างของหานชิงเหลย

ตูม!

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากมัน ร่างกายลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง เมิ่งฮ่าวทำให้มันรู้สึกประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม…มันก็ยังคงเต็มไปด้วยความต้องการที่จะต่อสู้ด้วย

หนึ่งหมัดทำให้หานชิงเหลยลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง เมิ่งฮ่าวไม่ได้ไล่ติดตามไปในทันที แต่กลับชี้นิ้วตรงไปยังสุสานโครงกระดูกทั้งสองแห่ง ทำให้พวกมันระเบิดออก ฝานตงเอ๋อร์ปรากฏกายขึ้น ใบหน้าซีดขาว เพิ่งจะได้สติกลับคืนมา ที่ด้านข้างเป้ยอวี้มีใบหน้าซีดขาวไปโดยสิ้นเชิงและยังคงหมดสติอยู่

“เวทกาลเวลา…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ขยับมือร่ายเวทและชี้นิ้วออกไป ทำให้อากาศที่อยู่รอบๆ ตัวเป้ยอวี้บิดเบี้ยวไปมา ความรู้สึกที่คล้ายกับว่าเวลาได้กระจายออกไป ทำให้เป้ยอวี้ฟื้นสติกลับคืนมาในทันที

เมิ่งฮ่าวมีความเข้าใจเกี่ยวกับห้วงเวลาอย่างลึกซึ้ง แต่ก็ไม่อาจจะทำให้มันไหลไปตามที่ต้องการได้จริงๆ อย่างไรก็ตาม…สิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่การจัดการเช่นนั้น เพียงแค่ทำลายวิชาเวทของหานชิงเหลยไปเท่านั้น

“เจ้าคู่ควรที่จะอยู่ในลำดับขั้นเช่นเดียวกับข้าจริงๆ…ถ้าเช่นนั้น ก็มาต่อสู้กันเถอะ!”

หานชิงเหลยกล่าวขึ้น กวาดเช็ดโลหิตออกมาจากมุมปากและหัวเราะหึๆ ออกมา ดวงตาลุกโชนด้วยความต้องการสังหารอย่างเข้มข้น พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นประกายแสงที่แวบขึ้นมา

ครั้งนี้ ร่างจำแลงทั้งสองของมันแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา จากนั้นก็เผาไหม้พลังชีวิตของพวกมันเพื่อผลักดันให้ภูติเกราะดำถอยไปทางด้านหลัง และจัดการให้นกแก้วหลบไปที่ด้านข้าง พวกมันรวมกำลังกับร่างจริงของหานชิงเหลยพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

นกแก้วยังคงมีโทสะอยู่ แต่หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ มันก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถไล่ตามร่างจำแลงไปได้ ดังนั้นมันจึงร้องตะโกนขึ้นมาอย่างเดือดดาลว่า

“เสี่ยวฮ่าวจื่อ บดขยี้มันให้ตายไปเลย! เจ้าสารเลวบัดซบนั่นบังอาจมาทำลายบุคลิกภาพของอู่เหยีย! ข้าอยากจะพุ่งทะลวงมัน! ทำไมเจ้าถึงไม่ทะลวงมันให้กับข้า…ไม่ถูกต้อง อย่าได้ทะลวงมัน ข้าต้องการทะลวงก่อนเป็นคนแรก!”

สีหน้าแปลกๆ มองเห็นได้บนใบหน้าเมิ่งฮ่าว ขณะที่มองไปยังนกแก้ว หลังจากที่ครุ่นคิดไปถึงเรื่องที่มันช่วยปกป้องตนเองเมื่อครู่นี้ เขาก็กระแอมไอออกมาและพยักหน้าให้

จากนั้นพื้นฐานฝึกตนก็ปะทุขึ้นมาด้วยพลัง ชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุดพุ่งขึ้นมา สามสิบสามสวรรค์ตกลงมาอย่างเต็มกำลัง กลิ่นอายจักรพรรดิเซียนกระจายออกไป กลายเป็นสายลมที่ปั่นป่วนวุ่นวายพุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในท่ามกลางพวกมันทั้งหมด เส้นผมพลิ้วไปมา ดวงตาสาดประกายขึ้นราวกับเป็นสายฟ้า ขณะที่ร่างกายกระจายแรงกดดันอันมหาศาลออกมา

“เจ้าต้องการต่อสู้? ดี มาสู้กัน!”

เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงที่ดังกึกก้องราวกับเป็นเสียงฟ้าคำราม นี่คือคนในรุ่นเดียวกันที่น่ากลัวมากที่สุด เท่าที่หานชิงเหลยเคยพบเจอมา ขณะที่คำพูดของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป เงาร่างทั้งสามของมันก็เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว

สามเงาร่างฟาดฝ่ามือไปโดยพร้อมเพรียงกัน

“เต๋าสามร่าง!”

“เวทสุสานกระดูก!”

“สังหารด้วยกาลเวลา!”

พื้นฐานฝึกตนของพวกมันพุ่งทะยานขึ้นไป ทำให้ดูคล้ายกับเป็นหอกยาวสามเล่ม แทงตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ใบหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่ง

และไม่ได้ถอยไปทางด้านหลัง แต่กลับก้าวเท้าตรงไป สายลมอันรุนแรงพุ่งอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่กำมือขวาเป็นหมัดและต่อยออกไป

หมัดกลายเป็นปีศาจ!

การโจมตีไปของหมัดนี้ทำให้สีสันแวบขึ้นไปในท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันนั้น เจตจำนงแห่งการเผาไหม้ตนเองจนถึงจุดที่กลายเป็นปีศาจได้ระเบิดออกไป หมัดนั้นดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของความมืดมิดในยามราตรี ท้องฟ้าที่ด้านบนกลายเป็นสีดำ และความมืดมิดของปีศาจก็บดขยี้ลงมาบนพื้นดิน

ตูมมมมมมม!

ขณะที่หมัดนั้นโจมตีออกไป และความมืดมิดก็ตกลงมา เงาร่างทั้งสามของหานชิงเหลยก็กลายเป็นสุสานกระดูกขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม สุสานนั้นพังทลายกลายเป็นเสี่ยงๆ ไปในทันที และเวทกาลเวลาที่อยู่ด้านในก็แตกกระจายออกไป

เงาร่างทั้งสามกระอักโลหิตออกมา ขณะที่พวกมันถอยไปทางด้านหลัง อย่างไรก็ตามเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของพวกมันก็ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเช่นเคย

“เมิ่งฮ่าว เจ้าคู่ควรที่จะได้เห็นรูปแบบที่สมบูรณ์ของข้า! การรวมตัวกันของสามร่าง!” หานชิงเหลยเงยหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ในเวลาเดียวกันนั้นร่างจำแลงทั้งสองของมันก็ส่องแสงอย่างไร้ขอบเขตออกมา ในชั่วพริบตาพวกมันก็พุ่งตรงไปยังหานชิงเหลย หลอมรวมเข้ากับมัน

ก่อตัวเป็น… ร่างที่มีสามหัว, หกแขน!

ศีรษะทั้งสามกระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมาอย่างเข้มข้น ขณะที่แขนทั้งหกขยับร่ายเวทโดยพร้อมเพรียงกัน ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์และเวทแห่งเต๋าออกมาด้วยความรวดเร็วอย่างไร้ที่เปรียบ

หานชิงเหลยกลายเป็นลำแสง ระเบิดเป็นพลังออกไป ขณะที่มันพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

ทันใดนั้นคนทั้งสองก็กระแทกเข้าหากัน เมิ่งฮ่าวเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ซับซ้อน เขากระแทกไปด้วยความโหดเหี้ยม และเมื่อได้รับบาดเจ็บก็จะไม่ยอมล่าถอย จะยิ่งโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ก็จะทำงานอย่างเต็มอัตรา เวทชีพจรเซียนลับของเขาจะช่วยเพิ่มพลังให้กับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ หรือวิชาเวทที่เขาใช้ให้มากขึ้นหลายเท่าตัว

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถใช้พลังของจักรพรรดิเซียนออกมาได้ด้วย ทำให้วิชาเวทยิ่งมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทุกๆ การโจมตีไปของเขา ทำให้ท้องฟ้ามืดสลัวลงไป ตอนนี้หานชิงเหลยตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

วิธีการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าว ที่โจมตีไปด้วยความก้าวร้าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลายเป็นแรงกดดันอันยิ่งใหญ่กดทับลงไปบนจิตใจ และดูเหมือนว่าจะทำให้เขายิ่งมีพลังเพิ่มมากขึ้น หานชิงเหลยกำลังถูกบีบบังคับให้ถอยไปทางด้านหลัง และสูญเสียโอกาสที่จะทำการโจมตีกลับมา

“บัดซบ ทำไมเมิ่งฮ่าวผู้นี้ถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!?”

สีหน้าหานชิงเหลยสลดลง และมันก็กัดฟันแน่น แขนทั้งหกขยับร่ายเวท ทำให้กงล้อเวทปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าอย่างน่าตกใจยิ่ง!

กงล้อนั้นไม่สมบูรณ์ มีเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนของสถานะที่เต็มรูปแบบเท่านั้น โดยที่เหลือเป็นภาพลวงตา มีสัญลักษณ์เวทจำนวนมากปกคลุมไปที่กงล้อนั้น และกระจายกลิ่นอายแห่งบรรพกาลและความเก่าแก่โบราณออกมา

นี่คือเวทผู้ยิ่งใหญ่ที่หานชิงเหลยใช้ในการเข้ามาอยู่ในลำดับขั้นกงล้อแห่งกาลเวลา!

กงล้อนี้มาความเป็นมาที่ลึกลับ และมีพลังในการจัดการเรื่องเวลา เนื่องจากเช่นนี้ ทำให้หานชิงเหลยได้รับความรู้แจ้งเกี่ยวกับเวทผู้ยิ่งใหญ่ และประกอบไปด้วยความสามารถอันลี้ลับ

“เวทผู้ยิ่งใหญ่ เต๋าแห่งกาลเวลา!”

มือของหานชิงเหลยแวบขึ้นร่ายเวท และกงล้อเวทก็เริ่มหมุนวน ดูเหมือนว่าเวลาจะไหลผ่านไป หมุนคว้างตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ฉีกกระชากอากาศให้เปิดออกขณะที่มันเข้าไปใกล้เขา อย่างน่าตกใจยิ่งภาพจำนวนมากนับไม่ถ้วน ได้ปรากฏขึ้นโดยกาลเวลาที่ผ่านไปในแต่ละยุคสมัย เต็มอยู่ในบริเวณนั้น

“เวทผู้ยิ่งใหญ่, หือ…” เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงอย่างเย็นชา โบกสะบัดมือขวาออกไป และท้องฟ้าก็สั่นสะท้าน สะพานขนาดใหญ่ตกลงมา ซึ่งไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็น…สุดยอดสะพาน!

ในทันทีที่สุดยอดสะพานปรากฏขึ้น กงล้อเวทก็สั่นไปมาราวกับว่า…มันไม่อาจจะต่อสู้ด้วยได้!

ใบหน้าหานชิงเหลยสลดลง ขณะที่เวทผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองกระแทกเข้าหากัน ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แทบจะราวกับว่าโลกแห่งนี้กำลังจะพังทลายลงไป แรงสั่นสะเทือนอย่างเข้มข้นนี้ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดในอาณาจักรสายลมรับรู้ได้

เสียงกระหึ่มดังก้องออกมาขณะที่กงล้อเวทพังทลายลงไป แต่สุดยอดสะพานเพียงแค่สั่นไปมาเล็กน้อยเท่านั้น ยังคงกระจายแรงกดดันอันเข้มข้นออกมาอย่างต่อเนื่อง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของหานชิงเหลย และร่างกายมันก็เริ่มแยกส่วนออกไป สองศีรษะระเบิดขึ้น และสามแขนก็ถูกทำลายไป ถึงแม้ว่ามันจะส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา

แต่ความต้องการต่อสู้ก็ยังไม่จางหายไปจากจิตใจมัน แขนที่ยังเหลืออยู่สามข้างของมันขยับร่ายเวท และแหงนหน้าขึ้นกู่ร้องออกมา ทันใดนั้นรูปปั้นกระดูกก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้ามัน กระจายกลิ่นอายอันน่าประหลาดใจออกมา นี่คือหนึ่งในไพ่ไม้ตายของมัน เป็นโชควาสนาที่มันได้รับมา ตอนนี้มันกำลังใช้ออกมาเพื่อต่อสู้ เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือออกไป ทำให้แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น

“แก่นแท้? เป็นไปไม่ได้!!” เป็นครั้งแรกที่หานชิงเหลยสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ และความรู้สึกหวาดกลัวก็พุ่งขึ้นมา เป็นความหวาดกลัวที่ทำให้หานชิงเหลยต้องรู้สึกอัปยศอย่างถึงที่สุด

มันอยู่ในลำดับขั้น แต่ในที่แห่งนี้มันกำลังหวาดกลัวใครบางคนที่อยู่ในลำดับขั้น มันต้องการจะดึงความรู้สึกนั้นออกมา แต่ก็ไม่อาจจะยับยั้งไม่ให้รู้สึกหวาดกลัวได้

“มีเรื่องราวมากมายหลายอย่างที่เจ้าอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เจ้าแค่ประสบพบเจอมาไม่เพียงพอเท่านั้น”

เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงเย็นชา

ขณะที่เข้าไปใกล้หานชิงเหลย โลกก็สั่นสะเทือนขึ้น ฝานตงเอ๋อร์และเป้ยอวี้มองไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด พวกนางรู้จักเมิ่งฮ่าว แต่ก็ยังคงประหลาดใจ ราวกับว่าเมิ่งฮ่าว…มีความแข็งแกร่งมากกว่าความคาดคิดของพวกนาง!

ราวกับว่าในการต่อสู้นี้ หานชิงเหลยถูกสะกดข่มไปโดยสิ้นเชิง พ่ายแพ้ไปอย่างไม่อาจจะต่อสู้กลับมาได้ อันที่จริงความหวาดกลัวที่มันสร้างขึ้นมาตอนต่อสู้กับพวกนางเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเลยในตอนนี้

หานชิงเหลยถูกบังคับให้ต้องล่าถอยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหน้ามันสลดลง และในที่สุดก็เริ่มหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา แต่ดวงตายังสาดประกายอันเข้มข้นขึ้นมา

“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคาดคิดไว้ เจ้าแซ่เมิ่ง…แต่ไม่มีทางจะเกี่ยวข้องกับตระกูลเมิ่ง อย่างไรก็ตาม…มันคงจะน่าขำนักที่ต้องสังหารเจ้าด้วยหนึ่งในความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเมิ่งเอง!”

มันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ยกมือขวาขึ้นมา และชี้นิ้วฝ่าอากาศไป

“สายฟ้าเขียว!” ขณะที่มันพูดขึ้นมา ร่างกายก็สั่นสะท้าน โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ราวกับว่าการโจมตีนี้เกินกว่าขีดจำกัดของตัวมัน สายฟ้านับไม่ถ้วนปะทุขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัวมัน กระจายออกไปจนกลายเป็นทะเสสาบแห่งสายฟ้า สูงขึ้นไปในท้องฟ้าสายฟ้าสีเขียวฟาดลงมา เชื่อมต่อกับหานชิงเหลย ทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และความรู้สึกถึงวิกฤตก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ

“ตระกูลเมิ่ง…” เขาพึมพำด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป ขณะที่พลังของหานชิงเหลยพุ่งขึ้นมา เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และก้าวไปข้างหน้าในทันที

ก้าวที่เดินไปนั้นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ในเวลาเดียวกันนั้น รอยเท้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า บดขยี้ลงมายังร่างของหานชิงเหลย ขัดขวางพลังที่กำลังพุ่งขึ้นมาของมันไว้ในทันใด!

อย่างน่าตกใจยิ่งตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับจากซูเยียนออกมา, เวทเจ็ดก้าวเทพ!

ก้าวที่สองทำให้โลกทั้งหมดนี้สั่นสะเทือน และสายลมก็โชยพัดมาอย่างรุนแรง

เมิ่งฮ่าวไม่ได้หยุดลง เดินเป็นเป็นก้าวที่สาม, สี่ และห้า แต่ละก้าวทำให้พลังพุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง มันไม่ใช่พลังของเขาเอง แต่เป็นพลังที่มาจากวิชาเวท รวบรวมมาจากความว่างเปล่า, จากโลก, จากสวรรค์และปฐพี!

เมื่อซูเยียนใช้เจ็ดก้าวเทพกับเขา เมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง นางยังได้ใช้มันมาต่อต้านกับเวทผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาต้องเกิดเป็นความสนใจขึ้น และเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะเรียนรู้เวทแห่งเต๋านี้มาจากนาง

จากเวทแห่งเต๋าทั้งหมดที่เขาคุ้นเคย ไม่มีอะไรสามารถมาเทียบกับเจ็ดก้าวเทพนี้ได้ ในแง่ของพลังที่มันสามารถจะปลดปล่อยออกมา เวทนี้…คือเต๋าแห่งพลัง!

ขณะที่เขาเดินไปห้าก้าว ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาที่จะดูแปลกพิเศษไป อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง ความรู้สึกที่เขาปลดปล่อยออกไปคือการคงอยู่ที่เหนือสวรรค์และปฐพี พลังอันมหาศาลม้วนกวาดออกไป และบดขยี้ตรงไปยังหานชิงเหลย

ใบหน้าหานชิงเหลยซีดขาวราวไร้สีเลือด สายฟ้าเขียวของมันขึ้นกับพลังที่มันจะสามารถปลดปล่อยออกมาได้ และทำให้เจตจำนงแห่งสายฟ้าที่อยู่ภายในร่างมันรวมตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นอำนาจแห่งสวรรค์ ซึ่งจากนั้นมันก็สามารถจะใช้ไปบดขยี้ศัตรู

แต่ตอนนี้มันกำลังตกใจเมื่อพบว่าเมิ่งฮ่าวมีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปกว่าเดิม!

“เป็นไปไม่ได้!!” มันหอบหายใจออกมา จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็เดินไปเป็นก้าวที่หก และในที่สุดก็ก้าวที่เจ็ด ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่เหนือสิ่งใดๆ ทั้งหมด พลังแห่งสวรรค์ก่อตัวเป็นเท้ายักษ์บดขยี้ลงมายังหานชิงเหลย

“ไม่!!!” มันแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา รีบขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้สายฟ้าเขียวพุ่งตรงไปยังเท้าที่บดขยี้ลงมา

ตูมมมมมมม!

เมื่อพวกมันกระแทกเข้าหากัน เท้านั้นก็บดขยี้สายฟ้าไปโดยที่ไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย ยังคงกระทืบลงไปยังหานชิงเหลยด้วยความดุร้ายอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น และพื้นดินก็สั่นสะเทือนไปมา รอยเท้ายักษ์ปรากฏขึ้นระหว่างภูเขาไป๋เฟิงและเมืองหลวงของชนเผ่าที่เก้า จมลึกลงไปในพื้นดิน

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของหานชิงเหลย และร่างกายมันก็แห้งเหี่ยวลงไป กลิ่นอายของมันอ่อนแอลงอย่างรุนแรง ขณะที่ยืนอยู่ในท่ามกลางของรอยเท้า หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา มันบดขยี้แผ่นหยกไป ทำให้กลุ่มหมอกปรากฏขึ้นห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัว และนำพามันให้จากไปอย่างรวดเร็ว

มันกำลังหลบหนีไป ทำให้จิตใจมันแทบจะมีหยดโลหิตไหลลงมา มันรู้สึกอัปยศจากความพ่ายแพ้ในการต่อสู้นี้อย่างถึงที่สุด จากผู้ที่รุกรานกลายเป็นผู้ที่ต้องหลบหนีจากไปในทันที มันไม่เคยคาดคิดว่าจะถูกบังคับให้ต้องหลบหนีด้วยแผ่นหยกนี้ ในช่วงของการต่อสู้กับคนที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน แต่ในที่แห่งนี้มันจำเป็นต้องหลบหนีจากความตาย ด้วยการบดขยี้แผ่นหยกไป

“เจ้าคิดว่าจะหลบหนีจากไปได้?” เมิ่งฮ่าวพูด ปรากฏตัวขึ้นในกลางอากาศ ใบหน้าค่อนข้างจะซีดขาว

การต่อสู้ในครั้งนี้ยุ่งยากอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่อาจจะเทียบได้กับแผนการซุ่มโจมตีอันน่ากลัว ที่จัดเตรียมขึ้นมาโดยกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรได้

พร้อมกับเสียงแค่นอย่างเย็นชา เขาโบกสะบัดมือ และแสงแปลกๆ ก็เริ่มสาดประกายขึ้นในดวงตา

ฉับพลันนั้นเขาก็ชี้นิ้วตรงไปยังหานชิงเหลย

“อำนาจแห่งกรรม!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นกลายเป็นเสียงดังก้องออกไป เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม, เคร่งเครียด และศักดิ์สิทธิ์…

“กรรมที่ก่อตัวขึ้นมาในวันนี้! ทำให้เจ้ากลายเป็นหนี้ข้า!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!