ตอนที่ 1100
โชคชะตา!
เมิ่งฮ่าวได้หว่านเมล็ดกรรมไว้กับผู้ฝึกตนลำดับขั้น ด้วยการใช้อำนาจแห่งกรรม ในตอนที่เขากลายเป็นบุคคลแรกที่ทำลายสถิติอยู่บนยอดเขาไป๋เฟิง ในตอนนั้นนามของเขาถูกเอ่ยขึ้นมาไปทั่วทั้งอาณาจักรสายลม คนทั้งหมดเริ่มรู้จักเขา และการเชื่อมต่อของกรรมที่มองไม่เห็นก็ถูกสร้างขึ้นมา
การใช้กรรมด้วยวิธีเช่นนั้นเป็นสิ่งที่สามารถสะกดข่มได้โดยสิ้นเชิง อันที่จริงก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะสร้างอำนาจแห่งกรรมขึ้นมา ไม่เคยมีสิ่งเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน
จากความรู้แจ้งที่เขาพบเจอมาในครั้งนั้น รวมถึงบุคลิกส่วนตัวและความต้องการของเขา ทำให้สามารถสร้างเป็นเวทแห่งเต๋าที่สามารถสะกดข่มและโดดเด่นไม่เหมือนใครขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ เป็นบางสิ่งที่สามารถจะบังคับให้เกิดการผูกมัดโชคชะตาเข้าด้วยกันได้
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยงหรือต่อต้าน ยิ่งไปกว่านั้น ตราบเท่าที่เมล็ดกรรมถูกบ่มเพาะขึ้นมา มันก็ต้องถูกเก็บเกี่ยวอย่างแน่นอน!
ขณะที่หานชิงเหลยหลบหนีจากไป จู่ๆ มันก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่วิ่งผ่านไปทั่วร่าง ฉับพลันนั้นก็รู้สึกราวกับว่าโชคชะตากำลังถูกเปลี่ยนแปลงไป เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันจนทำให้จิตใจมันเริ่มเต้นรัว
มันไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใด แต่ทันใดนั้นก็ไม่อาจจะคิดเรื่องอื่นๆ ได้นอกจากเมิ่งฮ่าว นามของเมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะเต็มอยู่ในจิตใจ แทบจะคล้ายกับคำสาปแช่งที่กดทับลงมา
“เกิดอะไรขึ้น!?!? ข้าเป็นหนี้มัน?!”
สีหน้าหานชิงเหลยสลดลง และมันต้องการจะดิ้นรน แต่ก็พบว่าไม่อาจจะทำได้ สำหรับความกลัวของมันนี้ ทำให้จิตใจเต็มไปด้วยเมิ่งฮ่าว ที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือว่า มีคำพูดกำลังดังก้องอยู่ในจิตใจคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม
เจ้าเป็นหนี้ข้า
เจ้าเป็นหนี้ข้า!
เจ้าเป็นหนี้ข้า!!
เสียงนั้นดังก้องขึ้นมาราวกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม ทำให้ใบหน้าของหานชิงเหลยเริ่มซีดขาวมากขึ้นกว่าเดิม
“นี่คือวิชาเวทอะไรกัน?! บัดซบ!!”
มันรู้สึกตกใจขึ้นโดยสิ้นเชิงเมื่อตระหนักว่า นี่เป็นวิชาเวทที่มันไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินมาก่อน
เมื่อเมิ่งฮ่าวชี้นิ้วไป ทั่วทั้งโลกก็เปลี่ยนไปในสายตาของเขา ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนและเวลาก็ดูเหมือนจะช้าลงราวกับกำลังคืบคลานไป เขาสามารถมองเห็นเส้นใยกรรมจำนวนมากอย่างเลือนราง กำลังยืดยาวออกมาจากศีรษะของคนทั้งหมดที่มองเห็นได้
ตัวหานชิงเหลยเองมีเส้นใยกรรมอยู่มากมาย มากจนยากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างเส้นใยกรรมเหล่านั้นออกมาได้ แต่ก็มีอยู่หนึ่งเส้นใยที่กำลังเชื่อมต่ออยู่กับเมิ่งฮ่าว
เส้นใยนั้นอาจจะไม่ได้ผูกมัดคนทั้งสองไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็มีอยู่ที่นั่นกำลังส่องแสงอย่างเข้นข้นออกมา ซึ่งก็คืออำนาจแห่งกรรม…ยิ่งผู้หว่านเมล็ดกรรมและเป้าหมายมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งมากเท่าใด เส้นใยกรรมก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเส้นใยกรรมแข็งแกร่ง วิชาเวทนี้ก็จะยิ่งสะกดข่มได้มากขึ้นเท่านั้น
“สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือเจ้าได้รู้จักนามของข้า”
เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม มีสีหน้าที่ศรัทธา ราวกับว่าเขากำลังอธิบายถึงบางสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับสวรรค์และปฐพี “จากนั้นเจ้าจะต้องพ่ายแพ้ข้าไปโดยสิ้นเชิง สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้สามารถอธิบายได้ในฐานะที่เป็นกรรม!”
“กรรมทำหน้าที่เป็นโชคชะตา สวรรค์และปฐพีเป็นสักขีพยาน สร้างเป็นตราประทับที่ไม่อาจจะลบเลือนไปได้ ปรากฏขึ้นเป็นตั๋วสัญญา วันใดที่เจ้าจ่ายหนี้กลับมาได้ กรรมก็จะกระจายหายไปเอง!”
เขาโบกสะบัดมือราวกับว่ากำลังเขียนบางสิ่งบางอย่างอยู่ และจากนั้นสีสันก็แวบขึ้นไปในท้องฟ้า และสายลมก็กรีดร้องระงม เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ราวกับว่าเสียงฟ้าร้องและฟ้าฝ่า กำลังมาเป็นสักขีพยานให้กับกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างเมิ่งฮ่าวและหานชิงเหลย
หานชิงเหลยส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ถึงแม้ว่ามันจะถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มหมอก และพุ่งจากไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด แต่จิตใจยังคงเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มราวกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม ในเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยวิชาเวทออกมา หานชิงเหลยก็รู้สึกได้ว่ากลิ่นอายอันบางเบากำลังถูกดึงออกไปจากร่างกายของมัน
มันเป็นความรู้สึกที่น่าประหลาดใจและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ทันใดนั้นก็มีลางสังหรณ์ว่าเมิ่งฮ่าวกำลังทำในสิ่งที่อาจจะมีผลกระทบต่อชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดของมัน
“ไม่!” มันแผดร้องออกมา แต่ก็เป็นการดิ้นรนที่ไร้ประโยชน์ใดๆ ในตอนนี้มันไร้ทางเลือกนอกจากต้องเลิกให้ความสนใจต่อความอัปยศที่มันรู้สึกอยู่ ร่างกายมันสั่นสะท้าน ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้รวดเร็วมากที่สุด ความหวาดกลัวที่มันมีต่อเมิ่งฮ่าวบรรลุถึงระดับสูงสุด และเป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุด ที่เลือกมาโจมตีชนเผ่าที่เก้าและเมิ่งฮ่าว
นกแก้วลอยตัวอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก มองดูภาพที่เบื้องหน้าด้วยความชื่นชม มันรู้สึกอิจฉา อิจฉาเป็นอย่างยิ่ง จากเวทแห่งเต๋าทั้งหมดที่เมิ่งฮ่าวสามารถใช้ออกมาได้ อำนาจแห่งกรรมคือวิชาเดียวเท่านั้นที่มันรู้สึกว่างดงามอย่างน่าทึ่ง และนกแก้วก็แทบไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ทุกครั้งที่ได้เห็นวิชาเวทนี้
ผีโต้งก็อิจฉาด้วยเช่นกัน และปรารถนาที่จะมีเวทแห่งเต๋าเช่นนี้ด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้นเมื่อไหร่ที่มันพบกับคนชั่ว ก็จะใช้อำนาจแห่งกรรมไปยังพวกมัน และเรื่องราวก็คงจะง่ายดายลงมากนัก
ฝานตงเอ๋อร์มีสีหน้าที่ดูน่าเกลียดขึ้น แต่ตอนนี้นางอยู่ฝ่ายเดียวกับเมิ่งฮ่าว เมื่อได้เห็นอำนาจแห่งกรรมปรากฏขึ้น ทำให้นางต้องคิดไปถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับนางเมื่อในอดีตอย่างช่วยไม่ได้
สำหรับเป้ยอวี้ นางเพิ่งจะฟื้นสติกลับคืนมาก่อนหน้านี้ และได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเมิ่งฮ่าวและหานชิงเหลยเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้นางมองไปยังเมิ่งฮ่าว ในฐานะที่คล้ายกับเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ที่กำลังปลดปล่อยอำนาจแห่งกรรมออกมา นางแทบไม่อาจจะจินตนาการได้ว่า บุคคลที่สร้างวิชาเวท จนทำให้ผู้คนต้องเป็นหนี้มันจะเป็นคนเช่นไร
ไม่เพียงแต่เท่านี้ เมื่อเขาปลดปล่อยวิชาเวทนี้ออกมา ก็เต็มไปด้วยความศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง…
อันที่จริงในตอนนี้เมิ่งฮ่าวรู้สึกศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง น้ำเสียงที่น่านับถือและเที่ยงธรรมของเขาได้ดังก้องออกไปทั่วทั้งอาณาเขตแถบนั้น
“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าเป็นหนี้ข้า! ด้วยดอกเบี้ยทบต้นที่ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้! หนึ่งปี, สองเท่า! สิบปี, หนึ่งร้อยเท่า! หนึ่งร้อยปี, หนึ่งหมื่นเท่า! เส้นใยกรรมจงก่อตัวเป็นตั๋วสัญญา เดี๋ยวนี้!”
ขณะที่เสียงอันเคร่งขรึมของเขาดังก้องออกไป เมิ่งฮ่าวก็บีบมือลงไปยังเส้นใยกรรมของหานชิงเหลยอย่างแรง
เส้นใยกรรมบิดเบี้ยวไปมา เปล่งแสงอันเจิดจ้าออกไป ในชั่วพริบตาแสงเหล่านั้นมารวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นกระดาษหนึ่งแผ่น ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากเวทแห่งเต๋า
กระดาษแผ่นนั้นลอยตรงมายังเมิ่งฮ่าวอย่างแผ่วเบา ซึ่งเขาก็คว้าจับมันไว้ด้วยความระมัดระวัง ราวกับว่ามันเป็นของวิเศษอันล้ำค่า เมื่อได้เห็นตัวเลขที่ถูกเขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น เขาก็กระแอมไอออกมา และใส่มันรวมเข้าไปในตั๋วสัญญาปึกใหญ่ที่อยู่ในถุงสมบัติ
ในตอนที่ตั๋วสัญญาปรากฏขึ้น หานชิงเหลยก็กระอักโลหิตออกมากองโต มันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายที่ออกไปจากตัวมันเมื่อครู่นี้ บ่งชี้ว่ามันได้ทำข้อตกลงบางอย่างกับเมิ่งฮ่าวเรียบร้อยแล้ว
ข้อตกลงนั้นคล้ายกับเป็นสัญญาข้าทาส ที่สำคัญมากที่สุดก็คือว่า มันไม่อาจจะควบคุมเรื่องเหล่านี้ได้ และถูกบังคับให้ต้องทำตามข้อตกลง! ไม่ว่ามันจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตามที ตอนนี้มันได้กลายเป็นลูกหนี้ของเมิ่งฮ่าวไปแล้ว ด้วยจำนวนเงินที่มากมายมหาศาล
ถ้ามันไม่ยอมจ่ายคืน พื้นฐานฝึกตน, อนาคต และกรรมของมันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่คาดไม่ถึงมาก่อน สถานการณ์เช่นนี้ และเวทแห่งเต๋าเช่นนี้ ทำให้หานชิงเหลยสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ในความหวาดกลัวของมัน ทำให้ทันใดนั้นมันต้องนึกไปถึงเวทแห่งเต๋าที่น่ากลัวบางอย่างขึ้นมาได้
“โชคชะตา!! นี่คือเวทแห่งโชคชะตา! มัน…มันรู้เวทโชคชะตาจริงๆ!! นี่เป็นไปไม่ได้! ในสวรรค์และปฐพีทั้งหมดนี้
จากสมัยโบราณมาจวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครบรรลุถึงความรู้แจ้งของเวทแห่งโชคชะตามาก่อน!!” โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และมันก็กู่ร้องออกมา ในที่สุดก็ผลักดันให้กลุ่มหมอกเร่งความเร็วมากขึ้น และหายลับตาไปในเส้นขอบฟ้า
“นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาก็มา จะไปก็ไปได้!”
เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยความเที่ยงธรรม “นอกจากนี้เจ้ายังมาขัดขวางการฝึกตนของข้าอีกด้วย แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าไปทั้งที่ยังเป็นหนี้ข้าได้อย่างไรกัน!?”
ด้วยเช่นนั้น เขาจึงชี้นิ้วตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์และเป้ยอวี้ สองกระแสแห่งลมปราณไหลเข้าไปในร่างพวกนาง ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านขณะที่พื้นฐานฝึกตนของคนทั้งสองฟื้นฟูกลับคืนมาโดยสิ้นเชิง สุดท้ายพวกนางก็มีพลังที่กล้าแข็งมากขึ้นกว่าเดิม
“สหายเต๋า โปรดมุ่งหน้าไปยังวิหารกลาง สังหารผู้ฝึกตนจากชนเผ่าที่แปดให้หมดสิ้น ทำให้การปกป้องของภูเขากั๋วยิ่นแห่งชนเผ่าที่แปดอ่อนแอลง และข้าจะไปยังชนเผ่าที่แปดเพื่อนำตราประทับของพวกมันมา!”
“ถ้าข้าทำได้สำเร็จ พวกเราทั้งหมดก็จะได้รับความรู้แจ้งร่วมกัน! พวกเราสามารถไตร่ตรองถึงกฎธรรมชาติและแก่นแท้ของอาณาจักรสายลมร่วมกัน ทำให้เส้นทางในอนาคตแข็งแกร่งมั่นคงขึ้น!” เพื่อตอบรับคำพูดของเขา ดวงตาฝานตงเอ๋อร์และเป้ยอวี้สาดประกายขึ้น พวกนางเป็นบุคคลที่ชาญฉลาด และเข้าใจได้ถึงแผนการของเมิ่งฮ่าวในทันที
นี่เป็นโอกาสที่ยากจะพบเห็นและนอกจากนั้น ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวยังได้ให้คำมั่นสัญญากับพวกนางอีกด้วย!
หญิงสาวทั้งสองสบตากัน และจากนั้นก็พยักหน้า ทันใดนั้นพวกนางก็กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังวิหารกลาง ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกนางจะทำการช่วยเหลือเมิ่งฮ่าวในช่วงที่ฝานตงเอ๋อร์และเป้ยอวี้จากไป เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเดินตรงไป มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่หานชิงเหลยจากไป เขาเร่งความเร็วอย่างเต็มที่เพื่อไล่ล่าติดตามไป
“ไม่ต้องหนี หานชิงเหลย! จ่ายหนี้ข้ามาก่อน!”
ขณะที่เสียงของเขาดังก้องออกไป ภูติเกราะดำ, ผีโต้ง และนกแก้วต่างก็กลายเป็นลำแสงพุ่งฝ่าอากาศตามหลังเมิ่งฮ่าวไป สำหรับกลุ่มไห่เซียน นกแก้วใช้วิชาเก็บห้วงจักรวาลเพื่อเหน็บพวกมันอยู่ใต้ปีกของมัน จากนั้นก็ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความเย่อหยิ่ง
“ไม่ต้องหนี หานชิงเหลย! อู่เหยียยังไม่ได้ทะลวงเจ้าเลย แล้วเจ้าจะบังอาจหลบหนีไปได้อย่างไร!!”
ลำแสงพุ่งฝ่าอากาศไป ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน หานชิงเหลยยังคงหลบหนีต่อไป กระอักโลหิตออกมาขณะที่กลุ่มหมอกรอบๆ ตัวมันจางหายไป นี่คือเวทช่วยชีวิตของมัน และเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะคงอยู่ได้ในระยะยาว แค่ช่วยให้ความรวดเร็วมันเพิ่มขึ้นชั่วคราวเท่านั้น เป็นสิ่งที่ทำให้มันสามารถจะหลบหนีออกมาจากวิกฤตอันร้ายแรงได้
ด้วยความรวดเร็วอันน่าเหลือเชื่อนี้ ทำให้มันมั่นใจว่าสามารถออกมาจากชนเผ่าที่เก้า และกลับเข้าไปในชนเผ่าที่แปดได้แทบจะในทันที ใบหน้ามันซีดขาว และความรู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาก็ยังไม่มอดดับลง รู้สึกได้ว่าเมิ่งฮ่าวที่น่ากลัวกำลังไล่ติดตามมาแล้วในตอนนี้!
แทบจะในทันทีที่มันผ่านเข้าไปในชนเผ่าที่แปด เสียงของมันที่ถูกเกื้อหนุนด้วยพลังเวทก็ดังก้องออกไป
“กองกำลังของขุนเขาที่แปด กลับมาเดี๋ยวนี้!”
เสียงของมันดังก้องออกไปทั่วทั้งชนเผ่าที่แปด เข้าไปในหูของผู้ฝึกตนทั้งแปดคนที่มาจากขุนเขาที่แปด จากคนกลุ่มนั้นทั้งหมด สี่คนกำลังต่อสู้อยู่ในอาณาเขตของวิหารกลาง ร่างกายพวกมันสั่นสะท้าน และทันใดนั้นก็ใช้ความรวดเร็วอย่างสูงสุดเพื่อออกมาจากสถานที่ในตอนนี้ของพวกมัน พุ่งตรงไปยังหานชิงเหลย
เวลาผ่านไป ครึ่งชั่วยามต่อมา หานชิงเหลยยังคงพุ่งฝ่าอากาศไป กระอักโลหิตออกมาเป็นระยะ กลุ่มหมอกที่ปกคลุมอยู่รอบตัวและฉุดลากมันไปตลอดทางในตอนนี้ได้หายสาบสูญไปโดยสิ้นเชิง มีลำแสงสี่สายห้อมล้อมอยู่รอบตัวมันแทน ในรูปแบบของค่ายกลเวทป้องกัน ขณะที่มันพุ่งตรงไปยังภูเขากั๋วยิ่นแห่งชนเผ่าที่แปด
“ข้าต้องกลับไปยังภูเขากั๋วยิ่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้! ข้าสมารถใช้วิธีการป้องกันในที่แห่งนั้น เพื่อต่อสู้กลับไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งจะช่วยให้ข้ามีเวลาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้!”
“เมิ่งฮ่าวต้องไม่ใช้เวลานานมากนักในการไล่ตามข้ามา ถ้ามันออกจากชนเผ่าที่เก้านานมากไป ก็จะถูกสมาชิกของลำดับขั้นคนอื่นๆ มาโจมตีอย่างแน่นอน!”
“ตราบเท่าที่ข้าถ่วงเวลาได้มากพอ ข้าก็สามารถผ่านจุดวิกฤตนี้ได้อย่างแน่นอน!” ดวงตาหานชิงเหลยกลายเป็นสีแดงก่ำ ขณะที่มันพุ่งฝ่าอากาศไป
ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวได้ไปปรากฏตัวขึ้นที่เขตชายแดนของชนเผ่าที่แปดและเก้า เขาดูคล้ายกับเป็นเทพนักรบ และในทันทีที่ผ่านเข้าไปในชนเผ่าที่แปด ผู้ฝึกตนทั้งหมดของที่แห่งนั้นก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่กระจายออกมาจากตัวเขา และพวกมันก็สั่นสะท้านไปมา
“เมื่อได้รับมา คงไม่เหมาะสมนักที่จะไม่สนองคืน เมื่อเจ้าไปเยือนบ้านข้า ข้าก็มาเยือนบ้านเจ้าเพื่อเก็บดอกเบี้ย”
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา และมีท่าทางขอโทษอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังภูเขากั๋วยิ่นแห่งชนเผ่าที่แปดในทันที
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ แรงกดดันที่กดทับลงมาจากชนเผ่าที่แปดก็มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ในตอนนี้หานชิงเหลยได้บรรลุถึงเขตภูเขาแล้ว ในทันทีที่มันย่างเท้าลงไป เสียงของมันก็ดังก้องออกมา
“ปกป้องสถานที่แห่งนี้ไว้อย่างถึงที่สุด! ห้ามใครเหยียบย่างเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว!”