Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1102

ตอนที่ 1102

แผนการของหานชิงเหลย!

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่ด้านนอกของภูเขากั๋วยิ่น มองไปยังหานชิงเหลยที่อยู่ภายในเกราะป้องกันด้วยสายตาที่เย็นชา ตอนนี้เขาสามารถมองไปยังมันด้วยสองตาของตนเองเท่านั้น สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจจะผ่านทะลุเข้าไปในเกราะป้องกันนี้ได้

สิ่งเดียวที่เขามองเห็นก็คือว่าหานชิงเหลยกำลังนั่งอยู่ที่นั่น พยายามรักษาอาการบาดเจ็บของมันอยู่

เมิ่งฮ่าวไม่ได้กังวลใจเท่าใดนัก ในตอนนี้เกราะป้องกันของภูเขากั๋วยิ่นแห่งชนเผ่าที่แปดยังไม่บุบสลายไปแม้แต่น้อย และมันก็ไม่อาจจะถูกทำลายไปได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าเกราะป้องกันนี้กำลังจะอ่อนแอลงไปในไม่ช้า

และนั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอาณาเขตของวิหารกลางอย่างแน่นอน ฝานตงเอ๋อร์และเป้ยอวี้ไปยังสนามรบของชนเผ่าที่เก้าในทันที พวกนางออกคำสั่งให้เริ่มโจมตีไปยังชนเผ่าที่แปดอย่างเต็มกำลัง ผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่ายต่างก็เริ่มต่อสู้กันไปมา และชนเผ่าที่แปดเริ่มพ่ายแพ้ไปครั้งแล้วครั้งเล่า เสาแห่งแสงสีแดงที่สาดประกายอยู่เหนือเจดีย์ของพวกมันเริ่มหดเล็กลงมาอย่างรวดเร็ว

ขณะที่เป็นเช่นนั้น เกราะป้องกันที่อยู่รอบๆ ภูเขากั๋วยิ่นของพวกมันก็เริ่มเกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้น ในที่สุดก็เริ่มเลือนรางลงไปอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ดวงตาของหานชิงเหลยต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ

เท่าที่เห็นนี่ไม่ใช่สิ่งที่มันมุ่งหวังให้เกิดขึ้น ทำให้มันต้องจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความอาฆาต

เมื่อสายตาของคนทั้งสองสบประสานกัน เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาในทันที สีหน้าของหานชิงเหลยดูเหมือนว่าจะพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่เชื่อว่าหานชิงเหลยที่สามารถเข้าร่วมและรักษาตำแหน่งในลำดับขั้นไว้ได้ จะพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ บุคคลเช่นมันจะต้องมีไพ่ไม้ตายซุกซ่อนอยู่อย่างแน่นอน

เป็นไปไม่ได้ที่มันจะมองข้ามความจริงที่ว่า ถ้ามันต้องล่าถอยมายังที่แห่งนี้ อันเนื่องมาจากถูกไล่ล่าติดตามมา ความปลอดภัยในที่แห่งนี้ก็จะต้องอ่อนแอลงไป เนื่องจากสถานการณ์ที่อยู่ในสนามรบตรงจุดศูนย์กลาง

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น และกำมือขวาเป็นหมัด ปลดปล่อยหมัดทำลายล้างชีวิตกระแทกลงไปบนเกราะป้องกัน แต่มันก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ ทำให้เมิ่งฮ่าวยากที่จะสังเกตเห็นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของหานชิงเหลย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะทำลายเกราะป้องกันนี้ไปก่อน เรื่องทั้งหมดก็จะถูกเปิดเผยออกมาเอง!

เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ และเกราะป้องกันก็สั่นกระเพื่อมไปมา เมิ่งฮ่าวกลายเป็นสายลมอันรุนแรง บดขยี้ลงไปยังเกราะป้องกันด้วยหมัดและวิชาเวทต่างๆ ในที่สุดเกราะป้องกันก็กระพริบไปมาด้วยแสงหลากสี และเกิดเป็นเสียงดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง

สีหน้าหานชิงเหลยสลดลง ขณะที่มองไปยังเกราะป้องกัน มันรู้ดีว่าเกราะป้องกันนี้คงต่อต้านได้อีกไม่นานนัก และเมื่อไหร่ที่เกราะป้องกันพังทลายลงไป ก็จะไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเมิ่งฮ่าวได้ หานชิงเหลยกัดฟันแน่น และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้น ทันใดนั้นมันเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา

“ข้า, หานชิงเหลยไม่เคยคาดคิดเลยว่า จะต้องมาตกอยู่ในมุมอับเช่นนี้ เมิ่งฮ่าว…เจ้าแข็งแกร่งพอที่จะอยู่ในลำดับขั้นจริงๆ เจ้าอาจจะไม่สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนลำดับขั้นอันดับหนึ่งได้ แต่ก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อสู้กับหลินชงแห่งขุนเขาที่สี่”

“ข้าไม่ต้องการจะทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนในเร็วๆ นี้ ข้าวางแผนไว้ว่าจะอยู่ในขั้นนี้ให้นานขึ้นอีกเล็กน้อย ข้าไม่ต้องการจะเป็นผู้ฝึกตนลำดับขั้นคนแรกที่ทะลวงผ่านเข้าไปในอาณาจักรโบราณ นอกจากนี้ยิ่งเจ้าเตรียมตัวเพื่อเข้าไปสู่อาณาจักรโบราณมากเท่าใด เจ้าก็ยิ่งจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นหลังจากที่ทะลวงผ่านเข้าไปได้แล้ว!”

“แต่เมื่อเจ้ากดดันข้าเช่นนี้ ข้าก็จะทะลวงผ่านเข้าไป และพวกเราค่อยมาต่อสู้กันอีกครั้ง!”

ขณะที่คำพูดของมันดังก้องไปมา หานชิงเหลยก็ขยับสองมือเพื่อร่ายเวท จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือลงไปที่หน้าอก ทำให้เกิดเป็นเสียงแตกร้าวดังก้องไปทั่วร่างของมัน กลิ่นอายของการทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนระเบิดออกไป หลอมรวมเข้ากับอาณาจักรสายลมทั้งหมด

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น และความรู้สึกไม่สบายใจก็ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

“เมื่อข้าไม่ได้โจมตีไป ก็ดูเหมือนว่าสีหน้ามันจะเป็นปกติ แต่ก็แปลกนักในทันทีที่ข้าโจมตีไป เมื่อมันเห็นเกราะป้องกันกำลังพังทลายลงไป ก็เลือกที่จะทำการทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนไปในทันที…”

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่หยุดโจมตีไปแม้แต่น้อย ยิ่งเกราะป้องกันมีการบิดเบี้ยวและเกิดเป็นเสียงแตกร้าวมากขึ้นเท่าใด รอยแตกก็กระจายออกไปมากขึ้นเท่านั้น ขณะที่ชนเผ่าที่แปดซึ่งทำสงครามอยู่ในอาณาเขตของวิหารกลางกำลังพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ประกายแสงสีแดงที่พุ่งออกมาจากเจดีย์ของพวกมันลดความสูงลงมาอยู่ตลอดเวลา ในเวลาเดียวกันนั้นเกราะป้องกันของพวกมันก็เริ่มอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ

เกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้นขณะที่รอยแตกขนาดใหญ่แผ่กระจายออกไป จากจุดที่หมัดของเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะกระแทกลงไปบนเกราะป้องกัน แทงทะลุเข้าไปได้ครึ่งทาง

ในที่สุดลำแสงสีแดงของชนเผ่าที่แปดก็อ่อนแอลงมากที่สุดในเก้าชนเผ่าทั้งหมด เมิ่งฮ่าวแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ปลดปล่อยแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ออกไป ทำให้เสียงปะทุดังก้องออกมาจากเกราะป้องกัน

รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นมากกว่าเดิม และจากนั้นในชั่วพริบตา เกราะป้องกันก็พังทลายลงไปกลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน ส่งผลให้เกิดเป็นระลอกคลื่นม้วนกวาดออกไปในทั่วทุกทิศทาง

ระลอกคลื่นนั้นมีความเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง แต่เมิ่งฮ่าวก็พุ่งฝ่าผ่านเข้าไป ในที่สุดก็เหยียบย่างลงไปบนภูเขาของชนเผ่าที่แปดได้ เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ม้วนกวาดตรงไปยังหานชิงเหลยในทันที เพื่อพิสูจน์ดูว่าข้อสงสัยของเขาถูกต้องหรือไม่

อย่างไรก็ตามในตอนที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากำลังจะไปแตะสัมผัสโดนตัวมัน พื้นฐานฝึกตนของหานชิงเหลยก็ปะทุขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายแห่งการทะลวงผ่าน สีสันแวบขึ้นไปและสายลมก็กรีดร้องระงม พลังของประตูอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณเริ่มตกลงมา ทำให้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวกระจัดกระจายหายไป

ถึงแม้ว่าทั้งหมดนี้จะดูเหมือนว่าบังเอิญเป็นอย่างยิ่ง แต่มันก็สอดคล้องกับข้อสงสัยของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนว่าจะสมเหตสมผล แต่ตอนนี้เขาเห็นว่าไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นได้อย่างบังเอิญเช่นนี้ ในความเป็นจริงแล้ว…มันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง!

ร่างเมิ่งฮ่าวเลือนลางลงขณะที่พุ่งตรงไปยังหานชิงเหลย พื้นฐานฝึกตนของมันกำลังพุ่งขึ้นไปในอาณาจักรโบราณอย่างรวดเร็ว เมื่อมองเห็นว่าเมิ่งฮ่าวกำลังใกล้เข้ามา มันก็กัดฟันแน่นและในขณะที่ทำการทะลวงผ่านอยู่นั้น ก็รีบขยับมือร่ายเวทและชี้นิ้วตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นภาพลวงตาของกระดูกสีขาวก็ปรากฏขึ้น พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

ที่ด้านหลังของกระดูกเป็นกงล้อเวทแห่งกาลเวลา ซึ่งเป็นเวทผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกปลดปล่อยออกมา ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องไปมา แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้หยุดชะงักลงไปแม้แต่น้อย เขาโบกสะบัดมือขวา เรียกสุดยอดสะพานออกมา จากนั้นก็เป็นแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ม้วนกวาดออกไปในทั่วทุกทิศทาง ภาพลวงตาของกระดูกสีขาวแตกกระจายไป และกงล้อเวทแห่งกาลเวลาก็ถูกทำลายลงไป

ในเวลาเดียวกันนั้นหานชิงเหลยก็แหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ทำให้สายฟ้าสีเขียวฟาดลงมาและหลอมรวมเข้าไปในร่างมัน จากนั้นก็ผลักมือขวาออกตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

การกระทำเช่นนั้นทำให้แขนขวาทั้งหมดของมันระเบิดขึ้น จนกลายเป็นกลุ่มหมอกของเลือดเนื้อ อย่างน่าตกใจยิ่งสายฟ้าเขียวได้กระจายเต็มไปทั่วหยดโลหิตที่พุ่งออกมาจากเศษชิ้นส่วนของแขนที่ถูกทำลายไปของมัน แทนที่จะพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว มันกลับระเบิดออกกลายเป็นเกราะป้องกันสีเขียวห้อมล้อมอยู่รอบๆ ร่างหานชิงเหลย, รูปปั้น และภูเขาทั้งหมด

ในเวลาเดียวกับที่สายฟ้าสีเขียวกลายเป็นเกราะป้องกัน หานชิงเหลยก็แหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา พลังทะลวงผ่านของมันเริ่มมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และที่ด้านบนขึ้นไป พลังของสวรรค์และปฐพีเริ่มก่อตัวเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นประตูขนาดใหญ่

“ตอนนี้เจ้าไม่อาจจะทำอะไรข้าได้อีกแล้ว, เมิ่งฮ่าว!” หานชิงเหลยแผดร้องออกมา หัวเราะเป็นเสียงดังขึ้น

อย่างไรก็ตามในตอนที่คำพูดของมันดังก้องออกมา จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็กระพริบดวงตาข้างขวาเก้าครั้งติดต่อกัน

ทำให้ศิลาดวงดาวที่อยู่ภายในดวงตาข้างนั้นหลอมละลาย และจากนั้นก็กระจายออกปกคลุมไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ เขาก็กลายเป็นดวงดาวไปโดยสิ้นเชิง

นี่ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นเวทแห่งเต๋าของตระกูลฟาง…หนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว!

ในทันทีที่วิชานี้ปรากฏขึ้น ก็ทำให้ดวงตาของหานชิงเหลยต้องเบิกกว้าง มันไม่เคยเห็นเมิ่งฮ่าวใช้ในช่วงการต่อสู้กันก่อนหน้านี้ และในตอนนี้จิตใจมันเริ่มเต้นรัว ก่อนที่จะทันได้ทำอะไรเพื่อตอบโต้กลับไป เมิ่งฮ่าวในรูปแบบของดวงดาวก็พุ่งตรงไปคล้ายกับเป็นดาวตก สิ่งใดๆ ก็ตามที่มาขัดขวางเส้นทางของเขาก็จะเหมือนกับเป็นกิ่งไม้ที่เน่าเปื่อยผุพัง และเขาก็กระแทกเข้าไปในเกราะป้องกันสายฟ้าเขียวในทันที

เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป ขณะที่เกราะป้องกันแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ และเมิ่งฮ่าวก็พุ่งทะลวงเข้าไป

ดวงดาวหายไป เมิ่งฮ่าวปรากฎกายขึ้นในรูปแบบปกติอีกครั้ง ไปอยู่ที่เบื้องหน้าหานชิงเหลย ทันใดนั้นมือของเขาก็ยื่นออกคว้าจับไปที่ลำคอของหานชิงเหลย

หานชิงเหลยไม่อาจจะทำอะไรเพื่อปกป้องตนเองได้ และขั้นตอนการทะลวงผ่านของมันก็ถูกขัดขวางไป

“เป็นเช่นนี้จริงๆ!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็น ในทันทีที่มือของเขาสัมผัสไปโดนตัวของหานชิงเหลย สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ไหลเข้าไป และม้วนกวาดไปทั่วร่างของหานชิงเหลย

“เจ้ารู้ตัวดีอยู่ตลอดเวลาว่า สิ่งที่เจ้าเรียกว่าการทะลวงผ่านนั้นจะล้มเหลวไป…จริงๆ แล้ว เจ้าไม่คิดจะทะลวงผ่านแม้แต่น้อย!”

“นั่นเป็นเพราะว่านี่ไม่ใช่ร่างจริงของเจ้า มันเป็นแค่ร่างจำแลงเท่านั้น!”

“เจ้าพยายามจะปกปิดข้าด้วยกลิ่นอายแห่งการทะลวงผ่าน ปิดกั้นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าไว้ที่ด้านนอกของเกราะป้องกัน ทำให้ข้าไม่อาจจะมองเห็นความจริงได้”

“ถึงเจ้ารู้แล้วจะอย่างไร?! ร่างจริงของข้าได้หลบหนีไปนานแล้ว! เจ้าไม่อาจจะหาพบได้ในเร็วๆ นี้ นอกจากนั้นเจ้าก็ไม่มีเวลาที่จะไปค้นหาอีกด้วย!” หานชิงเหลยกล่าว พร้อมกับหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา ด้วยสีหน้าที่ดูถูกเยาะเย้ย

ไม่มีใครในลำดับขั้นจะอ่อนแอ ทั้งในแง่ของพื้นฐานฝึกตนและสติปัญญาความเฉลียวฉลาด!

“นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าตั้งใจที่จะล่อให้ผู้ฝึกตนลำดับขั้นคนอื่นๆ มายังที่แห่งนี้ ใช่หรือไม่? ด้วยการมีตราประทับของชนเผ่าที่แปดเป็นเหยื่อล่อในที่แห่งนี้ รวมทั้งตราประทับของชนเผ่าที่เก้าด้วย สมาชิกลำดับขั้นคนอื่นๆ จะต้องพยายามมาสังหารข้า ทำให้เจ้ามีโอกาสที่จะหลบหนีไป”

เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ และคำพูดก็เยือกเย็น ก่อนหน้านี้หานชิงเหลยค่อนข้างจะพึงพอใจในแผนการของมัน แต่ทันใดนั้นเองที่มันต้องมีความรู้สึกอันเลวร้ายเกิดขึ้น เมิ่งฮ่าวเก่งกล้าเหนือความคาดหมายของมันโดยสิ้นเชิง

“เจ้า…” มันกำลังจะพูดต่อไปแต่ทันใดนั้น แรงกดดันที่กดทับลงมาบนชนเผ่าที่แปดก็เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น ดูเหมือนว่าจะเข้มข้นเป็นสองเท่า ซึ่งมีความหมายได้อย่างเดียวเท่านั้น ผู้ฝึกตนลำดับขั้นอีกคนได้ผ่านเข้ามาในชนเผ่าที่แปดนี้

สีหน้าเมิ่งฮ่าวยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่บีบมือขวาลงไปอย่างโหดเหี้ยม ร่างจำแลงหานชิงเหลยระเบิดกลายเป็นชิ้นๆ ไปในทันที ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง!

เมิ่งฮาวจัดการสังหารร่างจำแลงหานชิงเหลยไปอย่างรวดเร็วและหมดจด โบกสะบัดมือขวาออกไป

โดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตรงด้านบนท้องฟ้าที่ด้านหลัง และมุ่งหน้าตรงไปยังรูปปั้นในทันที ยื่นมือตรงไปยังเปลวไฟแห่งตราประทับที่อยู่ในมือของรูปปั้นและคว้าจับมันไว้!

ทันใดนั้น เสียงอันลึกล้ำเสียงหนึ่งก็ดังก้องออกมาราวกับเป็นเสียงฟ้าคำราม เต็มไปด้วยรังสีสังหารและความเย่อหยิ่ง

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะนำไปได้!”

“ถ้าแตะต้องมัน หลินโหม่วก็จะกวาดล้างชนเผ่าที่เก้าของเจ้าไปให้หมดสิ้น!”

พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นมานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน และสายลมขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นไป ก้อนเมฆแยกตัวออกจากกัน เผยให้เห็นเป็นรถศึกที่กระจายแสงสีดำซึ่งคล้ายกับเป็นเจตจำนงแห่งการทำลายล้างออกมา มันกระจายบรรยากาศที่สะกดข่มและแรงกดดันอันเข้มข้น ขณะที่พุ่งลงมาจากด้านบน

รถศึกอันน่ากลัวนั้นกำลังถูกฉุดลากโดยวิญญาณหนึ่งล้านดวง พวกมันทั้งหมดกำลังส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างรุนแรง ทำให้ทั่วทั้งสนามรบต้องสั่นสะเทือน ขณะที่รถศึกเข้ามาใกล้ ความมืดมิดก็กระจายออกไป คล้ายกับเป็นยามราตรี ปกคลุมไปยังทุกสรรพสิ่ง

ที่กำลังยืนอยู่บนรถศึกเป็นบุรุษหนุ่มในชุดยาวสีขาว พร้อมกับเส้นผมที่ยาวเงางามและมีใบหน้าที่หล่อเหลา ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีท่าทีที่โกรธกริ้ว แต่ดูเหมือนจะกระจายบรรยากาศที่คุกคามผู้คนออกมา แทบจะราวกับว่ามันเพิ่งจะโผล่ออกมาจากยมโลก เป็นจักรพรรดิแห่งความตาย ที่นำวิญญาณคนตายหนึ่งล้านดวงเข้ามาทำสงคราม

แต่ละคำพูดที่มันเปล่งออกมา เกิดเป็นเสียงดังก้องราวกับเป็นเสียงฟ้าคำราม บดขยี้เข้าไปในหูของเมิ่งฮ่าว

แค่เสียงของมันก็ทำให้ภูเขากั๋วยิ่นแห่งชนเผ่าที่แปดต้องสั่นสะเทือน รอยแตกร้าวกระจายออกไป และดูเหมือนว่าตัวภูเขาเองแทบจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ

เมิ่งฮ่าวเริ่มหัวเราะออกมา ขณะที่มองขึ้นไปยังรถศึก จากนั้นรอยยิ้มของเขาก็กลายเป็นความเย็นชาและกล่าวว่า

“กวาดล้างชนเผ่าของข้าทั้งหมด? เจ้าไม่คู่ควร!” ขณะที่เมิ่งฮ่าวกล่าว มือก็ยื่นตรงไปยังตราประทับ…และคว้าจับมันไว้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!