Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1174

ตอนที่ 1174

ห้ามังกรแยกร่าง

ครั้งสุดท้ายที่เมิ่งฮ่าวมายังที่แห่งนี้ มีผู้ฝึกตนมารวมตัวกันเพื่อค้นหาโชควาสนาจากทะเลสาบเต๋าที่มักจะปะทุขึ้นมาเป็นระยะ ถ้าภาพสะท้อนเต๋าปรากฏขึ้น พวกมันก็จะมีโอกาสได้รับความรู้แจ้ง หรือถ้าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นโชคดี ก็อาจจะมีของวิเศษพุ่งออกมา ซึ่งจะกลายเป็นโชควาสนาที่แท้จริง

เช่นเดียวกับตอนนั้น มีผู้ฝึกตนมาอยู่รอบทะเลสาบ ทำการค้นหาโอกาสที่จะได้รับโชควาสนา จนถึงตอนที่เมิ่งฮ่าวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับเป็นดาวตก

“นั่น…นั่นคืออะไร?”

“ดาวตก?”

“ไม่ใช่ นั่นคือคน เป็นผู้ฝึกตน! มัน…มันกำลังทำอะไร?” ขณะที่กลุ่มคนมองเห็นสิ่งที่คล้ายกับเป็นดาวตกปรากฏขึ้น ดวงตาก็ต้องเบิกกว้างและปากก็อ้าค้าง พวกมันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า จะมีใครบางคนใช้วิธีการเช่นนี้ เดินทางมายังทะเลสาบเต๋าที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง

นอกจากนั้น แรงกดดันที่กดทับลงมาบนอาณาเขตแห่งนี้ก็มีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่คนผู้นั้นเข้ามาใกล้กับจุดศูนย์กลาง แม้แต่ผู้ฝึกตนค้นหาเต๋าก็ต้องระมัดระวังตัว ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามีใครพยายามจะบินลงมาจากด้านบน ผลกระทบก็จะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น สำหรับกลุ่มคนในที่แห่งนี้ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้

แต่นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมด ทำให้ทุกคนต้องหอบหายใจออกมา

ได้ยินเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งลงมาคล้ายกับเป็นดาวตก ตรงไปยังทะเลสาบเต๋าที่มีขนาดใหญ่โตมากที่สุด ซึ่งอยู่ในจุดศูนย์กลางของคนทั้งหมด เขาเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

ไม่มีสิ่งใดจะมาขัดขวางเส้นทางของเขาได้ ราวกับว่าไม่มีแรงกดดันอยู่ในบริเวณนั้นแม้แต่น้อย แต่จริงๆ แล้ว ก็มีแรงกดดันเกิดขึ้นมาอย่างเด่นชัดเท่าที่เขารับรู้ได้

เมิ่งฮ่าวพุ่งลงไปในทะเลสาบที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง และพื้นผิวน้ำก็ระเบิดขึ้นไปในอากาศ ในชั่วพริบตาก็พุ่งลงไปจนถึงก้นทะเลสาบ ใช้ฝ่ามือข้างขวากดลงไปบนพื้นทะเลสาบ

ดินโคลนก้นทะเลสาบพลุ่งพล่านปั่นป่วน จากนั้นก็กระจายออกไปจากตำแหน่งที่เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ เผยให้เห็นเป็นประตูเคลื่อนย้ายทางไกล เขากระทืบเท้าขวาลงไป ทำให้ประตูส่องแสงระยิบระยับออกมา แม้แต่กลุ่มคนที่อยู่บนพื้นผิวของทะเลสาบก็สามารถจะมองเห็นได้

ในชั่วพริบตาเมิ่งฮ่าวก็หายตัวไป เมื่อปรากฏกายขึ้นใหม่ เขาไปอยู่ตรงชั้นแรกของโลกที่ด้านล่าง ถูกห้อมล้อมโดยของวิเศษที่กองสูงเท่าภูเขา และสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนกำลังนำของวิเศษเหล่านั้นตรงไปยังประตูขนาดใหญ่ ซึ่งลอยอยู่ในกลางอากาศ ประตูบานนั้นมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ห้อมล้อมอยู่หลายตัว กำลังนอนหลับอยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว สัตว์อสูรหลายตัวก็แผดร้องคำรามออกมา แต่แทบจะทันใดนั้นก็เงียบเสียงลง ราวกับว่ามีใครบางคนมาคว้าจับลำคอและปิดปากพวกมันไว้ ดวงตาพวกมันเบิกกว้าง และไม่กล้าที่จะทำเสียงดังใดๆ ออกมาอีก แค่นอนอยู่ตรงนั้นจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่อ

สิ่งที่พวกมันเห็นคือแสงสีฟ้าที่กระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว เป็นแสงที่ทำให้พวกมันทั้งหมดต้องบินตรงมาและหมอบกราบต่อหน้าเขาในเวลาต่อมา

ไม่เพียงแต่พวกมันเท่านั้น สัตว์อสูรทั้งหมดที่มองเห็น ต่างก็หมอบกราบลงไปในทันทีที่พวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว

ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความหวาดกลัวและตกใจ สั่นสะท้านไปทั้งร่าง กลิ่นอายเมิ่งฮ่าวทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เช่นเดียวกับแสงสีฟ้านั้น

เมิ่งฮ่าวไม่เคยคาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ขณะที่มองไปยังแสงของเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ตัวด้วยความครุ่นคิด สัตว์อสูรร้องตะโกนออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน “พวกเราขอคารวะ เซียนเต๋า!!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น พยักหน้าให้เล็กน้อย โดยไม่พูดจาใดๆ เขาพุ่งผ่านสัตว์อสูรที่หมอบกราบอยู่ ผ่านเข้าไปในประตู และไปปรากฏกายขึ้นที่ชั้นสอง

นี่เป็นชั้นที่ประกอบด้วยแท่นบูชาขนาดใหญ่จนดูคล้ายกับเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขานี้ด้วยเช่นกัน กระจายกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณออกมา หลังจากที่มองเห็นเมิ่งฮ่าว ดวงตามันก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ตรวจสอบดูเขาชั่วขณะ จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

“เจ้านั่นเอง เจ้า…กลายเป็นเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าแล้ว!!”

เมิ่งฮ่าวบินขึ้นไปบนยอดเขาและมองไปรอบๆ ไม่เห็นผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือที่เขาเคยต่อสู้ด้วยในช่วงการทดสอบของที่แห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน

เมื่อเห็นเมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ สัตว์อสูรก็กล่าวว่า “มันไปแล้ว”

จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

“ขอคารวะ เซียนเต๋าผู้ยิ่งใหญ่!”

“ข้าต้องการไปอีกชั้น!” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ ครั้งนี้สัตว์อสูรไม่ได้กล่าวอะไรเพื่อห้ามปราม ถอยไปทางด้านหลังในทันที หลีกทางให้เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปในโลกแห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดวงตาก็แวบประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น พุ่งหายเข้าไปในโลกแห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ สัตว์อสูรโบราณยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ด้านหลัง ยังคงรู้สึกประหลาดใจเหมือนก่อนหน้านี้ เมื่อเมิ่งฮ่าวมายังที่แห่งนี้ในครั้งแรก มันไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะมีความก้าวหน้าได้อย่างน่าประหลาดใจเช่นนี้

“ครั้งแรกที่มันมา แค่ผ่านชั้นสองไปได้อย่างเฉียดฉิวเท่านั้น”

“เมื่อมันมาเป็นครั้งที่สอง ก็แข็งแกร่งจนสามารถจะนำเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ไปได้เล็กน้อย…”

“คิดไม่ถึงว่าเมื่อมันมาเป็นครั้งที่สาม จะมาในฐานะที่เป็นเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้า กลิ่นอายของมันทำให้ข้าต้องสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถ้ามันต้องการสังหารข้า…ก็แค่คิดเพียงแวบเดียวเท่านั้น” สัตว์อสูรสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และมองไปยังเส้นทางที่นำไปสู่โลกแห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ด้วยความหวาดกลัว

เมื่อเมิ่งฮ่าวไปปรากฏกายขึ้นในโลกแห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ เขามองไปรอบๆ และเห็นเจดีย์ขนาดใหญ่นับไม่ถ้วน ทั้งหมดนั้นรายล้อมอยู่รอบๆ เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ขอบเขต

นอกจากเปลวไฟที่พุ่งกระจายเต็มอยู่ในโลกแห่งนี้แล้ว เมิ่งฮ่าวยังมองเห็นโครงกระดูกอีกนับไม่ถ้วน ก่อนหน้านี้ตอนที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ พื้นฐานฝึกตนของเขาอ่อนแอมากเกินไป และกำลังเร่งรีบเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่ได้ตรวจสอบดูอย่างละเอียด แต่ด้วยพื้นฐานฝึกตนในตอนนี้ของเขา ไม่เพียงแต่จะมองห็นโครงกระดูกที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ เจดีย์เท่านั้น ยังมองเห็นด้วยว่าเจดีย์ทั้งเก้าแสนเก้าหมื่นหลังเหล่านั้น ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกระดูกทั้งหมด

“พื้นฐานฝึกตนของข้าในตอนนี้แตกต่างไปจากครั้งที่แล้วเป็นอย่างมาก ข้าอยากรู้นักว่าจะค้นหาสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ได้หรือไม่ ข้าอยากจะเห็นว่ามีอะไรอยู่ในที่แห่งนี้ ซึ่งข้ามองไม่เห็นในครั้งก่อน!” พร้อมกับดวงตาที่สาดประกายขึ้น เมิ่งฮ่าวส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปทั่วทั้งชั้นที่สาม ซึ่งเป็นโลกแห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เขาไม่เพียงแต่จะมองเห็นภาพของเจดีย์ทั้งเก้าแสนเก้าหมื่นหลังได้อย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ก็มองเห็นภาพของเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางเหมือนครั้งก่อนด้วยเช่นกัน

เมืองนั้นเป็นสีดำสนิท แต่ก็ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศเหนือเมืองเป็นเปลวไฟที่ดูเหมือนว่าจะสามารถลุกไหม้ไปได้ตราบชั่วนิรันดร์ เป็นเปลวไฟที่ทำให้เกิดเป็นแสงไฟกระจายออกไปอย่างไร้ขอบเขตในโลกแห่งนี้

ขณะที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวกระจายออกไปอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงแผดร้องที่ฟังดูคุ้นเคย

“เต้าฟาง เจ้าต้องตาย!!”

“เจ้าสังหารข้า เต้าฟาง, ถ้าข้าไปเกิดใหม่ ข้าจะต้องกลับมาสังหารเจ้าอย่างแน่นอน!!”

“โลกแห่งเซียนถึงวาระที่จะพบเจอกับหายนะแล้ว! ดินแดนแห่งเซียนจะเริ่มเก่าแก่โบราณ และเซียนก็จะถูกกำจัดไป แต่ข้าจะไม่ยอมจำนน!!”

“ข้ารู้ถึงความจริง! ไม่ว่าเจ้าจะสะกดข่มข้าไว้นานแค่ไหน ข้าก็จะไม่ยอมแพ้!”

“เจ้าวานรบัดซบ! ถ้าข้าหลบหนีออกไปได้เมื่อไหร่ ข้าจะถลกหนังเจ้า!!”

“ถ้าข้าถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ ข้าจะสังหารผู้แซ่ฟางนี้ให้จงได้! ถ้าข้าไม่อาจจะไปเกิดใหม่ได้ ก็จะถูกลบล้างความทรงจำไปเหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั้งหมด ยากที่จะระลึกชาติได้หลังจากที่เข้าไปสู่วัฎจักรแห่งการเกิดใหม่นับไม่ถ้วน ดังนั้นข้าจะทิ้งเจตจำนงไว้ในที่แห่งนี้!”

“เจตจำนงของข้าประกอบไปด้วยแก่นแท้แห่งเปลวไฟเต๋า ซึ่งเป็นร่องรอยสุดท้ายของข้า, หั่วเหยียนจื่อ ข้าหวังว่าหลังจากนี้อีกหลายปีจนนับไม่ถ้วน ร่องรอยนี้ก็จะยังคงอยู่!”

ถึงแม้จะด้วยพื้นฐานฝึกตนในตอนนี้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ยังคงทำให้เมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะดังออกมาจากเปลวไฟแห่งนั้น เป็นเปลวไฟที่ดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยม่านตาที่อยู่ด้านใน

ครั้งล่าสุดที่เขามายังที่แห่งนี้ สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาถึงจุดที่รู้สึกราวกับว่า กำลังจะถูกเผาไหม้ให้กลายเป็นเถ้าธุลีไป ทำให้ต้องยอมแพ้ไป แต่ในครั้งนี้ถึงแม้ว่าร่างเขากำลังสั่นสะท้านไปมา ก็ยังคงสามารถจะส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปได้อย่างต่อเนื่อง พุ่งผ่านเปลวไฟนั้นไป และมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไปด้วยความประหลาดใจขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสองครั้งก่อนหน้านี้ที่เขามายังที่แห่งนี้ สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้บอกเขาว่าโลกแห่งนี้เป็นสถานที่ขนาดเล็ก แต่ตอนนี้ขณะที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์พุ่งกระจายออกไป เขาต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าโลกแห่งนี้…มีขนาดกว้างใหญ่กว่าที่เขาเคยคาดคิดไว้มากนัก!

มันไม่ได้มีแค่เจดีย์เก้าแสนเก้าหมื่นหลังเท่านั้น!

หรือบางทีอาจจะถูกต้องกว่า ที่จะกล่าวว่าเจดีย์ทั้งเก้าแสนเก้าหมื่นหลังนี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของโลกแห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ โลกแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นหกอาณาเขต!

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวอยู่ในอาณาเขตที่เป็นจุดศูนย์กลาง ซึ่งถูกห้อมล้อมด้วยอาณาเขตอีกห้าแห่ง ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะเห็นว่าอาณาเขตที่แตกต่างกันทั้งหกแห่งนี้ต่างก็เชื่อมต่อเข้าด้วยกันทั้งหมด อย่างน่าตกใจยิ่งที่พวกมันก่อตัวเป็น…รูปร่างของคนผู้หนึ่ง!!

แต่ละอาณาเขตเต็มไปด้วยเจดีย์มากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งดูเหมือนกับเป็นเครื่องหมายผนึกที่กดทับลงมา ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่าแต่ละอาณาเขตต่างก็มีเมืองสีดำอยู่ภายใน และตรงด้านบนคือเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่!

เมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องประหลาดใจ สิ่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงก็คือว่า การเชื่อมต่อกันของห้าอาณาเขตที่อยู่รอบๆ นั้นคือรถศึก มีทั้งหมดห้าคัน ซึ่งแต่ละคันกำลังถูกฉุดลากโดยมังกรสีแดงขนาดใหญ่ มังกรทั้งห้าเหล่านั้นกำลังหลับใหลอยู่ ขณะที่พวกมันนอนอยู่ในที่แห่งนั้น ก็ดูคล้ายกับเป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ห้าลูก

แต่ในทันทีที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านพวกมันไป มังกรยักษ์…สั่นสะท้านขึ้นมาในทันที เห็นได้ชัดว่าถูกกระตุ้นโดยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ในเวลาเดียวกันนั้นพลังอันร้อนแรงก็ระเบิดออกมาจากร่างพวกมันทั้งหมด

เมิ่งฮ่าวเริ่มหอบหายใจออกมา และรีบดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาในทันที รอคอยอยู่ชั่วขณะ หลังจากที่เห็นว่ามังกรทั้งห้าตัวไม่ตื่นขึ้นมา ในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

มังกรทั้งห้าเหล่านั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศทำลายล้าง ซึ่งน่ากลัวกว่าอาณาจักรเต๋ามากนัก เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ว่าพวกมันมีพื้นฐานฝึกตนที่สูงกว่าฟางโส่วเต้า

ทันใดนั้นก็มีภาพปรากฏขึ้นในจิตใจ เป็นภาพของมังกรห้าตัวที่ผูกติดอยู่กับรถศึก แผดร้องคำรามออกมา ขณะที่กำลังแยกร่างซึ่งมีขนาดใหญ่โตมหาศาลออกเป็นชิ้นๆ อยู่!

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และสีหน้าก็เปลี่ยนไป หลังจากที่ยืนเงียบอยู่ชั่วขณะ ดวงตาก็สาดประกายขึ้น

“ไม่ว่าหั่วเหยียนจื่อจะเป็นใคร แต่แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของมันก็ยังคงมีประโยชน์ต่อข้าอย่างน่าเหลือเชื่อ…ดังนั้น จึงไม่สำคัญว่าในที่แห่งนี้จะมีเรื่องแปลกๆ มากแค่ไหน ข้าจะไม่ยอมเลิกล้มความคิดที่จะได้ครอบครองแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดไป!” ความใหญ่โตของสถานที่แห่งนี้ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว และความแปลกประหลาดของมันก็กดทับลงมาบนจิตใจเขาคล้ายกับเป็นแรงกดดัน

เมื่อเขาคิดย้อนกลับไปยังสิ่งที่สามารถทำได้สำเร็จเมื่อครั้งก่อน ก็ต้องยอมรับว่าความไม่รู้คือสิ่งที่มีความสุข ถ้าเขารับรู้ได้ถึงสถานการณ์ไปมากกว่านั้น ก็คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะหลีกเลี่ยงจากความวิตกกังวลไปได้

——————–

หมายเหตุ :

  1. 1. ห้ามังกรแยกร่าง น่าจะมาจากคำว่า ห้าม้าแยกร่าง ซึ่งเป็นโทษประหารที่โหดเหี้ยมในสมัยโบราณ ใช้ม้าห้าตัวผูกเชื่อกติดกับแขนขาทั้งสี่ข้างและลำคอ ลากดึงออกไปคนละทาง
  2. 2. คำพูดที่เปล่งออกมาในตอนนี้ เหมือนกับตอนที่ 728 ด่านที่สอง และ 887 แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!