ตอนที่ 1206
เวทเต๋าแห่งกาลเวลา
เมิ่งฮ่าวมองเห็นบุรุษชุดดำ แต่ไม่มีใครจะสามารถมองเห็นได้ มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่ และพลังอันน่ากลัวอย่างไร้ขอบเขต ขณะที่บุรุษชุดดำเดินผ่านปรมาจารย์ตระกูลซ่ง ตรงออกไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
เมิ่งฮ่าวหอบหายใจออกมาด้วยความร้อนใจ ลืมไปสิ้นเกี่ยวกับเรื่องการทวงหนี้ แวบฝ่าอากาศเพื่อติดตามบุรุษชุดดำออกไปในทันที
ในอาณาจักรสายลม เขาเคยเห็นบุรุษผู้นี้เดินเข้าไปในความว่างเปล่าและหายสาบสูญไปด้วยสองตาของตนเอง เขาไม่เคยคาดคิดว่า…จะมาพบมันอีกในที่แห่งนี้
ชายชราร่างผอมแห้งขมวดคิ้ว มันมองไม่เห็นสิ่งที่ผิดปกติใดๆ แม้แต่น้อย ปฏิกิริยาที่แปลกประหลาดของเมิ่งฮ่าว ทำให้ดวงตามันต้องหรี่เล็กลง
“สหายเต๋าเมิ่ง…” ชายชรากล่าวขึ้น
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็ร้องตะโกนออกมาว่า “ผู้อาวุโส โปรดรอสักครู่!” เขาจ้องนิ่งไปยังร่างของบุรุษชุดดำ ซึ่งกำลังก้าวเนิบนาบออกไปยังที่ห่างไกลด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ แทบจะในทันทีที่เขาพูดจบ บุรุษชุดดำก็หยุดชะงักนิ่ง และค่อยๆ หันหน้ามามองยังเมิ่งฮ่าวอย่างช้าๆ
การมองมาแค่แวบเดียวนี้ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้าน ราวกับว่าสายฟ้ากำลังฟาดลงมา ไม่สำคัญว่าเขาคือเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าหรือไม่ แต่ในตอนนี้สติสัมปชัญญะทั้งหมดของเขาราวกับว่ากำลังจมดิ่งลงไปในการสังหารอันไร้ขอบเขต
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านไปทั้งร่างอย่างรุนแรง และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปาก รู้สึกได้ว่ามีพลังที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ กำลังกดทับลงมาในจิตใจ พร้อมกันนั้น…ก็ม้วนกวาดเอาความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับบุรุษชุดดำของเขาออกไป!
เสียงกระหึ่มนั้นไม่เพียงแต่จะมีผลกระทบต่อเมิ่งฮ่าวเท่านั้น ชายชราร่างผอมแห้งก็เริ่มสั่นสะท้านด้วยเช่นกัน นั่นเป็นเพราะว่าในทันทีที่บุรุษชุดดำหันร่างกลับมา มันก็สามารถจะมองเห็นด้วยเช่นกัน!
การมองเห็นแค่แวบเดียว ก็ทำให้โลหิตต้องพ่นกระจายออกมาจากปากของชายชรา และกลิ่นอายแก่นแท้ของมันก็เริ่มไม่คงที่ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจก่อนที่จะกลายเป็นความว่างเปล่าไปในทันที ความทรงจำเกี่ยวกับการที่มันเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่นี้ รวมทั้งภาพที่มันมองเห็นบุรุษชุดดำถูกลบล้างออกไปอย่างฉับพลัน
ไม่เพียงแต่มันเท่านั้น ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าคนอื่นๆ ที่อยู่บนดาวดวงนี้ก็เช่นกัน เมื่อบุรุษชุดดำหันร่างกลับมาและเริ่มมองเห็นได้ พวกมันก็มองเห็นด้วยเช่นกัน แต่เพียงแวบเดียวก็ทำให้จิตใจพวกมันต้องหมุนคว้าง จนต้องกระอักโลหิตออกมา รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังจะระเบิดออกไป ราวกับว่ามีมือขนาดใหญ่กำลังม้วนกวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบุรุษชุดดำออกไปจากจิตใจพวกมัน
เรื่องเช่นเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นกับปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดของตระกูลซ่ง ซึ่งอยู่บนดาวเป่ยหลู ที่กำลังมองดูเมิ่งฮ่าวอยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน การกระทำที่แปลกๆ ของเมิ่งฮ่าว ทำให้มันต้องตื่นตระหนกขึ้นมา และเมื่อบุรุษชุดดำหันร่างกลับมา ก็ทำให้ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าต้องกระอักโลหิตออกมาหลายครั้ง ความทรงจำของมันก็ถูกลบล้างไปด้วยเช่นกัน ไม่ว่ามันจะต่อสู้กลับไปอย่างไรก็ตาม ราวกับว่ามันอ่อนแอเป็นอย่างมากจนไม่อาจจะต่อต้านได้แม้แต่น้อย
สิ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่จริงๆ แล้วก็เกิดขึ้นในชั่วขณะเท่านั้น ความทรงจำของสมาชิกในตระกูลธรรมดาทั่วไป ไม่ได้ถูกลบล้างออกไป เพราะว่าพวกมันมองไม่เห็นบุรุษชุดดำตั้งแต่แรกแล้ว
แต่พวกมันก็มองเห็นเมิ่งฮ่าวและปรมาจารย์กำลังกระอักโลหิตออกมา รวมทั้งเสียงแผดร้องที่ดังก้องออกมาจากปากของคนทั้งสอง ทำให้เกิดเป็นภาพที่ดูแปลกประหลาดไปโดยสิ้นเชิง ผู้ฝึกตนตระกูลซ่งที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต่างก็อ้าปากค้างไปตามๆ กัน
เมิ่งฮ่าวคือคนแรกที่ได้สติกลับคืนมา ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง เมื่อมีมือที่มองไม่เห็นมากวาดล้างความทรงจำของบุรุษชุดดำไป เห็นได้ชัดว่าสายตาที่มองมานี้ประกอบไปด้วยเวทแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ บุรุษชุดดำไม่ต้องการให้ความทรงจำเกี่ยวกับตัวมันคงอยู่ในจิตใจของผู้ใด เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีร่องรอยใดๆ ของตัวมันหลงเหลืออยู่ จึงต้องลบล้างความทรงจำของคนทั้งหมดไป
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ความทรงจำของเมิ่งฮ่าวกำลังจะถูกกวาดล้างออกไป เขาก็กู่ร้องออกมา และทันใดนั้นแสงสีฟ้าก็ระเบิดออกมาจากร่าง พลังแห่งเซียนทุกชั้นฟ้าพุ่งออกไป และหยดโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในร่างก็พลุ่งพล่านปั่นป่วนขึ้นมา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า และกัดฟันแน่นขณะที่หยิบเอาผลเนี่ยผานลูกที่สี่ออกมา กดลงไปบนหน้าผาก
“ความทรงจำข้าจะเป็นของข้าตลอดไป! การจะลบล้างมันออกไป เป็นการตัดสินใจของข้าเอง คนอื่น…ไม่มีสิทธิ์หรือคู่ควรที่จะมาแตะต้องความทรงจำของข้า!”
เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง ขณะที่ผลเนี่ยผานหลอมรวมเข้าไปในร่าง ทำให้แสงสีฟ้าเริ่มกระจายออกไปมากขึ้น และหลอมรวมเข้ากับโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ ช่วยให้เมิ่งฮ่าวสามารถจะต่อต้านกับหัตถ์ยักษ์นั้น ผลักมันออกไปจากจิตใจ
ตูม!
เมิ่งฮ่าวถอยโซเซไปทางด้านหลัง กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง แต่จิตใจก็แจ่มใสไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าบุรุษชุดดำกำลังมองมายังตนเองด้วยสีหน้าประหลาดใจ
บุรุษชุดดำจ้องมองมาอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้าให้ ราวกับว่ามันยอมรับการคงอยู่ของเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็หันหลังและเริ่มเดินออกไปยังที่ห่างไกล
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ กัดฟันแน่น และบินไล่ตามไป เขารู้สึกว่าบุรุษผู้นี้ไม่มีเจตนาร้ายใดๆ สายตาจากก่อนหน้านี้ถึงแม้จะทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้านปฐพีต้องสะเทือน แต่จริงๆ แล้ว…ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการทดสอบบางอย่าง
การทดสอบนั้นถ้าใครยังคงรักษาความทรงจำต่อไปได้ ก็จะมีคุณสมบัติ…ติดตามมันไป
หลังจากที่ผ่านไปนาน เมิ่งฮ่าวและบุรุษชุดดำก็หายลับไป ชายชราร่างผอมแห้งจากตระกูลซ่งฟื้นสติกลับคืนมา เช่นเดียวกับปรมาจารย์อีกสองคน
พวกมันรีบติดต่อกับคนอื่นๆ ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว และเริ่มตระหนักว่าไม่มีใครจำได้ถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมานี้ พวกมันจำได้แค่ว่าเมิ่งฮ่าวมีการกระทำที่แปลกๆ เท่านั้น
สำหรับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าเหล่านี้แล้ว บุรุษชุดดำอาจจะทำการลบความทรงจำของพวกมันไป แต่ก็ไม่อาจจะปิดบังความจริงไปได้ หลังจากที่คนทั้งสามครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ ก็ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
“พวกเราได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรจะเห็น…”
“สิ่งที่น่ากลัวนั้นลบทุกอย่างที่พวกเราเคยเห็นมา…”
หลังจากที่สอบถามไปยังศิษย์ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น จิตใจของสามปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าตระกูลซ่งก็จมดิ่งลงไป และความรู้สึกหวาดกลัวต่อเมิ่งฮ่าวก็เพิ่มมากขึ้น
จากร่องรอยต่างๆ ที่พวกมันรวบรวมมา ก็ได้ข้อสรุปว่าสิ่งที่ลบล้างความทรงจำของพวกมันไป ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเมิ่งฮ่าวอย่างแน่นอน นอกจากนี้เมิ่งฮ่าวยังมองเห็นคนผู้นั้นก่อนพวกมัน ดังนั้น…เมิ่งฮ่าวจึงต้องรู้จักกับบุคคลที่น่ากลัวผู้นั้น!
“ออกคำสั่งลงไปว่าห้ามสมาชิกตระกูลซ่งใดๆ ไปยุ่งเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าว…มันมีความลับอันน่ากลัวอยู่มากมาย…ซึ่งพวกเราไม่ควรจะไปรับรู้!” เมื่อตัดสินใจได้แล้ว สามปรมาจารย์ตระกูลซ่งก็ส่งคำสั่งออกไปอย่างเป็นทางการ สำหรับซ่งหลัวเสินที่บังอาจไปตอแยหาเรื่องเมิ่งฮ่าว จริงๆ แล้วสามปรมาจารย์ไม่ได้ดุด่ามันแม้แต่น้อย แต่การที่ถูกละเลยเมินเฉยเช่นนี้ กลับทำให้มันรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
ซ่งหลัวตานกำลังเฝ้ามองมาจากที่ห่างไกล มองไปยังทิศทางที่จากไปของเมิ่งฮ่าวด้วยความครุ่นคิด และตระหนักว่า…นั่นคือดวงดาวที่ถูกควบคุมดูแลโดยตระกูลหวัง
ที่ด้านนอกในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว บุรุษชุดดำเดินออกไปไม่นานนัก แต่ทุกย่างก้าวคล้ายกับเป็นการเคลื่อนย้ายทางไกล ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะใช้พลังการฝึกตนออกมาอย่างเต็มกำลัง แต่ก็ยังตกอยู่ที่เบื้องหลังอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าไม่อาจจะติดตามไปได้ทัน เขาก็ไม่รู้สึกกังวลใจ แต่กลับมองไปยังการเคลื่อนไหวที่ขาของบุรุษผู้นั้น ทำให้สามารถจะพบว่ามันมีจังหวะการก้าวเดินที่แน่นอนอยู่ เมิ่งฮ่าวเริ่มลอกเลียนแบบ ยกเท้าขึ้นมาและก้าวย่างลงไปด้วยวิธีการเดียวกันนั้น
ถึงแม้ว่าเขาไม่อาจจะรับรู้ แต่วิธีที่กำลังลอกเลียนแบบอยู่นั้น ก็ทำให้ร่างของตนเองเริ่มสลับไปมาระหว่างเลือนรางลงไปและชัดเจนขึ้น ทุกย่างก้าวที่เมิ่งฮ่าวเดินไปทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวดูเหมือนว่าจะหดตัวเล็กลงไป เมื่อเท้าของเขาเหยียบลงไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
โดยที่ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ เมิ่งฮ่าวกลับสามารถจะก้าวเดินไปเหมือนกับการก้าวเดินของบุรุษชุดดำ จนกระทั่งติดตามไปได้ทัน ทุกครั้งที่บุรุษผู้นั้นยกเท้าขึ้น เมิ่งฮ่าวก็กระทำเช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่มันเหยียบย่างลงไป เมิ่งฮ่าวก็เหยียบเท้าลงไปเช่นกัน
เวลาเลื่อนผ่านไปโดยที่เมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่าได้ผ่านไปนานเท่าใดแล้ว อีกด้านหนึ่งก็ดูเหมือนว่าจะแค่ชั่วขณะ แต่อีกด้านก็ดูเหมือนว่าจะไร้จุดสิ้นสุด เขาตกอยู่ในห้วงภวังค์ของจังหวะการก้าวเดินที่พิเศษเฉพาะนี้ ก้าวแล้วก้าวเล่า…
ทันใดนั้นบุรุษชุดดำก็หยุดเดิน และเมิ่งฮ่าวก็สะท้านไปทั้งร่าง ขณะที่ตื่นขึ้นมาจากห้วงภวังค์ มองไปรอบๆ ก็พบว่าเขายังคงอยู่ใกล้กับดาวเป่ยหลู แต่ก็เดินทางจากดาวที่เล็กกว่าดวงหนึ่งไปยังอีกดวงหนึ่ง
แต่ดาวดวงนี้ก็ห่างไกลออกมาจากดาวอีกดวงไม่มากนัก อันที่จริงก็สามารถจะใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไปยังอีกดวงได้ ด้วยระดับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว การที่เขาจะเดินทางไปยังอีกดวงก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้รู้สึกราวกับว่าเวลาได้ผ่านไปนานมากแล้ว ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าเขาได้เดินทางมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าสถานการณ์จะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกๆ กำลังเกิดขึ้นอยู่
ตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่าการเดินไปด้วยวิธีที่พิเศษเฉพาะเมื่อครู่นี้ จะเป็นเวทแห่งเต๋าที่แปลกๆ บางอย่างหรือไม่ แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่า…เขาได้ประเมินวิธีการเดินเช่นนี้จนสูงส่งมากเกินไป
ยากที่จะบอกได้ว่าเขากำลังผิดหวัง แต่ก็ต้องแอบถอนหายใจออกมา ในตอนนี้เขาหันหลังมองกลับไปยังทิศทางของดาวตระกูลซ่ง และทันใดนั้นก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกตะลึง
เขากำลังสั่นไปทั้งร่างราวกับว่าสิ่งที่น่าตกใจและประหลาดใจทั้งหมดในชั่วชีวิต ก็ยังไม่น่าตื่นตระหนก เท่ากับสิ่งที่เขากำลังมองเห็นอยู่ในตอนนี้…
เมิ่งฮ่าวเคยพบเห็นสิ่งที่น่าประหลาดใจมาอย่างมากมาย แต่ในตอนนี้สิ่งที่เขากำลังมองเห็นอยู่…คือสิ่งที่แทบไม่อยากจะเชื่ออย่างแท้จริง!
จิตใจเขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกฟาดด้วยสายฟ้านับไม่ถ้วน จนทำให้ปากต้องอ้าค้างขณะที่จ้องมองไปยังทิศทางของดาวตระกูลซ่ง เขามองเห็นแสงระยิบระยับของการเคลื่อนย้ายทางไกล และบุคคลผู้หนึ่งที่โผล่ออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกลนั้น
คนผู้นั้นมีหน้าตาที่หล่อเหลาและมีกลิ่นอายของนักศึกษา ยังมองเห็นแสงสีฟ้าอันเจิดจ้าอีกด้วย เขามองเห็นนักศึกษาผู้นั้นกำลังหยิบถุงสมบัติที่ถูกส่งมอบมาจากผู้ฝึกตนตระกูลซ่ง และจากนั้นก็ได้ยินบุรุษหนุ่มผู้นั้นร้องตะโกนออกมาด้วยเสียงที่กึกก้องราวกับเสียงฟ้าผ่า
“ซ่งหลัวตาน ออกมานี่!” สิ่งที่เขากำลังมองเห็นอยู่นี้คือภาพของ…ตนเอง!!
เขามองเห็นตัวเองเคลื่อนที่ตรงไปคว้าจับซ่งหลัวเสินไว้ มองเห็นชายชราร่างผอมแห้งปรากฏกายขึ้น และจากนั้นก็เห็นบุรุษชุดดำ มองเห็นการทดสอบ มองเห็นบุรุษชุดดำก้าวเนิบนาบออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จากนั้น…ก็มองเห็นตนเองติดตามมา ตลอดทาง…จนกระทั่งบุรุษชุดดำและเมิ่งฮ่าวอีกคนมาซ้อนทับกับร่างจริงของคนทั้งสอง
เมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้านไปทั้งร่าง และคลื่นแห่งความตกใจก็ส่งเสียงดังกระหึ่มอยู่ในจิตใจ
“การเดินนี้ไม่ได้เชื่องช้าแม้แต่น้อย มันรวดเร็วมาก! มากเป็นอย่างยิ่ง…จนทำให้สามารถจะเดินทางผ่านกาลเวลาได้…คาดไม่ถึงว่าข้าสามารถจะย้อนเวลากลับไป…ชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอกได้!” เวทแห่งเต๋าที่แปลกประหลาดนี้ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านด้วยเสียงที่คล้ายเสียงฟ้าผ่า
หลังจากที่ผ่านไปนาน เมิ่งฮ่าวก็หันหน้ากลับไปมองยังบุรุษชุดดำ ซึ่งตอนนี้กำลังมองลงไปยังบริเวณด้านล่างที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและแม่น้ำ
จิตใจเมิ่งฮ่าวสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ ขณะที่มองลงไปยังเชิงเขานั้นด้วยเช่นกัน ที่แห่งนั้นคือป่าไผ่ ภายในป่าไผ่มีชายชราที่มีท่าทางหยาบคายกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
ตรงเบื้องหน้าของชายชราเป็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งก็คือหวังมู่