Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1221

ตอนที่ 1221

นักศึกษาไปสอบเป็นขุนนาง

ขณะที่ชายชรากล่าวออกมา จอภาพก็ก่อตัวขึ้นมาอยู่ที่เบื้องหน้ามัน เริ่มแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ระหว่างเมิ่งฮ่าวและปรมาจารย์เฮยหุน

ในช่วงเวลาหนึ่ง ชายชราชี้นิ้วออกไป ทำให้ภาพที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่นั้นหยุดชะงักนิ่ง และมองเห็นใบหน้าของเมิ่งฮ่าวได้อย่างชัดเจน แต่ชายชราก็ไม่ใช้เวลาศึกษาดูมากนัก กลับหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

จากนั้นมันก็โบกสะบัดมือขวาออกไป ทำให้ภาพนั้นจางหายไป เหลือทิ้งไว้แต่เส้นใยของปราณสีขาว

ชายชรากล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “รูปลักษณ์ภายนอก, โลหิต และกลิ่นอายสามารถเปลี่ยนแปลงไป แต่กลิ่นของวิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะเปลี่ยนไปได้…”

ผู้ฝึกตนจำนวนมากเริ่มมารวมตัวกันอยู่รอบๆ ร่างมัน แต่ไม่มีใครพูดออกมา พวกมันแค่มองไปด้วยความเคารพเท่านั้น

ชายชรายื่นมือออกไปคว้าจับยังเส้นใยปราณสีขาว จากนั้นก็กำมือจนแน่น เมื่อมันแบมือออก ก็มองเห็นเป็นผลึกสีขาวอยู่หนึ่งชิ้น มันโบกสะบัดมือทำให้ผลึกสีขาวแยกออกเป็นสองส่วน จากนั้นก็กลายเป็นสี่, แปด ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มองเห็นผลึกอยู่ถึงหนึ่งแสนชิ้น!

ผลึกสีขาวหนึ่งร้อยชิ้นจากหนึ่งแสนชิ้น เกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา ขณะที่พวกมันกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง หายเข้าไปในความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ขณะที่พวกมันมุ่งหน้าตรงไปยังสำนักต่างๆ ของพันธมิตรเทพสวรรค์

“ถ้าเข้าไปใกล้คนแปลกหน้าผู้นั้น ผลึกนี้จะมีปฏิกิริยาขึ้นมา…ปรมาจารย์เฮยหุนบอกว่าถ้าใครก็ตามสังหารคนผู้นี้ได้ มันก็ยินดี…จะกลายเป็นทาสรับใช้ไปหนึ่งพันปี!” ด้วยเช่นนั้นชายชราก็หมุนตัวและมุ่งหน้าออกไปยังที่ห่างไกล

ผู้ฝึกตนที่ด้านหลังมันประสานมือด้วยความเคารพ ต่อมาก็คว้าจับไปที่ผลึกสีขาว ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ในที่สุดพวกมันก็แยกย้ายกระจายกันออกไปค้นหาเมิ่งฮ่าว

ทั่วทั้งพันธมิตรเทพสวรรค์ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ในที่สุดข่าวคราวเกี่ยวกับผู้ฝึกตนแปลกหน้าที่ทำการกวาดล้างเฮยหุนเต้าด้วยตัวคนเดียว และยังทำให้ดวงดาวของพวกมันต้องพังทลายลงไปอีกด้วย ก็เริ่มเผยแพร่กระจายออกไป ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ข่าวคราวเกี่ยวกับปรมาจารย์เฮยหุนกำลังได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส กระจายออกไปทั่วทั้งพันธมิตรเทพสวรรค์ราวกับเป็นไฟไหม้ป่า

ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็สะท้านใจไปตามๆ กัน นอกจากนี้คำประกาศของพันธมิตรเทพสวรรค์ที่บอกว่าปรมาจารย์เฮยหุน ซึ่งเป็นราชันเต๋าสามแก่นแท้ยินดีจะเป็นทาสรับใช้ไปหนึ่งพันปี ก็เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนหรือแม้แต่สำนักทั้งหมดไม่อาจจะไม่สะท้านใจไปได้ มันล้ำค่ามากกว่าของวิเศษหรือได้ครอบครองวิชาเวทที่พิเศษเฉพาะบางอย่างซะอีก

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครวิตกว่าจะเป็นเรื่องหลอกลวง ถ้าปรมาจารย์เฮยหุนเป็นคนไม่รักษาสัจจะ พันธมิตรเทพสวรรค์ก็ไม่มีทางจะป่าวประกาศออกมาเช่นนี้

ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ…ถ้าบุคคลที่กวาดล้างเฮยหุนเต้าไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ คนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะนั่งดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่จากข้อมูลที่ถูกส่งต่อมาจากพันธมิตรเทพสวรรค์ คนผู้นั้นต้องได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง และไม่อาจจะปลดปล่อยพลังที่เกินกว่าขั้นกลางของอาณาจักรโบราณออกมาได้!

แม้แต่ปรมาจารย์เฮยหุนก็ยังยืนยันในเรื่องนี้

ด้วยเช่นนั้น ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดของกลุ่มพันธมิตรเทพสวรรค์ ต่างก็ตกอยู่ในความบ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง…

ผู้คนมากมายเริ่มตามล่าไปทั่วทั้งอาณาเขตของพันธมิตรเทพสวรรค์ ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลทั้งหมดในกลุ่มพันธมิตรเทพสวรรค์ต่างก็ถูกผนึกไว้ และประตูเคลื่อนย้ายทางไกลที่ไม่อาจจะถูกผนึกได้ ก็จะมีผู้คุ้มกันอย่างแน่นหนา ใครก็ตามที่ต้องการจะจากไปต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด

ขณะที่เวลาผ่านไป ข่าวคราวเกี่ยวกับการล้มล้างเฮยหุนเต้า ถูกแพร่กระจายออกไปที่ด้านนอกของพันธมิตรเทพสวรรค์ ตระกูลหาน, ตระกูลเมิ่ง และสำนักอื่นๆ ทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่แปดต่างก็รับรู้ถึงข่าวนี้ คนทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

นอกจากนี้คนทั้งหมดต่างก็คาดเดากันว่าบุคคลที่พันธมิตรเทพสวรรค์กำลังไล่ล่าอยู่นี้คือใคร หลังจากที่ตรวจสอบดูเล็กน้อย ข่าวคราวก็กระจายออกมาว่าคนผู้นั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่แปด แต่มาจากขุนเขาทะเลอื่นๆ และเป็นผู้ฝึกตนลำดับขั้น…ที่มีเวทผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน!

ด้วยข่าวคราวที่แพร่กระจายออกไปเช่นนี้ ไม่นานนัก…นามของเมิ่งฮ่าวก็เป็นที่รู้จักของสำนักและตระกูลที่แข็งแกร่งทั้งหมด

เรื่องราวได้มาถึงข้อสรุปแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อีกต่อไป เมิ่งฮ่าว…คือบุคคลที่กวาดล้างเฮยหุนเต้า!

มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่เคยรู้มาก่อน หลังจากการต่อสู้ในอาณาจักรสายลม เมื่อผู้ฝึกตนลำดับขั้นกลับไปยังขุนเขาทะเลของพวกมัน…สำนักที่แข็งแกร่งจำนวนมากก็เริ่มจดบันทึกและเก็บประวัติเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวไว้

ตอนนี้ปรมาจารย์เฮยหุนอยู่บนดาวดวงหนึ่งในเขตพื้นที่พันธมิตรเทพสวรรค์ มันสร้างร่างตัวเองเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าใบหน้าจะซีดขาว

แต่เมื่อมองไปยังภาพของเมิ่งฮ่าวที่กำลังแสดงอยู่บนจอภาพ มันก็เริ่มสั่นสะท้านและดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหารและความบ้าคลั่ง

“นั่นต้องเป็นมันอย่างแน่นอน!”

สองผู้ฝึกตนวัยกลางคนยืนอยู่ใกล้กับปรมาจารย์เฮยหุน สวมใส่เสื้อผ้าที่ดูโดดเด่น ในชุดเต๋าสีขาวพร้อมกับเครื่องหมายสายฟ้า ภายในสัญลักษณ์สายฟ้าเหล่านั้นเป็นคนผู้หนึ่งที่เห็นได้ชัดว่ากำลังอยู่ในท่ามกลางการเอาชนะทัณฑ์สายฟ้าที่ฟาดลงมา!

ชุดเต๋าเช่นนี้…ถูกสวมใส่โดยสมาชิกของเทียนเสินเต้าเท่านั้น! (เต๋าเทพสวรรค์)

เทียนเสินเต้าคือจุดศูนย์กลางของพันธมิตรเทพสวรรค์ พวกมันครอบครองยอดเขาของขุนเขาทะเลที่แปด และความจริงแล้วราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปดก็อาศัยอยู่ในราชวังเทพสวรรค์

มีข่าวลือมากมายเกิดขึ้นอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปดเกี่ยวกับราชันของพวกมัน ซึ่งก็คือราชันเทียนเสิน ข่าวลือเหล่านั้นกล่าวว่ามันมีความสัมพันธ์กับตระกูลเมิ่งหลากหลายรูปแบบ แต่ก็เป็นไปได้ที่ข่าวลือเหล่านั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากว่าตระกูลเมิ่งได้ออกมาปฏิเสธเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

อีกข่าวลือได้กล่าวย้ำว่าราชันแห่งขุนเขาที่แปดมีสายโลหิตของตระกูลหานอยู่ด้วยเช่นกัน บางคนยังได้อ้างว่าราชันแห่งขุนเขาที่แปด…คือผู้ฝึกตนเร่ร่อนที่บรรลุถึงอาณาจักรเต๋าอีกด้วย

ตอนนี้สองบุรุษวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดเต๋าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสบตากัน จากนั้นก็เก็บจอภาพไป พวกมันได้รับคำสั่งให้มายังที่แห่งนี้ เพื่อแสดงภาพให้ปรมาจารย์เฮยหุนทำการยืนยัน ตอนนี้พวกมันได้รับคำตอบแล้ว จึงหันหลังและจากไป

ปรมาจารย์เฮยหุนกัดฟันแน่น ประสานมือให้กับสองผู้ฝึกตนนั้นด้วยความเคารพ “ขอบคุณมาก สหายเต๋าจากเทียนเสินเต้า คนผู้นี้ต้องตาย มันโหดเหี้ยมอำมหิตเป็นอย่างยิ่ง เป็นที่รังเกียจของคนทั้งปวง!”

จิตใจมันเต็มไปด้วยความขมขื่น เนื่องจากระดับพื้นฐานฝึกตนและศักดิ์ฐานะของมัน มันไม่ควรจะต้องมาทำเรื่องเช่นนี้ แต่ในตอนนี้มันคล้ายกับเป็นสุนัขที่สูญเสียเจ้าของ วิญญาณของมันแตกกระจายออกไปครึ่งหนึ่ง และพื้นฐานฝึกตนก็ไม่มั่นคง ทำให้ไร้ทางเลือกนอกจากต้องก้มศีรษะลงด้วยความเคารพเท่านั้น

ทั่วทั้งพันธมิตรเทพสวรรค์กำลังค้นหาเมิ่งฮ่าวอยู่ในตอนนี้…แต่เมื่อเวลาล่วงผ่านไป ก็ไร้วี่แววข่าวคราวเกี่ยวกับตัวเขาแม้แต่น้อย ผู้คนเริ่มหมดความอดทนอันเนื่องมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกลถูกผนึกไว้ ในที่สุดก็บรรลุถึงจุดที่ทำให้พันธมิตรเทพสวรรค์ทั้งหมดต้องมีปัญหาใหญ่โตขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นปรมาจารย์เฮยหุนก็มีอิทธิพลเพียงแค่กำหนดนโยบายของพันธมิตรได้ถึงจุดหนึ่งเท่านั้น

การที่ปรมาจารย์เฮยหุนยืนยันว่าจะยอมเป็นทาสไปหนึ่งพันปี ได้เปลี่ยนแปลงเรื่องราวไปอย่างเห็นได้ชัด การค้นหายังคงดำเนินต่อไป และคำประกาศนี้ก็ยังคงมีผลตลอดไป ถ้าเมิ่งฮ่าวมาปรากฏตัวขึ้นในที่สาธารณะ เขาก็จะต้องถูกสังหารไปอย่างแน่นอน แต่ถ้าปรมาจารย์เฮยหุนไม่เสนอเช่นนี้ การค้นหาเป็นวงกว้างของกลุ่มพันธมิตรคงจะถูกยกเลิกไปนานแล้ว

การที่ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลเหล่านั้นถูกผนึกไว้ทุกวัน ทำให้พันธมิตรเทพสวรรค์ต้องสูญเสียรายได้ไปไม่น้อย

ก่อนจะจากไป หนึ่งในสองบุรุษวัยกลางคนหันหน้ามายังปรมาจารย์เฮยหุนและกล่าวว่า “อย่างมากที่สุด ประตูจะถูกผนึกไว้อีกสิบวัน ถ้าไม่พบมัน ประตูก็จะถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่ไม่ต้องวิตกไป ตราบเท่าที่มันยังคงอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปด ก็จะถูกค้นพบได้ในที่สุด”

เวลาเดียวกันนั้น…

ในอาณาเขตของพันธมิตรเทพสวรรค์ บนหนึ่งในสี่ดวงดาวที่โคจรหมุนวนรอบขุนเขาที่แปด บนดาวที่ถูกเรียกว่าลั่วเหอซิง (ดาวแม่น้ำลั่ว)

มีเมืองหลวงของมนุษย์ธรรมดาอยู่เมืองหนึ่ง มนุษย์นับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ที่นั่น ดำเนินชีวิตไปตามปกติของทุกวัน เมื่อถึงยามสนธยาบนถนนใหญ่สายหนึ่ง มองเห็นลาตัวหนึ่งส่งเสียงร้องด้วยความอิ่มเอมใจขณะที่เดินมา

ลาตัวนั้นมีขนไม่มากนัก ขึ้นเป็นหย่อมๆ อยู่ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้างเล็กน้อย จริงๆ แล้วก็ดูผอมกระหร่องเป็นอย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ดูเหมือนว่ามันจะมองว่าตนเองมีรูปร่างที่สง่างามเป็นอย่างยิ่ง

นักศึกษาเยาว์วัยผู้หนึ่งนั่งอยู่บนหลังลาตัวนั้น มีตะกร้าเดินทางของนักศึกษาสะพายอยู่บนหลัง ซึ่งเต็มไปด้วยตำราต่างๆ มากมาย อันที่จริงบุรุษหนุ่มผู้นี้กำลังเพ่งสมาธิอ่านตำราอยู่ ขณะที่ขี่ลาไปตามทาง

นักศึกษาผู้นี้มีผิวกายที่เรียบลื่นประดุจหยก และหล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง มีอายุประมาณสิบกว่าปี สวมใส่ชุดยาวสีขาวที่ซีดจาง มันและลาตัวนั้นเดินทางไปภายใต้แสงอาทิตย์ยามสนธยา

บนถนนใหญ่สายนั้นมีม้าเร็วควบผ่านมันไปเป็นระยะ เหลือทิ้งไว้แต่กลุ่มฝุ่นลอยคละคลุ้ง นักศึกษาผู้นั้นใช้ชายแขนเสื้อปิดจมูก และจากนั้นก็โบกสะบัดฝุ่นละอองไปมา สำหรับล่อตัวนั้น มันมีท่าทางฉุนเฉียวเป็นอย่างยิ่ง และทันใดนั้นก็เร่งความเร็วขึ้นราวกับว่าจะไล่ตามไป แต่หลังจากที่วิ่งไปแค่เล็กน้อย ก็เชื่องช้าลงด้วยความขี้เกียจ

เวลาผ่านไป เมื่อลำแสงของดวงตะวันยามสนธยากำลังเริ่มจางหายไป ในตอนนี้เองที่เมืองได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า เห็นได้ชัดว่านักศึกษาผู้นั้นไม่ได้สังเกตเห็น ยังคงฉวยโอกาสที่แสงยังไม่จางหายไป อ่านม้วนไม้ไผ่ที่ถืออยู่ในมือ

ลำแสงหลากสีมักจะพุ่งผ่านท้องฟ้าที่ด้านบนไปเป็นระยะ อันที่จริงตอนนี้มีพลังแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กำลังม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งพื้นดิน และยังได้สัมผัสไปโดนตัวนักศึกษาอีกด้วย

แต่แสงนั้นก็พุ่งผ่านมันไป เห็นได้ชัดว่ามนุษย์บนดาวลั่วเหอไม่ได้กริ่งเกรงต่อผู้ฝึกตน ตลอดทั้งวันที่ผ่านมาลำแสงเช่นเดียวกันนี้ปรากฏขึ้นนับสิบครั้ง แต่มนุษย์ก็มองขึ้นไปด้วยความอิจฉาและชื่นชม โดยที่ไม่มีความตกใจกลัวแม้แต่น้อย

ตอนนี้หนึ่งในลำแสงเช่นนั้นเพิ่งจะหายลับตาไป ในที่สุดนักศึกษาผู้นั้นก็เก็บม้วนตำราไม้ไผ่ ยืดตัวขึ้นและจากนั้นก็สังเกตเห็นตัวเมือง ซึ่งกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ มันยิ้มออกมา แต่ลึกลงไปภายใต้รอยยิ้มนั้นสามารถจะมองเห็นความเย็นชาที่ซุกซ่อนไว้

นักศึกษาผู้นี้คือบุคคลที่ผู้ฝึกตนแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์กำลังค้นหาอยู่ทั้งด้านบนและเบื้องล่าง เมิ่งฮ่าว!

หลังจากที่เขาบินมาในครั้งแรก ก็รู้ว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะหลบเลี่ยงพันธมิตรเทพสวรรค์ได้โดยสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงทำตามแผนสำรองที่คิดไว้ก่อนแล้วล่วงหน้า หลบซ่อนตัวเองอยู่บนสี่ดวงดาวที่ใกล้เคียงมากที่สุด ซึ่งก็คือดาวลั่วเหอ ด้วยการช่วยเหลือของผีโต้งและนกแก้ว รวมทั้งขนนกที่เขาได้มาเมื่อหลายปีก่อน ทำการปกปิดความผันผวนของวิญญาณและกลิ่นอายตนเอง แปลงร่างเป็นนักศึกษาผู้หนึ่ง

ไม่มีตัวตนอื่นอีกแล้วที่ทำให้เมิ่งฮ่าวเกิดความรู้สึกที่คุ้นเคยเช่นนี้

“ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่า จะกลายมาเป็นนักศึกษาที่กำลังเดินทางไปสอบเป็นขุนนางอีกครั้ง…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ เห็นได้ชัดว่าลาตัวนั้นไม่ค่อยมีความสุขมากนัก ทันใดนั้นมันก็หมุนคอไปเป็นวงกลม จากนั้นก็บิดไปมาอีกหลายครั้ง จนกระทั่งดวงตามันเริ่มโป่งนูนออกมา เมิ่งฮ่าวตบไปที่สะโพกของมัน

“เจ้าเคยเห็นว่ามีลาตัวไหนบ้าง ที่บิดคอของมันไปรอบๆ หลายครั้งเช่นนี้? กล่าวกันตามตรง พวกเรากำลังถูกตามล่าสังหาร ถ้าถูกพบเห็น ทั้งเจ้าและข้าก็จะโชคร้ายด้วยเช่นกัน” เมิ่งฮ่าวแผดร้องออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

ลาตัวนี้…คือผีโต้งที่แปลงร่างมานั่นเอง

“มาเถอะ เข้าไปในเมืองนี้ด้วยกัน…ข้าไม่เชื่อว่าพันธมิตรเทพสวรรค์จะตรึงทุกสิ่งทุกอย่างไว้ตลอดไป” ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายอันเย็นชาขึ้น ลูบไปที่หน้าอกซึ่งผิวเนื้อยังไม่กลับคืนมาเรียบร้อยดังเดิม

พื้นฐานฝึกตนของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสอันเนื่องมาจากการต่อสู้อันน่ากลัวนั้น แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายจนต้องถูกจำกัดอยู่ที่ขั้นกลางของอาณาจักรโบราณเท่านั้น ตามที่พันธมิตรเทพสวรรค์กล่าวอ้าง เขายังคงสามารถจะบรรลุถึงพลังสูงสุดของตนเองได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจจะคงอยู่ได้นานมากนัก

“ข้าต้องฉวยโอกาสนี้เพื่อรักษาบาดแผลให้ดีขึ้นอีกเล็กน้อย” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ขณะที่ดวงตะวันค่อยๆ ลับขอบฟ้าไปอย่างช้าๆ เขาถอนหายใจและสีหน้าก็เริ่มเคร่งเครียดขึ้น

สิ่งแรกที่เมิ่งฮ่าวกระทำหลังจากที่มาถึงดาวลั่วเหอก็คือ เปิดกระถางธูปออกมา แต่สิ่งที่เขาพบภายในนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังสำหรับ…วิญญาณของฉู่อวี้เยียน

เวลาเดียวกันนั้น…

ยานบินกำลังพุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของพันธมิตรเทพสวรรค์ สัญลักษณ์เวทนับไม่ถ้วนปกคลุมอยู่บนพื้นผิวของยานบินลำนั้น ซึ่งก่อตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นตัวอักษรเมิ่ง (孟)

นี่คือยานบินค้าขายของตระกูลเมิ่ง!

มองเห็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งบนยานบินค้าขายนั้น มีใบหน้าที่หล่อเหลา กำลังยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับศีรษะที่ก้มลงไป และหมัดที่กำไว้จนแน่น ขณะที่บุรุษวัยกลางคนซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้ามันกล่าวตำหนิออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“เมิ่งเฉิน อย่าได้ลืมเลือนว่าโอกาสนี้เดิมทีไม่ได้เป็นของเจ้า แต่เป็นเพราะว่าในปีนั้นท่านปู่ของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกพอใจ จึงช่วยให้เจ้ามายืนอยู่ที่จุดนี้ได้ จดจำศักดิ์ฐานะของเจ้าไว้ด้วย เจ้าเป็นแค่ผู้คุ้มกันเท่านั้น แต่ก็จำเป็นต้องหวงแหนศักดิ์ฐานะนี้ไว้ ถ้าเจ้าทำให้เต๋อเส้าเหยีย (นายน้อยเต๋อ) พึงพอใจ สายโลหิตของเจ้าก็จะมีช่วงเวลาที่ดีขึ้น!”

“เจ้าไม่ใช่ถูกจัดเตรียมให้ไปอยู่กับฟงเสาจู่ (นายน้อยฟง) แห่งตระกูลหาน? แล้วจะรู้สึกผิดไปทำไม? เต๋อเส้าเหยียเห็นด้วยแล้ว ถึงเจ้าไม่อยากไปก็ต้องไป!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!