Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1245

ตอนที่ 1245

สัญญาณประตูแห่งอาณาจักรโบราณ

วิญญาณตันหลางส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ขณะที่พยายามจะออกมาจากร่างของเมิ่งฮ่าว แต่น่าเสียดายที่ผลเนี่ยผานลูกที่สี่แผ่พุ่งพลังอันน่าตกใจออกมา ทำให้แก่นแท้พลังชีวิตของมันถูกดูดกลืนไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับตันหลางแล้ว แก่นแท้พลังชีวิตของมันคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด คือสิ่งที่ช่วยให้มันมีชีวิตรอดอยู่ได้ และเป็นพื้นฐานวิญญาณของมัน ทำให้ตอนนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะหลบหนีออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าวได้

ในที่สุดมันก็ส่งเสียงกู่ร้องอย่างดุร้ายออกมา หยุดความพยายามที่จะดิ้นรนหลบหนี กลับไปเผชิญหน้ากับวิญญาณเมิ่งฮ่าว และพยายามจะกลืนกินลงไป มันไร้ทางเลือกใดๆ นอกจากต้องลองเสี่ยงทุกวิถีทาง พยายามต่อสู้เพื่อโอกาสรอดชีวิตซึ่งมีอยู่เพียงน้อยนิด

อย่างไรก็ตาม ขณะที่มันพุ่งกระโจนไป เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงเย็นชา และแสงสีโลหิตก็พุ่งออกมาจากภายในผลเนี่ยผานลูกที่สาม

แสงสีโลหิตนั้นประกอบไปด้วยพลังแห่งผู้ยิ่งใหญ่ เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้นขณะที่ม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งร่างกายเมิ่งฮ่าว พุ่งตรงไปยังตันหลางที่กำลังแผดร้องด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน “จิ่วเฟิง, จิ่วเฟิง!!”

ตันหลางตกอยู่ในสภาวะที่สิ้นหวัง ในตอนนี้มันจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่า มันถูกจัดฉากโดยจิ่วเฟิงจื้อจุน? หลายปีก่อนโน้นมันคิดว่า การแยกวิญญาณของตนเองออกมา ไม่มีใครรับรู้ได้โดยสิ้นเชิง แต่ความจริงแล้วจิ่วเฟิงมองเห็นได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

ตอนนี้ตันหลางรู้แล้วว่าทำไมมันถึงไม่อาจจะมองเห็นใครในตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่ผู้ฝึกตนที่เข้ามาสำรวจในสามสิบสามนรกมันก็มองไม่เห็น มันสามารถรับรู้ถึงพวกมันได้ และยังได้พยายามจะครอบครองร่างกายพวกมันอยู่หลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็คือล้มเหลวในทุกครั้ง ราวกับว่าไม่มีร่างกายใดๆ ให้มันเข้าไปสิงอยู่ได้

แต่จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็มาถึง ตันหลางเชื่อว่าตนเองสามารถครอบครองร่างเขาได้ แต่ตอนนี้มันตระหนักแล้วว่าทั้งหมดนั้นคือกับดัก เพื่อนำมันให้เข้าไปสู่บ่วงที่ใหญ่มากไปกว่านั้น

“จิ่วเฟิง!!” ตันหลางแผดร้องออกมา ขณะที่แก่นแท้พลังชีวิตของมันถูกผลเนี่ยผานลูกที่สี่ดูดกลืนไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยการช่วยเหลือจากตันหลาง ทำให้ผลเนี่ยผานลูกที่สี่หลอมรวมเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าวมากกว่าครึ่งแล้ว ด้วยการดูดกลืนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้ขั้นตอนการหลอมรวมมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น!

แปดส่วน, แปดส่วนครึ่ง, เก้าส่วน!

เกิดเป็นเสียงระเบิดที่ไม่มีใครได้ยินดังก้องขึ้น ยกเว้นเมิ่งฮ่าวและตันหลาง สำหรับคนทั้งสองก็ดูเหมือนว่าจะดังมากเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือน ขณะที่แก่นแท้พลังชีวิตของตันหลางจางหายไป การพยายามดิ้นรนของมันก็เริ่มอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ

ตอนนี้มันตกอยู่ในความสิ้นหวังไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีแรงกดดันจากโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ ในที่สุดมันก็ถูกสะกดข่มลงไปจนถึงจุดที่ไม่อาจจะต่อสู้กลับมาได้ ได้แต่มองดูขณะที่แก่นแท้พลังชีวิตของตนเองถูกดูดออกไป ถูกกลืนกินไปด้วยความตะกละตะกลาม และเปลวไฟวิญญาณของมันก็เริ่มมืดสลัวลงไปอย่างช้าๆ

ที่เลวร้ายมากที่สุดก็คือกายเนื้อของเมิ่งฮ่าวมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม ราวกับเป็นป้อมปราการ ด้วยพลังที่กระจายออกมาจากผลเนี่ยผานลูกที่สี่ ทำให้เกิดเป็นความแข็งแกร่งอย่างไร้ขอบเขต โดยที่เขาไม่ต้องกังวลใดๆ เกี่ยวกับแรงกดดันที่จะกดทับลงมาบนร่าง

“ข้ายอมรับไม่ได้! ข้าไม่ยอม! ข้าเตรียมตัวมานานหลายปี ยอมอดทนต่อความเจ็บปวดในการแยกส่วนวิญญาณออกมาเพื่อที่จะหลบหนีจากไป ข้าใกล้จะทำได้สำเร็จแล้ว! ใกล้แล้ว!!” เสียงแผดร้องของตันหลางดังก้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว

ร่างกายเขากำลังสั่นสะท้าน และภาพของผลเนี่ยผานลูกที่สี่ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผาก ส่องแสงระยิบระยับออกมา พลังอันน่าเหลือเชื่อปะทุออกมาจากแสงเหล่านั้นกระจายเต็มไปทั่วร่างกาย

ขณะที่ตันหลางถูกดูดกลืนเข้าไปในผลเนี่ยผาน เมิ่งฮ่าวก็ได้รับ…ความทรงจำของตันหลางมาด้วย อาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นัก มีอยู่หลายส่วนที่เลือนรางไป แต่ยังคงทำให้เมิ่งฮ่าวต้องตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

นอกเหนือจากความทรงจำของตันหลางแล้ว เมิ่งฮ่าวยังได้รับ…ความทรงจำของเสวียนเต้าจื่ออีกด้วย ซึ่งตันหลางเพิ่งจะใช้วิชาควาญวิญญาณดูดกลืนมา ภาพเหล่านั้นสดใหม่ทำให้เมิ่งฮ่าวมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว

ในตอนนี้เองที่ผลเนี่ยผานลูกที่สี่ได้บรรลุถึงการดูดซับที่เก้าในสิบส่วน สำหรับแก่นแท้พลังชีวิตของตันหลาง มีเพียงเส้นใยเดียวเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่

“ข้าเปลี่ยนแปลงร่างกายนี้ด้วยแก่นแท้ของข้า ทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้น! เช่นเดียวกับพื้นฐานฝึกตน ข้ายังได้ผนึกผลไม้เต๋าไม่ให้มันโผล่ออกมาอีกด้วย ข้าคือผู้ที่กลั่นสกัดอาวุธเวทของมัน ข้าทุ่มจนสุดตัว…”

“ข้ากำจัดศัตรูของมันไป เปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นพลังชีวิตที่ข้าดูดกลืนเข้าไป…ข้า…ข้า…ข้ารับไม่ได้กับเรื่องนี้! เจ้าดาววิบัตินั่นเอาชนะข้าได้เมื่อหลายปีก่อน ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็มากระทำเรื่องเดียวกันอีก!?!?”

ตันหลางหัวเราะอย่างขมขื่นขณะที่กลิ่นอายของมันเริ่มกระจัดกระจายออกไป มันหยุดการดิ้นรนและถูกโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในร่างเมิ่งฮ่าวบดขยี้ไปโดยสิ้นเชิง

เวลาเดียวกันนั้น ซากศพที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในจุดกึ่งกลางของเสาศิลาทั้งเก้าต้นจู่ๆ ก็สั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าซากศพนั้นมีพลังชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดวงตะวันสีฟ้าที่อยู่บนหน้าผากมันกำลังสั่นไปมา ทำให้ทั่วทั้งร่างนั้นสั่นสะท้าน

ขณะที่เส้นใยสุดท้ายของแก่นแท้พลังชีวิตของตันหลางถูกผลเนี่ยผานลูกที่สี่ดูดกลืนเข้าไป ขณะที่วิญญาณส่วนสุดท้ายของตันหลางถูกโลหิตผู้ยิ่งใหญ่กวาดล้างออกไป…เสียงแผดร้องของตันหลางก็ขาดหายไป มันถูกกลั่นสกัดไปโดยสิ้นเชิง!

ในตอนนี้เองที่ดวงตะวันสีฟ้าบนหน้าผากซากศพเริ่มสาดประกายเจิดจ้าออกมา จากนั้นก็มืดสลัวลงไปในทันที แต่เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ ก็มองเห็นใบหน้าปรากฏขึ้นอยู่ภายในดวงตะวัน ที่กำลังลอยอยู่ตรงนั้น…ก็คือตันหลางนั่นเอง!!

ดวงตามันปิดสนิท แต่ตอนนี้กำลังลืมขึ้นมาอย่างฉับพลัน เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว เผยให้เห็นถึงความไม่ยินยอมอย่างบ้าคลั่ง และยังได้อ้าปากส่งเสียงกู่ร้องอย่างไร้เสียงออกมาอีกด้วย

ดวงตามันเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างชั่วร้าย เกลียดชังต่อเมิ่งฮ่าว และเกลียดชังต่อจิ่วเฟิงจื้อจุน จนบรรลุถึงจุดสูงสุด

มันมอบโชควาสนาให้กับเมิ่งฮ่าวอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็ต้องถูกเขากลืนกินเข้าไป แน่นอนว่าเป็นเพียงแค่วิญญาณส่วนหนึ่งของตันหลางเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ที่เหลือยังคงมีอยู่ในดวงตะวันสีฟ้าดวงนั้น

ย้อนกลับไปในตอนที่มันถูกจิ่วเฟิงจื้อจุนสะกดข่มไว้ มันทำการแยกวิญญาณของตนเองออกไป ครึ่งหนึ่งอยู่ที่ด้านนอก ซึ่งส่วนนั้นถูกเมิ่งฮ่าวดูดกลืนเข้าไปแล้วในตอนนี้ ทำให้ตันหลางได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส

อันที่จริงแม้แต่บาดแผลบนร่างมันที่เกิดขึ้นมาจากจิ่วเฟิงจื้อจุนเมื่อหลายปีก่อนก็ยังไม่เลวร้ายเท่านี้

วิญญาณครึ่งหนึ่งของมัน ก็หมายความว่าแก่นแท้พลังชีวิตของมันครึ่งหนึ่งได้หายไปแล้วเช่นกันในตอนนี้ สำหรับตันหลางแล้วก็คล้ายกับเป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตมัน!

ในขณะที่ใบหน้าตันหลางกู่ร้องอย่างไร้เสียงออกมาจากภายในดวงตะวันสีฟ้า เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง และภาพผลเนี่ยผานลูกที่สี่บนหน้าผากก็ส่องแสงระยิบระยับออกมา ในตอนนี้มันแทบจะถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

อย่างไรก็ตาม จุดสำคัญอยู่ที่คำว่า ‘แทบจะ’ ซึ่งยังขาดอยู่แค่เล็กน้อย เป็นส่วนเล็กน้อยก่อนที่จะถูกดูดซับเข้าไปได้อย่างสมบูรณ์

ตอนนี้อยู่ที่เก้าในสิบส่วน ซึ่งส่วนสุดท้ายนี้จำเป็นต้องใช้เวลา ไม่มีพลังชีวิตใดๆ ไหลเข้ามาอีกแล้ว จากสิ่งที่เมิ่งฮ่าวสามารถจะรับรู้ได้ เขาเชื่อมั่นว่าคงจะใช้เวลามากที่สุดเพียงไม่กี่เดือนก่อนที่…จะพร้อมทะลวงผ่านเข้าไปในอาณาจักรโบราณ!

เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงเสียงกระหึ่มจากพื้นฐานฝึกตนที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้ จนทำให้มีความเชื่อมั่นว่าถ้าต้องไปเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับราชันเต๋า เขาไม่เพียงแต่จะสามารถต่อสู้กับพวกมันได้อย่างสูสีเท่านั้น แต่สามารถจะเอาชนะได้อย่างแน่นอน

ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า โลหิตเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าที่อยู่ภายในร่างกำลังเดือดพล่านขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อตระกูลฟางที่อยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้า

ในวันนั้นเมล็ดเต๋าที่อยู่ในร่างของผู้ฝึกตนตระกูลฟางมากมายเริ่มมีชีวิตขึ้นมา โลหิตของใครบางคนยังได้ตื่นขึ้นมาจนถึงจุดที่อยู่ในขั้นแรกของเซียนทุกชั้นฟ้าอีกด้วย!

ในวันนั้นพลังโดยรวมทั้งหมดของตระกูลฟางได้เพิ่มขึ้นไปหนึ่งระดับทั้งหมด ในวันนั้นตระกูลฟางสั่นสะเทือน และกลุ่มคนทั้งหมดในตระกูลต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน ในวันนั้นพลังการฝึกตนของฟางโส่วเต้าได้ทะลวงผ่านขึ้นไปอีกขั้น!

ในช่วงเวลาสั้นๆ ตระกูลฟางก็เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม เวลาเดียวกันนั้น ในวันนั้นกลุ่มคนตระกูลฟางนับไม่ถ้วนต่างก็รับรู้ได้ว่า มีกลิ่นอายอันน่าเกรงขามกำลังพุ่งขึ้นมาจากขุนเขาทะเลที่แปดอันห่างไกล

นั่นก็คือ…เมิ่งฮ่าว!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวลืมขึ้นมาในทันที และดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยดวงดาวที่ซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึก ถ้ามองดูให้ละเอียดก็เหมือนจะมีกระแสน้ำวนที่สามารถจะดูดกลืนพลังของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้ทุกชนิดอยู่ภายในนั้น!

ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ…มีสายฟ้าเต้นไปมาอยู่รอบๆ ตัว ซึ่งมาจากแก่นแท้สายฟ้าของตันหลาง

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จนทำให้กลิ่นอายทั้งหมดของสุสาน ดูเหมือนว่าจะเริ่มหมุนวนพุ่งตรงมา

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยความยินดีจนแทบจะบ้าคลั่ง กำหมัดจนแน่นและเพลิดเพลินกับความรู้สึกของพลังที่รับรู้ได้จากภายในร่าง ซึ่งมากเกินกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างยิ่ง

เขารู้สึกได้ถึงความยืดหยุ่นของกระดูก และความแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวของพวกมัน เส้นลมปราณก็เช่นเดียวกัน ที่สำคัญมากที่สุดก็คือโลหิตของตนเองด้วย ตันหลางได้จ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างมากมายเพื่อทำให้โลหิตของเขาบริสุทธิ์ จนแม้แต่โลหิตเพียงแค่หยดเดียวในตอนนี้ก็ยังประกอบไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่!

ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใช้พื้นฐานฝึกตนไปต่อสู้กับเต๋า สามารถใช้กายเนื้อเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!

อันที่จริงก็เป็นไปได้ที่ผู้แข็งแกร่งทรงพลังบางคน ปรารถนาจะกลั่นสกัดร่างกายของตนเองให้กลายเป็นของวิเศษอาณาจักรเต๋าด้วยเช่นกัน!

เมิ่งฮ่าวเริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา มีความเห็นว่าตันหลางผู้นี้ช่างเป็นคนดีอย่างแท้จริง

นอกเหนือจากที่มันกระทำกับกายเนื้อของเขาแล้ว มันยังได้ช่วยเพิ่มพื้นฐานฝึกตนให้อีกด้วย ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องยิ้มกว้างออกมา เอามือลูบไปที่หน้าผากคิดไปว่าตันหลางช่วยย่นระยะเวลาในการดูดซับผลเนี่ยผานลูกที่สี่ไปได้มาก

ทำให้ต้องรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากขึ้นในทันที ถ้าตันหลางไม่ผนึกให้ผลเนี่ยผานตรึงแน่นอยู่ข้างใน ถึงแม้ว่าเขาจะได้ร่างกายกลับคืนมา แต่พื้นฐานฝึกตนก็คงจะไม่ก้าวหน้าไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อเช่นนี้

“ช่างเป็นคนดีจริงๆ” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นเลียริมฝีปาก ยิ้มออกมาพร้อมกับตบไปที่ถุงสมบัติ ดวงตาสาดประกายเจิดจ้าขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หยิบเอาหอกยาวที่กลายเป็นมังกร และกระบี่ไม้ที่ซ้อนทับกันออกมา เมื่อเขาหมุนควงหอกยาวไปมา มังกรก็แผดร้องคำรามขึ้น แรงกดดันที่กระจายออกมาในตอนนี้ของมันมากขึ้นกว่าเดิมถึงสิบเท่า จากที่เมิ่งฮ่าวสามารถจะประเมินได้เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่เขาเคยใช้มันออกมา

สำหรับกระบี่ไม้ที่ซ้อนทับกัน กลิ่นอายอันน่ากลัวที่กระจายออกมามีความเข้มข้นกว่าเดิมมากนัก

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ทิ้งอาวุธเวทไว้ในถุงสมบัติให้มากกว่านี้ ถ้ารู้ว่าเหตุการณ์จะกลับกลายเป็นเช่นนี้ เขาจะต้องทำอย่างแน่นอน…

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองขึ้นไปยังกระถางสายฟ้าที่กำลังลอยอยู่เหนือศีรษะ และดวงตาก็สาดประกายขึ้น

“รวยแล้ว! ครั้งนี้ข้ารวยแล้วจริงๆ…ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าร่างกายของข้าจะทำให้ได้รับผลประโยชน์มากมายเช่นนี้ ก็น่าจะปล่อยให้ผู้อื่นยืมไปใช้มากกว่านี้…”

เมิ่งฮ่าวพึมพำ จากนั้นก็มองไปยังดวงตะวันสีฟ้าที่อยู่บนหน้าผากของซากศพ และใบหน้าของตันหลางที่อยู่ข้างใน ดูเหมือนว่าตันหลางใกล้จะเริ่มบ้าคลั่งขึ้นมา เมื่อมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว และเห็นว่าเขากำลังตื่นเต้นอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นฐานฝึกตน และความตื่นเต้นที่มองไปยังสิ่งของในถุงสมบัติ

ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ตันหลางรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง ทำให้มันต้องแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา รู้สึกว่าจิตใจราวกับจะแหลกสลายไป เสียใจอย่างถึงที่สุด

“ของของข้า! ทั้งหมดนั้นควรจะเป็นของข้า…”

“ข้ากลั่นสกัดร่างกายนั้นอย่างสุดกำลัง ต้องสูญเสียแก่นแท้ไปมากมายเพื่อปรับปรุงพื้นฐานฝึกตนของมัน และยังได้ช่วยปลดผนึกอาวุธเวทเหล่านั้นด้วยตัวคนเดียว…ของของข้า! ทั้งหมดนั้นควรจะเป็นสิทธิ์ของข้า…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!