Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1246

ตอนที่ 1246

เกลี้ยงเกลาหมดจด

ตันหลางอยากจะร้องไห้แต่ก็ไร้น้ำตาให้หลั่งริน มันรู้สึกอับอายจนกลายเป็นความอัปยศ…แต่ในที่สุดความอัปยศนั้นก็กลายเป็นความเดือดดาล เมื่อมองเห็นสายตาที่ยินดีของเมิ่งฮ่าวเลื่อนจากกระถางสายฟ้าไปยัง…โล่และกระดิ่ง

“สิ่งของเหล่านั้นเป็นของข้า!!” ตันหลางแผดร้องออกมาดวงตาเบิกกว้างขึ้น แต่เสียงของมันไม่อาจจะดังผ่านออกมาจากดวงตะวันสีฟ้าได้ ถึงแม้ว่ามันจะแผดร้องเป็นเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่คนอื่นๆ สามารถจะมองเห็นได้ก็คือ เห็นว่าแสงสีฟ้าของดวงตะวันมีความเข้มข้นมากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

เมิ่งฮ่าวจ้องนิ่งไปยังโล่ขนาดเล็ก จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขารู้สึกว่า…สามารถจะควบคุมมันได้

เขาส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ออกไปด้วยจิตใจที่เต้นรัว และโล่ก็ขยับเขยื้อนไปมา ชั่วขณะต่อมามันก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ส่องประกายแวววาวออกมา เขาจ้องมองไปยังโล่ใบนั้น ครุ่นคิดว่าทำไมถึงสามารถควบคุมมันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ แทบจะราวกับว่ามันมีการเชื่อมต่ออยู่กับตนเอง ทำให้ต้องตระหนักว่าผลลัพธ์จาการดูดกลืนแก่นแท้พลังชีวิตของตันหลาง ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องการหลอมรวมผลเนี่ยผานลูกที่สี่เท่านั้น

เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าการควบคุมโล่นี้ไม่ได้มาจากตัวเอง แต่มาจาก…ผลเนี่ยผานลูกที่สี่

เช่นเดียวกับที่เมิ่งฮ่าว…ไม่อาจจะควบคุมโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในร่างได้โดยตรง แต่กระทำผ่านผลเนี่ยผานลูกที่สาม

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่มองไปยังกระดิ่งเป็นรายต่อไป กระดิ่งแวบประกายขึ้นจากนั้นก็ลอยลงมาอยู่ในมือเมิ่งฮ่าว

กระจายเป็นความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณอย่างถึงที่สุดออกมา

“เจ้าไม่เพียงแต่จะช่วยกลั่นสกัดร่างกายข้าเท่านั้น ยังช่วยเพิ่มพื้นฐานฝึกตน, หลอมรวมผลเนี่ยผาน, เปลี่ยนแปลงอาวุธเวทให้ข้า และยัง…ส่งมอบของวิเศษของเจ้าให้ข้าอีกด้วย” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ มองไปยังดวงตะวันสีฟ้าที่อยู่บนหน้าผากของซากศพ และใบหน้าของตันหลางที่ในตอนนี้กำลังแผดร้องอย่างเงียบๆ มาที่ตนเอง

เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

“ขอบคุณมาก ท่านผู้อาวุโส” เขากล่าวขึ้น จากนั้นก็เก็บโล่และกระดิ่งไว้

ตันหลางจ้องมองไป อยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

หลังจากที่เก็บสิ่งของไว้แล้ว เมิ่งฮ่าวก็มองกลับไป และเห็นว่าตันหลางกำลังจ้องมองมาด้วยความบ้าคลั่งและต้องการสังหาร ทันใดนั้นความทรงจำที่เพิ่งจะได้รับมาก็พุ่งขึ้นในจิตใจ

“ตอนที่มันถูกสะกดไว้ ได้แยกวิญญาณออกมาเป็นสองส่วน หือ…?”

“สามสิบสามนรกจริงๆ แล้วก็คือยาสามสิบสามเม็ดที่จิ่วเฟิงจื้อจุนทิ้งไว้ให้…อืม, เม็ดยาที่ปรุงขึ้นมาจากผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าที่ทรงพลัง ก็น่าจะถูกเรียกว่าเม็ดยาเต๋า”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็กลืนกินเม็ดยาเต๋าลงไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น?” เมิ่งฮ่าวพึมพำ มองไปยังตันหลางและดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า เลียริมฝีปากไปมาอย่างไม่รู้สึกตัว แต่เมื่อตันหลังมองเห็นสีหน้าของเขาเช่นนั้น ก็สั่นสะท้านขึ้นมาในทันที

หลังจากที่ยืนครุ่นคิดเพิ่มเติมอยู่ชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็จัดเรียงความคิดของตนเอง นอกจากความทรงจำของตันหลางแล้ว เขายังมีความทรงจำของเสวียนเต้าจื่ออยู่ด้วยเช่นกัน จากความทรงจำเหล่านั้น

ทำให้สามารถจะมองเห็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนตายของเสวียนเต้าจื่อได้ ถึงแม้ว่าเขาและเสวียนเต้าจื่อจะพยายามสังหารซึ่งกันและกัน เมื่อเมิ่งฮ่าวได้เห็นการตายของมัน ก็ต้องถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าอย่างช่วยไม่ได้

“ในโลกแห่งเซียน ผู้ฝึกตนที่มีแก่นแท้น้อยกว่าสามชนิดจะเป็นแค่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าธรรมดาทั่วไป สามแก่นแท้ถูกเรียกว่าราชันเต๋า ซึ่งตามหลักแล้วก็คือจุดสูงสุดขั้นต้นของอาณาจักรเต๋า หลังจากที่มีหกแก่นแท้ก็จะเป็นจักรพรรดิเต๋า ซึ่งอยู่ในขั้นกลางของอาณาจักรเต๋า”

หลังจากนั้นจะเป็นอาณาจักรเต๋าขั้นสุดท้าย ซึ่งก็คือ…ผู้ยิ่งใหญ่ ประกอบด้วยผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้, ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้, ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้!

“ดูเหมือนว่าขั้นผู้ยิ่งใหญ่จะเทียบเท่ากับมหาเทพจากโลกอื่น ซึ่งเหมือนกับเต๋าศักดิ์สิทธิ์จากโลกอื่นด้วยเช่นกัน…”

“ยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือจากผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังมีอาณาจักรในตำนานอื่นอีก, พื้นฐานเต๋า!!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้าขึ้น ขณะที่ตระหนักว่าทำไมเสวียนเต้าจื่อถึงได้พยายามมาสังหารตนเอง

“แก่นแท้จะพลุ่งพล่านขึ้นเพื่อพื้นฐานเต๋าเท่านั้น…อาณาจักรพื้นฐานเต๋าเทียบเท่ากับเหยียบย่ำสวรรค์ ซึ่งเหมือนกับเต๋าไร้ขอบเขต?” เมิ่งฮ่าวไม่คุ้นเคยกับสองคำเรียกเหล่านี้ หลังจากที่ค้นหาความทรงจำของตันหลางไปทั่ว เขาก็เข้าใจ มหาเทพและเต๋าศักดิ์สิทธิ์ คือพื้นฐานฝึกตนที่ถูกเรียกโดยสองกองกำลังที่เกี่ยวข้องกับสงครามใหญ่ในโลกแห่งเซียน

“พื้นฐานเต๋า, พื้นฐานเต๋า…จากข้อมูลในความทรงจำของตันหลาง ย้อนกลับไปในวันนั้น จิ่วเฟิงจื้อจุนมีกายเนื้อพื้นฐานเต๋า

แต่พื้นฐานฝึกตนอยู่ห่างจากอาณาจักรพื้นฐานเต๋าเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น ดังนั้นท่านจึงไม่ถูกนับว่าเป็นผู้ฝึกตนพื้นฐานเต๋าที่แท้จริง”

“ถ้าเช่นนั้น…อาณาจักรพื้นฐานเต๋าจะทรงพลังมากแค่ไหนกันแน่? ถ้าผู้ฝึกตนอาณาจักรพื้นฐานเต๋าปรากฏขึ้นในอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็เพียงพอที่จะแก้ปัญหาสงครามระหว่างสามกองกำลังหรือไม่?!”

“ยิ่งไปกว่านั้น…อาจะเป็นไปได้ว่า…ยังมีอาณาจักรที่แข็งแกร่งมากกว่าพื้นฐานเต๋าอีกด้วย?” เมิ่งฮ่าวแทบจะจมอยู่ในข้อมูลใหม่ๆ มากมายเหล่านี้

หลังจากที่ผ่านไปครึ่งค่อนวัน เมิ่งฮ่าวก็ส่ายหน้าและลำดับความคิดของตนเอง จากนั้นก็มองไปยังดวงตะวันสีฟ้าตรงหน้าผากของซากศพอีกครั้ง ดวงตาสาดประกายขึ้น พึมพำกับตัวเอง ยืนนิ่งอยู่นานจนกระทั่งจิตใจเริ่มเต้นรัว

“พื้นฐานฝึกตนของข้าไม่สูงพอที่จะปลดผนึกเหล่านั้น และกลืนกินเม็ดยาเต๋าในส่วนที่เหลือ…เมื่อนั่นคือจุดประสงค์ของสามสิบสามนรก จึงไม่จำเป็นต้องวิตกต่อผลได้ผลเสียใดๆ”

“เมื่อไหร่ที่ข้าเข้าไปในอาณาจักรเต๋า ข้าจะกลับมานำเม็ดยาเต๋าไปทั้งหมดในครั้งเดียว!” เมิ่งฮ่าวถอยไปด้านหลัง จากนั้นก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อข้างขวาออกไป ทำการรวบรวมอาวุธเวทอื่นๆ ที่ตกอยู่บนพื้นรอบๆ บริเวณนั้นมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน หลังจากที่มองไปรอบๆ อีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่พลาดสิ่งใดๆ เขาก็หันหลังและเตรียมตัวจะจากไป

ภายในดวงตะวันสีฟ้า ตันหลางจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว สาบานว่าถ้ามันมีโอกาส จะต้องกลืนกินเมิ่งฮ่าวลงไปอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เมิ่งฮ่าวกำลังจะจากไป ก็ต้องหยุดชะงักนิ่ง จากนั้นก็ตบไปที่หน้าผากตนเองอย่างแรง ตันหลางอ้าปากค้างขึ้นด้วยความตกใจ สงสัยว่าเมิ่งฮ่าวกำลังจะเป็นบ้าไปหรือไม่

เมิ่งฮ่าวมีท่าทางโมโหเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ตบไปยังหน้าผากตนเองอีกครั้ง

“เมิ่งฮ่าวอาเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าเจ้าจะรวยแล้วในตอนนี้ แต่ก็ไม่น่าลืมเงินเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น ถ้าเจ้าไม่เก็บมันมา ก็เหมือนกับว่าเจ้ากำลังสูญเสียมันไป ยิ่งมีเงินมาก ก็ไม่ต้องกังวลในการใช้จ่ายแล้ว!”

“โชควาสนาอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เจ้าเก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่ควรจะทำตัวฟุ่มเฟือย!” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจลึกๆ ย้ำเตือนตนเองถึงคำสั่งสอนของมารดา จากนั้นก็นั่งยองๆ ลงไป แตะมือลงไปยังพื้นกระเบื้องของวิหาร ในที่สุดก็ถอนหายใจยาวออกมา

“ข้าช่างประมาทเป็นอย่างยิ่ง พื้นกระเบื้องเหล่านี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาจากหยกเซียน แต่ประกอบไปด้วยเจตจำนงเต๋าจนทำให้พวกมันกลายเป็นส่วนผสมที่ดีเยี่ยมสำหรับการสร้างอาวุธเวท ถ้านำไปขายที่ด้านนอกแค่หนึ่งชิ้นก็จะได้ราคาที่สูงลิ่วแล้ว” พร้อมกับดวงตาที่สาดประกายขึ้น เมิ่งฮ่าวตบไปยังถุงสมบัติหยิบเอากระบี่ออกมา จากนั้นก็แทงลงไปยังมุมของกระเบื้องแผ่นหนึ่ง ไม่นานต่อมากระบี่ก็หักสะบั้นไปครึ่งหนึ่ง

“ช่างแข็งแกร่งนัก!” เมิ่งฮ่าวเลียริมฝีปาก หยิบเอาหอกยาวมังกรออกมา แทงลงไปที่พื้น เริ่มงัดแผ่นกระเบื้องขึ้นมา ช่วงเวลานั้นตันหลางก็มองมาด้วยความประหลาดใจ

เกิดเป็นเสียงกึกก้องขึ้นเมื่อแผ่นกระเบื้องลอยขึ้นไปในอากาศ เมิ่งฮ่าวคว้าจับไว้และมองไป พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาวาววับ ตบไปยังถุงสมบัติ ทำให้นกแก้วและผีโต้งบินออกมา

“ไม่ต้องพูดมาก มาช่วยกันเก็บกวาดสถานที่แห่งนี้ให้เรียบร้อย แต่อย่าไปแตะต้องเสาทั้งเก้าต้นเหล่านั้น” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น จากนั้นก็เริ่มงัดกระเบื้องแผ่นต่อไป

นกแก้วและผีโต้งกำลังจะเริ่มโต้เถียงกัน แต่ก็ถูกเมิ่งฮ่าวขัดจังหวะไป พวกมันมองไปรอบๆ และทันใดนั้นดวงตาก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้น รีบช่วยเมิ่งฮ่าวงัดพื้นกระเบื้องในทันที

หนึ่งแผ่น, สองแผ่น, สามแผ่น…สิบแผ่น, สามสิบแผ่น, หนึ่งร้อยแผ่น เมิ่งฮ่าวเริ่มคลุ้มคลั่งขึ้นมา เกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ราวกับเป็นลมพายุ ขณะที่เขาใช้หอกมังกรงัดพื้นกระเบื้องขึ้นมาแผ่นแล้วแผ่นเล่า

ตันหลางมองไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ เมิ่งฮ่าวกำลังใช้หอกที่มันต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างมากมายเพื่อปลดผนึกออก วิ่งไปรอบๆ บริเวณนั้นงัดแผ่นกระเบื้องขึ้นมาราวกับคนบ้า ทำให้ตันหลางต้องสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที

ตอนนี้มันตระหนักแล้วว่าไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อย

ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยโดยสิ้นเชิง จริงๆ แล้ว มันยังรู้สึกหวาดกลัวกว่าดาววิบัติที่ผนึกมันไว้ในที่แห่งนี้ตั้งแต่แรกอีกด้วย

“ดาววิบัตินั่นเป็นมือสังหาร แต่เมิ่งฮ่าวผู้นี้ยิ่งไปกว่านั้น มันกระทำทุกอย่างจนลึกไปถึงกระดูก!!”

ก่อนที่ตันหลางจะถอนหายใจเสร็จสิ้น จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็มองขึ้นไปยังผนังกำแพง และดวงตาก็สาดประกายขึ้น รีบเดินตรงไป เริ่มรื้อภาพเขียนบนกำแพงออกมาทีละชิ้น

ตันหลาง (สุนัขป่าตะกละ) กระพริบตาปริบๆ ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว จิตใจเริ่มเต้นรัว มันมักจะคิดว่าตนเองมีบุคลิกนิสัยที่สมกับนามของตนเอง แต่ทันใดนั้นก็พบว่าเมื่อเทียบกับเมิ่งฮ่าวแล้ว ตัวมันเอง…กลับซื่อสัตย์เป็นอย่างยิ่ง

ในตอนนี้ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้นคล้ายกับสายฟ้า ขณะที่จ้องมองไปยังรอบๆ บริเวณนั้นอีกครั้ง เมื่อไปสบสายตากับตันหลาง อีกครั้งที่ตันหลางรีบมองไปทางอื่น ด้วยความหวาดกลัวว่าเจ้าบ้าเมิ่งฮ่าวจะมาจัดการมันอีกครั้ง

“บ้า! บ้า! เจ้าผู้นี้ต้องบ้าอย่างแน่นอน!” ตันหลางพึมพำ หอบหายใจด้วยความตกตะลึง นกแก้วและผีโต้งกำลังเก็บรวบรวมสิ่งของทั้งหมดในห้องโถงวิหารด้วยเช่นกัน ยกเว้นแต่เสาทั้งเก้าต้นเหล่านั้น

ตันหลางมองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง ตอนนี้ห้องโถงวิหารเหมือนกับโดนสุนัขที่หิวโหยขบเคี้ยวไปจนเปลือยเปล่าโดยสิ้นเชิง มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังครบถ้วนสมบูรณ์ ตันหลางกำลังสั่นสะท้านด้วยความน่ากลัวของเมิ่งฮ่าว

“ข้าประเมินมันต่ำไปจริงๆ มันไม่เพียงแต่จะกลืนกินไปทั้งกระดูกเท่านั้น มันยังขุดคุ้ยไปถึงฝุ่นธุลีที่อยู่ใต้กระดูกอีกด้วย มันจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง…”

“นี่เป็นคนที่ไม่อาจจะไปตอแยด้วยได้ ต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วยตลอดไป! เมื่อเทียบกันแล้ว มันน่าจะมีนามว่าตันหลางมากกว่า!” ตันหลางสูดลมหายใจลึกๆ ขณะที่ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวกำลังจะจากไปอีกครั้ง แต่ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวหมุนตัวมองมาที่มันในทันที

ตันหลางสั่นสะท้านขึ้นด้วยความตกใจ ขณะที่เมิ่งฮ่าวตบไปที่หน้าผากตัวเองอีกครั้ง

“ข้าลืมมันไปได้อย่างไร…” เมิ่งฮ่าวกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนว่าจะมีโทสะกับความโง่เขลาของตนเองนัก ทันใดนั้นเขาก็รีบพุ่งตรงมายังตำแหน่งของตันหลาง และภาพศิลาแกะสลักที่เป็นรูปดวงตะวัน เมิ่งฮ่าวรื้อถอนภาพนั้นไปด้วยความรวดเร็ว และเก็บเข้าไปในถุงสมบัติ

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ยังห้องโถงวิหารอีกครั้ง ก็เงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นแผ่นกระเบื้องมุงหลังคา เขาบินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เริ่มรื้อถอนออกมาทั้งหมดในชั่วพริบตา จากนั้นก็จากไปพร้อมกับผีโต้งและนกแก้ว

ตันหลางมองดูเมิ่งฮ่าวจากไป และชำเลืองมองไปรอบๆ ยังความยุ่งเหยิงเหล่านั้น จากนั้นก็อยากจะร้องไห้ออกมาอย่างแท้จริง ในความคิดของมัน ตอนนี้สุสานแห่งนี้ต้องยากจนมากที่สุดในนรกทั้งสามสิบสามแห่งอย่างแน่นอน

“ข้าประเมินมันต่ำมากเกินไปจริงๆ แม้แต่สุนัขที่หิวโหยก็ยังไม่อาจจะกวาดล้างสถานที่แห่งนี้ให้เกลี้ยงเกลาหมดจดได้เช่นนี้…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!