ตอนที่ 1261
ต้องตัดทิ้ง…เท่านั้น
สายตาเมิ่งฮ่าวเย็นชาราวน้ำแข็ง แต่ก็แอบถอนหายใจออกมา การตกต่ำของตระกูลเป็นที่ยอมรับได้ แต่จรรยาบรรณของพวกมันกลับเสื่อมโทรมจนน่าคลื่นไส้ ถ้าปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ต่อไป…เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง
สามารถจะกล่าวได้ว่าสายโลหิตของท่านตาตกต่ำลงจนถึงขีดสุด อ่อนแอลงเป็นอย่างมาก มีแต่คนชรา คนป่วยและคนพิการ กลุ่มรุ่นเยาว์ก็ถูกบังคับให้กลายเป็นข้ารับใช้ กลุ่มผู้อาวุโสก็เจ็บป่วยและไร้เรี่ยวแรงใดๆ อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณของคนเหล่านั้นก็ยังคงจะแข็งแกร่ง ยังคงรวมตัวกันเป็นครอบครัว และด้วยเช่นนั้นสักวันหนึ่งก็จะรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง
สามารถจะรับรู้ได้ถึงจิตวิญญาณที่อยู่ภายในตัวเมิ่งหรู, เมิ่งเฉินและหญิงสาวอีกสองคนจากเมื่อครู่นี้ คนเหล่านี้ต่างก็ไม่ยอมพ่ายแพ้เพื่อความมุ่งหวังในอนาคต
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงตระกูลเมิ่งในส่วนที่เหลือ เมิ่งฮ่าวรู้สึกค่อนข้างจะผิดหวังอยู่ไม่น้อย
“เศษสวะเช่นนี้ ก็ถูกเรียกว่าเสาจู่? (นายน้อย)” เมิ่งฮ่าวส่ายหน้า ตลอดช่วงชีวิตของตนเอง เริ่มต้นจากขุนเขาทะเลที่เก้า และมาอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปดในช่วงเวลาสั้นๆ เขาเคยเห็นผู้ถูกเลือกมามากมาย รวมทั้งเสาจู่และเส่าจง (เจ้าสำนักน้อย) แต่เขาก็ไม่เคยเห็นใครเป็นเช่นคนในตระกูลเมิ่งที่เบื้องหน้านี้มาก่อน
“เมื่อพบเจอกับเนื้อร้ายเช่นนี้ ก็มีแต่ต้องตัดทิ้ง…เท่านั้น!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร ขณะที่ผู้ฝึกตนตระกูลเมิ่งโจมตีมา เขาชี้นิ้วขวาออกไป ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ และระลอกคลื่นก็กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
ในชั่วพริบตาระลอกคลื่นก็เต็มอยู่ในบริเวณนั้น ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน กลายเป็นเถ้าธุลีไป สองเสาจู่ที่ไม่ยอมเชื่อไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะหลบหนีจากไป ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกมันก็จมอยู่ในระลอกคลื่น แน่นอนว่าเวทช่วยชีวิตเริ่มก่อตัวขึ้นมาเป็นเกราะป้องกัน ขณะที่พวกมันพยายามจะต่อต้านกลับไปยังระลอกคลื่นนั้น
อย่างไรก็ตาม…เกราะป้องกันเหล่านั้นต่างก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง แค่ช่วยยืดเวลาออกไปไม่กี่อึดใจเท่านั้น จากนั้นเกราะป้องกันก็พังทลายลงไป ดวงตาของบุรุษหนุ่มทั้งสองเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นเสียงปังก็ดังก้องขึ้น ขณะที่พวกมันกลายเป็นเถ้าธุลีไปด้วยเช่นกัน
ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังพวกมัน ต่างก็กลายเป็นเถ้าธุลีไปด้วยเช่นเดียวกัน
ในที่สุดกลุ่มคนที่ยังเหลืออยู่ก็มีเพียงเมิ่งฮ่าว, หญิงสาวตระกูลเมิ่ง และหญิงสาวเยาว์วัยอื่นๆ สำหรับคนอื่นๆ ทั้งหมด…หายสาบสูญไปจนหมดสิ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้หญิงสาวเยาว์วัยได้แต่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ และยืนสั่นสะท้านหอบหายใจอยู่ที่นั่น สำหรับเมิ่งหรู ถึงแม้ว่านางจะเป็นคนที่โง่เขลา รู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับอาณาจักรเซียนเท่านั้น นางก็ยังสามารถจะเข้าใจได้ว่าพลังที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่นี้…ต้องไม่ใช่พลังแห่งเซียนอย่างแน่นอน!
สำหรับหญิงสาวอีกสองคนจากสายโลหิตเดียวกัน ดวงตาพวกนางเบิกกว้างมากขึ้นกว่าเดิม พื้นฐานฝึกตนของพวกนางสูงส่งกว่าของเมิ่งหรูอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นพวกนางจึงรับรู้เบาะแสได้มากขึ้น มองมายังเมิ่งฮ่าว สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวและความนับถือบูชา
เมิ่งหรูลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวว่า “เมิ่งเฉินเกอเกอ…ท่าน…”
ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบ หนึ่งในลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่านางก็ยื่นมือออกไป เพื่อบอกให้นางหยุดพูด
เมิ่งฮ่าวมองไปยังหญิงสาวทั้งสาม และพยักหน้าให้ด้วยสายตาที่อ่อนโยน จากนั้นก็มองออกไปยังที่ห่างไกล และอีกครั้งที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาและบึ้งตึง ทันใดนั้นกลิ่นอายอันแข็งแกร่งก็เริ่มม้วนตัวออกมาจากร่าง เต็มไปทั่วบริเวณนั้น ทำให้ท้องฟ้ามืดสลัวลงไป และพื้นดินก็สั่นสะเทือนไปมา สิ่งปลูกสร้างและอาคารบ้านเรือนรอบๆ บริเวณนั้น ดูเหมือนว่าไม่อาจจะต่อต้านกับแรงกดดันนี้ได้ ในที่สุดเสียงแตกร้าวก็ได้ยินมา
จากนั้นเสียงแตกร้าวก็เปลี่ยนเป็นเสียงกึกก้องกระหึ่ม ขณะที่สิ่งปลูกสร้างหลังแล้วหลังเล่าเริ่มพังทลายลงไป ในตอนนี้เองจากสองตำแหน่งที่แตกต่างกัน ลำแสงอันเจิดจ้านับสิบก็เริ่มพุ่งตรงมาจากที่ห่างไกล เสียงแผดร้องดังก้องขึ้น เต็มไปด้วยโทสะและรังสีสังหาร
“เจ้าเป็นใคร ถึงบังอาจมาหาเรื่องตระกูลเมิ่ง!?”
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!?” เสียงร้องตะโกนด้วยโทสะดังก้องออกมาคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นอันทรงพลังพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นมองไปยังผู้ฝึกตนที่ใกล้เข้ามาด้วยสายตาที่เย็นชา พื้นฐานฝึกตนที่แข็งแกร่งมากที่สุดในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นอยู่เพียงแค่วงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณเท่านั้น และคนอื่นๆ ต่างก็ห่างไกลจากขั้นนี้เป็นอย่างมาก
“แม้แต่ใครถูกใครผิด พวกเจ้าก็ยังไม่รู้ ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์นัก?” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว หายตัวไป เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ไปอยู่ตรงหน้าของผู้ฝึกตนที่เป็นผู้นำ ซึ่งเป็นบุรุษวัยกลางคนในชุดหรูหราฟุ่มเฟือย ดวงตามันกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยโทสะ แต่ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฎตัวขึ้นที่เบื้องหน้า มันก็เริ่มสั่นสะท้านและเพลิงโทสะก็หายไปครึ่งหนึ่งด้วยความตกใจในทันที
มันไม่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวใช้วิชาอะไรออกมา ถึงสามารถหายตัวไปและปรากฏขึ้นมาใหม่ได้เช่นนี้ แต่นั่นยังเป็นเรื่องรองลงไป สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือว่า…มันรับรู้ได้ถึงพลังอันไร้ขอบเขตที่กระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว ซึ่งมากกว่าแรงกดดันที่มันรู้สึกได้เมื่อยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าปรมาจารย์ของมัน
บุรุษผู้นั้นหอบหายใจออกมาและโพล่งขึ้นว่า “เจ้า…”
รังสีสังหารในแววตาเมิ่งฮ่าว ทำให้หนังศีรษะของมันต้องด้านชาขึ้นอย่างรุนแรง รู้สึกราวกับว่าร่างตนเองกำลังจะระเบิดออกไป มันเริ่มพุ่งถอยไปทางด้านหลัง มีท่าทางตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิงต่อพลังอันน่ากลัวที่รับรู้ได้นี้
“สายไปแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าว ส่ายหน้าพร้อมกับโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไปในเวลาเดียวกัน ลมพายุขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาทำการเชื่อมต่อท้องฟ้ากับผืนดินเข้าด้วยกัน ดูโดดเด่นจนใครก็ตามที่อยู่ในตระกูลเมิ่งต่างก็สามารถจะมองเห็นได้
พายุนั้นม้วนกวาดตรงไปยังบุรุษวัยกลางคน และผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านหลังมัน เคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ จนพวกมันไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ พวกมันพยายามดิ้นรนต่อสู้กลับไป แต่เพียงชั่วขณะเท่านั้นพายุก็ม้วนกวาดพวกมันไป หลังจากที่เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนดังก้องออกมา ราวกับว่าหัตถ์ยักษ์ข้างหนึ่งกำลังใช้พู่กันขนาดใหญ่ระบายสีให้ลมพายุนั้นกลายเป็นสีแดงเจิดจ้าไปโดยสิ้นเชิง
ตระกูลเมิ่งต่างก็สั่นสะท้านไปถ้วนทั่วทุกตัวคน ผู้ฝึกตนจำนวนมากต่างก็ออกมาจากสถานที่นั่งเข้าฌานของพวกมัน หลังจากที่มองขึ้นไป พวกมันส่วนใหญ่ต่างก็พุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยสีหน้าประหลาดใจในทันที
“ศัตรูโจมตีมา!!”
“ตระกูลอื่นกำลังบุกรุกเข้ามา!!”
“ศัตรูของตระกูลกำลังโจมตีมา!! บัดซบ ทำไมเกราะป้องกันของตระกูลถึงไม่ทำงาน!?!?”
เสียงร้องด้วยความตกใจดังก้องไปทั่ว และตระกูลทั้งหมดก็เริ่มปั่นป่วนวุ่นวาย เก้าเงาร่างเริ่มบินตรงมายังลมพายุจากเก้าทิศทางที่แตกต่างกัน
พวกมันถูกติดตามมาด้วยเงาร่างอื่นๆ อีกมากมาย และขณะที่พื้นฐานฝึกตนของพวกมันพุ่งทะยานขึ้นไป ก็กลายเป็นค่ายกลเวท แทนที่จะพุ่งตรงไปยังลมพายุ พวกมันเริ่มกลายเป็นรูปวงกลมอยู่รอบๆ ลมพายุ ในที่สุดสีสันก็แวบขึ้นไปในท้องฟ้า ขณะที่ผู้ฝึกตนก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ ปกคลุมไปยังบริเวณที่เมิ่งฮ่าวกำลังยืนอยู่ทั้งหมด!
เมิ่งหรูกำลังสั่นสะท้านด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับหญิงสาวตระกูลเมิ่งอีกสองคน สำหรับเมิ่งฮ่าว เขามองลงไปยังพวกมันจากกลางอากาศ และยิ้มน้อยๆ ออกมา เป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยพลังที่ทำให้จิตใจที่หวาดกลัวของหญิงสาวทั้งสามต้องจางหายไปในทันที และรู้สึกสบายใจขึ้นโดยสิ้นเชิง
เมิ่งฮ่าวหมุนตัวไป ไม่สนใจเก้าผู้ฝึกตนที่กำลังเป็นผู้นำค่ายกลอยู่ และคนอื่นๆ ทั้งหมดที่ติดตามพวกมันมา เมิ่งฮ่าวมองออกไปยังที่ห่างไกลยังผู้ฝึกตนผู้หนึ่ง ซึ่งหยุดชะงักนิ่งไม่ขยับตัวเคลื่อนไหว
เป็นชายชราผู้หนึ่ง เมื่อสายตาเมิ่งฮ่าวตกกระทบไปบนร่างมัน ชายชราผู้นั้นเริ่มหอบหายใจและสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จากนั้นก็เริ่มถอยไปทางด้านหลัง
แต่ในขณะที่มันถอยหลังไป เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือ ลมพายุลูกที่สองก็พุ่งขึ้นมา ม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งกลุ่มฝูงชนตรงไปยังชายชรา เกิดเป็นเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวดังก้องไปทั่ว ชายชรามีพื้นฐานฝึกตนที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไร้ความหมายแม้แต่น้อย ไม่ว่ามันจะปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์และของวิเศษอะไรออกไป มันก็ยังคงถูกลมพายุกลืนกินเข้าไป
ไม่นานต่อมา ลมพายุลูกที่สองก็ถูกย้อมจนกลายเป็นสีโลหิตด้วยเช่นกัน
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ มองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา ลมพายุทั้งสองม้วนกวาดออกไปรอบๆ บริเวณนั้น และถ้ามองดูให้นานมากพอ ก็จะเหมือนกับว่ามีสุนัขป่าที่ดุร้ายสองตัวกำลังหลบซ่อนอยู่ด้านใน มองออกไปด้วยสายตาที่หิวกระหาย
“ไปกันเถอะ” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ เขาจะไม่กวาดล้างไปหมดทั้งสายโลหิตในวันนี้ เขาแค่ทำตามคำสั่งของไว่ผอนำหญิงสาวกลับไป ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกได้ว่า ค่ายกลเวทป้องกันของตระกูลยังไม่ได้ทำงานขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง การสังหารที่เขาเพิ่งจะทำไป ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมา
ระลอกคลื่นยังได้เริ่มกระจายออกมาอีกด้วย และภายในนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงพลังอันน่ากลัว พลังนั้นต้องเป็น…ค่ายกลเวทป้องกันอันยิ่งใหญ่แห่งตระกูลเมิ่งอย่างแน่นอน!
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น เขาก็เดินตรงไปหนึ่งก้าว และสามหญิงสาวก็ติดตามไปด้วยความวิตกกังวล แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันไปได้ไกล เก้าลำแสงอันเจิดจ้าก็ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“อย่าฝันว่าจะจากไปได้!” หนึ่งในเก้าร้องตวาดออกมา เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังชายชราผู้นั้น มันเป็นผู้อาวุโสของตระกูล ด้วยพื้นฐานฝึกตนที่อยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ ใกล้เคียงกับอาณาจักรเต๋าเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามจู่ๆ มันก็หยุดชะงักนิ่ง ขณะที่มืออันทรงพลังข้างหนึ่งคว้าจับไปที่ลำคอของมัน จนสีหน้าต้องเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ รีบถอยไปทางด้านหลัง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว ขณะที่กระอักโลหิตออกมากองโต
แค่มองไปอย่างเคร่งเครียดแวบเดียวก็ทำให้ผู้อาวุโสนั้นต้องได้รับบาดเจ็บ ทำให้คนอื่นๆ ทั้งหมดต้องอ้าปากค้าง พวกมันรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของเมิ่งฮ่าว แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่า…เขาจะน่ากลัวเช่นนี้!
“เต๋า…อาณาจักรเต๋า!” ผู้อาวุโสนั้นกล่าวขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจผู้ฝึกตนทั้งเก้าโดยสิ้นเชิง เดินทางต่อไป ติดตามมาด้วยเมิ่งหรูและหญิงสาวอีกสองคน ซึ่งรู้สึกตื่นเต้นขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อพวกนางมองไปยังเมิ่งฮ่าว แววตาก็เต็มไปด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้าและกระตือรือร้นโดยสิ้นเชิง สำหรับพวกนางแล้วเมิ่งฮ่าวคือภูเขาอันสูงใหญ่ของสายโลหิต เป็นใครบางคนที่ไม่ว่าสายลมจะรุนแรงหรือสายฝนจะสาดซัดกระหน่ำมากแค่ไหน ก็ไม่อาจจะโยกคลอนได้
ผู้ฝึกตนทั้งเก้าไม่กล้าที่จะหยุดยั้งเขาไว้ ค่ายกลเวทกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ก็หยุดชะงักนิ่งด้วยเช่นกัน และเหล่าผู้ฝึกตนที่เป็นส่วนหนึ่งของพลังค่ายกลก็เปิดเป็นเส้นทางให้เมิ่งฮ่าวผ่านไป ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
สำหรับเมิ่งฮ่าว เขายังคงมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบอย่างถึงที่สุด บนพื้นดิน กลุ่มคนตระกูลเมิ่งจำนวนมากยืนอยู่ที่นอกบ้านและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ มองขึ้นไปในท้องฟ้ายังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เมิ่งเต๋ออยู่ในวิหารที่นั่น มองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อเป็นอย่างยิ่ง
ตรงสถานที่แห่งอื่นในตระกูลเมิ่ง ยังมีอีกสามหญิงสาวเยาว์วัยที่ตอนนี้กำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าว, เมิ่งหรูและหญิงสาวอีกสองคน หญิงสาวทั้งสามมีสีหน้าซับซ้อน มีท่าทางราวกับว่าพวกนางกำลังเจ็บปวดใจ
พวกนางเป็นเครือญาติสายโลหิตที่ไม่ยอมกลับไป แต่เลือกที่จะคงอยู่ในฐานะข้ารับใช้ของคนอื่นในตระกูล!
พวกนางตัดขาดสายโลหิตของตนเอง ดังนั้นสายโลหิตของพวกนางจึงได้ตัดพวกนางออกไป
ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น แสงอันเข้มข้นก็ระเบิดออกมาจากรูปปั้นขนาดใหญ่ตรงจุดศูนย์กลางของคฤหาสน์บรรพชนตระกูลเมิ่ง
“เจ้าเป็นใคร?!”