ตอนที่ 1263
ดึงเก้าตะปู, ทะเลที่เจ็ดระดมพล
แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวไม่ใช่จักรพรรดิเต๋า และไม่ได้เทียบเท่ากับระดับนั้นด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเขาปลดปล่อยพลังการต่อสู้ออกมาอย่างเต็มกำลัง ก็สามารถจะสู้กับผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าใดๆ ก็ตาม ที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิเต๋าได้ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับกายเนื้อ, เวทผู้ยิ่งใหญ่ของเขา และที่สำคัญมากที่สุดก็คือเขาเป็นเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้า!
เนื่องจากเช่นนั้น ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะเป็นแค่เซียนเท่านั้น แต่ก็สามารถจะทำให้อาณาจักรเต๋าต้องสั่นสะเทือนไปได้
“ในไม่ช้าผลเนี่ยผานทั้งสี่ก็จะถูกหลอมรวมโดยสมบูรณ์ เมื่อพวกมันกลายเป็นผลไม้เต๋าแล้ว ก็จะช่วยข้าเปิดประตูอาณาจักรโบราณ และดับตะเกียงวิญญาณลงไป! แต่ก็ไม่รู้ว่า ข้าจะมีตะเกียงวิญญาณทั้งหมดเท่าไหร่กันแน่” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวัง เมื่อคิดว่าตนเองสามารถจะต่อสู้กับอาณาจักรเต๋าได้แล้ว เขาก็มองว่าอาณาจักรโบราณเป็นแค่หินรองรับเท้าเท่านั้น
เมิ่งฮ่าวไม่ได้คิดไปถึงความล้มเหลวแม้แต่น้อย เท่าที่เขาคิด อาณาจักรโบราณไม่ค่อยจะสำคัญมากนัก แน่นอนว่า…ก่อนหน้าเมิ่งฮ่าว ก็เป็นช่วงเวลาที่นานมากเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าใดๆ จะปรากฏขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครจะรู้ถึงความยากลำบาก สำหรับคนเช่นเมิ่งฮ่าวที่จะก้าวเข้าไปในอาณาจักรโบราณ
เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ว่าผลเนี่ยผานลูกที่สี่ใกล้จะถูกดูดซับเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ทำให้ต้องตื่นเต้นขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ ตอนนี้เขากำลังพุ่งฝ่าอากาศไปเป็นเสียงแหลมเล็ก พร้อมกับเมิ่งหรูและหญิงสาวอีกสองคน ขณะที่มุ่งหน้ากลับไปยังดินแดนที่สายโลหิตของคนทั้งหมดเฝ้ารอคอยอยู่
ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึง เมื่อสองหญิงสาวที่เพิ่งจะถูกช่วยเหลือ มองเห็นสิ่งทั้งหมดแตกต่างกันออกไป พวกนางก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นเป็นอย่างมาก เมิ่งฮ่าวไปพบไว่ผอและไว่ซูกง หลังจากที่บอกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่เขาไปช่วยสองหญิงสาว ท่านก็ถามว่า “ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้ามั่นใจมากแค่ไหนว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเราให้หายดีดังเดิมได้?”
สามผู้ชรามองไปยังเมิ่งฮ่าว ขณะที่รอคอยคำตอบจากเขา
เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็มองขึ้นไปและตอบว่า “ข้าไม่กล้าจะบอกว่ามั่นใจถึงสิบส่วนเต็ม แต่ก็ไม่น้อยกว่า…แปดส่วน!”
ด้วยการตอบรับคำพูดของเขา ไว่ผอเริ่มสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง และสองไว่ซูกงก็เริ่มสั่นสะท้าน คนทั้งสามสบตากันไปมา และจากนั้นก็พยักหน้า
“ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าจะใช้วิชาอะไรก็ได้ ไม่ว่าขั้นตอนนี้จะอันตรายอย่างไร พวกเรายินดีที่จะลองเสี่ยงดู!”
เมิ่งฮ่าวหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขาตระหนักมานานแล้วว่า ถ้าไว่ผอและไว่ซูกงฟื้นฟูพื้นฐานฝึกตนมาได้ จากจุดยืนก่อนหน้านี้ในตระกูลของพวกท่าน สายโลหิตนี้จะไม่ตกต่ำอีกต่อไป
เวลาเลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ ทุกวันเมิ่งฮ่าวจะเทศนาเกี่ยวกับเต๋า พร้อมกับรักษาไว่ผอและไว่ซูกงไปด้วย รวมทั้งช่วยรักษาจิ้วหมู่ (น้าสะใภ้หรือป้าสะใภ้) ทั้งสาม และสองจิ้วจิ่ว (น้องชายหรือพี่ชายแม่) อีกด้วย
ด้วยการรักษาเยียวยาเช่นนี้ ทำให้ไว่ผอและสองไว่ซูกง รวมทั้งจิ้วหมู่และจิ้วจิ่ว ต่างก็มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวันที่ผ่านไป
สำหรับสองจิ้วจิ่วที่ก่อนหน้านี้ได้สูญเสียความเชื่อมั่นไปแล้ว ตอนนี้แววตาพวกท่านลุกโชนขึ้นด้วยพลังชีวิต เป็นเพราะว่าพวกท่านมีความหวังขึ้นมาแล้ว!
จิ้วหมู่ทั้งสามฟื้นฟูกลับคืนมาได้รวดเร็วมากที่สุด ภายในเวลาสิบวัน พวกท่านก็มีพลังการต่อสู้แห่งเซียน ไว่ผอและสองไว่ซูกงฟื้นฟูกลับคืนมาช้ามากที่สุด แต่ก็ค่อยๆ เริ่มกระจายเป็นแรงกดดันอย่างลึกล้ำออกมามากขึ้น
เนื่องจากปราณเซียนที่เข้มข้นสำหรับการฝึกตน ทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ของสายโลหิตต่างก็มีพื้นฐานฝึกตนที่เสถียรมั่นคง และในทุกๆ ไม่กี่วัน ก็จะมีใครบางคนสามารถทะลวงผ่านขึ้นไปได้
ถึงแม้ว่าจะเป็นการทะลวงผ่านอยู่ในอาณาจักรวิญญาณทั้งหมด แต่ก็ยังคงมองเห็นได้ว่าสายโลหิตนี้มีพรสวรรค์ที่ดีเยี่ยม และการพยายามอย่างหนักจากก่อนหน้านี้ ทำให้การฝึกตนในตอนนี้ของคนทั้งหมด เริ่มนำไปสู่การทะลวงผ่านเป็นจำนวนมาก
ในที่สุดคนทั้งหมดในสายโลหิตนี้ต่างก็เต็มไปด้วยความหวัง และเมื่อไหร่ที่พวกมันมองมายังเมิ่งฮ่าว ก็จะเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
ซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับคฤหาสน์บรรพชนของตระกูลเมิ่ง
ผู้คนในที่แห่งนั้นมักจะอกสั่นขวัญหายอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าจะมีศัตรูปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ทั่วทุกที่ แค่หายใจแรงเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้เกิดเป็นความตื่นตระหนกขึ้นมาได้ ตลอดช่วงเวลาสิบวันที่ผ่านไป คนทั้งหมดในสายโลหิตทั้งเก้าต่างก็รับรู้ว่าเคยมีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง ส่วนใหญ่แล้วจะรู้สึกตกใจ ค่ายกลเวทเกราะป้องกันทำงานอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าอาจจะเกิดสงครามขึ้นทุกขณะจิต
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน และเมิ่งฮ่าวก็บอกได้ว่าผลเนี่ยผานลูกที่สี่ถูกดูดซับไปจนสมบูรณ์แล้ว เพียงแค่คิดเขาก็สามารถจะเรียกประตูอาณาจักรโบราณให้ตกลงมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ไว่ผอและคนอื่นๆ ได้บรรลุถึงจุดวิกฤตในขั้นตอนการรักษาแล้วตอนนี้ ในวันหนึ่งสมาชิกสายโลหิตทั้งหมดหยุดการเข้าฌานและคอยระมัดระวังป้องกันภัย ไม่สำคัญว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันค่อนข้างจะอ่อนแอหรือไม่ พวกมันยังคงไม่ยอมปล่อยให้ใครมารบกวนสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ได้
ภายในลานบ้าน ไว่ผอและคนอื่นๆ ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ในขณะที่เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องเพียงลำพัง เส้นใยกลุ่มหมอกสีขาวลอยขึ้นมาจากศีรษะ กลายเป็นก้อนเมฆ ภายในนั้นได้ยินเสียงอันเลือนลางของสายฟ้าดังก้องขึ้นมา
ผ่านไปชั่วขณะเมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับประกายแสงอันเจิดจ้า เขาเริ่มพูดขึ้น และในที่สุดก็ได้ยินเพียงแค่ไว่ผอและสองไว่ซูกงเท่านั้น “ไว่ผอจะเป็นคนสุดท้าย ไว่ซูกงทั้งสองจะก่อนหน้าไว่ผอ ข้าจะเริ่มกับคนทั้งหมดก่อน”
เมิ่งฮ่าวยอมรับอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถรักษาไว่ผอได้สำเร็จ เขาจะใช้คนอื่นๆ มาทำให้ตนเองคุ้นเคยกับขั้นตอนนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมคนสุดท้ายที่เขาจะรักษาก็คือไว่ผอ
ไว่ผอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาสาดประกายเจิดจ้าขณะที่ยกมือขึ้น ชี้นิ้วตรงไปยังหนึ่งในบุตรชายทั้งสอง ซึ่งมีสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
นั่นคือชีจิ้ว (น้องชายหรือพี่ชายของแม่คนที่เจ็ด) ของเมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่เดินเข้ามาในห้องที่เมิ่งฮ่าวนั่งรออยู่แล้ว ท่านมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังนั่งขัดสมาธิ จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ ในที่สุดก็ไปนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวพยักหน้าให้ จากนั้นก็ยกมือขึ้น วางนิ้วลงไปบนหน้าผากของชีจิ้ว จากนั้นก็โคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตน ส่งพลังของเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าเข้าไปในร่างท่าน ร่างกายชีจิ้วเริ่มสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่าท่านกำลังเจ็บปวด ตะปูทั้งเก้าตัวเริ่มโผล่ออกมาจากภายในร่างอย่างช้าๆ
ชั่วขณะต่อมาเสียงติ๊งก็ได้ยินขึ้น ขณะที่ตะปูตัวหนึ่งตกลงไปบนพื้น ทันใดนั้นพื้นฐานฝึกตนของชีจิ้วก็พุ่งเป็นพลังขึ้นไป จากนั้นก็เป็นตะปูตัวที่สอง จากนั้นก็ตัวที่สาม จนกระทั่งตะปูตัวที่แปดถูกดึงออกมา ในตอนนี้พื้นฐานฝึกตนของชีจิ้วฟื้นกลับคืนมาโดยสมบูรณ์ และพุ่งขึ้นมาด้วยพลังแห่งอาณาจักรโบราณขั้นต้น!
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่ดึงมือกลับมาจากหน้าผากของชีจิ้ว ขณะที่ทำเช่นนั้นตะปูตัวที่เก้าก็ลอยออกมาจากหน้าผากของท่าน!
ชีจิ้วสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา พื้นฐานฝึกตนของท่านปะทุขึ้นเป็นพลังที่ระเบิดออกไป จนกระทั่งเลื่อนผ่านขึ้นไปจนถึงอาณาจักรโบราณขั้นกลาง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง จากนั้นก็หมุนตัวและจากไป
ขั้นตอนนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับบุคคลที่สอง, สามและสี่ตามลำดับ…
สองจิ้วจิ่วและสามจิ้วหมู่ คนทั้งห้าต่างก็มีตะปูเก้าตัวตรึงอยู่ในร่าง และเมิ่งฮ่าวก็ดึงออกมาทีละคน ในขณะที่ตอนนี้สายโลหิตของท่านตามีผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณห้าคนแล้ว!
ผู้ที่มีพื้นฐานฝึกตนสูงมากที่สุดในท่ามกลางพวกท่านคืออู่จิ้วหมู่ (น้าสะใภ้หรือป้าสะใภ้คนที่ห้า) ซึ่งอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ แทบจะสามารถทะลวงผ่านขึ้นไปได้ทุกเมื่อ
ในช่วงเวลาเดียวกับที่ตะปูกำลังถูกดึงออกมาจากคนทั้งห้า ในขุนเขาทะเลที่เจ็ด ไกลออกไปจากเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นซึ่งแบ่งแยกเขตแดนออกจากขุนเขาทะเลที่แปด มองเห็นแท่นบูชากำลังลอยอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มก็ได้ยินออกมาจากแท่นบูชานั้น
แท่นบูชาขนาดใหญ่มีสัญลักษณ์เวทอันใหญ่โตอยู่บนพื้นผิวของมัน เพียงมองไปแค่แวบเดียวก็สามารถจะบอกได้ว่ามันคือตัวอักษร ‘孟’ (เมิ่ง) มองเห็นหอกศิลาขนาดใหญ่กำลังแทงเข้าไปในตัวอักษรนั้น มีทั้งหมดเก้าเล่ม หอกที่อยู่ตรงกลางมีขนาดใหญ่มากที่สุด ถูกห้อมล้อมด้วยหอกที่มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้นหอกศิลาเหล่านั้นทั้งหมดมีโลหิตไหลซึมออกมา ทำให้แท่นบูชาเริ่มกลายเป็นสีแดงเข้ม…
นั่นเป็นแค่แท่นบูชาแท่นเดียวเท่านั้น ยังมีแท่นบูชาอื่นอีกในบริเวณนั้น…ซึ่งมีทั้งหมดเก้าแท่น! เห็นได้ชัดว่านี่คือส่วนที่สำคัญมากที่สุดของขุนเขาทะเลที่เจ็ด ขณะที่ผู้ฝึกตนนับแสนกำลังยืนเฝ้าจับตามองอยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด รวมทั้งผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าอีกเก้าคน
ช่วงเวลาที่เมิ่งฮ่าวดึงตะปูออกมาจากสองจิ้วจิ่วและสามจิ้วหมู่ เสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในบริเวณนั้น และบนสองในเก้าแท่นบูชา หอกศิลาทั้งหมดต่างก็แตกกระจายไปในทันที
ผู้ฝึกตนนับแสนสั่นสะท้านและลืมตาขึ้นมาอย่างฉับพลัน ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ และสีหน้าพวกมันก็หมองคล้ำลง
“มีบางสิ่งเกิดขึ้นอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปด ในตระกูลเมิ่ง”
“ใครบางคนกำลังแตะต้องค่ายกลกำจัดเทพ!”
“ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่ค่ายกลหลักไม่ถูกทำลายไป ก็ไม่ต้องวิตกไป…”
สีหน้าของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าทั้งเก้าเปลี่ยนไป เมื่อมองแท่นบูชาที่ห้าไปยังแท่นที่เก้าตามลำดับ จากนั้นพวกมันก็เริ่มขยับตัวเคลื่อนไหว ทั้งช่วยทำให้แท่นบูชาเสถียรมั่นคงขึ้น และส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปจนกลายเป็นลมพายุที่ระเบิดขึ้นมา
ขณะที่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าทั้งเก้ากำลังช่วยแท่นบูชาอยู่นั้น ย้อนกลับไปในตระกูลเมิ่งแห่งขุนเขาทะเลที่แปด หนึ่งในไว่ซูกงของเมิ่งฮ่าวเดินเข้ามาในห้อง และนั่งลงขัดสมาธิ สีหน้าเคร่งเครียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว เขาไม่เพียงแต่จะวางนิ้วลงไปเท่านั้น แต่วางทั้งฝ่ามือลงไปบนหน้าผากของไว่ซูกง
เมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของเมิ่งฮ่าว ไว่ซูกงก็หัวเราะเป็นเสียงดังขึ้นและกล่าวว่า “ทุ่มพลังการฝึกตนของเจ้าทั้งหมดออกมา ชีวิตข้าไม่ได้สำคัญเท่าใดนัก!” ขณะที่พลังจากพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวไหลเข้าไปในร่าง ท่านก็เริ่มสั่นสะท้าน
เมิ่งฮ่าวใช้เวลากับท่านมากกว่าที่ใช้กับห้าคนที่แล้วรวมกัน ขณะที่ดึงตะปูออกมา พื้นฐานฝึกตนของไว่ซูกงก็พุ่งทะยานขึ้นไปอย่างบ้าคลั่ง และในที่สุดก็ไปอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ
“ตัวสุดท้าย!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดึงมือกลับมา และเสียงกระหึ่มก็ได้ยินขึ้น โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของไว่ซูกง ขณะที่ตะปูตัวที่เก้าลอยออกมาจากหน้าผาก เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็สามารถจะมองเห็นเส้นใยสีดำเชื่อมต่ออยู่กับมัน ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวต้องแวบประกายขึ้น เขารีบตัดเส้นใยนั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นเสียงแตกร้าวขึ้น ไว่ซูกงกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง แต่สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ได้ดูเหมือนกับเพิ่งจะคลานออกมาจากหลุมฝังศพอีกต่อไป ถึงแม้จะดูแก่ชรา แต่ก็กระจายเป็นพลังชีวิตที่แข็งแกร่งออกมา และพื้นฐานฝึกตนก็พุ่งขึ้นไปมากขึ้น ตอนนี้ท่านผ่านวงจรอันยิ่งใหญ่ไป และเทียบเท่ากับอาณาจักรเสมือนเต๋าแล้ว!
ท่านหัวเราะเป็นเสียงดังขณะที่ลุกขึ้นมายืน พลังพุ่งขึ้นไป และแสงอันเจิดจ้าก็สาดประกายออกมาจากดวงตา ตอนนี้ท่านอยู่ในขั้นก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมนี้แล้ว มองลงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนและพึมพำว่า “ถึงเวลาที่สายโลหิตของพวกเราจะรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งแล้ว!”
ด้วยเช่นนั้นท่านก็หันหลังและหายตัวไป ไปปรากฏกายขึ้นใหม่ที่ด้านนอก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนเกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ดูดเอาพลังจากฟ้าดินเข้าไปเป็นจำนวนมาก
เมื่อตะปูตัวที่เก้าถูกดึงออกมา และเส้นใยนั้นถูกตัดออกไป ย้อนกลับไปในขุนเขาทะเลที่เจ็ด หอกศิลาที่อยู่บนแท่นบูชาทั้งเก้าเล่มแตกกระจายไป ยิ่งไปกว่านั้นตัวแท่นบูชาเองกำลังสั่นสะท้าน และรอยแตกร้าวก็เริ่มกระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของพวกมัน คล้ายกับว่าจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ
สีหน้าของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเปลี่ยนไป และพวกมันก็รีบขยับมือร่ายเวท ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าทั้งเก้าขมวดคิ้ว อีกครั้งที่เดินออกไปทำให้แท่นบูชาเสถียรมั่นคงขึ้น แต่ก่อนที่เวลาจะผ่านไปไม่นานนัก เหตุการณ์เดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับแท่นบูชาที่สี่ เหมือนกับแท่นบูชาอื่นๆ ทั้งหมดที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
นั่นคือตอนที่ไว่ซูกงคนที่สองของเมิ่งฮ่าวถูกดึงตะปูตัวสุดท้ายออกไป และมีพื้นฐานฝึกตนเพิ่มขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ
สีหน้าของผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าทั้งเก้าเปลี่ยนไป และหนึ่งในพวกมันก็แผดร้องออกมา “บัดซบ พวกเราไม่อาจจะปล่อยให้แท่นบูชาอื่นๆ ต้องแตกร้าวเพิ่มขึ้นอีก แท่นบูชาที่ห้าคือค่ายกลหลัก มันต้องไม่ถูกสอดมือเข้ามา! นั่นจะมีอิทธิพลต่อค่ายกลทั้งหมด ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าเข้าไปและหยุดใครก็ตามที่กำลังทำลายค่ายกลนี้!”
อีกแปดคนมีแววตาที่เคร่งเครียด ขณะที่ขยับมือร่ายเวท และส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปจนเกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มขึ้น