Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1285

ตอนที่ 1285

ค่ายกลเวทเคลื่อนไหว

เมิ่งฮ่าวอาจจะเป็นราชันในอนาคตแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล แต่สำหรับเขาแล้วสามารถจะกล่าวได้ว่า พันธมิตรเทพสวรรค์และตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้พวกมันยังได้พยายามตามล่าและสังหารเขาไปอีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าพวกมันคือศัตรูนั่นเอง

อันที่จริงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะการรุกรานเข้ามาของขุนเขาทะเลที่เจ็ดแล้วละก็ หลังจากที่เมิ่งฮ่าวเปิดเผยตัวตนขึ้นในตระกูลเมิ่ง บางทีพันธมิตรเทพสวรรค์อาจจะมาปิดล้อมพวกเขาไว้ก็เป็นได้

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมิ่งฮ่าวก็ไม่มีความรู้สึกต่อสถานที่แห่งนี้อย่างลึกซึ้งมากนัก นอกจากนี้…มันก็ไม่ใช่ขุนเขาทะเลที่เก้า

แต่…มีบางคนในพันธมิตรเทพสวรรค์ที่เขารู้สึกห่วงใย

ซึ่งก็คือท่านอาจารย์อี้หลันจื่อ ซึ่งถ่ายทอดวิชาเวทผนึกสวรรค์ให้กับเขา ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ผ่านเข้าไปในอาณาจักรโบราณ เมิ่งฮ่าวก็เริ่มรับรู้ได้อย่างเลือนรางถึงความผันผวนจากขุนเขาที่แปด ซึ่งเขาตระหนักว่าเป็นของราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปด

ความผันผวนเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง และอันที่จริงก็ย้ำเตือนให้เมิ่งฮ่าวต้องนึกไปถึง…กลิ่นอายที่อยู่บนเหรียญคำสั่งของไว่กง ซึ่งเขาเก็บไว้ในถุงสมบัติอย่างปลอดภัยในตอนนี้

เมิ่งฮ่าวไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้กับไว่ผอแม้แต่น้อย เพราะเขาคิดว่าในที่สุดก็จะต้องเข้าร่วมการต่อสู้ในสงคราม ทั้งอี้หลันจื่อและ…ความผันผวนที่รู้สึกคุ้นเคยเหล่านั้น มาจากขุนเขาที่แปด

เนื่องจากเรื่องเหล่านั้น ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าไร้ทางเลือกใดๆ นอกจากต้องเข้าร่วมทำสงครามเท่านั้น

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะกระโดดเข้าไปต่อสู้ ก็จำเป็นต้องมั่นใจว่าไม่มีอะไรสามารถจะมาต่อต้านเขาได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเมื่อสองเดือนก่อน เขาถึงต้องปล่อยพลังจากขุนเขาทะเลให้ไหลเข้าไปในพื้นดิน เพื่อสร้างเป็น…ค่ายกลเวท!

แน่นอนว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่หานชิงเหลยไม่อาจจะรับรู้ได้

เมิ่งฮ่าวไม่ต้องการให้ตระกูลเมิ่งกลายเป็น…ตระกูลหานตระกูลต่อไป เขาไม่ต้องการให้ไว่ผอวิตกเกี่ยวกับเรื่องเช่นนั้น และไม่ต้องการให้ท่านรู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อต้องเห็นคนในตระกูลตกตายไป ที่สำคัญมากที่สุดก็คือเขาไม่ต้องการเห็นท่านได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

ไว่ผอคือญาติเพียงหนึ่งเดียว ที่เขาห่วงใยมากที่สุดในโลกแห่งนี้

“ในไม่ช้า ค่ายกลเวทก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์” เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตัวเอง มองขึ้นไปในท้องฟ้า

ผ่านไปอีกครึ่งเดือน

ตลอดช่วงเวลานั้นสงครามในขุนเขาทะเลที่แปดเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น รายงานจากสมาชิกต่างๆ ของตระกูลเมิ่งถูกส่งเข้ามาทุกวัน เมิ่งฮ่าวศึกษารายงานเหล่านั้นในทุกรายละเอียด

ในที่สุดพันธมิตรเทพสวรรค์ก็เริ่มตอบโต้กลับไป…แต่ก็ยังคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

หนึ่งในข่าวสารที่สำคัญมากที่สุดก็คือ ในท่ามกลางการถูกสังหารไปนั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าหนึ่งแก่นแท้หรือสองแก่นแท้เท่านั้น ยังมีราชันเต๋าอยู่ในกลุ่มคนที่ตกตายไปด้วยเช่นกัน

สำนักมากมายในพันธมิตรเทพสวรรค์ไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป ดาวดวงแล้วดวงเล่าถูกทำลายไป ถ้าพันธมิตรเทพสวรรค์ประสบกับความพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง ผู้ฝึกตนที่ยังคงเหลืออยู่ก็จะต้องไร้ทางเลือก นอกจากต้องถอยกลับเข้าไปในขุนเขาที่แปดเท่านั้น

ไม่นานมานี้ เสียงร้องอ้อนวอนให้ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปดปรากฏตัวออกมาเริ่มมีมากขึ้นไปเรื่อยๆ

น่าเสียดาย…ที่ท่านไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาเลย

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ปรากฏขึ้นก็คือผู้ฝึกตนแห่งเทียนเสินเต้า อันที่จริงก็เป็นหัวหน้าผู้พิทักษ์เต๋าแห่งเทียนเสินเต้าได้เรียกประชุมสภาสงครามเพื่อให้ช่วยประสานงานในการต่อสู้

จำนวนผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดที่ออกมาจากรอยแตกเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีพลังชีวิตลุกไหม้อยู่ภายในรอยแตก ที่แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะรับรู้ได้จากตระกูลเมิ่ง และเริ่มชัดเจนมากขึ้นไปเรื่อยๆ

เป็นพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง เป็นเปลวไฟที่สามารถจะให้แสงสว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และค่อยๆ เข้ามาใกล้ขุนเขาทะเลที่แปดอย่างช้าๆ เป็นของใครบางคนที่มีพลังอย่างสูงสุด และพื้นฐานฝึกตนที่น่ากลัว เนื่องจากเช่นนั้นทำให้การออกจากขุนเขาทะเลแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่ง เป็นขั้นตอนที่เชื่องช้าสำหรับคนผู้นี้

คนผู้นี้ก็คือ…ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด ซือหม่าเต้า!

เมิ่งฮ่าวรู้สึกถึงมันได้เท่ากับที่สามารถจะรับรู้ถึงการตื่นขึ้นมาของใครบางคนในขุนเขาที่แปด

เวลาเดียวกันนั้น ทั้งคนผู้นั้นและซือหม่าเต้าก็รับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของบุคคลที่ตั้งมั่นอยู่ในตระกูลเมิ่ง…เมิ่งฮ่าว!

สามวันต่อมา เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมาในทันที เวลาเดียวกันนั้น ทวีปที่อยู่รอบๆ ทั้งเก้าของตระกูลเมิ่งเริ่มเกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ขึ้นมาคล้ายกับเสียงแผ่นดินไหว ราวกับว่าพลังอันน่าเหลือเชื่อกำลังพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน

ทำให้กลุ่มคนตระกูลเมิ่งต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน และไม่มีใครรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แม้แต่ห้าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าก็ตาม และพวกมันก็ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปในทันที

สิ่งที่พวกมันค้นพบทำให้ต้องตกตะลึงไป ทวีปทั้งเก้าเต็มไปด้วยพลังที่สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน เป็นพลังที่ถูกสร้างขึ้นมาจากการปะทุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

“ขุนเขาทะเลที่เจ็ดกำลังมาแล้ว!?!?”

“เกิดอะไรขึ้น!?”

คนทั้งหมดในตระกูลเมิ่งต่างก็ประหลาดใจ รวมทั้งหานชิงเหลยและคนของมัน

ขณะที่สัญญาณเตือนภัยนั้นกระจายออกไป เมิ่งฮ่าวก็โผล่ออกมาจากการนั่งเข้าฌาณตามลำพัง ไปปรากฏตัวขึ้นอยู่ภายในคฤหาสน์บรรพชน ในลานบ้านของไว่ผอ เมื่อเขาปรากฏกายขึ้น ไว่ผอก็เดินออกมาด้วยท่าทางที่วิตกกังวล

“ฮ่าวเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น?” ท่านถามขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ ท่านได้บริหารจัดการตระกูลเมิ่ง ทำให้พวกมันรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่ได้วุ่นวายไร้ระเบียบเหมือนกับก่อนหน้านี้อีกต่อไป

ตอนนี้เมื่อเมิ่งฮ่าวออกมา ห้าปรมาจารย์ก็รีบมาด้วย พร้อมกับผู้แข็งแกร่งอื่นๆ จากสายโลหิตต่างๆ

หานชิงเหลยไม่ใช่คนตระกูลเมิ่ง แต่เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับเมิ่งฮ่าว ทำให้ตระกูลหานไม่ถูกยกเว้น และพวกมันก็รีบตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน

เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ยังคนทั้งหมด จากนั้นก็หันหน้าไปยังไว่ผอ ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

หลังจากที่ไว่ผอมองเห็นแววตาอันซับซ้อนของเมิ่งฮ่าว ท่านก็เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้า…”

เมิ่งฮ่าวมองไปยังไว่ผอและเริ่มกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ไว่ผอ (ท่านยาย) ไหเอ๋อร์ (คำเรียกตัวเองของผู้เยาว์ต่อญาติผู้ใหญ่) ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งก่อนหน้านี้ของท่าน แต่กลับกระทำตามใจตนเอง”

“ขุนเขาทะเลที่แปดตกอยู่ในห้วงสงคราม เป็นสงครามที่เดิมทีข้าไม่ต้องการจะเข้าร่วม ข้าต้องการจะอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องตระกูลเมิ่ง แต่…เนื่องจากคนผู้หนึ่ง ข้าจึงต้องสอดมือเข้าไป”

“แต่ถ้าข้าเข้าต่อสู้ในสงครามระหว่างสองขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่ ตระกูลเมิ่งก็จะถูกลากเข้าไปพัวพันในเรื่องนี้ และอาจจะถูกขุนเขาทะเลที่เจ็ดกวาดล้างไป…”

“ไว่ผอ…”

ไว่ผอมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ จากนั้นก็ถอนหายใจ ท่านจะไม่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวกำลังคิดอะไรอยู่ได้อย่างไร? จริงๆ แล้วท่านไม่ต้องการเห็นเขาต่อสู้ในสงครามขุนเขาทะเลด้วยเช่นกัน เขาอาจจะแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ในสายตาของท่าน เขายังคงเป็นกลุ่มคนรุ่นเยาว์อยู่ดี

อาจจะเป็นการเห็นแก่ตัวที่ขอให้เขาอย่าได้ต่อสู้ แต่ไว่ผอผู้เห็นความสำคัญของครอบครัวมากกว่าเรื่องการปกครอง และตระกูลเมิ่งก็สำคัญกว่าขุนเขาทะเลที่แปด แต่ท่านก็มองข้ามความรู้สึกในเรื่องนี้ของเขาไป ดังนั้นหลังจากที่ผ่านไปนานชั่วขณะ ท่านก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะแหบแห้ง

“ไว่ผอเข้าใจ เมื่อเจ้า…ตัดสินใจแล้ว ถ้าต้องการไปก็ไปเถอะ เจ้าต้องการให้ไว่ผอทำสิ่งใด?” หลังจากพูดจบ ก็ดูเหมือนว่าไว่ผอจะแก่ชราลงไปมากขึ้นในทันที

เมิ่งฮ่าวมองไปยังท่านอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก้าวเดินไปโอบกอดท่านไว้

“ไว่ผอ ข้าต้องการส่งตระกูลเมิ่งไปยังขุนเขาทะเลที่เก้า ที่แห่งนั้นยังไม่มีสงคราม ดังนั้นพวกท่านทั้งหมดจะปลอดภัย” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงแผ่วเบา

ไว่ผอเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ เวลาเดียวกันนั้นก็ยื่นมือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น ลูบไปที่แก้มของเมิ่งฮ่าวอย่างอ่อนโยน ดวงตาเปล่งประกายด้วยความรักใคร่ “เจ้าเป็นเด็กดี เจ้าทำให้กับไว่ผอมากแล้ว บางทีการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของไว่ผอจะเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง แต่…เจ้าต้องสัญญาว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย…”

เมิ่งฮ่าวพยักหน้า จากนั้นก็มองกลับไปยังกลุ่มคนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้น ใบหน้าหมองคล้ำลงเล็กน้อย

“ท่านทั้งหลาย ข้าต้องส่งพวกท่านทั้งหมดไปยังขุนเขาทะเลที่เก้า แต่ขอเตือนว่าตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ถ้าพวกเจ้ากล้ามีเจตนาร้ายต่อบุคคลที่ข้าห่วงใย…พวกเจ้าจะต้องเสียใจ”

คำพูดของเมิ่งฮ่าวทำให้คนทั้งหมดต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ แม้แต่ห้าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าก็ตาม ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ แต่ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกต่อความจริงที่ว่า เมิ่งฮ่าวจะส่งพวกมันไปยังขุนเขาทะเลที่เก้าเพื่อความปลอดภัย

“พี่หาน ตระกูลหานก็ไปยังขุนเขาทะเลที่เก้าด้วยเช่นกัน เป็นอย่างไร?”

หานชิงเหลยอ้าปากค้างต่อคำพูดของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นมันก็เข้าใจถึงสิ่งที่

เมิ่งฮ่าวเคยกล่าวมาเมื่อครึ่งเดือนก่อน เกี่ยวกับการรอคอยเวลาที่เหมาะสมเพื่อต่อสู้ในสงครามครั้งนี้

เขาไม่ได้คิดที่จะหลบซ่อนตัวไปตลอดกาล เขากำลัง…รอคอยเวลาที่เหมาะสมอยู่จริงๆ และเวลานั้น…ก็คือตอนนี้

“ขอบคุณมาก!” หานชิงเหลยกล่าว ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ สำหรับตระกูลหาน โอกาสที่จะไปยังขุนเขาทะเลที่เก้าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นพวกมันก็ไม่อาจจะต่อสู้ในสงครามนี้ได้อีกต่อไป

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากในการให้คนผู้หนึ่งผ่านไปมาระหว่างสองขุนเขาทะเล โดยไม่ต้องพูดถึงคนในทวีปทั้งหมดที่เมิ่งฮ่าวอ้างว่าจะทำได้ ทำให้คนทั้งหมดตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

“ไม่น่าจะเป็นไปได้! มีคนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งทวีปอีก นี่…”

“การผ่านเข้าไปต้องใช้พลังมากมายอย่างน่าเหลือเชื่อ จนไม่อาจจะคิดคำนวนออกมาได้!”

“ขุนเขาทะเลที่เก้า…”

คนทั้งหมดมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความเกรงกลัวมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าเขาสามารถจะทำได้ตามที่พูดไว้จริงๆ สำหรับพวกมันแล้วเขาก็จะยิ่งน่ากลัวกว่าก่อนหน้านี้มากนัก

ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีใครกล้าไปท้าทายต่อตำแหน่งหรืออำนาจของไว่ผอ

เมิ่งฮ่าวมองไปยังกลุ่มฝูงชนชั่วขณะ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ยกสองมือขึ้นไปในอากาศ แทบจะในทันใดนั้น พลังแห่งขุนเขาทะเลก็ระเบิดออกมาจากภายในร่างเมิ่งฮ่าว ราวกับว่ามีการรวมตัวกันขึ้น ผลก็คือทำให้เกิดเป็นเสาแห่งแสงขนาดใหญ่ สาดประกายขึ้นมาจากหนึ่งในเก้าทวีปที่มีขนาดเล็กกว่า พุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตกระจายออกไป

ต่อมาทวีปที่สองก็ระเบิดเป็นลำแสงขึ้นมา จากนั้นก็สามและสี่…

เสาแห่งแสงพุ่งขึ้นมาจากทวีปหนึ่งไปยังอีกทวีปหนึ่ง กระจายเป็นพลังอันรุนแรงออกมาจากอาณาจักรขุนเขาทะเล เป็นพลังที่เมิ่งฮ่าวสร้างขึ้นมาเป็นเวลาหลายเดือน เห็นได้ชัดว่าตนเองไม่มีพลังที่จะส่งให้ทวีปของผู้คนทั้งหมดไปยังขุนเขาทะเลที่เก้า ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้พลังแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จลุล่วง

ถึงแม้จะมีการช่วยเหลือเช่นนั้น เขายังต้องใช้เวลาเตรียมตัวอยู่หลายเดือน ดังนั้นจึงสามารถจะคาดคิดได้ว่าขุนเขาทะเลที่เจ็ดต้องจ่ายค่าตอบแทนมากมายแค่ไหนในการรุกรานเข้ามายังขุนเขาทะเลที่แปด

แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยพลังแห่งขุนเขาทะเล ขณะที่เสาแห่งแสงพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทันใดนั้นผู้ฝึกตนนับหมื่นจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดก็ปรากฏตัวขึ้น กระจายเป็นรังสีสังหารออกมา

บุคคลที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำคือบุรุษวัยกลางคน…เป็นบุคคลเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวได้สังหารบุตรชายของมันไป…หลู่ว์โหวแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด!

สีหน้าของบุรุษผู้นั้นดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง และกลิ่นอายอันดุร้ายก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน ขณะที่มันเข้ามาใกล้ตระกูลเมิ่ง ก็มองเห็นเสาแห่งแสงในที่ห่างไกลออกไป

“เจ้าสังหารบุตรชายข้า ดังนั้นข้าจะกวาดล้างตระกูลเจ้าไปให้หมดสิ้น! ข้าไม่สนใจคำสั่งของราชันแห่งขุนเขาทะเล มันอาจจะปล่อยเจ้าไปเนื่องจากเป็นสหายกับเจ้า แต่…เจ้าไม่ควรมาตอแยข้า!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!