Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1308

ตอนที่ 1308

ค้นหาชีวิตปัจจุบัน

เมิ่งฮ่าวกำลังมองไปยังรูปปั้นด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า ไร้สติสมาธิแม้แต่น้อย เขาต้องพบเจอกับวัฏจักรแห่งการทำลายล้างด้วยเปลวไฟจากสวรรค์ถึงหนึ่งหมื่นรอบ เป็นวัฏจักรที่ประกอบไปด้วยช่วงเวลาที่ผ่านไปนานหลายปีจนนับไม่ถ้วน

ถ้านำวัฏจักรเหล่านั้นมาหนึ่งรอบ และแยกออกเป็นหนึ่งหมื่นส่วน บางทีจำนวนเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็ไม่อาจจะเทียบได้กับหนึ่งในหมื่นส่วนเหล่านั้น สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว ก็แทบจะราวกับว่า…อาณาจักรขุนเขาทะเลคือภาพลวงตา และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพบเจอมาในโลกของวัฏจักรเหล่านั้นคือชีวิตจริง

อะไรจริง? อะไรเท็จ? เขารู้แต่ก็ไม่อาจจะแยกความแตกต่างระหว่างทั้งสองได้อย่างชัดเจน

เมิ่งฮ่าวยังคงสับสนเหมือนเช่นเคย สายตาดูเลื่อนลอย ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขายังคงถูกห่อหุ้มอยู่ภายในโลกแห่งนั้นไม่อาจจะออกมาได้ ก่อนหน้านี้เขาเชื่อว่าตนเองเข้าใจเวทจริงเท็จ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีส่วนช่วยต่อตนเองเลยในตอนนี้

ถ้าไม่มีอะไรแทรกแซงเข้ามา เมิ่งฮ่าวอาจจะนั่งขัดสมาธิอยู่ในที่แห่งนั้นจนกระทั่งกายเนื้อแห้งเหี่ยว และวิญญาณแตกกระจายไป จากนั้นเขาก็จะตกตายไปอย่างแท้จริง

เพราะ…เขาไม่อาจจะค้นพบความจริงภายในความเท็จได้

เขายังคงสูญเสียสติสัมปชัญญะอยู่ในห้วงกาลเวลาที่เลื่อนผ่านไป ไม่อาจจะค้นหาชีวิตปัจจุบันนี้ของตนเองได้

หลายวันผ่านไป ร่างกายเมิ่งฮ่าวเริ่มแห้งเหี่ยวลงไปอย่างช้าๆ ใบหน้าเริ่มซีดขาวและแก่ชราลงไป พลังชีวิตเริ่มจางหายไป แววตายังคงว่างเปล่าเหมือนเช่นเคย

เจ็ดวันต่อมา เขาดูคล้ายกับถุงหนังห่อหุ้มกระดูกมากขึ้นกว่าเดิม วิญญาณกำลังแตกกระจายออกไป และพลังชีวิตกำลังอ่อนแอลงไปทุกขณะ คล้ายกับเป็นตะเกียงน้ำมันที่แทบจะดับลงไปตลอดกาล

ผ่านไปครึ่งเดือน…เปลวไฟในตะเกียงน้ำมันกำลังริบหรี่ ราวกับว่าอาจจะดับลงไปได้ทุกเมื่อ ถึงแม้ว่าจะยังคงลุกไหม้อยู่ แต่ก็เริ่มอ่อนแอลงไปมากขึ้น ในที่สุดหลังจากวันที่ยี่สิบที่เมิ่งฮ่าวฟื้นสติกลับคืนมา เปลวไฟแห่งพลังชีวิตของเขาก็มอดดับลงไป

แต่ในช่วงปรากฏการณ์แห่งความตายนี้ ร่างเมิ่งฮ่าวจู่ๆ ก็สั่นสะท้านขึ้นมา ขณะที่เปลวไฟมอดดับลงไป แสงแห่งการดิ้นรนก็ปรากฏขึ้นในแววตา

การดิ้นรนนั้นอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ทำให้เปลวไฟแห่งพลังชีวิตเกิดประกายขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นการดิ้นรนก็เพิ่มมากขึ้น เกิดเป็นเสียงดังขึ้นมาอยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าว กระหึ่มขึ้นจนทำให้ร่างกายโอนเอนไปมาอย่างแผ่วเบา เส้นเลือดปรากฏขึ้นในดวงตา เขากำลังตื่นขึ้นมา!!

การดิ้นรนนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องอีกสามวัน ตลอดช่วงเวลานั้นเขาไม่เคยหยุดการสั่นสะท้าน เปลวไฟแห่งพลังชีวิตยังคงลุกไหม้ต่อไป และวิญญาณก็เริ่มเดือดพล่าน ดวงตาเริ่มคมกล้าขึ้นทีละน้อย

ผ่านไปอีกสามวัน ตอนนี้รวมเป็นเวลาทั้งหมดยี่สิบเจ็ดวัน ตั้งแต่เมิ่งฮ่าวฟื้นคืนกลับมา อย่างช้าๆ เริ่มมีเสียงดังออกมาจากปาก สั่นสะท้านและไม่ชัดเจน แต่ก็เป็นเสียงของเขาอย่างแน่นอน

“ข้า…คือ…เมิ่ง…ฮ่าว!”

เขาเริ่มกล่าวย้ำคำพูดเดียวกันนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นได้ชัดว่าเป็นความพยายามอย่างเคร่งเครียด เขาพูดเพียงแค่สี่คำนี้เท่านั้น

แต่ก็ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง ในที่สุดขณะที่กล่าวคำพูดเหล่านั้นซ้ำออกมา ก็เริ่มชัดเจนขึ้น และแตกต่างกันออกไป!

“ข้า…คือ…เมิ่งฮ่าว!”

“ข้า…คือเมิ่งฮ่าว!”

ในที่สุด เขาก็พูดทุกคำได้อย่างต่อเนื่อง

“ข้าคือเมิ่งฮ่าว!!”

ในตอนนั้นเองที่จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง คล้ายกับเสียงฟ้าร้องคำราม ทำให้ทั่วทั้งโลกแห่งนี้สั่นสะเทือน ในที่สุดแววตาของเขาก็สาดประกายคมกริบขึ้น

ประกายตานั้นบ่งบอกให้รู้ว่า สติสัมปชัญญะของเขา…กลับคืนมาแล้ว!

เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ รูปปั้นของราชันหลี่ที่หลงเหลืออยู่ก็ยังคงเหมือนเช่นเดิม แต่ดูเหมือนว่ารอยยิ้มนั้นจะประกอบไปด้วยการยอมรับ สัญลักษณ์เวทที่อยู่ด้านบนของมือรูปปั้น ทันใดนั้นก็ลอยตรงมายังเมิ่งฮ่าว และหลอมรวมเข้าไปในหน้าผากของเขา

ที่ผ่านเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าวเป็นชิ้นแรกคือเวทผนึกแห่งผู้ผนึกอสูรรุ่นที่สอง เวทจริงเท็จ!

ขณะที่มันหลอมรวมเข้าไป ทั่วทั้งร่างของเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง

“นี่คือจริงและเท็จ ค้นหาความเท็จในท่ามกลางความจริง ค้นหาความจริงภายในความเท็จ เมื่อเจ้าสามารถทำได้ เจ้าก็จะได้ครอบครอง…เวทผนึกอสูรรุ่นที่สอง!”

“ภายในชีวิตภาพลวงตาหลายปีจนนับไม่ถ้วน เจ้าได้ค้นพบหยดความจริงในมหาสมุทรความเท็จ นับจากนี้เป็นต้นไป เวทจริงเท็จ…จะไม่ทำให้เจ้าสับสนอีกต่อไปแล้ว!”

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในสัญลักษณ์เวท ขณะที่เมิ่งฮ่าวเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้น จากนั้นก็เริ่มหอบหายใจออกมา ขณะที่สัญลักษณ์เวทชิ้นที่สองหลอมรวมเข้าไปในหน้าผาก

“นี่คือเวทผนึกของข้า ซึ่งถูกเรียกว่า…เวทอดีตปัจจุบัน!”

“เวลาไม่อาจจะนับได้ สวรรค์และปฐพีไร้จุดสิ้นสุด การได้รับความรู้แจ้งแห่งเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ สังเกตดูสวรรค์ที่ถูกทำลายไป พบเจอกับภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า กลับมาจากยุคอดีตเพื่อค้นหาปัจจุบัน…”

“เจ้าทำได้สำเร็จแล้ว และมีคุณสมบัติที่จะได้ครอบครอง เวทผนึกอสูรรุ่นที่สามของข้า!”

“ในชีวิตข้ามีความเสียใจมากที่สุดอยู่เรื่องหนึ่ง และก็คือ…

ข้าไม่ได้ถูกลิขิตให้เป็นคนหลอมรวมเวททั้งเก้า ในอดีตที่ผ่านมา ข้าสามารถได้ข้อสรุปว่าช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต ผู้ผนึกอสูรรุ่นที่เก้าจะสามารถรวบรวมเวทของพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรได้ทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนชัยชนะให้กลับไปสู่ความพ่ายแพ้ เพื่อรู้แจ้งอีกแปดเวททั้งหมด และจากนั้นก็สร้างเป็นเวทรุ่นเก้าขึ้นมา…”

“คนผู้นั้น…จะเป็นคนที่แม้แต่ข้าก็ยังต้องมองขึ้นไป…ยังจุดสูงสุด!”

“เวทผนึกรุ่นเก้า จะเหนือกว่าสิ่งใดๆ ทั้งหมดในสวรรค์แห่งนี้!”

เสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจดังก้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว ราวกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยินเสียงนี้ แต่ร่างกายก็ไม่ได้สั่นสะท้านอีกต่อไป และดวงตาก็ลืมขึ้นมา แต่ขณะที่มองขึ้นไป ก็แทบจะคล้ายกับว่า…เขากำลังลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง!

ดวงตาของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้แจ่มใสและคมกริบไปโดยสิ้นเชิง ภายในจิตใจ ความทรงจำเกี่ยวกับขุนเขาทะเลที่เก้า ขุนเขาทะเลที่แปด และอาณาจักรขุนเขาทะเลพุ่งขึ้นมาในทันที เริ่มมีความลึกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ เต็มอยู่ในจิตใจ จนกระทั่งเวลาที่ไร้จุดสิ้นสุดของสวรรค์และปฐพีแห่งอื่นค่อยๆ สะกดข่มมันไว้อย่างช้าๆ ในที่สุดความทรงจำเก่าแก่ของเขาก็คือทุกสิ่งทุกอย่างของตนเอง!

เมิ่งฮ่าวไม่พูดอะไรออกมา แค่รู้สึกว่าเวทผนึกอสูรทั้งหกลอยอยู่ในจิตใจ ซึ่งประกอบไปด้วย เวทผนึกรุ่นแปด, รุ่นเจ็ด, รุ่นหก, รุ่นห้า, รุ่นสาม และรุ่นสอง!

ที่ขาดไปในตอนนี้คือเวทรุ่นสี่และรุ่นแรก!

เมื่อไหร่ที่เมิ่งฮ่าวรวมเวทผนึกทั้งสองนี้ได้แล้ว เขาก็สามารถจะสร้างเป็น…เวทผนึกรุ่นเก้าของตนเองได้อย่างแท้จริง!

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังรูปปั้นราชันหลี่ จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ แววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน รวมทั้งความเสียใจและความทรงจำต่างๆ

“ราชันหลี่ ผู้ผนึกอสูรรุ่นที่สาม ช่างน่าเหลือเชื่อนัก…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ นี่คือหนึ่งในประสบการณ์ที่ท้าทายมากที่สุดในชั่วชีวิตของเขา ถึงแม้จะดูเหมือนว่ามันเป็นสิ่งที่เรียบง่ายธรรมดา แต่ระดับความยากก็เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาสามารถจะเข้าใจได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าความตาย ความตาย…เป็นเพียงแค่จุดสิ้นสุดเท่านั้น แต่การสูญเสียตนเอง ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเองเคยใส่ใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีความสำคัญต่อตนเอง เป็นสิ่งที่อาจจะถือได้ว่าช่างน่าขมขื่นมากที่สุดสำหรับผู้ฝึกตน

การสูญเสียอยู่ในโลกแห่งภาพลวงตา ก็เหมือนกับการไม่อาจจะค้นหาชีวิตที่แท้จริงได้ สามารถจะถือได้ว่าเป็นรูปแบบของความโศกเศร้าอย่างลึกล้ำชนิดหนึ่ง

“ความจริงและความเท็จ ปัจจุบันและอดีต…ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะที่มองไปยังรูปปั้นราชันหลี่ ในที่สุดเขาก็ยกมือขึ้นและฟาดออกไปยังเบื้องหน้า

ทันใดนั้น โลกแห่ภาพลวงตาสีดำสนิทที่อยู่รอบๆ ตัวก็แตกกระจายไป กลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน เวลาเดียวกันนั้น รูปปั้นราชันหลี่ก็พังทลายกลายเป็นเสี่ยงๆ ด้วยเช่นกัน!

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป ขณะที่ทั่วทั้งโลกแห่งนี้แตกกระจายออก

แต่หลังจากที่มันแตกกระจายไป ก็ไม่ได้หลอมละลายกลายเป็นกลุ่มควันไป กลับมี…ท้องฟ้าสีเหลืองปรากฏขึ้น พร้อมกับก้อนเมฆสีดำและพื้นดินสีขาว ที่ห่างไกลออกไป ยังคงมองเห็นรูปปั้นอยู่ตรงนั้น

น่าแปลกใจยิ่ง สัญลักษณ์เวทชิ้นหนึ่งลอยอยู่บนมือขวาของรูปปั้น แต่บนมือซ้ายของมัน…กลับว่างเปล่าไปโดยสิ้นเชิง สัญลักษณ์เวทนั้นจริงๆ แล้วก็คือท้องฟ้าที่ด้านบนทั้งหมด!

ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าอะไรคือของจริง!

โลกที่สองที่เขาพบเห็นนี้…คือภาพลวงตาและไม่จริง!

เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นขณะที่ราชันหลี่ยิ้มออกมา ขณะที่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แต่ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยความประหลาดใจอย่างลึกล้ำ และจากนั้นก็เป็นความชื่นชมยกย่อง

“เจ้าเข้าใจแล้ว” เสียงนั้นกล่าวขึ้น ดังก้องออกไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้อย่างแผ่วเบา

ทันใดนั้นสัญลักษณ์เวทที่กำลังลอยอยู่ด้านบนมือขวาก็หายไป เช่นเดียวกับสัญลักษณ์เวทที่อยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า ทั้งคู่กลายเป็นลำแสงพุ่งลงมายังเมิ่งฮ่าวและหลอมรวมเข้าไปในร่าง

เมิ่งฮ่าวไม่หลีกเลี่ยงหรือหลบหนี ปล่อยให้สัญลักษณ์เวทที่เรืองแสงทั้งสองเข้ามาใกล้ หลอมรวมเข้าไปในร่าง จากนั้นก็ทำให้เวทผนึกรุ่นสองและสามภายในร่าง สมบูรณ์ขึ้นอย่างแท้จริง!

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ถามขึ้นว่า “ถ้าข้ามองไม่เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ของจริงในโลกที่สองแห่งนี้ และแทนที่จะออกจากประตูไปหลังจากกลับมา ข้าจะเห็นอะไร?”

“ข้าไม่รู้” เสียงนั้นกล่าวตอบอย่างแผ่วเบา ถึงแม้จะดูเหมือนว่าอ่อนแอ แต่ความจริงแล้วก็ดังออกมาจากที่ห่างไกลเป็นอย่างมาก

ขณะที่เสียงนั้นห่างไกลออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มหมอกพลังชีวิตอันไร้ขอบเขตบนหน้าผากรูปปั้น ก็ลอยตรงมายังเมิ่งฮ่าว ปกคลุมเขาไว้ หล่อเลี้ยงไปทั่วร่างกาย

เพียงชั่วขณะร่างเมิ่งฮ่าวก็ฟื้นคืนกลับมาจากสถานะที่แห้งเหี่ยว วิญญาณมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็เติบโตมากขึ้น ตอนนี้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่ได้อยู่ที่สี่ในสิบส่วนของผู้ยิ่งใหญ่ แต่เป็นห้าในสิบส่วน

ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็บรรลุถึงจุดสูงสุดของตนเอง!

แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงทางภายนอกเหล่านั้น เขากลับครุ่นคิดไปยังคำถามที่เพิ่งจะถามออกไป หลังจากนั้นชั่วขณะ ก็หัวเราะหึๆ ด้วยเสียงแหบแห้ง ขณะที่ตระหนักว่าไม่มีคำอธิบายใดๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบอีกต่อไป

เมิ่งฮ่าวประสานมือและโค้งตัวลงอีกครั้ง จากนั้นก็หมุนตัว แต่ก็ยังไม่จากไป กลับเรียกตะเกียงวิญญาณทั้งสามสิบสามดวงออกมา ให้เริ่มหมุนวนไปรอบๆ ตัว

เมิ่งฮ่าวมองไปยังตะเกียงวิญญาณดวงที่สอง กล่าวเสียงราบเรียบว่า “การดับตะเกียงวิญญาณในอาณาจักรโบราณประกอบด้วยอารมณ์ทั้งเจ็ด…อารมณ์แรกก็คือความฟุ้งซ่าน สำหรับข้าแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ แล้วในตอนนี้ ข้าน่าจะสามารถดับตะเกียงห้าดวงแรกได้…อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ!”

“ตะเกียงดวงที่สอง ดับลง!” ในทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปาก ตะเกียงวิญญาณดวงที่สองก็ดับลง ราวกับว่ามันถูกสายลมที่มองไม่เห็นเป่าดับลงไป!

กลุ่มควันสีเขียวปรากฏขึ้น และก่อนที่ภาพลวงตาจะทันได้ปรากฏขึ้น เมิ่งฮ่าวก็สูดหายใจเข้าไป เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่วทั้งจิตใจและร่างกาย

พื้นฐานฝึกตนเมิ่งฮ่าวระเบิดขึ้นไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น และกายเนื้อก็แข็งแกร่งมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่เพิ่มเป็นสองเท่า แต่ก็ยังคงแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม

ลมพายุพุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัว กระจายออกไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้ จากนั้นสายตาเมิ่งฮ่าวก็มองไปยังตะเกียงวิญญาณดวงที่สาม

“ตะเกียงดวงที่สาม ดับลง!”

ตูม!

ตะเกียงดวงที่สามของเมิ่งฮ่าวดับลง และอารมณ์ความฟุ้งซ่านอารมณ์แรกก็เริ่มพุ่งขึ้นมา แต่เนื่องจากเขามีความสามารถใหม่ในการค้นพบความจริงภายในความเท็จ และความเท็จภายในความจริง เพื่อกลับมาจากสมัยอดีตและค้นหาปัจจุบัน…อารมณ์นี้จึงพลังทลายลงไปในชั่วพริบตา!

จากสมัยโบราณมาจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ เมื่อเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าดับตะเกียงวิญญาณลงไป ก็จะต้องเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจครั้งแล้วครั้งเล่า และต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงสุด ไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าวมาก่อน ที่สามารถจะทำลายอารมณ์ให้หายไปได้โดยสิ้นเชิง ราวกับเป็นท่อนไม้ที่เน่าเปื่อยผุพัง ถูกบดขยี้ไปในทันที!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!