ตอนที่ 1326
เข้าไปในหุบเขาสุสานเทพ
“พี่เมิ่ง ข้าขอร้องท่าน…ปล่อยให้ข้าเข้าไปในหุบเขาสุสานเทพด้วย!”
“ดูเหมือนว่าข้าจะกลายเป็นภาระของท่าน พี่เมิ่งไม่ต้องสนใจข้า ข้าแค่ขอร้อง…ให้ท่านนำข้าเข้าไปข้างใน จากนั้นพวกเราก็แยกจากกัน ข้าจะไปค้นหาโชควาสนาด้วยตนเอง!”
“นี่คือการตัดสินใจของข้า ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับท่าน พี่เมิ่งข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องได้รับผลกระทบใดๆ ข้า, อวี่เหวินเจียน…แค่ต้องการโอกาสที่จะไปค้นหาโชควาสนาของตนเองเท่านั้น!”
“ถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ก็ดี หรือต้องตายไปก็ไม่เสียใจใดๆ…ข้าถือกำเนิดอยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล และเติบโตขึ้นมาอยู่ในนี้ ข้าขอมอบโลหิต พลังการฝึกตน และทุกสิ่งทุกอย่าง…เพื่อตอบแทนมัน!” รอยยิ้มอันขมขื่นของอวี่เหวินเจียนแต่งแต้มด้วยความบ้าคลั่ง สิ่งที่มันเห็นและพบเจอมาในขุนเขาทะเลที่เจ็ดเมื่อเร็วๆ นี้ คือโศกนาฏกรรมนับร้อยครั้ง มากกว่าที่เมิ่งฮ่าวเคยพบเห็นมาก่อน
มันเห็นด้วยสองตาของตนเองในตอนที่สามดวงดาวถูกทำลายไป ต้องมองดูชีวิตนับไม่ถ้วนมาถึงจุดสิ้นสุด มองเห็นสำนักแล้วสำนักเล่าถูกกวาดล้างไปโดยกลุ่มคนนอกคอก
มันยังได้เห็นผู้คนถูกกัดกินไปทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่อีกด้วย
ครอบครัวทั้งหมดของมัน, ตระกูลและสำนักของมัน…มีมันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ดังนั้นตอนนี้มันจึงมีชีวิตอยู่เพื่อการแก้แค้นเท่านั้น!
เมิ่งฮ่าวนิ่งเงียบ หลังจากที่มองไปยังอวี่เหวินเจียนอยู่นานสักพัก ก็หันหน้ามองออกไปยังที่ห่างไกล
“ตามข้ามา” เมิ่งฮ่าวแค่พูดคำนี้ออกมาเท่านั้น ก็กลายร่างเป็นลำแสงพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล จนเกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังกึกก้อง เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกที่จะไม่แอบลอบเข้าไป แต่จะทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายอย่างเปิดเผย
นอกจากนั้นนี่คืออาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่ใช่สวรรค์ชั้นแรกของกลุ่มคนนอกคอก!
ตูม!
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงเข้าไปและเริ่มต้นต่อสู้ อวี่เหวินเจียนก็เริ่มขยายร่างใหญ่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่ายังมีโลหิตเทพอยู่ในร่างมันเล็กน้อย หมุนเวียนผ่านเส้นเลือดของมันไป ทำให้กายเนื้อมีพลังที่น่าตกใจยิ่ง ในทันทีที่อวี่เหวินเจียนกลายร่างเป็นยักษ์ก็ก้าวเดินตรงไปหนึ่งก้าว ติดตามเมิ่งฮ่าวเข้าไปต่อสู้ในทันที
สองคน, สองผู้ฝึกตนลำดับขั้น, สองลำแสง พุ่งตรงไปคล้ายกับเป็นกระบี่ที่หลุดออกมาจากฝัก เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่ว ขณะที่คนทั้งสองทะลุผ่านเข้าไปในค่ายกลเวทของกลุ่มคนนอกคอก
พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง จนมีแต่จักรพรรดิเต๋าเท่านั้นที่พอจะต่อต้านเขาได้ ในตอนที่เมิ่งฮ่าวเริ่มต่อสู้ กลุ่มคนนอกคอกจำนวนมากก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากลูกบาศก์สีดำ และพุ่งตรงมาโจมตี
เวลาเดียวกันนั้นความผันผวนอันน่าตกใจก็เริ่มกระจายออกมาจากลูกบาศก์ ขณะที่กระแสแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กระจายออกมาโจมตีเมิ่งฮ่าว
ที่ห่างไกลออกไป สามกลิ่นอายห้าแก่นแท้ที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องแตกกระจายไป พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวเพื่อสกัดเขาไว้ในทันที
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา รังสีสังหารแวบขึ้นมาในแววตา ขณะที่มองไปยังกลุ่มคนนอกคอกที่ใกล้เข้ามา พร้อมกับกลิ่นอายอันน่ากลัวและสีหน้าที่ดุร้าย เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อเรียกสุดยอดสะพานออกมา เพื่อให้บดขยี้ลงไปยังพวกมัน
ทันใดนั้นเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวก็ดังก้องขึ้น และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวรอบๆ กายเมิ่งฮ่าวก็แตกกระจายออกไป แค่โจมตีไปครั้งเดียวก็บดขยี้ทุกสรรพสิ่งที่มาขัดขวางเส้นทางเขาไป
กลุ่มคนนอกคอกไม่น้อยกว่าหนึ่งพันถูกบดขยี้ไปในทันที ร่างกายพวกมันแตกกระจายไป แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันถูกทำลายจนหมดสิ้น
กลุ่มคนนอกคอกที่เหลืออยู่ทั้งหมดซึ่งมองเห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็หอบหายใจออกมา สีหน้าพวกมันสลดลง ทันใดนั้นก็เริ่มถอยไปทางด้านหลังด้วยความตื่นตระหนก
“จักร…จักรพรรดิเต๋า!!”
“บัดซบ! ในอาณาจักรขุนเขาทะเล จักรพรรดิเต๋าหายากยิ่งกว่าขนหงส์หรือเขากิเลนซะอีก แล้วจะมีอยู่หนึ่งคนในที่แห่งนี้ได้อย่างไร!?”
“ทำไมสองจักรพรรดิเต๋าจากสวรรค์ชั้นแรกของพวกเรา ถึงไม่มาหยุดคนผู้นี้!?!?”
กลุ่มคนนอกคอกที่ตื่นตระหนกต่างก็หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง จนไม่กล้าจะเข้ามาใกล้ อันที่จริงพวกมันกำลังล่าถอยออกไป เพื่อปล่อยให้เมิ่งฮ่าวผ่านไป
สำหรับอวี่เหวินเจียน ถึงแม้ว่ามันจะประเมินเมิ่งฮ่าวไว้สูงส่งอย่างน่าเหลือเชื่อ และยังได้เห็นสิ่งที่เขาเคยกระทำมาจากก่อนหน้านี้ ต่อกลุ่มคนนอกคอกที่มาโจมตีดาวหู่เหลา แต่การได้เห็นในตอนนี้ก็ทำให้มันต้องตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังเมิ่งฮ่าวขณะที่เขาเดินนำหน้าไป อวี่เหวินเจียนก็ตระหนักว่าถึงแม้เขาจะไม่มีร่างกายที่โอ่อ่าภูมิฐาน…แต่ก็มีบางอย่างที่น่าประทับใจยิ่ง
ราวกับว่า…สงครามขุนเขาทะเล…อาจจะไม่ได้จบลงด้วยการถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น!
แต่ในขณะที่ผู้ฝึกตนนอกคอกถอยไปทางด้านหลัง กระแสแห่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายออกมาจากลูกบาศก์สีดำนับร้อย ก็รวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นพลังโจมตีอันน่าตกใจที่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
การรวมตัวกันของเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ทรงพลังจนแม้แต่จักรพรรดิเต๋าที่ต้องมาเผชิญหน้ากับมัน ก็ยังต้องรีบหลบไปด้วยความหวาดกลัว มันกลายเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวราวกับว่าต้องการจะกลืนกินเขาลงไป
“จักรพรรดิเต๋าแล้วจะอย่างไร ไสหัวออกไปจากที่นี่!!” เสียงที่ร้องตะโกนออกมานี้ ไม่ได้ดังออกมาจากคนนอกคอกแค่คนเดียว แต่เป็นเสียงที่รวมเข้าด้วยกันจากพวกมันนับร้อย!
เมื่อเสียงนี้ดังก้องออกไป ก็ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือนไปมา ทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะท้าน และบดขยี้ลงไปด้วยเจตจำนงแห่งการขัดขืนโดยสิ้นเชิง
“ไสหัวไป!” เสียงร้องตวาดที่รวมเข้าด้วยกันของกลุ่มคนนอกคอกดังก้องขึ้น สำหรับคนนอกคอกอื่นๆ ที่กำลังมองมาจากทางด้านข้างทั้งหมด ดวงตาพวกมันเริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้น ขณะที่เฝ้ารอให้พลังของเมิ่งฮ่าวถูกทำลาย จนต้องถอยไปทางด้านหลัง
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่ง แต่ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นเยียบ ในตอนนี้เองที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง ระเบิดตรงไปยังใบหน้าที่รวมตัวกันขึ้นมาจากเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวกลายเป็นหมัดยักษ์ที่ต่อยออกไปอย่างดุร้าย!
ตูมมมมมมม!
หมัดนั้นกระแทกไปยังใบหน้านั้น ทำให้แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น จนฟ้าดินต้องสั่นสะเทือนไปมา
เสียงแตกร้าวดังก้องออกไป ขณะที่รอยแตกเลื้อยไปมาทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว คล้ายกับเป็นมังกรที่พุ่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง เมื่อพวกมันกระแทกเข้าไปยังร่างของกลุ่มคนนอกคอก เสียงแผดร้องก็ดังก้องขึ้น ไม่มีใครมีโอกาสหลบหนีจากไป ร่างพวกมันมากมายแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ในทันที
เวลาเดียวกันนั้น เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนก็ดังก้องออกมาจากลูกบาศก์สีดำนับร้อย เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้น ขณะที่ลูกบาศก์สีดำแตกกระจายออกไปจนหมดสิ้น และผู้ฝึกตนนอกคอกที่อยู่ด้านในก็ถูกกำจัดไป
ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ภาพที่กำลังเกิดขึ้นนี้ช่างน่าตกใจอย่างถึงที่สุด!
เสียงหอบหายใจได้ยินมามากขึ้น กลุ่มคนนอกคอกที่รอดชีวิตรีบถอยไปทางด้านหลังไกลมากขึ้น ความน่ากลัวของเมิ่งฮ่าวทำให้พวกมันกำลังสั่นสะท้าน ก่อนที่พวกมันจะมายังอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็มองว่าตนเองอยู่เหนือคนอื่นๆ ทั้งหมด และดูถูกเยาะเย้ยอาณาจักรขุนเขาทะเล จนแทบไม่อาจจะทนรอที่จะมีโอกาสเริ่มต้นสังหารเซียนเพื่อความสนุก
แต่หลังจากที่ได้เห็นความน่ากลัวของเมิ่งฮ่าว ความทรงจำจากบรรพบุรุษของพวกมันก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาในจิตใจอย่างช้าๆ เป็นความทรงจำที่ถูกผนึกไว้อยู่ในกระดูก ถูกเก็บซ่อนไว้ภายในจิตวิญญาณของพวกมัน
เป็นความทรงจำที่บรรพบุรุษของพวกมัน ถูกปราบพิชิตโดยอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าเย็นชา ขณะที่มองไปรอบๆ เนื่องจากกลุ่มคนนอกคอกในที่แห่งนี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงยากที่จะสังหารพวกมันไปจนหมดสิ้น ถึงแม้ว่าเขาจะมีระดับพื้นฐานฝึกตนดังเช่นตอนนี้ก็ตามที
แต่ขณะที่เมิ่งฮ่าวกวาดสายตามองไป กลุ่มคนนอกคอกที่ถูกจ้องมองทั้งหมด ก็รีบถอยไปทางด้านหลังด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านในทันที
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา เดินตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีใครกล้ามาขัดขวาง พวกมันต่างก็รีบถอยไปทางด้านหลังกันทั้งหมด เปิดเป็นเส้นทางให้เขาเดินผ่านไป แต่ขณะที่เป็นเช่นนั้น พวกมันก็รวมตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้งอยู่ทางด้านหลัง ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวกำลังถูกห้อมล้อมเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่
ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าเขากำลังถูกห้อมล้อมอยู่ แต่ผู้ที่หวาดกลัวคือกลุ่มคนนอกคอก ไม่ใช่เมิ่งฮ่าว
อวี่เหวินเจียนติดตามอยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว ภาพที่กำลังมองเห็นอยู่ที่เบื้องหน้านี้ ทำให้โลหิตมันต้องเดือดพล่านขึ้นมา
ขณะที่เดินเมิ่งฮ่าวก็มองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา ในที่สุดก็มองเห็นแท่นบูชาที่แตกหักอยู่ตรงด้านหน้าขึ้นไป ดูเก่าแก่โบราณราวกับว่าได้คงอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน เหลือทิ้งไว้แต่ส่วนที่แตกหักและผุพัง
เป็นแท่นบูชาที่ไม่สมบูรณ์ เหลืออยู่เพียงแค่เจ็ดในสิบส่วนของโครงสร้างดั้งเดิมเท่านั้น แต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวรอบๆ บริเวณนั้นกระจายเป็นระลอกคลื่นและบิดเบี้ยวไปมา ความผันผวนที่กำลังกระจายออกมานี้ ประกอบไปด้วยแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ
ค่อยๆ มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแท่นบูชานี้…คือปากทางเข้า ที่นำไปสู่ดินแดนแห่งอื่น
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ แท่นบูชาไม่ได้อยู่ในสถานที่เปิดเผยเช่นนี้ มันถูกติดตั้งด้วยเวทป้องกันและสิ่งกีดขวางต่างๆ มากมาย แต่หลังจากที่คนนอกคอกมาถึง พวกมันก็กวาดล้างสถานที่แห่งนี้ ปล่อยให้แท่นบูชาลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอย่างเปิดเผยเช่นนี้
ตรงด้านหน้าแท่นบูชามีผู้ฝึกตนนอกคอกที่ใบหน้าบึ้งตึงอยู่สามคน พวกมันลอยตัวอยู่ที่นั่น จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว กระจายเป็นความผันผวนของระดับห้าแก่นแท้ออกมา
ถึงแม้ว่าพวกมันจะอยู่ห่างไกลจากระดับราชันขุนเขาทะเล แต่ก็เข้าใกล้ระดับเดียวกับเด็กชายเซียวอี้หาน
พวกมันมองมาด้วยแววตาที่แวบประกายขึ้น ขณะที่เมิ่งฮ่าวใกล้เข้าไป คนที่อยู่ตรงกลางมีเขาข้างหนึ่งงอกออกมาจากศีรษะ ถ้ามองดูให้ละเอียดก็จะเห็นว่าเขาข้างนั้นไม่ได้เป็นสีดำ แต่เป็นสีม่วง
มันก้าวเดินตรงมา จากนั้นก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้มีกลิ่นอายที่น่ากลัวเหมือนกับกลุ่มคนนอกคอกอื่นๆ ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าวกล่าวว่า
“หลงเต้าจื่อ ชนเผ่าเต๋าแห่งสวรรค์ชั้นแรก ขอน้อมพบจักรพรรดิเต๋าเมิ่ง”
เมิ่งฮ่าวมองกลับไปด้วยสายตาเย็นชา การที่คนผู้นี้รู้ว่าตนเองคือใครไม่ได้ทำให้เขาต้องประหลาดใจแม้แต่น้อย ในช่วงของการรุกรานตอนแรก เขาเคยต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่นอกคอกอี้กู่แห่งสวรรค์ชั้นแรกมาก่อน ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่อาจจะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น แต่ผู้แข็งแกร่งนอกคอกต้องมองดูอยู่อย่างแน่นอน และได้เห็นเหตุการณ์นั้นอย่างชัดเจน
ดวงตาคนนอกคอกเขาสีม่วงสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่เริ่มพูดขึ้นอย่างช้าๆ “จักรพรรดิเต๋าเมิ่ง จากพื้นฐานฝึกตนและพลังแห่งความรู้แจ้งของท่าน ท่านคงตระหนักดีแล้วว่าอาณาจักรขุนเขาทะเล…ไม่มีทางจะชนะในสงครามนี้ได้ ถึงแม้ว่าสวรรค์ชั้นแรกไม่อาจจะต่อสู้กับอาณาจักรขุนเขาทะเล แต่ก็ยังมีสวรรค์ชั้นที่สอง ชั้นที่สาม และสุดท้ายก็ชั้นที่สามสิบสาม อาณาจักรขุนเขาทะเลไม่มีความหวังเหลืออยู่แม้แต่น้อย”
“ถึงแม้ว่าพวกเราสามสิบสามสวรรค์ต้องการจะทำลายสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรขุนเขาทะเลไปทั้งหมด แต่ก็ยังเคารพต่อผู้แข็งแกร่งทรงพลังในที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน สหายเต๋าเมิ่ง ถ้าท่านยอมทำตามคำสั่งของสวรรค์ชั้นแรก มาเข้าร่วมกับพวกเรา ข้าสามารถรับประกันความปลอดภัยของท่านและตระกูล ข้าขอสัญญาว่าท่านจะปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ”
“ผู้มีปัญญาย่อมรู้สถานการณ์เป็นอย่างดี สหายเต๋าเมิ่ง ข้ามั่นใจว่าท่านเข้าใจดีถึงความเป็นจริงของคำกล่าวนี้”
“ไม่เพียงแต่ตระกูลของท่านจะปลอดภัยเท่านั้น แม้แต่คนอื่นๆ ที่ท่านแนะนำมาก็สามารถจะเข้าร่วมกับพวกเราด้วยเช่นกัน สวรรค์ชั้นแรกจะไม่สังหารพวกมัน สิ่งที่พวกท่านต้องทำก็คือกลายมาเป็นทาสเต๋าให้กับสวรรค์ชั้นแรก”
“เมื่อเทียบกับอิสรภาพแล้ว…ความตายนับเป็นอย่างไรได้?”
ด้วยการตอบรับคำพูดของมัน อวี่เหวินเจียนยังคงนิ่งเงียบ ถึงแม้ว่ามันจะเชื่อมั่นในตัวเมิ่งฮ่าว แต่ข้อเสนอของคนนอกคอกผู้นี้ก็ทำให้จิตใจของมันต้องหวั่นไหว ถึงแม้ว่าจะเล็กน้อยก็ตามที
แต่มันก็ไม่มีตระกูลให้หวนกลับไปอีกแล้ว ถ้าตระกูลและสำนักของมันยังคงอยู่ เมื่อได้รับข้อเสนอเช่นนี้ ก็ไม่มั่นใจว่าตนเองจะเลือกอะไร ด้วยความคิดเช่นนี้ทำให้ความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มพุ่งขึ้นมาในจิตใจของอวี่เหวินเจียน