ตอนที่ 1362
ดับตะเกียงวิญญาณสี่ดวง
จากตะเกียงวิญญาณทั้งสามสิบสามดวงของเมิ่งฮ่าว หกดวงถูกดับไปเรียบร้อยแล้ว อีกยี่สิบเจ็ดดวงยังคงลุกไหม้อยู่ จากอารมณ์ทั้งเจ็ด เขาผ่านอารมณ์แรกไปเรียบร้อยแล้ว และเคยพบเจอกับทัณฑ์ทรมานในอารมณ์ที่สองมาก่อน ทำให้ยังเหลือตะเกียงวิญญาณอีกสี่ดวง ก่อนที่จะผ่านอารมณ์ที่สองไปได้อย่างสมบูรณ์
ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อไหร่ก็ตามที่เมิ่งฮ่าวจะดับตะเกียงวิญญาณ ก็จะทำหลังจากที่มีความเชื่อมั่นว่าจะได้ผลลัพธ์ออกมาตามที่ต้องการเท่านั้น แต่ตอนนี้…เป็นช่วงของเวลาวิกฤต ผู้ฝึกตนนับแสนกำลังจะตายไปเพื่อปกป้องตนเอง ดังนั้นถึงแม้จะขาดความเชื่อมั่น แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าไร้ทางเลือกใดๆ โดยสิ้นเชิง
ขณะที่ผู้ฝึกตนคนแล้วคนเล่าแห้งเหี่ยวและตกตายไป เมิ่งฮ่าวก็กัดฟันแน่น และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น เปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ภายในร่าง มีแต่จะลุกโชนขึ้นอย่างร้อนแรง ขณะที่เตรียมตัวจะเผาไหม้ ไม่ใช่ตัวเองแต่เป็นคนอื่น
โดยไม่ลังเลอีกต่อไป เขายกมือขวาขึ้นมาและชี้ตรงไปยังตะเกียงวิญญาณดวงที่เจ็ด
“ดับลง!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ผลักดันออกไปด้วยพลังทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมได้ ปลดปล่อยเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดให้บดขยี้ลงไปยังตะเกียงวิญญาณดวงที่เจ็ด ราวกับเป็นสายลมที่พัดผ่านตะเกียงไป เปลวไฟส่ายไหวไปมา และจากนั้น…ก็ดับลง
กลุ่มควันลอยพลิ้วอ้อยอิ่งขึ้นมา จากนั้นก็ไหลซึมเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าวผ่านทางปากและจมูกในทันที ขณะที่กลุ่มควันเหล่านั้นกระจายออกไปทั่วร่าง เมิ่งฮ่าวก็เริ่มสั่นสะท้าน และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากดวงตา หู จมูกและปาก พื้นฐานฝึกตนเริ่มส่งเสียงดังกระหึ่ม ตอนแรกกายเนื้อเต็มไปด้วยความด้านชา แต่จากนั้นก็เป็นความเจ็บปวดราวถูกแทงด้วยคมมีด
ราวกับว่าร่างกายจะประกอบไปด้วยพลังทั้งหยินและหยาง โดยที่ครึ่งร่างเย็นชาราวน้ำแข็ง และอีกครึ่งก็ร้อนแรงราวเปลวไฟ!
ตอนนี้พลังการฝึกตนของเมิ่งฮ่าวเริ่มเพิ่มขึ้นมา ก่อนหน้านี้มันถูกใช้ไปจนแทบจะหมดสิ้น แต่ตอนนี้กำลังฟื้นฟูกลับคืนมา ขณะที่เป็นเช่นนั้น ร่างกายก็แห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้ความเย็นเยียบและร้อนแรงของหยินและหยางในเวลาเดียวกัน
ในชั่วพริบตาเมิ่งฮ่าวก็แทบจะกลายเป็นถุงหนังห่อหุ้มกระดูก ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงที่อยู่ภายในจิตใจก็พุ่งทะยานขึ้นไปจนถึงระดับที่สูงอย่างน่าเหลือเชื่อ รู้สึกราวกับว่า…ร่างกายกำลังจะกลายเป็นเถ้าธุลีไป
ดวงตาเสวียนฟางจื้อจุนสาดประกายเจิดจ้าขึ้น ขณะที่มองไปยังตะเกียงวิญญาณของเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าสีหน้ามันจะยังคงราบเรียบ แต่ภายในใจกำลังถูกบดขยี้ด้วยคลื่นแห่งความตกใจ
“พื้นฐานฝึกตนของมัน…” แม้ว่ามันจะกำลังตกใจอยู่ แต่ก็เริ่มเดินตรงไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น เจตจำนงแห่งผู้ยิ่งใหญ่พุ่งกระจายออกไป และผู้ฝึกตนนับแสนคนก็แห้งเหี่ยวลงไปมากขึ้น มีอยู่หลายคนที่กลายเป็นเถ้าธุลีไป
จากหนึ่งแสนคน ยังคงมีชีวิตอยู่เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่คนเดียวในกลุ่มคนที่ยังเหลืออยู่จะยอมจำนน ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่หวาดกลัวต่อความตาย แต่พวกมันเข้าใจดีว่าเมิ่งฮ่าว…มีความสำคัญกว่าพวกมันทั้งหมด!
สำหรับอาณาจักรขุนเขาทะเล สำหรับครอบครัวของตนเอง สำหรับสหายของตนเองแล้ว…พวกมันยินดีที่จะตายไปเพื่อปกป้องเมิ่งฮ่าวจากการถูกกำจัดไป!
“พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เสวียนฟางจื้อจุนแผดร้องคำราม ผลักดันตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้า ปลดปล่อยพื้นฐานฝึกตน ส่งความสามารถศักดิ์สิทธิ์จนดังกระหึ่มกึกก้องออกไป
ตอนนี้มีผู้ฝึกตนเหลืออยู่ห้าหมื่นคน และขณะที่โลหิตกำลังพุ่งกระจายออกมาจากบาดแผลของพวกมัน เมิ่งฮ่าวก็หัวเราะหึๆ อย่างขมขื่นออกมา ไม่แน่ใจว่าตนเองจะตกตายไปหรือไม่ แต่ก็รู้ว่าพลังของการดับตะเกียงวิญญาณไปหนึ่งดวง ไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูพลังการฝึกตนได้ ดวงตาสาดประกายขึ้นมาด้วยแสงอันเย็นชา และขบฟันแน่นอย่างดุร้าย
“ดับตะเกียงวิญญาณไปหนึ่งดวง ไม่นับว่าเป็นอย่างไร!” เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวระเบิดออกไปเพื่อดับตะเกียงวิญญาณดวงที่แปด!
เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่เปลวไฟส่ายไหวไปมา จากนั้นก็ดับลงในทันที กลุ่มควันไหลเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว เขาเงยหน้าขึ้นและกู่ร้องเป็นเสียงแหลมเล็กออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ พลังกลับไปสู่ระดับสูงสุดจากก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว เวลาเดียวกันนั้นความรู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาก็ระเบิดขึ้นอยู่ภายในใจอย่างรุนแรง
ร่างกายเมิ่งฮ่าวแห้งเหี่ยวลงไปอย่างถึงที่สุด และตอนนี้ก็เลวร้ายลงไปมากกว่าเดิม จนถึงจุดที่ดูเหมือนว่าจะเหลือแต่หนังห่อหุ้มกระดูกเท่านั้น แต่ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความเข้มข้นอย่างที่ยากจะอธิบายได้
เขาพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ พลังพุ่งขึ้นไป พร้อมกับเสียงกระหึ่มดังกึกก้อง บินออกมาจากจุดศูนย์กลางของค่ายกลเวทตรงไปยังเสวียนฟาง ซึ่งมีสีหน้าสลดลงในทันที เวลาเดียวกันนั้น เสวียนฟางก็กำมือเป็นหมัดและต่อยออกไป
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าดุร้าย รูปลักษณ์ภายนอกทั้งหมดก็ดูดุร้ายไปโดยสิ้นเชิง ทัณฑ์ทรมานของอารมณ์ที่สองไม่ได้เป็นอันตรายในทันที ทำให้เมิ่งฮ่าวมีเวลาที่จะเดินไปข้างหน้าสามก้าว และใช้หมัดสังหารเทพต่อยออกปะทะกับหมัดของเสวียนฟางจื้อจุน
เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป ขณะที่หมัดทั้งสองกระแทกเข้าหากัน แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเสวียนฟาง มันอาจจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่
แต่ในช่วงสั้นๆ ของการต่อสู้กับเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้ต้องสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง ปราณและโลหิตต้องเดือดพล่าน และดวงตาก็ลุกโชนขึ้นด้วยรังสีสังหาร แต่เมื่อมันกำลังจะโจมตีออกไปอีกครั้ง เมิ่งฮ่าวก็กระอักโลหิตออกมา จากนั้นแสงอันดุร้ายก็สาดประกายขึ้นในแววตา และโบกสะบัดมือตรงไปยังตะเกียงวิญญาณดวงที่เก้า คาดไม่ถึงว่า…เขาคิดจะดับตะเกียงวิญญาณดวงนี้ไปด้วย!!
“เจ้ามันบ้าไปแล้ว!!” เสวียนฟางโพล่งออกมาด้วยความตกใจ มันไม่เคยเห็นใครดับตะเกียงวิญญาณดวงแล้วดวงเล่าอย่างต่อเนื่องมาก่อน การกระทำเช่นนั้นเป็นการรนหาที่ตายโดยแท้! มันถามขึ้นพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายเย็นชา “เจ้าต้องการตายไปก่อนที่ข้าจะสังหารเจ้า?”
แต่เมื่อมันกำลังจะโจมตีไปอีกครั้ง ก็ตระหนักว่าหลังจากดับตะเกียงวิญญาณดวงที่เก้าไปแล้ว เมิ่งฮ่าวกำลัง…ดับดวงที่สิบอยู่!!
เมื่อตะเกียงวิญญาณทั้งสองดวงถูกดับลง กลุ่มควันก็ไหลเข้ามาในจมูกและปากของเมิ่งฮ่าว กระจายเต็มไปทั่วร่างและทำให้พื้นฐานฝึกตนพุ่งระเบิดขึ้นไป เวลาเดียวกันนั้นพลังการต่อสู้ก็บรรลุถึงระดับที่น่าตกใจโดยสิ้นเชิง
เขาเพิ่งจะดับตะเกียงวิญญาณไปสี่ดวงในครั้งเดียว ทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่ากว่าตอนที่จุดตะเกียงวิญญาณของอาณาจักรโบราณขึ้นมาเป็นครั้งแรก ในตอนนี้พื้นฐานฝึกตนและพลังการต่อสู้ของเขาสูงเกินกว่าราชันจักรพรรดิแล้ว!
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวอยู่ห่างจากพลังของผู้ยิ่งใหญ่เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ในแง่ของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็พบเจอกับการก้าวกระโดดขึ้นไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับแปดในสิบส่วนของผู้ยิ่งใหญ่อีกแล้ว แต่เทียบเท่ากับ…ผู้ยิ่งใหญ่ หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยอีกด้วย!
ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง รวมทั้งพื้นฐานฝึกตนและพลังการต่อสู้เช่นนี้
ก็สามารถจะกล่าวได้ว่าเมิ่งฮ่าวในตอนนี้…มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ได้โดยสิ้นเชิง เวลาเดียวกันนั้นเวทตราบนิรันดร์ชิงตี้ก็เริ่มทำงานขึ้นมา ช่วยฟื้นฟูร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีพลังการต่อสู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดอย่างแท้จริง!
น่าเสียดายที่กลิ่นอายแห่งความตายที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ และในทันทีที่บรรลุถึงระดับสูงสุด ทัณฑ์ทรมานของอารมณ์ที่สองก็เข้มข้นขึ้น จนร่างกายที่แห้งเหี่ยวของเมิ่งฮ่าว…เริ่มจะเน่าเปื่อยไปโดยสิ้นเชิง
มีรอยแผลปรากฏขึ้นไปทั่วร่าง ทำให้กลิ่นอายแห่งความเน่าเปื่อยฟุ้งกระจายออกมา แม้แต่บนผิวกายบางส่วนก็กลายเป็นก้อนเนื้อเลอะเลือน เผยให้เห็นถึง…กระดูกสีดำคล้ำ!
กระดูกเหล่านี้เสียหายไปจากพลังสาปแช่งมานานแล้ว แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่สนใจ ก้าวเดินตรงไปด้วยความรวดเร็วที่เพิ่มขึ้น จนกระทั่งไปอยู่ตรงหน้าของเสวียนฟางจื้อจุน ยกมือขวาขึ้นมาขยับร่ายเวท เวทกลืนภูเขาระเบิดออกไป ทำให้สีหน้าเสวียนฟางต้องเปลี่ยนไป ในตอนนี้มันรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของเมิ่งฮ่าว จึงไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะพุ่งถอยไปทางด้านหลังและแค่นเสียงเย็นชาขึ้นมา
มันไม่ต้องทำอะไรกับเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ รู้ดีว่าเขาใกล้จะตายไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะต่อสู้จนตกตายไปพร้อมกัน
นอกจากนั้นในตอนนี้ แม้แต่กับเสวียนฟาง เมิ่งฮ่าวก็ยังดูน่ากลัวอย่างถึงที่สุด
“คิดจะหนี?!?!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ริมฝีปากบิดขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้ม ในตอนนี้เขาไม่สนใจว่าตนเองกำลังจะตายไป มีความคิดอยู่แค่อย่างเดียวเท่านั้นก็คือ…ทำให้เสวียนฟางตกตายไปด้วยกัน!
เขาเชื่อว่าเสวียนฟางไม่มีเวทช่วยชีวิตเหลืออยู่อีกแล้ว ไม่มีทางที่มันจะหลบเลี่ยงจากความตายไปได้
นอกจากนี้เมิ่งฮ่าวก็ยังมีเครื่องหมายลำดับขั้นจากไห่เมิ่งจื้อจุนเหลืออยู่ ซึ่งหมายความว่าเขามีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้ได้มากกว่าหนึ่งครั้ง!
ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้รับชัยชนะมาอย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ยิ่งใหญ่จะสังหารตนเองไปด้วยเช่นกัน!
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่เมิ่งฮ่าวเร่งความเร็วขึ้น กลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีดำ แต่วิหคตัวนี้มีผิวหนังและกระดูกเหลืออยู่ไม่มากนักด้วยเช่นกัน ราวกับว่าเพิ่งจะปีนออกมาจากหลุมฝังศพ มีท่าทางดุร้ายโดยสิ้นเชิง พร้อมกับกลิ่นอายแห่งความตายอย่างเข้มข้น ที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่กรีดเฉือนกรงเล็บตรงไปยังเสวียนฟาง
สีหน้าเสวียนฟางเปลี่ยนไป รีบส่งพลังแก่นแท้เท่าที่จะรวบรวมได้ทั้งหมดออกไป เมิ่งฮ่าวในรูปแบบวิหคยักษ์กระแทกลงไปบนร่างมัน และวิหคยักษ์ก็แตกกระจาย เผยให้เห็นเป็นเมิ่งฮ่าวเหมือนเดิม ถอยโซเซไปทางด้านหลัง พร้อมทั้งกระอักโลหิตออกมา ร่างกายถูกทำลายไปเกือบหมด มากกว่าครึ่งที่เหลือแต่กระดูก แต่เสวียนฟางจื้อจุนก็กระอักโลหิตออกมาด้วยเช่นกัน เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าวที่บ้าคลั่ง มันจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะล่าถอยหลบหนีไปทางด้านหลังอีกครั้ง
ไม่ว่าอย่างไร มันก็ไม่มีทางจะปล่อยให้เมิ่งฮ่าวมีโอกาสลากมันตกตายไปพร้อมกัน
ในตอนนี้เองที่ช่วงเวลาหนึ่งเค่อได้มาถึงแล้ว ทันใดนั้นกลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็เริ่มม้วนตัวไปมา และหายไปในชั่วพริบตาหลังจากนั้น
“สวรรค์ส่งเสริมข้าแล้ว!” เสวียนฟางหัวเราะ ดวงตาสาดประกายขึ้น ด้วยเช่นนั้นมันจึงบินออกไปจากดวงตะวัน ด้วยความรู้สึกที่ว่าการมายังอาณาจักรขุนเขาทะเลของตนเองประสบความสำเร็จแล้ว
“เมิ่งฮ่าวกำลังจะตายไป และเกราะป้องกันของอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็จะแตกกระจายไปในที่สุด!”
แทบจะในทันทีที่กลุ่มหมอกหายไป เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะมองเห็นได้เกินไปกว่าทะเลแรก และนอกเหนือจากเกราะป้องกัน สวรรค์ชั้นที่สองกำลังกดทับลงมา
เกราะป้องกันกำลังบิดเบี้ยวไปมา หดตัวเล็กลงไป ปกคลุมไปด้วยสัญลักษณ์เวทที่ส่องแสงระยิบระยับอย่างบ้าคลั่ง ไห่เมิ่งจื้อจุนไม่ได้อยู่บริเวณใกล้เคียง นางไม่อาจจะละเลยเกราะป้องกันอันเนื่องมาจากเมิ่งฮ่าวเท่านั้น ตอนนี้นางไปอยู่ที่ด้านล่างเกราะป้องกัน ใช้พลังทั้งหมดเพื่อค้ำยันมันไว้
ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดของเมิ่งฮ่าว สูญเสียการเชื่อมต่อกับเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเขา ในตอนที่ต่อสู้อย่างดุร้ายกับเสวียนฟาง ตอนนี้มันเหลือแต่สัญชาตญาณเท่านั้น ขณะที่ลอยตัวอยู่ตรงด้านนอกอาณาเขตของกลุ่มหมอก
ในตอนนี้เองที่ดินแดนอันกว้างใหญ่ซึ่งก็คือสวรรค์ชั้นที่สอง ได้กระแทกลงมายังเกราะป้องกันของอาณาจักรขุนเขาทะเล ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดจนแก้วหูแทบฉีกขาดดังก้องขึ้นไปทั่วทั้งอาณาจักรขุนเขาทะเล จิตใจของผู้ฝึกตนทั้งหมดหมุนคว้าง สองหูเต็มไปด้วยความเจ็บปวดราวถูกแทง เช่นเดียวกับกลุ่มคนนอกคอกที่อยู่เหนือเกราะป้องกัน ที่กำลังปกคลุมอยู่ตรงด้านบนทะเลแรก
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ความบ้าคลั่งในดวงตาก็จางหายไป มองไปยังดินแดนอันกว้างใหญ่ที่บดขยี้ลงมายังเกราะป้องกัน ทำให้ต้องแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปนับไม่ถ้วน
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ โลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของไห่เมิ่งจื้อจุน และทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่านางจะแก่ชราลงไป ผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนที่อยู่บนดวงจันทร์กระอักโลหิตออกมา ขณะที่ร่างกายพวกมันฉีกขาดออก และกลายเป็นเถ้าธุลีไป
ตี้จ้างที่อยู่ในรูปแบบอสูรพังทลายลงไป กลายร่างกลับมาเป็นผู้ฝึกตนเหมือนเดิม โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และทรุดตัวลงไปด้วยความเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่าพื้นฐานเต๋าในตอนนี้ของท่านเริ่มไม่เสถียรมั่นคงแล้ว
ดินแดนอันกว้างใหญ่ที่แตกกระจายไป ซึ่งก็คือสวรรค์ชั้นที่สองผ่านเข้ามายังอาณาจักรขุนเขาทะเล กลายเป็นอุกกาบาตนับไม่ถ้วนที่ตกลงมา เวลาเดียวกันนั้นกลุ่มคนนอกคอกนับล้าน ที่เฝ้ารออยู่ตรงด้านนอกของทะเลแรก ก็ส่งเสียงแผดร้องด้วยความตื่นเต้น รีบพุ่งเข้ามาในทันที
สถานการณ์ของสงครามในตอนนี้ ทันใดนั้น…ก็เปลี่ยนข้างไปแล้ว!