ตอนที่ 1363
ผนึกผู้ยิ่งใหญ่
ในทะเลแรก ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลกำลังต่อสู้กันอย่างดุร้ายกับกลุ่มคนนอกคอก เศษหินดินทรายจากสวรรค์ชั้นที่สองซึ่งแตกกระจายไป กำลังตกลงมาราวกับเป็นหยาดพิรุณอย่างไม่มีวันจบสิ้น บ้างก็พุ่งทะลุลงไปยังดินแดนของขุนเขาทะเลที่อยู่ด้านล่าง หรือแม้แต่ดวงดาวในที่แห่งนั้น
เกิดการบาดเจ็บล้มตายขึ้นจนแทบจะสิ้นหวัง!
ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่หนึ่งเค่อ สงครามในครั้งนี้ก็สูญเสียความสมดุลไป…สถานการณ์ได้เปลี่ยนพลิกไปแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาสมดุลกันอีกครั้ง และจุดสำคัญของทั้งหมดนั้นก็คือ…เสวียนฟาง!
สาเหตุที่อาณาจักรขุนเขาทะเลตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบเช่นนี้ ก็เนื่องมาจาก…เสวียนฟาง!
ในตอนนี้สามารถจะมองเห็นรอยยิ้มอันเย็นชาอยู่บนริมฝีปากของเสวียนฟาง ขณะที่มันพุ่งตัวไปด้วยความตั้งใจจะออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเล แผนการของมันลุล่วงด้วยดี เมิ่งฮ่าวถูกลิขิตให้ต้องตายไป และเกราะป้องกันขุนเขาทะเลก็ถูกทำลายไปแล้ว แน่นอนว่ามันก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสด้วยเช่นกัน และตอนนี้ก็จำเป็นต้องออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเลเพื่อฟื้นฟูร่างกาย การบัญชาการรบในสงครามตอนนี้จะถูกส่งต่อให้กับผู้ยิ่งใหญ่อีกคน
อย่างไรก็ตามแม้ในขณะที่มันหวังว่าจะหลบหนีจากไปได้ เงาร่างโครงกระดูกที่กำลังเน่าเปื่อยซึ่งก็คือเมิ่งฮ่าวกลับปรากฏขึ้น หัวเราะด้วยเสียงแหบแห้ง เป็นเสียงหัวเราะด้วยความบ้าคลั่งกล่าวขึ้นว่า “เสวียนฟางจื้อจุน เมื่อเจ้าใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ แล้วทำไมต้องรีบจากไปเช่นนี้? เจ้าอาจจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่อาจจะเข้าออกในอาณาจักรขุนเขาทะเลได้ตามอำเภอใจ” ขณะที่กล่าวคำพูดเหล่านี้เมิ่งฮ่าวก็ยกมือขวาขึ้นมา บดขยี้สิ่งของบางอย่างไป
เวลาเดียวกันนั้นกระถางสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับประจุไฟฟ้าที่เต้นไปมา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ไม่ว่าเสวียนฟางจื้อจุนจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ทันใดนั้นก็สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับเมิ่งฮ่าว นี่คือรูปแบบการสลับร่างย้ายตำแหน่ง!
ในทันทีที่มันปรากฏกายขึ้นมาใหม่ ก็ต้องขมวดคิ้วและแค่นเสียงเย็นชาออกมา แต่ชั่วขณะต่อมาใบหน้าก็ต้องสลดลง เมื่อตระหนักว่ามีกลุ่มหมอกอันหนาแน่นกำลังกระจายออกไปอยู่รอบๆ ตัว
“ไข่มุกแห่งความมืด!! คาดไม่ถึงว่าเจ้าก็ใช้ไข่มุกแห่งความมืดได้เช่นกัน!?!? ใช่แล้ว, กลิ่นอายแห่งความตายของเจ้า!!” ใบหน้าเสวียนฟางสลดลงขณะที่รำลึกได้ว่า ตอนที่ต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวเมื่อครู่นี้ เมิ่งฮ่าวได้ไข่มุกแห่งความมืดไปหนึ่งลูก เสวียนฟางลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ โดยปกติแล้วไข่มุกแห่งความมืดสามารถจะใช้ออกมาได้ ด้วยวิชาที่พิเศษเฉพาะเท่านั้น หนทางเดียวสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับวิชานั้น ที่สามารถจะใช้ไข่มุกแห่งความมืดออกมาได้ก็คือ พวกมันต้องมีกลิ่นอายแห่งความตายปกคลุมอยู่อย่างเข้มข้น
และแน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวก็ตกอยู่ในสภาวะเช่นนั้นพอดี ทำให้สามารถจะใช้ไข่มุกแห่งความมืดออกมาได้!
จิตใจเสวียนฟางเริ่มเต้นรัว และสีหน้าก็บึ้งตึงเป็นอย่างยิ่ง
กลุ่มหมอกพลุ่งพล่านปั่นป่วน กักขังมันไว้อยู่ภายในโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มันต้องใช้เวลาหนึ่งเค่อเต็มก่อนที่จะหลุดพ้นออกมาได้
“ภายในเวลาหนึ่งเค่อนี้เจ้าไม่อาจจะทำอะไรได้ ให้เหล่าฟูลองเดาดู เมิ่งฮ่าว เจ้าคงคิดจะมอบชีวิตส่วนสุดท้ายให้กับไห่เมิ่ง หรือบางทีอาจจะใช้หุ่นเชิดอี้กู่ไปสังหารผู้ยิ่งใหญ่ของพวกข้าอีกคน ใช่หรือไม่?”
“เจ้าไม่มีทางทำได้สำเร็จภายในเวลาแค่หนึ่งเค่อนี้” แม้ในขณะที่เสียงอันชั่วร้ายของมันดังก้องอยู่ภายในกลุ่มหมอก ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ชั้นหกก็ก้าวเดินเข้ามาในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในทันที หลังจากที่มองมายังทิศทางของเมิ่งฮ่าวและเสวียนฟางแล้ว มันก็ส่งพลังการฝึกตนออกไปปิดกั้นไห่เมิ่งและผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดไว้
อันที่จริงมันไม่ได้วิตกเกี่ยวกับเสวียนฟางเท่าใดนัก มันเป็นห่วงเกี่ยวกับไห่เมิ่งและหุ่นเชิดอี้กู่มากกว่า สำหรับเมิ่งฮ่าว มันเชื่อมั่นในกลยุทธ์ของเสวียนฟาง และมั่นใจว่าเมิ่งฮ่าว…คงจะตายไปในที่สุด
ไห่เมิ่งสั่นสะท้านขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวและกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้น เวลาเดียวกันนั้นเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวก็เชื่อมต่อกับผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดอีกครั้ง และดวงตาก็ของมันก็เริ่มสาดประกายขึ้น แต่เนื่องจากเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ทำให้หุ่นเชิดก็ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายนั้นเช่นเดียวกัน
เมิ่งฮ่าวแค่ยิ้มออกมาเพื่อตอบรับคำพูดของเสวียนฟาง ไม่พูดอะไรออกมา แต่จากรูปลักษณ์ในตอนนี้ ทำให้รอยยิ้มนั้นดูน่ากลัวอย่างถึงที่สุด เมิ่งฮ่าวรู้ดีว่าในตอนนี้คงไม่อาจจะสังหารเสวียนฟางได้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือกักขังมันไว้ชั่วคราว
ในช่วงวิกฤตอันร้ายแรงของขุนเขาทะเลนี้ จำเป็นต้องทำให้สงครามเกิดความสมดุลขึ้น ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ จากนั้นก็ยื่นมือขวาตรงไปยังบริเวณที่เต็มไปด้วยกลุ่มหมอก และโบกสะบัดมือออกไปเล็กน้อย
ขณะที่ทำเช่นนั้นเส้นใยหนึ่งเส้นก็ปรากฏขึ้น ทอดยาวลงไปที่ด้านล่างกลุ่มหมอก เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือออกไปเป็นครั้งที่สอง จากนั้นก็สาม และสี่…
สี่เส้นใยเชื่อมต่อกันเพื่อก่อตัวเป็นรูปวงกลมอยู่รอบๆ กลุ่มหมอก สีหน้าของเสวียนฟางจื้อจุนที่อยู่ภายในกลุ่มหมอกเปลี่ยนไป ขณะที่รู้สึกได้ถึงความผันผวนของแก่นแท้
“นั่น…นั่นคือ…แก่นแท้แห่งความว่างเปล่า!!”
ในท่ามกลางความประหลาดใจของเสวียนฟาง ดวงตาของผู้ยิ่งใหญ่อีกคนก็เบิกกว้างขึ้น ผู้ยิ่งใหญ่นั้นไม่ได้เคลื่อนที่มาช่วยเหลือ แต่ชูมือสูงขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นสามและชี้นิ้วออกไป
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น กลิ่นอายแห่งแก่นแท้ก็ระเบิดออกมาจากวงกลมที่อยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว มันคือพลังแห่งการผนึกความว่างเปล่า!
เมิ่งฮ่าวไม่ได้ใช้แก่นแท้แห่งความว่างเปล่านี้มานานแล้ว แต่เพราะว่าได้ดับตะเกียงวิญญาณลงไปสี่ดวง ทำให้พื้นฐานฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงสามารถปลดปล่อยพลังอันน่ากลัวจนเพียงพอที่จะผนึกผู้ยิ่งใหญ่ไว้ได้!
แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้แข็งแกร่งเพียงพอที่จะกำจัดมันไปได้โดยสิ้นเชิง เป็นแค่การผนึกไว้ชั่วคราวเท่านั้น แต่ก็คงจะนานกว่าหนึ่งเค่อเป็นหลายเท่าตัวอย่างแน่นอน
“ผนึก!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกไป วงกลมก็แวบแสงขึ้นมา และเริ่มรวมตัวกัน เสวียนฟางแผดร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งออกมา เมื่อผนึกเสร็จสิ้นสมบูรณ์ มันก็เผาไหม้พลังชีวิตของตนเองเพื่อทำให้วงกลมลอยออกไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ พุ่งตรงไปยังผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยความมืด ซึ่งมันก็ยื่นมือออกไปคว้าจับไว้
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ ยากที่จะสังหารผู้ยิ่งใหญ่ไปได้อย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่เขาเข้าใจได้อย่างลึกล้ำในตอนนี้ แต่วงกลมนั้นก็แข็งตัวไปแล้ว และผนึกที่ถูกสร้างขึ้นมาจากแก่นแท้แห่งความว่างเปล่าก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์ เป็นผนึกที่ไม่อาจจะหลุดพ้นออกมาได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่ใช้เวลานานหลายเดือนเพื่อทำลายมัน
เมื่อผนึกถูกเปิดออก เสวียนฟางจื้อจุนที่เผาไหม้พลังชีวิตของมันไปก่อนหน้านี้ ก็จะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ถึงแม้ว่าในตอนนั้นมันจะยังคงอยู่ในระดับผู้ยิ่งใหญ่ แต่พลังการต่อสู้จะลดลงอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง!
สิ่งสำคัญมากที่สุดไม่ใช่พื้นฐานฝึกตนของเสวียนฟางจื้อจุน แต่เป็นกลยุทธ์ของมัน การกระทำของมันทำให้เมิ่งฮ่าวต้องลุกโชนขึ้นด้วยความต้องการสังหาร อย่างน้อยก็กักขังมันไว้สักหลายเดือน เพื่อช่วยป้องกันเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในสนามรบต่อไป
ผู้ฝึกตนและกลุ่มคนนอกคอกทั้งหมดที่กำลังต่อสู้อยู่ใกล้กับขุนเขาแรก ต่างก็มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ และสั่นสะท้านไปตามๆ กัน เมื่อเกราะป้องกันของอาณาจักรขุนเขาทะเลแตกกระจายไป การต่อสู้ก็เสียสมดุลไป
แต่ตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้ผนึกเสวียนฟางจื้อจุนไว้ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการต่อสู้ก็กลับมาคู่คี่เสมอกันอีกครั้ง
สำหรับผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด ตอนนี้มันตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เมิ่งฮ่าว ดวงตามันแวบประกายขึ้น และพุ่งตรงไปยังทะเลแรก ด้วยความตั้งใจที่จะใช้พลังแห่งผู้ยิ่งใหญ่ทำการสังหารกลุ่มคนนอกคอกให้มากขึ้น
ภารกิจของมันก็คือ…ช่วยให้อาณาจักรขุนเขาทะเลทำสงครามได้อย่างสมดุล ถ้าผู้ยิ่งใหญ่นอกคอกที่ยังเหลืออยู่ต้องการจะช่วยกลุ่มคนนอกคอกที่อยู่ในทะเลแรก มันก็จะต้องเผชิญหน้ากับการรวมพลังกันของเมิ่งฮ่าว หุ่นเชิดอี้กู่และไห่เมิ่ง
ถ้ากระทำเช่นนั้น มันก็ต้องตายไปหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ในตอนนี้ ก็ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดต้องถอนหายใจ มันไม่เหมือนกับเสวียนฟางที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ไร้ทางเลือกใดๆ นอกจากต้องพึ่งพาแต่วิธีการของตนเองเท่านั้น และการที่เสวียนฟางถูกผนึกไว้ในตอนนี้ มันจึงได้แต่ต้องตัดสินใจเองแล้ว
ด้วยการชี้นิ้วขึ้นไป ทำให้ดินแดนอันกว้างใหญ่ซึ่งก็คือสวรรค์ชั้นสามเริ่มส่งเสียงดังกระหึ่ม ราวกับว่ากำลังจะเคลื่อนที่ตรงมายังอาณาจักรขุนเขาทะเล
เห็นได้ชัดว่ามันกำลังจะใช้วิธีการเดียวกันกับก่อนหน้านี้ ทำให้สวรรค์ชั้นสามบดขยี้โจมตีลงมายังอาณาจักรขุนเขาทะเล
เท่าที่เห็นมันไม่สนใจกลุ่มคนนอกคอกที่ยังคงอยู่บนสวรรค์ชั้นสามแม้แต่น้อย มีแต่ความคิดอันชั่วร้าย เลือกที่จะใช้วิธีการต่อสู้ของตนเองในสงครามครั้งนี้ เวลาเดียวกันนั้นเสียงของมันก็ดังก้องเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
“พลังแห่งผู้ยิ่งใหญ่จะถูกปลดปล่อยออกมาในสนามรบอีกครั้ง ข้ายอมจ่ายค่าตอบแทนทุกอย่าง รวมทั้งการทำลายสวรรค์ชั้นที่สาม, สี่, ห้าและหกไป เพื่อโจมตีอาณาจักรขุนเขาทะเล”
เมื่อเสียงของมันดังก้องออกมา ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดก็หยุดชะงักนิ่ง และแสงแปลกๆ ก็เริ่มสาดประกายขึ้นมาในแววตาไห่เมิ่ง ขณะที่นางมองขึ้นไป สำหรับเมิ่งฮ่าว เขากำลังจะหมดสติไป และเจตจำนงแห่งความตายกำลังปกคลุมไปทั่วร่าง รู้ตัวดีว่าไม่อาจจะยืนหยัดได้นานมากนัก แต่ก็ยังคงกัดฟันแน่น มองขึ้นไปยังผู้ยิ่งใหญ่นอกคอกจากสวรรค์ชั้นหก
“ถ้าผู้ยิ่งใหญ่ขุนเขาทะเลหยุดต่อสู้ เปิ่นจุนก็จะไม่ปล่อยให้ดินแดนอันกว้างใหญ่โจมตีลงมา!” ผู้ยิ่งใหญ่นอกคอกกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เมื่อคำพูดของมันดังก้องออกมา สีหน้าไห่เมิ่งจื้อจุนก็เปลี่ยนไป นางลังเลอยู่เป็นเวลานาน เห็นได้ชัดว่าไม่ยินดีที่จะยอมจำนน แต่ในที่สุดก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาอันลึกล้ำ ภายใต้เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดก็ถอยไปทางด้านหลัง
ผู้ยิ่งใหญ่นอกคอกจากสวรรค์ชั้นหก แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา อันที่จริงมันไม่ต้องการจะทำลายสวรรค์ชั้นที่สามจนถึงชั้นที่หกไป มันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการทำสงคราม ดังนั้นจึงแค่ต้องการถ่วงเวลาจนกระทั่งสวรรค์ชั้นที่เจ็ดและชั้นอื่นๆ มาถึงเท่านั้น
มันไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่ถ้าเสวียนฟางยังอยู่ ก็คงจะมีโทสะเป็นอย่างยิ่งกับกลยุทธ์เช่นนี้ เสวียนฟางไม่สนใจต่อความเป็นตาย ยินดีที่จะทำลายดินแดนอันกว้างใหญ่ไป เพื่อป้องกันไม่ให้เมิ่งฮ่าวฟื้นฟูกลับคืนมา มันจะไม่ยอมให้อาณาจักรขุนเขาทะเลมีช่วงเวลาพักหายใจ หรือมีโอกาสได้เปรียบแม้แต่น้อย
ด้วยการใช้ดินแดนอันกว้างใหญ่ทั้งห้าเหล่านั้น กระแทกลงมาบนอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็น่าจะสามารถทำลายขุนเขาทะเลทั้งหมดลงไปได้ และบังคับให้อาณาจักรขุนเขาทะเลต้องทุ่มกำลังสำรองที่มีทั้งหมดออกมา ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกมันก็ไม่จำเป็นต้องรอให้สวรรค์ชั้นที่เจ็ดและชั้นอื่นๆ มาถึง ก็จะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด!
นอกจากนี้เมื่อทำการตัดสินใจแล้ว ต้องไม่ลังเลใดๆ มิเช่นนั้นจิตวิญญาณของกลุ่มคนนอกคอกก็จะถูกสะกดข่มไว้อีกครั้ง
ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ…การตัดสินใจของผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จริงๆ แล้วก็เป็นการถ่วงเวลาให้กับอาณาจักรขุนเขาทะเล การใช้สวรรค์ชั้นสองโจมตีมาเป็นกลยุทธ์ที่คาดไม่ถึง แต่ตอนนี้อาณาจักรขุนเขาทะเลจะต้องเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดเช่นนี้อีกครั้งแล้ว ด้วยเช่นนั้นการข่มขู่ด้วยการใช้ดินแดนอันกว้างใหญ่อื่นๆ ทั้งหมดมาโจมตี จึงเป็นเรื่องที่ไร้ความหายโดยสิ้นเชิง ทำให้การข่มขู่เช่นนี้ ไม่มีประสิทธิภาพแม้แต่น้อย!
แน่นอนว่านั่นคือเหตุผลที่ทำไมไห่เมิ่งจื้อจุนถึงได้เสแสร้งทำเป็นไม่สบายใจ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผู้ยิ่งใหญ่นอกคอก
และเป็นเหตุผลที่นางต้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้งอีกด้วย นอกจากนั้นการตัดสินใจนี้ก็เป็นเรื่องดีสำหรับอาณาจักรขุนเขาทะเล!
สงครามยังคงดำเนินต่อไป ทะเลแรกกำลังต่อสู้กันอย่างโหดเหี้ยมดุร้าย แต่ผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้เข้าร่วมด้วย เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะยืนหยัดได้อีกต่อไป หลังจากที่กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง ก็ล้มลงหมดสติไป
ขณะที่ร่างเขาตกลงมาจากท้องฟ้า ไห่เมิ่งจื้อจุนก็พุ่งตรงไปคว้าจับไว้ กลิ่นอายแห่งความตายที่ปกคลุมไปทั่วร่างเริ่มหนาแน่นมากขึ้น และร่างกายกำลังเน่าเปื่อยสลายไป อวัยวะภายใน กระดูก และเลือดเนื้อ…ต่างก็กลายเป็นเถ้าธุลีไป
ความโศกเศร้าเสียใจปกคลุมอยู่บนใบหน้าไห่เมิ่ง และนางกำลังจะเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บของเมิ่งฮ่าว แต่จู่ๆ เสียงเก่าแก่โบราณก็ดังก้องออกมาจากทางด้านหลัง เสียงนั้นทำให้นางต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
“ข้า มาแล้ว”