Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1423

ตอนที่ 1423

สุสานเมืองภูตผี

ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต มีสถานที่อันลี้ลับอย่างถึงที่สุดอยู่หลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่นกระแสน้ำวนโลงศพสีเขียว ในสถานที่เช่นนั้นกฎธรรมชาติแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตแตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้ฝึกตนยากที่จะผ่านเข้าไปได้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งเก้าแก่นแท้ก็ตามที

ถึงแม้เมิ่งฮ่าวจะไม่รู้ถึงต้นกำเนิดของมัน แต่ก็เริ่มตระหนักว่าสถานที่เช่นนั้น น่าจะถูกสร้างขึ้นมาจากผู้ฝึกตนที่อยู่ในจุดสูงสุด

มีแต่ใครบางคนที่อยู่ในจุดสูงสุดเท่านั้น ถึงจะสามารถสร้างสถานที่ซึ่งทำให้เป็นปัญหาสำหรับผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่เช่นนั้นก็มีอยู่น้อยมากและอยู่ห่างไกลออกไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต พวกมันมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น

สันนิษฐานว่าสถานที่บางแห่งเหล่านั้นอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับชางหมางเต้า บางแห่งก็อาจจะเกี่ยวข้องกับอาณาจักรเทพ ที่เหลือก็คงจะเกี่ยวข้องกับอาณาจักรมาร เห็นได้ชัดว่า…กองกำลังที่มีผู้ฝึกตนอยู่ในจุดสูงสุดทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานที่เช่นนั้น

บางแห่งก็เป็นที่รู้จักกันดี ในขณะที่บางแห่งถูกเก็บไว้เป็นความลับโดยกองกำลังที่ทรงพลังต่างๆ และถือว่าเป็นความลับสุดยอดในสำนักหรืออาณาจักรของพวกมัน เป็นความลับที่อาจจะเป็นอันตรายต่อกองกำลังเหล่านั้นถ้าถูกเปิดเผยออกไป ทำให้พวกมันต้องเก็บไว้เป็นความลับอยู่ตลอดเวลา

สุสานของปรมาจารย์ชางหมางก็เป็นสถานที่เช่นนั้น

ตำแหน่งที่ตั้งที่แท้จริงของสุสานนั้นไม่มีใครรู้ หนทางเดียวที่จะผ่านเข้าไปก็คือแท่นบูชาทั้งเก้าที่อยู่บนดาวครึ่งดวงของชางหมางพ่าย

ในอดีตที่ผ่านมา มีผู้คนคาดเดาว่าสุสานนั้นไม่ได้ตั้งอยู่ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของชางหมางพ่าย บางคนยังกล่าวด้วยว่ามันน่าจะตั้งอยู่ในโลกแห่งอื่น…ที่ซึ่งไม่มีกฎธรรมชาติอยู่เลย

เพราะว่าไม่มีกฎธรรมชาติอยู่ในที่แห่งนั้น จึงทำให้วิชาเวททั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายเมื่ออยู่ในสถานที่เช่นนั้น บางครั้งก็ยังไม่อาจจะใช้ออกมาได้อีกด้วย ซึ่งไม่สอดคล้องกับกลิ่นอายอันไร้ขอบเขตผู้ฝึกตน

เมื่อเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ปรากฏกายขึ้นมา ก็มองไปรอบๆ และเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวขยายยืดยาวออกไป

มันคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอย่างแท้จริง ไม่มีกลุ่มหมอกที่กระจายออกไปทั่วเหมือนอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต

มีดินแดนขนาดใหญ่อยู่เก้าแห่งกำลังลอยอยู่ที่เบื้องหน้าคนทั้งหมด เมื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียดก็สามารถจะมองเห็นว่า ดินแดนเหล่านั้นเชื่อมต่อกันด้วยสะพาน แต่สะพานเหล่านั้นก็ไม่เสถียรมั่นคง พวกมันกำลังแกว่งไหวไปมาอยู่ตลอดเวลา

รอบๆ ดินแดนอันกว้างใหญ่ทั้งเก้าดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยสนามอุกกาบาตที่ลอยไปมาอย่างไม่รู้จบ กระจายเป็นคลื่นความผันผวนที่แปลกๆ ออกมาเป็นระยะ กระตุ้นให้คนทั้งหมดเกิดความรู้สึกถึงอันตรายอันร้ายแรงขึ้นมา

มองไม่เห็นเส้นทางใดๆ แม้แต่น้อย

“ตอนนี้ก็มาอยู่ที่นี่กันแล้ว พวกเรามีเวลาไม่มากนัก เพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ทั้งหมดติดตามข้ามา จดจำไว้ว่าอย่าได้ไปผิดทาง อย่าไปแตะต้องสิ่งใดๆ ที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด, มนุษย์ หรือสิ่งใดๆ ก็ตาม ถ้าทำเช่นนั้น…ต่อให้อยู่ในระดับเก้าแก่นแท้ก็ยังต้องแตกดับไป” เจ้าสำนักกล่าวขึ้นพร้อมกับมองไปยังกลุ่มคนทั้งหมดเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ขยับตัวบินเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

คนอื่นๆ ทั้งหมดติดตามไปเหมือนดังเช่นก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีความระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิมขณะที่ติดตามไป

ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาทั้งสอง ตามหลังเมิ่งฮ่าวไป กวาดมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตัว

ในที่สุดกลุ่มคนทั้งหมดก็พุ่งผ่านสนามอุกกาบาตไป ดูเหมือนว่าเจ้าสำนักจะมีวิธีการบางอย่างให้เดินทางไปโดยที่ไม่ต้องพบเจอกับเวทป้องกันใดๆ หรือมีอุกกาบาตลอยผ่านเข้ามาในเส้นทางที่มุ่งหน้าไป แต่ผลลัพธ์ก็คือว่าเจ้าสำนักมีใบหน้าที่ซีดขาวลงเล็กน้อย ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งการพยากรณ์ เห็นได้ชัดว่าการนำกลุ่มคนไปเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำกันได้อย่างง่ายดาย

เวลาผ่านไป สองชั่วยามต่อมา เมิ่งฮ่าวก็สังเกตเห็นว่าหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ที่เบื้องหน้าจู่ๆ ก็หยุดชะงักนิ่ง และหันไปทางด้านข้างด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ

บุรุษผู้นี้สามารถจะทำให้ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตต้องสั่นสะเทือนด้วยการกระทืบเท้าลงไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และถูกถือได้ว่าเป็นผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของโลกหรืออาณาจักรใดๆ ก็ตาม แต่ก่อนที่จะมีใครบางคนกล่าวตักเตือนมันถึงอันตรายในที่แห่งนี้ ร่างกายมันก็คอดกิ่วลงราวกับเป็นลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออกมา ในชั่วพริบตาก็แห้งเหี่ยวลงไปจนกลายเป็นแผ่นหนังที่ถูกผึ่งจนแห้งกรัง

กระดูก, เลือดเนื้อ และทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวมันหลอมละลายไป จากนั้นก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่วิญญาณของมันก็ยังไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีจากไปได้ ตกตายไปโดยไม่ทันได้ส่งเสียงแผดร้องด้วยความหวาดกลัวแต่อย่างใด…

มีเพียงสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ก็คือผิวหนังของมัน ซึ่งค่อยๆ ลอยออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอย่างช้าๆ

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง และคนทั้งหมดก็รู้สึกว่าหนังศีรษะกำลังด้านชาด้วยความตกใจ ไม่มีใครพูดจาออกมา ขณะที่มองดูหนังผืนนั้นลอยออกไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังก้องขึ้น ซึ่งมาจากตำแหน่งที่พอจะสังเกตได้ว่าเป็นหนังผืนนั้นอย่างคาดไม่ถึง

“ถ้าต้องการมีชีวิตอยู่ ก็อย่าได้มองรอบๆ ไปทั่ว ให้มองไปยังคนที่อยู่เบื้องหน้าเท่านั้น พวกเราจะเดินไปตามเส้นทางนี้เป็นเวลาสามวัน ถ้าไปได้ด้วยดี พวกเราก็จะผ่านอาณาเขตแห่งนี้เข้าไปยังดินแดนแรกของสุสานท่านปรมาจารย์” เจ้าสำนักกล่าวขึ้น จากนั้นก็เดินตรงไปโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก

เมิ่งฮ่าวไม่พูดจาแต่ดวงตาก็แวบประกายขึ้นมา จากนั้นก็เดินต่อไป มองตรงไปยังผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านหน้าตนเองเท่านั้น

เวลาเลื่อนผ่านไป หนึ่งวันต่อมา หลังจากคิดคำนวณอยู่เล็กน้อย เมิ่งฮ่าวก็ได้ข้อสรุปว่าคนทั้งหมดเดินทางมาไกลถึงเจ็ดในสิบส่วนแล้ว และคงจะเข้าไปใกล้ดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรกในไม่ช้า

การเดินทางส่วนใหญ่แล้วมีแต่ความน่าตกใจแต่ก็ไร้อันตรายใดๆ ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้อีกคนที่ตายไป มันไม่ได้กลายเป็นผืนหนัง แต่เริ่มเน่าเปื่อยไปในทันที

ตอนแรกมันไม่ได้สังเกตเห็น จากนั้นคนที่อยู่ด้านหลังมันก็ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้หมุนตัวไปรอบๆ และเมื่อมองลงไปยังร่างกายของตนเอง ดงตาก็ต้องเบิกโพลงออกมา คนทั้งหมดเฝ้ามองไปขณะที่ร่างมันหลอมละลายกลายเป็นกลุ่มโลหิต หยดลงไปยังความว่างเปล่าที่ด้านล่าง

เมิ่งฮ่าวเฝ้ามองไปด้วยความระมัดระวังตัว อุกกาบาตที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ส่องแสงอันเลือนรางออกมาเป็นระยะ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบกริบ เป็นความเงียบราวความตาย

เจ้าสำนักเคลื่อนที่ไปด้วยความเชื่องช้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดก็บรรลุถึงจุดที่จำเป็นต้องใช้การคิดคำนวนเป็นเวลานาน ก่อนที่จะเคลื่อนที่ออกไปในแต่ละครั้ง หลังจากที่สังเกตดูเล็กน้อย เมิ่งฮ่าวก็ได้ข้อสรุปว่าวิธีการพยากรณ์และคิดคำนวณของเจ้าสำนัก ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับรูปแบบการเคลื่อนที่ของอุกกาบาตเหล่านั้น

ขณะที่เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เสียงแผดร้องด้วยความหวาดกลัวก็ได้ยินออกมาจากซูอี้ที่อยู่ด้านหลัง เมิ่งฮ่าวหมุนตัวไปและได้เห็นซินเยี่ยผู้งดงามหันหน้าไปทางด้านข้างด้วยสีหน้าที่งุนงง เริ่มพูดจากับใครบางคนที่มองไม่เห็น จากนั้นสีหน้านางก็เปลี่ยนไปและพยักหน้า ต่อมาท่าทางดีใจอย่างลืมตัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้านาง

แม้ในขณะที่นางพยักหน้า ร่างกายก็เริ่มแห้งเหี่ยวลงไป เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ยื่นมือออกไปแตะตรงหน้าผากของนาง

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างนาง และการแห้งเหี่ยวก็เชื่องช้าลงไปแต่ก็ยังไม่ยอมหยุด

สีหน้าซูอี้เปลี่ยนไปด้วยความวิตกกังวล นางกำลังจะปลดปล่อยวิชาเวทบางอย่างออกมาเพื่อช่วยเหลือ แต่ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นงุนงงด้วยเช่นกัน หันหน้าไปยังด้านข้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปในความว่างเปล่าราวกับว่าต้องการจะคว้าจับบางสิ่งบางอย่างไว้ จากนั้นร่างกายก็เริ่มแห้งเหี่ยวลงไปด้วยเช่นกัน

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้วลึกขึ้นกว่าเดิม และรีบลืมตาเต๋าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แผ่พุ่งพลังออกไป กลายเป็นกระแสน้ำวนที่ม้วนกวาดไปทั่วทุกทิศทาง

เวลาเดียวกันนั้นเจ้าสำนักและผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ก็หันหน้ากลับมามองยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ สีหน้าของเจ้าสำนักสลดลง หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ ก็กัดฟันแน่นและเดินตรงมายังเมิ่งฮ่าว สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ เปลี่ยนไปด้วยความลังเล แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าสำนักกำลังใกล้เข้าไป พวกมันก็กระทำเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะทันได้มีใครเข้ามาใกล้ จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ยกมือขึ้นมาและกล่าวว่า “ไม่ต้องเข้ามา ข้าสามารถจัดการได้”

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าบึ้งตึง แม้ในขณะที่พูด กลิ่นอายอันน่ากลัวก็เริ่มพุ่งขึ้นมาจากร่าง เปลี่ยนเป็นลมพายุอันกราดเกรี้ยวอย่างรวดเร็ว

เจ้าสำนักและผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการเข่นฆ่าสังหาร แต่หลังจากที่ได้เห็นกลิ่นอายอันน่ากลัวของเมิ่งฮ่าว ม่านตาพวกมันก็ต้องหรี่เล็กลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตี้ลิ่วจื้อจุนที่อ้าปากค้างขึ้นมา

มันเป็นกลิ่นอายที่เข้มข้นจนผู้คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจะเทียบได้ แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่กลุ่มนี้ก็ไม่มีใครสามารถจะเทียบได้

“มันสังหารผู้คนมาแล้วเท่าใดกัน…?”

“เหล่าฟูไม่เคยพบเห็นใครที่เคยสังหารผู้คนมาอย่างมากมายเช่นนี้มาก่อน!!”

“หรือว่าตี้จิ่วจื้อจุนผู้นี้จะเป็นดาวเพชฌฆาต…?” ทั้งผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ และแปดแก่นแท้ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกมัน ต่างก็สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง

“มันต้องเป็น…เมิ่งฮ่าวอย่างแน่นอน!” เจ้าสำนักคิด ราวกับว่ากลิ่นอายอันน่ากลัวที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวจะประกอบไปด้วยวิญญาณที่กำลังกรีดร้องอยู่นับไม่ถ้วน

เมื่อครู่นี้…

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่มองไปรอบๆ บริเวณนั้นด้วยตาดวงที่สาม และมองเห็นโลกที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง!

ภายในความว่างเปล่าของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวคือเมืองที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร อุกกาบาตที่อยู่รอบๆ คนทั้งหมดจริงๆ แล้วก็คืออาคารบ้านเรือนของเมืองนั้น และทั้งหมดนั้นก็ดูเก่าแก่โบราณอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับว่ามันไม่ได้คงอยู่ในยุคสมัยนี้

สิ่งที่ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้านมากขึ้นกว่าเดิมก็คือว่า คนทั้งหมด…ถูกห้อมล้อมด้วยเงาร่างนับไม่ถ้วนอย่างคาดไม่ถึง มีทั้งบุรุษและสตรี ชราและเยาว์วัย พวกมันทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตน กระจายออกไปทั่วทุกที่ และถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะแค่เดินไปมาอย่างเรียบง่ายเท่านั้น แต่ก็จะหันมามองยังเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่เป็นระยะ

เงาร่างเหล่านั้นดูเลือนราง ใบหน้าซีดขาว และร่างกายก็ไร้ซึ่งพลังชีวิตใดๆ อันที่จริงสิ่งที่เต็มอยู่ในบริเวณแห่งนี้ทั้งหมดก็คือกลิ่นอายแห่งความตายอันไร้ขอบเขต

มีสตรีหลายนางกำลังยืนอยู่ที่ข้างกายซินเยี่ย ยิ้มออกมาขณะที่รุมทึ้งเสื้อผ้าของนาง ราวกับว่าพวกมันกำลังพยายามที่จะทำให้นางกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง เรื่องเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นกับซูอี้ด้วยเช่นกัน

อย่างน่าตกใจยิ่ง ยังมีบางเงาร่างที่อยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว กำลังยื่นมือออกมาคว้าจับเขาไว้อีกด้วย!

เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อตระหนักว่าสถานที่แห่งนี้จริงๆ แล้วก็คือ…เมืองภูตผี!!

จากระดับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว ทำให้สามารถจะบอกได้ว่าเงาร่างทั้งหมดเหล่านั้นคือภูตผี และมีอยู่เป็นจำนวนมากจนไม่อาจจะนับได้

เพียงช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากที่ดวงตาที่สามของเมิ่งฮ่าวลืมขึ้นมา และมองไปรอบๆ บริเวณนั้น ภูตผีทั้งหมดในเมืองนั้นก็หยุดชะงักในสิ่งที่พวกมันกำลังกระทำอยู่ และหันหน้ามองมา สายตานับไม่ถ้วนต่างก็จ้องนิ่งมายังร่างเมิ่งฮ่าว

ขณะที่แสงแปลกๆ เริ่มพุ่งออกมาจากดวงตาพวกมัน แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนที่พวกมันจะเริ่มกรีดร้องอย่างไร้เสียงออกมา และจากนั้นก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความบ้าคลั่ง

การที่ถูกห้อมล้อมด้วยภูตผีมากมายเช่นนี้ ทำให้แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังต้องรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในท่ามกลางเสียงสาปแช่ง พลังชีวิตกำลังจางหายไป และกลิ่นอายแห่งความตายก็เริ่มปกคลุมไปทั่วร่าง

นั่นคือตอนที่กลิ่นอายอันน่ากลัวของเมิ่งฮ่าว จู่ๆ ก็ปะทุขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง สร้างเป็นกระแสน้ำวนที่ม้วนกวาดออกไปในทั่วทุกทิศทาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!