ตอนที่ 1426
รังสีสังหารโหมกระหน่ำ
เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงความจริงใจของเจ้าสำนัก เมื่อคำพูดของมันดังก้องออกไป ก็สามารถจะมองเห็นระลอกคลื่นคำสาบานแห่งเต๋า ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ามันกำลังสาบานด้วยเต๋าของตนเอง เพื่อเน้นย้ำว่ามันพูดความจริง
ยกเว้นตี้ลิ่วจื้อจุนและตี้ปาจื้อจุนแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ต่างก็ไม่มีความคิดที่จะเป็นศัตรูกับเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้สึกเป็นมิตรกับเขาก็ตาม แต่พวกมันก็ยังคงประสานมือและโค้งตัวลง
เมิ่งฮ่าวสังเกตดูสะพานอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้า ในตอนนี้ความสนใจเกี่ยวกับสุสานของเมิ่งฮ่าวไม่ได้น้อยไปกว่าเจ้าสำนักแต่อย่างใด
“ขอบคุณมาก!” เจ้าสำนักกล่าวตอบ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และโบกสะบัดมือออกไป จากนั้นหนึ่งในผู้บังคับบัญชาแปดแก่นแท้ของมันก็ก้าวเดินตรงมา หลังจากที่ประสานมือให้กับกลุ่มคนทั้งหมด ก็เดินขึ้นไปบนสะพาน จากนั้นก็มองมายังเมิ่งฮ่าว
หลังจากที่ทำการศึกษาดูเล็กน้อย เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะบอกได้ว่าตรงส่วนไหนของสะพานที่มีความผันผวนน้อยที่สุด “ตรงตำแหน่งสามจ้างคือจุดอ่อนแอของเวทป้องกัน ซึ่งยากจะหลีกเลี่ยงได้”
เมื่อสังเกตดูมากขึ้นสะพานก็เผยให้เห็นถึงตำแหน่งเช่นเดียวกันนี้ แต่ก็ยังมีตำแหน่งอื่นๆ ที่มีความผวนผันอันทรงพลังจนทำให้เมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้านขึ้นมา
สะพานไม่ใช่สิ่งของทั่วไปแต่มีชีวิต และความผันผวนของเวทป้องกันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น เมื่อเดินไปบนสะพานไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เห็นได้ชัดว่าความผันผวนนั้นเหมือนกับกระแสน้ำที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้หลากหลายรูปแบบ
ต้นกำเนิดของเวทป้องกันทั้งหมดนั้น…คือส่วนแขนที่ยืดยาวออกมาจากเลือดเนื้อที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นสะพาน ซึ่งกำลังขยับร่ายเวทอย่างต่อเนื่อง และปลดปล่อยเครื่องหมายผนึกออกมา!
ผู้ฝึกตนแปดแก่นแท้ก้าวเดินตรงไป และเหยียบลงไปยังตำแหน่งสามจ้างที่
เมิ่งฮ่าวบอกไว้ เสียงแตกร้าวดังก้องออกมาอย่างเลือนราง และผู้ฝึกตนนั้นก็สั่นสะท้านไปมา แต่หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ก็สามารถระงับสติได้
เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ว่าเท้าที่เหยียบย่างลงไปของผู้ฝึกตนแปดแก่นแท้ ทำให้ดวงตาสีแดงที่อยู่ภายในกลุ่มหมอกรีบพุ่งตรงมายังมัน แต่ก่อนที่จะทันได้เข้ามาใกล้ ดวงตาเหล่านั้นก็หมุนคว้างออกไปพร้อมกับเสียงแผดร้องที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ
“ข้างหน้าเก้าจ้าง!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น ผู้ฝึกตนแปดแก่นแท้เดินตรงไปยังตำแหน่งที่สองซึ่งเขาพูดออกมาในทันที เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็เคลื่อนที่ตรงไป กลายเป็นคนที่สองที่เหยียบย่างลงไปบนสะพาน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดทำให้สามารถจะมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ได้ชัดเจนมากที่สุด
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวก้าวลงไปบนสะพาน ดวงตาที่สามก็เผยให้เห็นถึงแขนนับไม่ถ้วนที่จู่ๆ ก็หยุดชะงักนิ่งไปทั้งหมด จากนั้นก็ทำการร่ายเวทด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ และเริ่มกล่าวขึ้นว่า
“เบื้องหน้าเจ็ดจ้าง จากนั้นก็อีกสิบเอ็ดจ้าง จากนั้นก็สี่จ้าง, แปดจ้าง, สามสิบจ้าง, สิบเจ็ดจ้าง…”
ด้านหลังเมิ่งฮ่าวตามมาด้วยผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้อีกคน
และจากนั้นก็เป็นกลุ่มคนอื่นๆ ในตอนนี้ผู้ฝึกตนแปดแก่นแท้คนแรกได้บรรลุถึงตำแหน่งสุดท้ายที่เมิ่งฮ่าวบอกไปแล้ว ทำให้บนสะพานมีอยู่หลายคนแล้ว
นอกจากเมิ่งฮ่าวแล้วก็ยังมีแม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้อีกสองคนในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เชื่อถือเมิ่งฮ่าวมากนัก จึงเลือกที่จะส่งผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้และเก้าแก่นแท้ออกมา เพื่อให้มั่นใจว่าถึงแม้เมิ่งฮ่าวจะมีเจตนาร้าย แต่ก็สามารถจะทำได้แค่ครั้งเดียวหรือสองครั้งเท่านั้นก่อนที่พวกมันจะจับตัวเขาไว้ได้
ตราบเท่าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นครุ่นคิด ความหวังที่จะเข้าไปสู่จุดสูงสุดก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง!
สำหรับผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้ การเข้าไปสู่จุดสูงสุดคือสิ่งที่ไกลเกินกว่าระดับในตอนนี้ของพวกมัน แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งแปดแก่นแท้แล้ว มันมีความหมายมากขึ้น ถึงแม้ว่าพวกมันไม่อาจจะเข้าไปสู่จุดสูงสุดได้จริงๆ แต่การได้รับความรู้แจ้งของวิธีการเข้าไปสู่จุดสูงสุด ก็ช่วยให้พวกมันสามารถจะพุ่งทะยานขึ้นไป และอาจจะสามารถทะลวงผ่านเข้าไปในระดับเก้าแก่นแท้ได้อีกด้วย
เวลาเลื่อนผ่านไป ดวงตาที่สามของเมิ่งฮ่าวเริ่มกลายเป็นสีแดงก่ำอย่างช้าๆ และต้องใช้พลังจิตเพิ่มมากขึ้น เวทป้องกันบนสะพานกำลังเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างต่อเนื่อง เมิ่งฮ่าวจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ตอนแรกเหตุการณ์ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่ในที่สุดก็เริ่มเชื่องช้าลงไปเรื่อยๆ เมื่อมาถึงจุดนี้ผู้ฝึกตนคนแรกที่เดินไปบนสะพานก็ข้ามผ่านไปแล้วประมาณสามในสิบส่วน
มีอยู่หลายครั้งที่กลุ่มหมอกรอบๆ บริเวณนั้นได้พุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนนั้น แต่ก่อนที่มันจะทันได้เข้ามาใกล้ก็ถูกขับออกไป เสียงแผดร้องคำรามจากภายในกลุ่มหมอกเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น และดวงตาที่สามของเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยมากขึ้น ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ที่เบื้องหน้ากำลังเคลื่อนที่ไปด้วยใบหน้าที่ซีดขาว ทันใดนั้นมันก็หยุดลงชั่วขณะ กระอักโลหิตออกมาและเริ่มแห้งเหี่ยวลงไป กลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ ตัวมันเริ่มส่งเสียงกรีดร้องด้วยความดีใจ และพุ่งตรงมา ในชั่วพริบตามันก็แทบจะถูกกลืนกินเข้าไปแล้ว
ในตอนนั้นเองที่เมิ่งฮ่าวยื่นมือขวาออกไปและทำท่าคว้าจับ จับร่างผู้ฝึกตนแปดแก่นแท้นั้นไว้และส่งมันกลับไปทางด้านหลัง ผู้ยิ่งใหญ่ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ กัดฟันแน่น และบินตรงไปแทนที่ยังตำแหน่งด้านหน้านั้น
ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะช่วยชีวิตไว้ มองกลับมาด้วยความสำนึกขอบคุณ เมิ่งฮ่าวพยักหน้าให้และทำการสังเกตดูอย่างละเอียดมากขึ้น จากนั้นกลุ่มคนทั้งหมดก็เดินข้ามสะพานต่อไป
สามในสิบส่วน สี่ในสิบส่วน ห้าในสิบส่วน หกในสิบส่วน…หลายวันต่อมาคนทั้งหมดก็ข้ามสะพานไปแล้วเจ็ดในสิบส่วน ชางหมางพ่ายไม่เคยลืมจุดที่พวกมันเคยพยายามมาก่อนจากในอดีตที่ผ่านมา
ในตอนนี้ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้คนแล้วคนเล่า ถูกส่งออกไปยังตำแหน่งเบื้องหน้า ในที่สุดก็บรรลุถึงจุดที่ตำแหน่งเหล่านั้นมีร่างจำแลงของเจ้าสำนักและของผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากทีสุดคนอื่นๆ อยู่ด้วย
ร่างจำแลงเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งกว่าผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้คนอื่นๆ ทำให้พวกมันสามารถจะอยู่ตรงตำแหน่งด้านหน้าได้ยาวนานกว่าเดิม ในที่สุดคนทั้งหมดก็ก้าวข้ามไปได้แปดในสิบส่วน และหลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็บรรลุถึงเก้าในสิบส่วน!
ดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรกมองเห็นได้ไม่ไกลอีกต่อไป ตอนนี้มันยืดยาวออกไปอยู่ที่เบื้องหน้าของคนทั้งหมดอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
มองเห็นความตื่นเต้นอยู่บนใบหน้าของเจ้าสำนัก และคนทั้งหมดก็เป็นเช่นเดียวกัน พวกมันปรารถนาที่จะข้ามสะพานไปจนสุดทาง…และผ่านเข้าไปในเขตสุสานของปรมาจารย์ชางหมาง ซึ่งอยู่บนดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรกนี้
เวลาเลื่อนผ่านไปอีกครั้ง เสียงกู่ร้องที่อยู่ภายในกลุ่มหมอกมีความเข้มข้นมากกว่าเดิม และมักจะพุ่งตรงมายังผู้ฝึกตนอยู่เป็นระยะ
แต่เพราะว่ามีเมิ่งฮ่าวเป็นผู้นำ รวมทั้งสามารถจะข้ามผ่านเวทป้องกันที่แข็งแกร่งมากที่สุด และสะกดข่มส่วนที่อ่อนแอได้ ทำให้กลุ่มหมอกไม่มีโอกาสที่จะมาแตะต้องสัมผัสโดนคนทั้งหมด
หลังจากที่ผ่านจุดเก้าสิบเก้าในร้อยส่วนมาได้ บุคคลที่อยู่ในตำแหน่งหน้าสุดก็อยู่ห่างจากจุดสิ้นสุดของสะพานไปไม่ถึงหนึ่งหมื่นจ้าง สำหรับมนุษย์ธรรมดาแล้ว มันคือระยะทางที่ห่างไกลเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับผู้ฝึกตนเช่นนี้ ก็เป็นระยะทางที่สามารถจะก้าวข้ามไปได้เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ถ้าไม่มีเวทป้องกันเช่นในตอนนี้
“พวกเราแทบจะถึงแล้ว!”
“สุสานของดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรกอยู่ตรงเบื้องหน้าแล้ว!!”
“พวกเราเฝ้ารอคอยวันนี้มานานหลายปีแล้ว และตอนนี้มันก็มาอยู่กับพวกเราแล้ว!” คนทั้งหมดมีท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเมิ่งฮ่าวดวงตาที่สามเกิดความรู้สึกเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด การใช้มันด้วยระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ ทำให้พลังการฝึกตนของเขาต้องเหือดแห้งหายไปอย่างรวดเร็ว และทำให้เขาต้องหาโอกาสหยุดพักมาตลอดทาง
ตอนนี้เมื่อเหลืออยู่อีกเพียงแค่หนึ่งหมื่นจ้างเท่านั้น เมิ่งฮ่าวก็เริ่มปิดดวงตาที่สามเพื่อพักผ่อนและฟื้นฟู แต่ทันใดนั้นเองความรู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาก็ระเบิดขึ้นในจิตใจ ที่มาของอันตรายนั้นคือเงาร่างที่อยู่ภายในส่วนลึกของหุบเหวตรงด้านล่าง
ซึ่งก็คือยักษ์สามหัวนั่นเอง!
ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะมองเห็นยักษ์ที่เคยเห็นในตอนแรกได้แม้แต่น้อย เขาเคยค้นหามันแต่ก็ไม่พบเห็นร่องรอยใดๆ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกถึงมันได้อีกครั้ง
ไม่มีใครสามารถจะมองเห็นมันได้ แต่ก็รู้สึกได้ถึงอากาศที่หนาวเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกำลังพุ่งขึ้นมา ดวงตาที่สามของเมิ่งฮ่าวเปิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง และความอ่อนล้าจากก่อนหน้านี้ก็หายไปแล้วในตอนนี้
เมิ่งฮ่าวเคยเฝ้าสังเกตดูและมีความฉลาดอย่างลึกซึ้ง จึงได้ข้อสรุปมานานแล้วว่ายักษ์สามหัวกำลังเฝ้ารอคอยโอกาสที่เหมาะสมเพื่อลงมือ ตลอดช่วงของการเดินทางที่ผ่านมานี้ เมิ่งฮ่าวมักจะหยุดพักเป็นระยะเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นแค่การเสแสร้งเท่านั้น ช่วงเวลาทั้งหมดนั้น เขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้อยู่ตลอดเวลา
ยักษ์สามหัวแผดร้องคำรามออกมา และสายลมอันหนาวเย็นก็ยิ่งเหน็บหนาวมากขึ้นกว่าเดิม กลายเป็นลมพายุอันดุร้ายพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวที่อยู่บนสะพาน
เมิ่งฮ่าวหยุดชะงักนิ่งอยู่ในความว่างเปล่า แค่นเสียงเย็นชาออกมา ขยับมือขวาร่ายเวทและจากนั้นก็ชี้นิ้วตรงไปยังยักษ์สามหัว พลังอันแข็งแกร่งกระแทกลงไป ส่งผลให้มันลอยละลิ่วปลิวกลับลงไปในหุบเหว
เมิ่งฮ่าวไม่ได้ไล่ตาม แต่หมุนตัวกลับไปบนสะพาน แต่ในตอนนี้เองสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น!
ทันใดนั้นตี้ลิ่วจื้อจุนและตี้ปาจื้อจุนก็รวมพลังกันเพื่อปลดปล่อยแก่นแท้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ ให้พุ่งกระแทกตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้สีหน้าของเจ้าสำนักต้องเปลี่ยนไป มันกำลังจะก้าวเดินตรงมาเพื่อสอดมือเข้าไป แต่เงาร่างสีดำก็ปรากฏขึ้นที่ด้านข้าง และยื่นมือออกมาขัดขวางมันไว้ ซึ่งก็คือชายชราที่อยู่ในพายุทรายซึ่งเคยมาหาเมิ่งฮ่าวตอนที่เขาอยู่ในช่วงการเข้าฌาณตามลำพัง
“ซาจิ่วตง เจ้ากำลังทำอะไร?!” แม้ในขณะที่เจ้าสำนักมีใบหน้าบูดบึ้ง สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไป เมิ่งฮ่าวเคยช่วยเหลือพวกมันมาตลอดช่วงของการเดินทางนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้หลายคน เมิ่งฮ่าวได้ช่วยชีวิตพวกมันไว้ทั้งหมด และด้วยเช่นนั้นทำให้พวกมันเต็มไปด้วยโทสะในทันที แต่ก็มีเวลาน้อยมากที่พวกมันจะสอดมือเข้ามาได้
เมื่อพวกมันกำลังจะขยับตัวเคลื่อนไหว ก็มีเงาร่างๆ หนึ่งก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอยู่ทางด้านหลังตี้ลิ่วจื้อจุนและตี้ปาจื้อจุน เป็นบุรุษหนุ่มในชุดยาวสีทอง ซึ่งเปล่งประกายเป็นแสงสีทองออกมา
มันคือหนึ่งในสี่ผู้แข็งแกร่งเก้าแก่นแท้ขั้นสูงสุดแห่งชางหมางพ่าย!
รังสีสังหารพุ่งกระจายออกมาจากแววตา ขณะที่มันจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว และยื่นมือขวาออกไป แสงสีทองพุ่งออกมาอยู่รอบๆ ตัว และเสียงกระหึ่มก็ได้ยินมา เมื่อพลังที่มองไม่เห็นปะทุออกไป นั่นคือพลังของระดับเก้าแก่นแท้ขั้นสูงสุด เมื่อรวมเข้ากับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกปลดปล่อยออกมาโดยตี้ลิ่วจื้อจุนและตี้ปาจื้อจุน ก็เกิดเป็นพลังที่สามารถจะบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มาขวางทางมันได้
แม้ในขณะที่รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว เสียงแผดร้องคำรามของยักษ์สามหัวก็ดังก้องขึ้นมาจากด้านล่าง มันพุ่งทะยานขึ้นมาอีกครั้ง ยื่นมือออกมาคว้าจับเมิ่งฮ่าวไว้
ด้านบนเป็นการรวมพลังโจมตีมาของสามผู้ยิ่งใหญ่ ด้านล่างคือยักษ์สามหัวที่ดูเหมือนว่าจะไร้เทียมทาน ที่ปกคลุมอยู่รอบตัวมันคือกลุ่มหมอก โชคดีที่มีดวงตาที่สามทำให้เมิ่งฮ่าวมองเห็นว่าตอนนี้มันกำลังพุ่งตรงมา
ในตอนนี้สิ่งที่อยู่ภายในกลุ่มหมอกต่างก็เกลียดชังเมิ่งฮ่าว เต็มไปด้วยความต้องการจะล้างแค้น ถ้าไม่มีเขาอยู่ พวกมันก็คงสามารถจะกลืนกินผู้ฝึกตนที่อยู่บนสะพานได้อย่างมากมาย รวมทั้งข้อมูลในจิตใจของกลุ่มคนเหล่านั้นอีกด้วย
แต่ตอนนี้พวกมันไม่อาจจะทำได้แม้แต่ครั้งเดียว จึงแผดร้องคำรามพุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวบูดบึ้ง ถึงแม้ว่าจะมีการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า แต่การโจมตีในครั้งนี้ก็ถูกวางแผนมาอย่างยอดเยี่ยม ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก ความเป็นจริงก็คือว่าในตอนที่ตี้ลิ่วจื้อจุนเริ่มหาเรื่องตนเอง เขาก็คาดเดาแล้วว่าต้องมีผู้แข็งแกร่งบางคนหนุนหลังมันอยู่
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร ขยับสองมือร่ายเวทและปลดปล่อยเวทผนึกอสูรออกไป ด้วยความเชื่อมั่นว่าสามารถจะทำให้ช่วงเวลาย้อนกลับไปได้ ถึงแม้ว่าเขาไม่อาจจะต่อสู้กับศัตรูได้โดยตรง แต่อย่างน้อยก็สามารถจะกลับไปยังสะพาน ตรงตำแหน่งที่เจ้าสำนักและคนอื่นๆ สามารถจะช่วยเหลือได้
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เองที่ความผันผวนอันเข้มข้นก็เริ่มกระจายออกมาจากตะเกียงสัมฤทธิ์ เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเรียกหาตนเองจากในส่วนลึกของหุบเหว เป็นบางสิ่งที่ต้องการให้เขาลงไป!
“หลัวเทียนหวาดกลัวเซียน…มา…มา…มา…”