ตอนที่ 1495
โลกแห่งน้ำแข็งและเปลวไฟ
“เป็นท่าน…?” เสียวเป่ากล่าวด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน นี่คือใบหน้าที่เขาไม่เคยลืมเลือน ในความมืดมิด ช่วงเวลาที่ตนเองเดียวดายมากที่สุดในชีวิต ใบหน้านี้คือความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวที่เขารู้สึกได้
ในที่สุดมือของเสียวเป่าก็เลื่อนออกไปจากใบหน้านาง ยิ้มด้วยความอบอุ่นและมีความสุขออกมา
หลายปีผ่านไปในชั่วพริบตา
ชีวิตที่เก้าของร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวดำเนินไปอย่างเงียบสงบบนทวีปแรก เวลาเดียวกันนั้นร่างจริงเมิ่งฮ่าวก็อยู่ในบุปผาขนาดใหญ่ตรงด้านนอกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ในท่ามกลางการค้นหาเศษชิ้นส่วนสุดท้ายของกระจกทองแดง!
ตอนนี้เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในโลกที่หนาวเย็นเหนือพื้นน้ำแข็ง “เมื่อไหร่ที่ข้าได้เศษกระจกชิ้นสุดท้ายนี้ การรวบรวมของข้าก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และสามารถจะ…เรียกกระจกทองแดงให้กลับมาหาข้าได้!”
ทุกแห่งหนที่เขามองออกไปก็เห็นแต่น้ำแข็งเท่านั้น มีต้นไม้ใบหญ้าอยู่บ้าง แต่พวกมันก็ถูกแช่แข็งไปอย่างเห็นได้ชัด ดูงดงามราวกับเป็นรูปปั้นที่ถูกแกะสลักขึ้นมาจากน้ำแข็ง
“ช่างเป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดนัก…”
เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกายเจิดจ้าขึ้น เขาทำการค้นหาชิ้นส่วนของกระจกทองแดงในพื้นที่แห่งนี้ ตั้งแต่ที่เข้ามาในบุปผาดอกนี้ แต่ความหนาวเย็นในที่แห่งนี้ก็รุนแรงมากจนสามารถจะทำให้ผู้แข็งแกร่งเก้าแก่นแท้ก็ยังต้องตกใจกลัว กดทับลงมาบนร่างเขาอยู่ตลอดเวลา พยายามจะเปลี่ยนให้เขากลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง เหมือนกับสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดในบริเวณนี้
หลังจากที่พักผ่อนไปเล็กน้อย เขาก็เดินทางเข้าไปในโลกแห่งน้ำแข็งอีกครั้ง ไม่ว่าจะทำการค้นหาอย่างไร ก็ไม่อาจจะพบเห็นเศษชิ้นส่วนกระจกทองแดง แต่ก็สามารถจะรับรู้ได้ว่ามันอยู่ที่ไหนสักแห่ง ภายในบุปผาขนาดใหญ่นี้
เมื่อเมิ่งฮ่าวเดินทางต่อไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแผดร้องคำรามที่ทรงพลัง ดังก้องออกมาจากที่ห่างไกล น้ำแข็งที่อยู่รอบๆ ตัวสั่นไหวไปมา และรอยแตกร้าวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของมัน
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว หันหน้าไปมองทางด้านหลัง ที่ห่างไกลออกไป มองเห็นเป็นภูเขาขนาดใหญ่ มีความสูงถึงหนึ่งแสนจ้าง ยอดเขาแทงทะลุขึ้นไปในกลุ่มเมฆที่ด้านบน ตอนนี้ภูเขาลูกนั้นกำลังสั่นสะท้านไปมา อันเนื่องมาจากเสียงแผดร้องคำรามที่เพิ่งจะได้ยินนี้
เมื่อมองไปอย่างละเอียดก็พบว่า เขาไม่ได้กำลังมองไปยังภูเขา แต่เป็นยักษ์ขนาดใหญ่ตนหนึ่ง ตอนนี้ยักษ์ตนนั้นกำลังพยายามจะลุกขึ้นมายืนจากท่านั่งขัดสมาธิ แต่สัญลักษ์แก่นแท้ผนึกอันทรงพลังก็ปกคลุมอยู่รอบๆ ตัวมัน ป้องกันไม่ให้ทำเช่นนั้นได้
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา ยักษ์ที่สูงหนึ่งแสนจ้างนี้คือสิ่งมีชีวิตตนแรก หลังจากที่เขาผ่านเข้ามาในสถานที่แห่งนี้เมื่อยี่สิบปีก่อน ในทันทีที่มันมองเห็นเขา ก็เปลี่ยนจากภูเขากลายเป็นยักษ์ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร เริ่มต้นต่อสู้กับเขา
การพูดคุยสื่อสารเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เมิ่งฮ่าวพยายามจะแสดงออกถึงเจตนารมณ์อันดี แต่มันก็ไม่สนใจโดยสิ้นเชิง รังสีสังหารกลับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เมิ่งฮ่าวจึงเริ่มต่อสู้กับมันด้วยโทสะ
ยักษ์ที่สูงหนึ่งแสนจ้างไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเมิ่งฮ่าว แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่อาจจะสังหารให้ตายลงไปได้ ตลอดทั้งยี่สิบปีที่ผ่านมา เมิ่งฮ่าวต่อสู้และทำให้มันต้องพ่ายแพ้ไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจจะกำจัดมันไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าไม่ต้องการจะต่อสู้อีกต่อไป และทำการผนึกมันไว้ในสถานที่แห่งนั้น เพื่อให้ตนเองสามารถค้นหาชิ้นส่วนกระจกทองแดงได้อย่างสงบสุข ตอนนี้ยักษ์ตนนั้นกำลังพยายามทำลายผนึกเพื่อให้หลุดพ้นเป็นอิสระออกมา
เมิ่งฮ่าวมองไปทางอื่น ไม่สนใจยักษ์ตนนั้น ขณะที่ทำการค้นหาต่อไป
ผ่านไปหลายปี เขายังคงบินไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ตระหนักว่าความหนาวเย็นอันน่ากลัวเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งก็ไม่รู้สึกหนาวเย็นอีกต่อไป
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า ข้ากำลังผ่านเข้าไปในเขตพื้นที่อีกแห่ง?” เมิ่งฮ่าวครุ่นคิด เร่งความเร็วขึ้น ไม่กี่เดือนต่อมา ก็ไปลอยตัวอยู่กลางอากาศ มองออกไปยังที่ห่างไกล คาดไม่ถึงว่าจะพบเห็นเมืองจำนวนมากอยู่ภายในดินแดนน้ำแข็งแห่งนี้
เมืองเหล่านั้นกระจัดกระจายกันออกไปอย่างไร้ระเบียบแบบแผน และมีอยู่เป็นจำนวนมากนับหมื่นเมือง นอกจากนี้เมืองเหล่านั้นก็เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน
เมืองทั้งหมดมีขนาดใหญ่โตเป็นอย่างมาก เมืองที่อยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเลและดาวชางหมาง คล้ายกับเป็นของเด็กเล่นเท่านั้น เมื่อเทียบเมืองเหล่านี้
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่น ตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิด ตลอดช่วงหลายปีที่ใช้เวลาในการค้นหาเศษชิ้นส่วนกระจกทองแดง เขาเคยพบเห็นโลกต่างๆ มามากมาย ได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนมาทั้งหมด บ้างก็ดูคล้ายกับสัตว์ป่า บ้างก็มีร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นมาจากกลุ่มหมอก
ตอนแรกเมิ่งฮ่าวรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้เห็นสิ่งมีชีวิตเช่นนั้น แต่หลังจากที่ผ่านไปสักระยะ ก็กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไป ตอนนี้ได้ตระหนักแล้วว่าภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตแห่งนี้ มีสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอยู่นับไม่ถ้วน
เมิ่งฮ่าวมองไปยังเมืองที่เบื้องหน้าขึ้นไป ถึงแม้ว่าจะอยู่ค่อนข้างห่างไกลออกไป ก็ยังคงมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในเมืองเหล่านั้น
พวกมันดูคล้ายคลึงกับผู้ฝึกตน ยกเว้นว่ามีขนาดใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่แล้วจะมีความสูงนับสิบจ้าง คล้ายกับภูเขาที่เคลื่อนที่ไปมา แม้แต่เหล่าเด็กทารกในท่ามกลางพวกมัน ก็ยังมีความสูงอย่างน้อยก็หนึ่งจ้าง
ผู้ที่แก่ชรามากที่สุดมีความสูงมากกว่าหนึ่งร้อยจ้าง และบางคนก็สูงถึงหนึ่งพันจ้าง ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว ทำให้สามารถจะรับรู้ได้ถึงผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่มคนเหล่านั้น มันคือยักษ์ตนหนึ่งที่อยู่ในระดับเก้าแก่นแท้ขั้นต้น และมีความสูงอย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นจ้าง
ยักษ์ตนนั้นไม่ได้อยู่ภายในเมืองใดเมืองหนึ่ง แต่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในรูปแบบของภูเขา
อย่างไรก็ตาม จากความผันผวนของกลิ่นอายยักษ์ตนนั้น ก็สามารถจะบอกได้ว่ามันกำลังระเบิดเป็นพลังชีวิตออกมา ที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆ ยักษ์ตนนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังอื่นๆ ในรูปแบบของภูเขา ไม่มีใครสูงถึงหนึ่งหมื่นจ้าง แต่ก็มีอยู่หลายร้อยตนที่สูงถึงห้าพันจ้าง
ยักษ์เหล่านั้นเป็นเผ่าพันธุ์พื้นเมืองของโลกแห่งนี้ และเมิ่งฮ่าวก็สามารถจะบอกได้ว่าพวกมันเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับยักษ์ภูเขาน้ำแข็งที่สูงหนึ่งแสนจ้างซึ่งตนเองเคยเห็นมาจากก่อนหน้านี้
ที่ห่างไกลออกไปกว่านั้น เมิ่งฮ่าวต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าเป็นจุดสิ้นสุดของอาณาจักรน้ำแข็ง เขามองเห็นพื้นที่ราบสีเขียวอันกว้างใหญ่ไพศาล
มองเห็นเมืองนับไม่ถ้วนอยู่บนพื้นที่ราบนั้นด้วยเช่นกัน เชื่อมต่อเข้าด้วยกันเพื่อก่อตัวเป็นบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับเป็นกำแพง ภายในเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายกับผู้ฝึกตน ทั้งหมดนั้นมีความสูงตามปกติทั่วไป แต่มีปีกงอกออกมาจากแผ่นหลังของพวกมัน
ปีกสองข้างนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ขึ้นอยู่กับระดับพื้นฐานฝึกตน ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีสีแดงเจิดจ้ามากขึ้นเท่านั้น
“ช่างเป็นโลกที่น่าสนใจจริง ส่วนหนึ่งเป็นน้ำแข็ง อีกส่วนอบอุ่น…ไม่ถูกต้อง นี่คือส่วนตรงกลางของโลกแห่งนี้ เมื่อเป็นสถานที่อันอบอุ่น ก็เหมาะสมที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของคนยักษ์และมนุษย์นกเหล่านั้น”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ยิ่งห่างไกลออกไป…ก็จะยิ่งร้อนขึ้นอย่างแน่นอน” เมิ่งฮ่าวเร่งความเร็วขึ้น มุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ราบสีเขียว พื้นฐานฝึกตนของเขาสูงมากกว่าสิ่งมีชีวิตที่ตนเองพุ่งผ่านไป ไม่มีใครสามารถจะรับรู้ถึงการคงอยู่ของเขาได้
เขาบินตรงไปเป็นเวลาหลายปีอย่างต่อเนื่อง พื้นดินที่ด้านล่างเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง ลาวาที่กำลังลุกไหม้ไหลมาเป็นทาง ทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงจ้า สิ่งต่างๆ เริ่มร้อนมากขึ้น จนสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตาม ที่พยายามจะผ่านเข้ามาในพื้นที่แถบนี้ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป
ความร้อนนี้บรรลุจนถึงจุดที่แม้แต่ผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้ก็ยังต้องถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง เมิ่งฮ่าวเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา ในที่สุดก็มองเห็นบางสิ่งบางอย่างในที่ห่างไกลออกไป ที่ดูคล้ายกับเป็นภูเขา รู้สึกว่ากลิ่นอายของมันไม่ได้อ่อนแอน้อยไปกว่ายักษ์น้ำแข็งที่เคยรู้สึกได้มาก่อน ตอนนี้กลิ่นอายนั้นกำลังพุ่งตรงมาราวกับว่ามันเพิ่งจะรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของเขา
ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง ขณะที่ภูเขานั้นกลายเป็นภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นมาด้วยเปลวไฟอันเจิดจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้นหงส์เพลิงสีแดงเข้มก็พุ่งทะยานขึ้นมาจากด้านใน มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่แวบขึ้นด้วยรังสีสังหารและความระมัดระวังตัว จากนั้นก็พุ่งตรงมาพร้อมกับทะเลแห่งเปลวไฟที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ตัว
เมื่อใกล้เข้ามาหงส์เพลิงก็หดตัวเล็กลงจนกลายเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง มีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม พร้อมกับปีกสีแดงเข้มสองข้าง ยืนอยู่บนทะเลแห่งเปลวไฟที่พุ่งฝ่าอากาศมา
“บุคคลภายนอก ห้ามเข้ามาในที่แห่งนี้ ไสหัวไป!” นางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ เมื่อเสียงนั้นดังก้องออกมา อากาศรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวก็แตกกระจายออกไป และทะเลแห่งเปลวไฟก็พุ่งตรงมา
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น แต่ไม่รู้สึกประหลาดใจที่ได้พบกับสิ่งที่ทรงพลังในที่แห่งนี้ ที่ราบน้ำแข็งมียักษ์ภูเขาน้ำแข็ง และดินแดนแห่งเปลวไฟก็มีหงส์เพลิง ช่างเป็นโลกที่สมดุลย์กันอย่างแท้จริง
“การที่สามารถจะฝึกฝนพื้นฐานฝึกตนให้มีระดับเทียบเท่ากับขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ หรือแม้แต่สูงเกินไปกว่านั้น ก็หมายความว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ชาญฉลาด ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันก็ไม่อาจจะมีอารมณ์ที่แปรปรวนได้อย่างง่ายดาย”
“เมื่อเป็นเช่นนั้น การที่หงส์เพลิงและยักษ์ภูเขาน้ำแข็งแสดงท่าทีเป็นศัตรูขึ้นมาอย่างกะทันหันก็เป็นการบ่งบอกว่า…พวกมันรู้เรื่องเศษชิ้นส่วนกระจกทองแดง!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่ถอยไปทางด้านหลัง โบกสะบัดมือขวาออกไป เพื่อเรียกภูเขาจำนวนมากให้บดขยี้ลงมายังทะเลแห่งเปลวไฟ
เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น และโลกแห่งนี้ก็สั่นสะเทือนไปมา สีหน้าของหงส์เพลิงในรูปแบบของหญิงสาวเปลี่ยนไป รังสีสังหารสาดประกายขึ้นมาในดวงตา และกลายร่างกลับไปเป็นหงส์เพลิงอีกครั้ง จากนั้นก็พุ่งตรงมาโจมตีเมิ่งฮ่าวในทันที
“เวทแปลงร่าง เปิ่นจุนก็มีเช่นกัน!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น แค่นเสียงเย็นชา กลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีฟ้า จากนั้นสีฟ้าก็คล้ำลงไปจนกระทั่งกลายเป็นสีม่วง ปราณอสูรพุ่งขึ้นมา ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน วิหคยักษ์สีม่วงพุ่งตรงไปยังหงส์เพลิง และคนทั้งสองก็ต่อสู้กันไปมาในกลางอากาศ
สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน รอยแตกร้าวแผ่กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง พื้นดินบางส่วนพังทลายลงไป ลาวาระเบิดขึ้นไปในอากาศ
เมื่อสองขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ต่อสู้กัน โลกรอบๆ บริเวณนั้นก็ได้รับผลกระทบขนานใหญ่ ถ้าเหตุการณ์ดำเนินไปนานกว่านี้ ก็อาจจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนี้ไปจนหมดสิ้น
หงส์เพลิงกรีดร้องเป็นเสียงแหลมเล็กออกมา จากนั้นก็ถอยไปทางด้านหลัง กลายร่างกลับไปเป็นหญิงสาวเหมือนเดิม กระอักโลหิตออกมา จากนั้นก็มองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่กลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน จากนั้นก็มองไปยังหงส์เพลิงด้วยแววตาที่เรียบเฉย
“ด้วยพลังการฝึกตนเช่นนี้ของจ้ายเซี่ย (ใต้เท้า) ท่านคงไม่ใช่ผู้ไร้นามในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตเป็นแน่ ท่านมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อันใด?”
หงส์เพลิงกล่าวขึ้น ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่ามีความหวาดกลัวต่อเมิ่งฮ่าว แต่ก็ไม่ยินยอมจะพ่ายแพ้แม้แต่น้อย
“เจ้ามีเหตุผลกว่าก้อนน้ำแข็งนั้นเป็นอย่างมาก เมิ่งโหม่วไม่มีเจตนาร้ายใดๆ ในที่แห่งนี้” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ดวงตาหงส์เพลิงสาดประกายขึ้น “ก้อนน้ำแข็ง? ท่านพบกับปิงซานเหลาจู่ (ปรมาจารย์ภูเขาน้ำแข็ง) แล้ว?”
“ปิงซานเหลาจู่? เจ้าหมายถึงยักษ์ที่สูงหนึ่งแสนจ้างนั้น? เมิ่งโหม่วได้พบกับมันแล้วจริงๆ และผนึกมันไว้ในที่แห่งนั้นแล้ว”
ดวงตาหงส์เพลิงหรี่เล็กลง ขณะที่พยายามไตร่ตรองว่าเมิ่งฮ่าวกำลังพูดความจริงอยู่หรือไม่ นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ นางก็ถามขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นจ้ายเซี่ยมายังที่แห่งนี้ทำไม?”
“เพื่อสิ่งนี้!” เมิ่งฮ่าวกล่าว โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป เศษกระจกทองแดงชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงหน้า เปล่งแสงระยิบระยับออกมาในท่ามกลางแสงเปลวไฟที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น